จีน => Kashgar (คัชก้า) ไป Artux (อาร์ทุค) และ Aksu (อัคสุ)

คัชก้าเป็นเมืองใหญ่พอสมควร เราลงจากรถบรรทุกคันที่สอง ก็ยังต้องปั่นกันเกือบสิบกม.กว่าจะถึงใจกลางเมือง ตอนแรกติดว่าจะเช็คอินที่เกสต์เฮาส์แต่เริ่มมืดแล้ว เลยลองถามโรงแรมแถวนั้น ราคากำลังดี เลยจอดตรงนั้นเลย ทุกครั้งที่เราเข้าพักตามเกสเฮาส์หรือโรงแรมที่เราสามารถซักผ้าได้ ก็จะต้องรีบจัดการทันที และครั้งนี้ก็เหมือนกัน เราหมักหมมกันมาหลายวันตั้งแต่ก่อนเข้าหมู่บ้านซารีทัชที่อยู่ไม่ไกลจากชายแดนจีน 2 วัน ติดอยู่ที่ซารีทัชอีก 4 วัน ตอนที่อยู่ที่ซารีทัช จริง ๆ ควรจะซักผ้าแต่เราเหนื่อยจากปั่นข้ามเขามา และอีกอย่างความที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลมากทำให้เรารู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจอย่างไรไม่รู้ เลยหมักหมมต่อมาถึงคัชก้า ที่คัชก้านี่เอง เหมือนตอนที่เช็คอินเข้าโรงแรมที่ตุรกี เด็กพาไปดูห้อง และบอกว่าห้องนี้ดีนะมีอ่างอาบน้ำจากุสซี่ด้วย เราก็ดีใจแต่ไม่ใช่แค่อยากอาบน้ำในนั้นแต่อยากแช่ผ้าในอ่างนั้นมากกว่า และที่นี่ก็เหมือนกัน แถมมีที่ปิดรูให้ด้วย สุดยอด

น้ำที่แช่ผ้าไว้ทั้งคืน ขยี้จากน้ำนี่แล้วยังต้องซักอีกรอบนึงด้วย ได้ซักแล้วก็สบายใจ

น้ำที่แช่ผ้าไว้ทั้งคืน ขยี้จากน้ำนี่แล้วยังต้องซักอีกรอบนึงด้วย ได้ซักแล้วก็สบายใจ

หลังจากนั้นเราออกเดินสำรวจเมืองเริ่มต้นด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้า เด็กที่โรงแรมทำเครื่องหมายที่แผนที่ไว้ให้ เราจะปั่นจักรยานก็ได้ แต่คิดว่าลองเดินดูก็ดีเหมือนกัน จะแวะร้านไหนก็สะดวก ไม่ต้องพกพาสายยูไว้ล๊อครถหรือเป็นกังวลว่ามันจะหาย แต่ด้วยความหิวเราลองเดินต่อไปอีกนิดก็เห็นตลาดสดขายอาหารก่อน เขาวางเป็นแผงเหมือนบ้านเราเลย เซริฟในถาดหลุม ถาดหนึ่ง 12 หยวน ประหยัดดี อิ่มด้วย เป็นครั้งแรกที่ได้กินอาหารท่ีมีรสชาติขึ้นมาหน่อย หลังจากที่ปั่นอยู่ในประเทศสถานทั้งหลาย แต่จากที่กินแต่เนื้อแกะก็กลายมาเป็นผักเสียส่วนใหญ่ ซึ่งก็ดีแต่หามีพลังงานให้เราไม่ เราจึงต้องเสริมด้วยขนมปังแทน หลังจากนั้นเราเดินไปดูของใช้ไฟฟ้า รูปที่ถ่ายในกล้อง GoPro และกล้องถ่ายรูปธรรมดามันเต็มไปหมด โดยเฉพาะในคอมฯ แทบจะเซฟอะไรไม่ได้เลย เราไปซื้อฮาร์ดิสค์ที่ใหญ่หน่อย ในจีนถนนดีแล้ว ไม่ต้องห่วงว่ามันจะสั่นคลอนจนเสียเหมือนเมื่อคราวที่เราปั่นไปเที่ยวในกลุ่มประเทศบอลติค กระเด้งกระดอนจนคอมฯ เจ๊งไปเลย นี่ทำให้เราตัดสินใจซื้อแมคบุ๊คแอร์ เพราะมีหน่วยความจำเป็นการ์ด SD ให้เขย่ายังงัยก็ไม่เสีย และอีกอย่างที่ซื้อมาคือตัวชาร์ตเจอร์ที่สามารถชาร์ตจีพีเอสและมือถือได้ อืม…พอเดินเข้าตัวตึกนี้ เรานึกถึงพันธ์ทิพย์พลาซ่าขึ้นมาทันใด เหมือนมาก ไม่รู้ใครลอกเลียนแบบใคร แต่พันธ์ทิพย์บ้านเราใหญ่กว่า แต่อาจจะเป็นเพราะกรุงเทพฯก็ใหญ่กว่าตัชก้าด้วยมั้ง 🙂

