Thailand

หลังจากที่ผ่านเข้าไทยมาได้แล้ว ก็มาเจอกับพี่เบน ที่เคยปั่นเที่ยวกันเมื่อปี 2549 นั่งรถไฟมารับและเราจะปั่นเข้ามาที่อยุธยากัน ดีใจอย่างน้อยมีพี่เบนมาสักคนก็ยังดี เราเริ่มปั่นออกจากหนองคายโดยใช้ทางหลวงเพราะเรารีบไปหาเพื่อนทางเวบต์ที่เขาติดตามความเคลื่อนไหวแบบค่อยเป็นค่อยไปของเรา เราโชคดีในเรื่องทิศทางลม อย่างที่คุณธานินทร์เคยบอกไว้ ปั่นมาทางนี้ลมมาเฉียง ๆ ด้านหลัง แดดก็ไม่ค่อยมีเพราะเมฆมาบังให้ ทำให้ปั่นกันสบาย ๆ ความเร็ว 30 – 31 กม/ชม. เล่นเอาพี่เบนเหนื่อยและงงว่านี่คือการปั่นทัวร์ริ่งรึ? ก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ ถ้าเราต้องการจะไปจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่ง เราจะปั่นกันเร็วโดยที่ไม่มานั่งดูชมนกชมไม้ 😉 ทำไม่บ่อยหรอกค่ะ

ที่ร้านกาแฟที่พี่เบนนั่งรอเราอยู่ฝั่งไทย ถ่ายภาพโดยบาเทค

ที่ร้านกาแฟที่พี่เบนนั่งรอเราอยู่ฝั่งไทย ถ่ายภาพโดยบาเทค

บ้านเพื่อนทางเวบต์ผู้นี้คือหนึ่งในกลุ่มสมาชิกของเวบต์ไซต์ที่คนสวีเดนแต่งกับคนไทย เราได้รู้จักกับ สเวน และ ฉวี ทั้งคู่น่ารักมาก พอเราปั่นมาถึงหน้าบ้านเขา ฉวีเดินมาพร้อมกับดอกกล้วยไม้ในมือให้เราทั้งสามคน ช่างคิดกันจริง ๆ หลังจากแนะนำตัวกันเรียบร้อย พวกเขาก็เชิญเราไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว เปิดฝาชีขึ้นมา ว้าววว… ผลไม้จานใหญ่ ๆ 3 – 4 จาน เหมือนรู้ใจเพราะตั้งแต่ปั่นมาคือกล้วยเท่านั้นที่ได้กิน บนโต๊ะมีสัปะรด มะละกอสุก องุ่น แตงโม ของชอบทั้งนั้นเลย กินกันได้สักพัก เราก็เตรียมตัวกันออกไปเจอกับสมาชิกคนอื่น ๆ ที่อยู่ในระแวกนั้น อุดรเป็นเมืองที่มีคนสวีเดนเยอะอยู่เหมือนกัน คืนนั้นมากันได้ 6-7 คู่ นั่งโต๊ะยาวกันเลย คุยกันทั้งคืน ดีใจที่มีคนสนใจเรื่องการเดินทางของเรา วันรุ่งขึ้น สเวน บอกว่าจะอยู่ต่อก็ได้นะ เขาจะพาเที่ยวในเมือง เอ้า..ไหน ๆ ก็มาถึงเมืองใหญ่ละ เลยอยู่ต่ออีกหนึ่งวัน สเวนก็ขับตระเวณทั่วเมืองเลย