ถาดหลุมที่เราส่วนใหญ่จะได้กินที่โรงแรียน แต่เขาขายกันที่นี่ด้วย อร่อยดีแต่เย็นไปหน่อย ข้าวแกงบ้านเราคิดว่ายังร้อนกว่านี้นะ

ถาดหลุมที่เราส่วนใหญ่จะได้กินที่โรงแรียน แต่เขาขายกันที่นี่ด้วย อร่อยดีแต่เย็นไปหน่อย ข้าวแกงบ้านเราคิดว่ายังร้อนกว่านี้นะ

บรรยากาศภายในตลาด ทุกอย่างมันดูน่ากินน่าชิมไปหมด

บรรยากาศภายในตลาด ทุกอย่างมันดูน่ากินน่าชิมไปหมด

ตัวเมืองคัชก้า มีมอเตอร์ไซค์แบบใช้ไฟฟ้า ไม่มีเสียงไม่มีมลพิษ ไม่มีกลิ่นก็ดี แต่ไม่มีเสียงนี่สิ บางทีตกใจเพราะมันเงียบมากเลย

ตัวเมืองคัชก้า มีมอเตอร์ไซค์แบบใช้ไฟฟ้า ไม่มีเสียงไม่มีมลพิษ ไม่มีกลิ่นก็ดี แต่ไม่มีเสียงนี่สิ บางทีตกใจเพราะมันมาเงียบมากเลย

เราพักอยู่ที่คัชก้า 3 คืน 4 วัน ทำธุระกันเสียส่วนใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่เราไม่ได้ไปร้านจักรยานก่อนเป็นอันดับแรก เลยคิดว่าจะปั่นไปที่ร้านก่อนออกจากโรงแรม ร้านจักรยานนั่นเป็นร้านไจแอนท์แต่ขอโทษค่ะ ไม่มีสูบให้ซื้อ งงมาก สูบเราเป็นอะไรไม่รู้ คือสูบได้แต่ต้องสูบกันนานหน่อย เลยอยากมีสำรองไว้อีกอัน ไม่มีก็ไม่มี วันต่อมาเราเดินไปอีกทางหนึ่งไปหาซื้อซิม เพื่อนชาวสโลเวเนียว่า ที่จีนมีคลื่นสัญญาณเพียบแม้แต่ในทะเลทราย (จริงของเขา) ควรจะซื้อซิมของที่นี่ เราลองหาซื้อดู แต่มันใช้เวลานานมาก เพราะปัญหาเรื่องภาษา และข้อตกลงของเขามันช่างยุ่งยาก ขนาดใช้อากู๋มาช่วยแปลแล้วยังไม่เกิดผลเลย เลยซื้อมาทั้งอย่างนั้น เดี๋ยวเดือนหน้าค่อยว่ากันใหม่ เขียนคุยกันจนมึนหัว เราปั่นไปกินข้าวร้านเดิม พวกเขาตกใจเพราะไม่เคยเห็นเราใส่เต็มยศขนาดนั้น คือชุดปั่นและจักรยานพร้อมสัมภาระมากมาย กินเสร็จก็บ๊ายบายกันไป กว่าจะออกจากคัชก้าได้เกือบเย็น ปั่นได้ประมาณ 50 กม. มาถึงเมือง ๆ หนึ่งชื่ออาร์ทุค Artux ความเหนื่อยยังคงคุกคามอยู่ เพราะเวลาที่จีนแตกต่างจากคีร์ซกิสถาน 2 ชม. อยู่คัชก้านอนตีสองตีสามแทบทุกคืน เหมือนร่างกายยังปรับเวลาไม่ได้ เราตัดสินใจพักที่เมืองนี้ เพราะกว่าจะถึงที่เป็นเมืองขึ้นมาหน่อยก็ถัดไปอีกประมาณ 3 วัน