Skärmavbild 2013-11-18 kl. 00.23

เมื่อพบกันก็ต้องมีจากกัน เราออกเดินทางอีกครั้งหนึ่ง จากอุดรฯ มุ่งหน้าลงภาคกลาง เพราะเราเริ่มเบื่อเขาหลังจากที่ต้องปีนไต่อยู่บนสันเขาของลาวมาหลายวัน เลยเลือกที่จะมาทางขอนแก่นโดยเลือกเส้นทางหลวงชนบทที่มีตัวเลข 4 หลัก แต่ความที่เราไม่ได้ขยายแผนที่ให้กว้างขึ้น เลยไม่เห็นว่าจีพีเอสบอกให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาอยู่บ่อย ๆ เราเลี้ยวเร็วไปหน่อย ไปโผล่ที่ถนนลูกรังเป็นดินทรายร่วน ๆ เฮ้อ..ไม่เอาแล้ว ปั่นมาพอแล้วที่คาซัคสถานและอุซเบกิสถาน ทำบ่นอีกนะ ถนนที่เป็นอย่างนี้มันไม่กี่กิโลหรอก แต่ขอบ่นไว้ก่อน 🙂 พอเราโผล่ออกมาเจอถนนดี ๆ แทบอยากจะลงไปจูปสักที 😉 แต่พอปั่นไปได้อีกสักพัก ถนนเริ่มแย่อีก เราเลยลองปั่นอ้อมไปสักนิดเพื่อหลีกเลี่ยงทางนี้ แต่ไม่พ้นทางมันพาเราลุยเข้าไปในทุ่งอ้อย สนุกสนานกันไปเลย ที่คิดว่าจะทำเวลาและระยะทางนั่นลืมไปได้เลย

ฟื้นความจำช่วงที่ปั่นอยู่ในคาซัคฯ และอุซเบกฯ เพียงแต่ไม่ร้อนเท่าเท่านั้นเอง

ฟื้นความจำช่วงที่ปั่นอยู่ในคาซัคฯ และอุซเบกฯ เพียงแต่ไม่ร้อนเท่าเท่านั้นเอง

พอเราหลุดออกจากเส้นทางนั้นก็มาโผล่ตรงกลางระหว่างสองหมู่บ้าน เอางัยดี??? ไม่ยากเลย เราก็เลือกทางที่เราไปในวันรุ่งขึ้น เลี้ยวขวาลงไปเล้ย คืนนี้ตั้งใจว่าคงต้องถามหรือขอชาวบ้านนอนใต้ถุนแน่ ๆ พอเราแวะซื้อเสบียงและน้ำ ลองถามแม่ค้าดู เขาบอกว่าให้ไปถามผู้ใหญ่บ้าน ถามไปถามมาได้ความว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านผู้หญิง ดีใจที่ได้ยินเช่นนั้นค่ะ เก่งนะค่ะ ยืนคุยกับผู้ใหญ่บ้าน คุยไปคุยมาปรากฎว่าลูกสาวอีกคนแต่งงานไปกับคนสวีเดน โอ๊ะ..โลกช่างกลม ผู้ใหญ่บ้านจัดการสั่งลูกหลานให้เอาน้ำเย็นเอาข้าวมาเสริฟให้ มีน้ำให้อาบ ค่ำหน่อยเอาพัดลมมาให้ 2 ตัวเพราะช่วงนั้นยังร้อนอยู่ นอนกันสบายไปเลย เช้าตื่นขึ้นมา น้องยังเอากาแฟมาเสริฟให้ ก่อนออกจากบ้านผู้ใหญ่บ้านเราเลยขอถ่ายรูปเสียหน่อย เราร่วมทำบุญสร้างหอระฆังกับชาวบ้านด้วย ผู้ใหญ่บ้านแนะนำให้ไปเส้นทางลัด ปั่น ๆ ไป เอ … ท่าทางเส้นทางลัดคงจะแย่ เห็นทางเข้าทางลัดนั้นแล้วไม่อยากปั่นเข้าไปต่อเลย ถ้าเรามีเวลาจะไม่เกี่ยงเลยค่ะ เลยเบนเข็มไปที่เส้นทางที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย นั่นคือ เส้นทาง 3 หลัก ช่วงนี้รถรายังไม่ค่อยมากมายสักเท่าไหร่นัก เรามุ่งหน้าสู่อำเภออุบลรัตน์ แล้วก็ปั่นกันมาเรื่อย จนได้เวลาอาหารเที่ยง เราดันมาอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ เลยหาร้านอาหารตามสั่งไม่ได้ จะไปทางลัดคงอดอยากเลยต้องออกมาทางถนนใหญ่ ลดลงมาเป็นเส้นทาง 2 หลัก รถเริ่มเยอะ แต่ไหล่ทางยังกว้างขวางดีอยู่ พอเห็นไก่ย่างก็รีบหยุดเลยเพราะกลัวจะหาไม่มีให้กินต่อไป กินเสร็จเขาก็ปิดร้านเลยเราเป็นลูกค้าสามคนสุดท้าย เกือบไปแล้ว