วิวระหว่างทางคัชก้าและอาร์ทุค

วิวระหว่างทางคัชก้าและอาร์ทุค

SONY DSC

พยายามหาทางขึ้นไฮเวย์ใหม่ โชคดีที่ตัวเตี้ย ไม่อย่างนั้นคงได้คลานเข่ากับจักรยานลอดมา ;-)

พยายามหาทางขึ้นไฮเวย์ใหม่ โชคดีที่ตัวเตี้ย ไม่อย่างนั้นคงได้คลานเข่ากับจักรยานลอดมา 😉

นั่งพักกันที่ข้างถนนนั่นแหละ ไม่มีทั้งรถและคน จะทำธุระอะไรก็แถวนั้นเช่นกัน :-) :-)

นั่งพักกันที่ข้างถนนนั่นแหละ ไม่มีทั้งรถและคน จะทำธุระอะไรก็แถวนั้นเช่นกัน 🙂 🙂

หรือที่นี่ รถบดถนนมีฟังก์ชั่นอีกอย่างสำหรับเราคือที่บังลมด้วย

หรือที่นี่ รถบดถนนมีฟังก์ชั่นอีกอย่างสำหรับเราคือที่บังลมด้วย

ถึงเมืองอาร์ทุคไม่ดึกมากนัก เราพอมีเวลาเดินไปหาของกิน และเลยเดินหลงเข้ามาที่ร้านขายของท้องถิ่นเขา ไม่น่าคิดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาที่นี่กัน สังเกตุว่าที่จีนเราจะเรียกว่าเมือง เพราะแต่ละที่มีคนอยู่กันเยอะมาก ไม่เหมือนหมู่บ้านที่ประเทศสถาน ๆ ทั้งหลาย แต่ในเขตมณฑลซินเจียงนี้ จะมีแขกมุสิมเป็นส่วนใหญ่ พวกเขาอาศัยอยู่ที่นี่ก่อน ก่อนที่จีนจะเข้ามายึดเป็นของตัวเองเมื่อน้านนานมาแล้ว หลังจากนั้นก็สั่งให้คนจีนย้ายเข้ามาอยู่ในแถบนี้ เขียนมากไม่ได้เดี๋ยวถูกบล๊อคด้วย ลองเข้าไปหาข้อมูลต่อทางอินเตอร์เนตนะค่ะ เพราะฉนั้นร้านค้าส่วนใหญ่จะเป็นมุสลิม หาร้านอาหารจีนทางแถบนี้ไม่ค่อยได้ เราเลยได้กินแต่รัคมาน (Lagman) ที่กิน ๆ ประจำที่ประเทศสถานทั้งหลาย แต่ก็ดีอย่างหนึ่งคือเรายังสามารถใช้ภาษารัสเซียต่ออีกนิดนึง ชาวมุสลิมที่นี่เรียกว่ากลุ่ม “อูกูร” เขาถูกบังคับให้เรียนภาษาจีน แต่คนจีนไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ของเขา แต่เวชยังไม่เห็นความแตกแยกระห่างชนชาตินะ แต่เห็นตำรวจทหารเยอะในแถบนี้ แต่ที่แน่ ๆ คือคนอูกูรจะทักทายหรือทักทายตอบเราแต่คนจีนเอาแต่จ้อง ขนาดโบกไม้โบกมือให้ยังไม่มีอะไรตอบสนองมาเลย มีครั้งหนึ่งแวะกินข้าว ไม่ใช่ รัคมานนั่นแหละ กินกันมาหลายวัยหลายมื้อล่ะ พอเราจอดจักรยานปุ๊บทุกคนหันมามอง ไม่ใช่ หันมาจ้องเสียมากกว่า อืม..มีคนมาจ้องเรา เราก็ผงกหัวทักทาย โน..ไม่มีใครพูดอะไรและยังคงจ้องอยู่อย่างนั้น นี่เขาไม่มีมารยาทตามมาตรฐานของเราหรือเขาช่างไร้ความรู้สึก งง…

มีครั้งหนึ่งโจคิมยางแตก เผอิญมีสามล้อวิ่งมา เขาจอดและถามและพยายามบอกเราว่าจะขับรถไปส่งในเมืองถ้าซ่อมไม่ได้ นึกเปรียบเทียบว่าถ้าเป็นคนจีนเขาคงขับเลยไป :)

มีครั้งหนึ่งโจคิมยางแตก เผอิญมีสามล้อของคนท้องถิ่นวิ่งมา เขาจอดและถามและพยายามบอกเราว่าจะขับรถไปส่งในเมืองถ้าซ่อมไม่ได้ นึกเปรียบเทียบว่าถ้าเป็นคนจีนเขาคงขับเลยไป 🙂

ส่วนหนึ่งของตลาดในเมืองอาร์ทุค ดูร่มรื่นดี

ส่วนหนึ่งของตลาดในเมืองอาร์ทุค ดูร่มรื่นดี

2-3 วันที่ปั่นในจีนมีแค่ไม่กี่คนที่โบกมือให้ มีรถยนต์คันนึงส่งเสียงวู้ ๆ มา ส่วนใหญ่บีบแตรแต่ไม่รู้ความหมายว่าไร เราไปเกะกะเขาหรือเขาทักทายเรา. อืม.. หาทราบไม่ ถ้าเป็นที่ประเทศสถานทั้งหลายเรายกและโบกมือทักทายกันจนเมื่อย ที่จีนแรก ๆ เราก็ทักทาย หลัง ๆ เริ่มเบื่อเหมือนกันนะ ทักแล้วไม่ทักตอบอ่ะ แต่เริ่มสังเกตุว่าบางครั้งเขาแค่ยิ้มให้ เคยลองตะโกน “หนีห่าว” แต่ยังไม่ได้ผล เฮ้อ.. ไม่ทักก็ไม่ทัก ร้านขายของส่วนใหญ่เป็นของชาวอูกูร เราเดินเข้าไป แล้วทักเขา “ซาลัม” เขาดูจะชอบใจนะ เห็นหน้าเราจีนแต่ดันทักแบบนั้นมั้ง 🙂

วันที่สองที่ปั่นออกจากอาร์ทุคมันช่างน่าเบื่อ ลมมาเฉียง ๆ ด้านหน้า ทำความเร็วได้บ้าง แต่ไม่ได้อย่างที่คิด ยิ่งปั่นบนทางไฮเวย์เก่ายิ่งน่าเบื่อ รถบรรทุกรถยนต์ขับกันแบบเอาเป็นเอาตายมาก แซงได้เป็นแซง มีครั้งหนึ่งแซงซ้อนกันมาเลย สามคันเรียงหน้ากระดาน เราต้องปั่นออกไปชิดเกือบตกถนน เฮ่อ… คืนนี้เป็นคืนแรกที่กางเต้นท์ที่จีน เมื่อคืนฝนตกลมแรง เรานึกว่าฝนตกก็ดีจะได้ล้างเต้นท์ไปในตัว แต่มันยิ่งเลอะเป็นจุด ๆ ทั่วเต้นท์เลย ตื่นเช้ามาไม่อยากออกนอกเต้นท์เลย เพราะฝนตกยังคงตกและลมยังแรงอยู่ ลากจักรยานกันออกมาแล้วออกเดินทางต่อ เส้นทางไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แค่อากาศที่แย่ลมแรงและฝนตก แต่ก็ยังปั่นกันได้ตั้ง 120 กม. คิดดูถ้าตามลมคงไปได้อีกหลายสิบโล 😉

แคมป์ที่หนึ่ง ในทะเลทรายทาคลามาคันของจีน ทั้งลมทั้งฝนเลย ตอนแรกร้อนมาก คิดว่าคืนนี้ไม่ได้นอนแน่ แต่พอตกดึก ฝนเริ่มตกอากาศเริ่มดีขึ้น

แคมป์ที่หนึ่ง ในทะเลทรายทาคลามาคันของจีน ทั้งลมทั้งฝนเลย ตอนแรกร้อนมาก คิดว่าคืนนี้ไม่ได้นอนแน่ แต่พอตกดึก ฝนเริ่มตกอากาศเริ่มดีขึ้น

แคมป์ที่สองใกล้มืดเลยรีบไปหน่อย ที่จีนตอนนี้ทางตะวันตก พระอาทิตย์ตกเวลาสี่ทุ่ม เราแวะกินอาหารเย็นกันก่อนและปั่นต่อมาหาที่กางเต้นท์ ที่แรกเป็นทรายไม่สามารถตอกยึดเต้นได้ เลยรีบมองหาที่ใหม่ ขยับเข้าไปด้านในอีกหน่อย เป็นทรายเหมือนกันแต่แห้งแพ๊คกันแน่นกว่าที่แรก

แคมป์ที่สองใกล้มืดเลยรีบไปหน่อย ที่จีนตอนนี้ทางตะวันตก พระอาทิตย์ตกเวลาสี่ทุ่ม เราแวะกินอาหารเย็นกันก่อนและปั่นต่อมาหาที่กางเต้นท์ ที่แรกเป็นทรายไม่สามารถตอกยึดเต้นได้ เลยรีบมองหาที่ใหม่ ขยับเข้าไปด้านในอีกหน่อย เป็นทรายเหมือนกันแต่แห้งแพ๊คกันแน่นกว่าที่แรก

จากคัชก้าไปเมืองอัคสุ (Aksu) ที่เราจอดอยู่่นี่ระยะทางประมาณ 460 กม. เราวัดระยะทางจากเส้นทางไฮเวย์เก่า หรือเป็นเพราะเราปั่นอยู่บนทางหลวงที่ยังไม่เปิดให้ใช้บริการ มันเลยไกลกว่าหรือปล่าไม่รู้สิ เช้าวันที่สามเราพยายามหาทางขึ้นไปปั่นที่ไฮเวย์ใหม่ เพราะรู้สึกว่าไม่ต้องมากังวลกับจราจรที่คับคั่ง เพราะไฮเวย์ที่เราหาทางขึ้นไปนั้นยังไม่เปิดให้ใช้ จากที่ตั้งแคมป์ที่สองเราปั่นบนนไฮเวย์มาตลอดทางจนเกือบถึงเมืองนี้ “อัคสุ” ถนนดี อากาศเป็นใจ เราปั่นกัน 200 โลนิด ๆ คิดว่าปั่นอีกนิดจะได้พักที่โรงแรมท่ีดีหน่อย ดีกว่านอนเต้นท์คืนแล้วค่อยนอนโรงแรม แต่ก็เหนื่อยเอาการเหมือนกัน เลยพักกันที่นี่ 2 คืน

ระหว่างทางเห็นน้ำใส ๆ อยู่ข้างทางเลยเอากางเกงจักรยานไปขยี้น้ำ ขยี้เอาเหงื่อเค็ม ๆ ออกหน่อยก็ยังดี

ระหว่างทางเห็นน้ำใส ๆ อยู่ข้างทางเลยเอากางเกงจักรยานไปขยี้น้ำ ขยี้เอาเหงื่อเค็ม ๆ ออกหน่อยก็ยังดี

ขอรูปคู่หน่อย ;-)

ขอรูปคู่หน่อย 😉

2 thoughts on “จีน => Kashgar (คัชก้า) ไป Artux (อาร์ทุค) และ Aksu (อัคสุ)

  1. Mamma we

    Ni äter ordentligt ser jag och det behöver ni, särskilt när ni cyklar 20 mil på en dag. Otroligt!!! Iallafall för mig att någonsin ha kunnat tänka. Men trots rikliga portioner ser Joakim ut som en mager yngling nu. Wej, du strävar på i kulvertar och ser alltid lika glad ut. Blir du aldrig “lack”?
    Denna veckan börjar skolbarnen sin hösttermin och sommaren är i avtagande, almanackan börjar fyllas med mötestider och livet återgår till det normala.
    Var rädda om er! PoK

Leave a Reply to Mamma we Cancel reply