ศาลาท่ี่เราได้อาศัยนอน

ศาลาท่ี่เราได้อาศัยนอน

ปั่นมาถึงอำเภอ บ้านแท่น ก็ได้เวลามองหาที่พัก ก่อนที่จะมาถึงบ้านแท่นเราเห็นรีสอร์ตเพียบเลยนะตามรายทาง แต่พอเข้ามาในอำเภอกลับไม่เห็นที่ที่น่าอยู่สักที่ มาถามที่แรก เต็ม! เขาแนะนำให้ไปอีกกิโลนึง ไปถึงเห็นป้ายเก่า ๆ เลยไม่อยากอยู่ ตั้งใจว่าจะปั่นไปหาที่กางเต้นท์ แต่พอปั่นมาได้หน่อยเห็นสถานีตำรวจ สถานที่กว้างขวางมาก เลี้ยวเข้าไปถามดีกว่า เห็นนายตำรวจอยู่สองคนหน้าตึก ถามปุ๊บเขาก็บอกว่าได้เลย กางตรงไหนก็ได้ แต่อีกคนเป็นรองผู้กำกับฯ เขาลองโทรคุยกับผู้กำกับดู ปรากฎว่าผกก.เปิดห้องทำงานให้เรานอนเลยมีห้องอาบน้ำ มีแอร์ มีน้ำชาและกาแฟให้พร้อม สถานีตำรวจ 5 ดาว เพื่อนคนโปแลนด์เขาไปพักที่ปั้มน้ำมัน เขาบอกเราว่านี่ทำให้เขานึกถึงตุรกี แสดงว่าปั้มเมืองไทยเราน่ารักมากเลยนะเนี่ย เพราะตุรกีขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ต้อนรับแขกผู้มาเยือนอย่างดีและเต็มที่

กำลังคุยกับรองผู้กำกับการ นายตำรวจทุกคนน่ารักกันหมดเลย

กำลังคุยกับรองผู้กำกับการ นายตำรวจทุกคนน่ารักกันหมดเลย

วันรุ่งขึ้นเราปั่นกันไปเรื่อย ๆ ได้ติดต่อกับพี่สมพิศตลอดเวลา และได้ข่าวมาว่าจะมีนักปั่นหนึ่งท่าน (คุณลุงกุศล) จะมาร่วมปั่นด้วยจากโคราชไปปากช่อง เวชพยายามอัพเดทในเวบของไทยเอมทีบี และเขียนขออภัยกับคุณลุง แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้เข้าไปดูเพราะปั่นอยู่ ปั่น ๆ ไป เอ๊ะ..มีนักปั่นอยู่ข้างทาง เลยแวะคุยกันตามธรรมเนียม อ้าว..กลายเป็นคุณลุงกุศลนั่นเอง คุณลุงมาดักรอเราหลังจากที่เข้าไปดูที่เวชอัพเดทไว้ น่ารักมากเลย คุณลุงเกษียณแล้ว ปั่นจักรยานเป็นงานอดิเรกไป คุยสนุกและแข็งแรงมากด้วย คุณลุงปั่นไปส่งเราถึงทางแยก เราแยกไปอำเภอท่าหลวง ส่วนคุณลุงแยกปั่นกลับบ้านไปทางปากช่อง คุณลุงถึงบ้าน 18.30 มืดพอดี แต่คุณลุงพร้อมเสมอ เพราะเอาไฟหน้าไฟท้ายติดตัวมาด้วย

ขอบคุณคุณลุงกุศลค่ะที่อุตส่าห์ปั่นอ้อมมาดักพวกเวชน่าประทับใจมากเลยค่ะ

ขอบคุณคุณลุงกุศลค่ะที่อุตส่าห์ปั่นอ้อมมาดักพวกเวชน่าประทับใจมากเลยค่ะ

ถ่ายรูปกับกังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้า

ถ่ายรูปกับกังหันลมผลิตกระแสไฟฟ้า

SONY DSC

จากอำเภอท่าหลวงเราปั่นมาทางท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ถนนช่วงนี้ปั่นสนุกมากเพราะลงมากกว่าขึ้น แล้วเราก็ปั่นข้ามสะพานท้ายเขื่อนข้ามมาถึงตลาดปลา ตอนอยู่กลางสะพานเวลาก็ใกล้จะมืดเต็มที ได้คุยกับน้องที่มาตกปลากัน เขาบอกให้ไปที่ตลาดปลา กินข้าว แต่เขาหารู้ไม่ว่าพวกเรากินเสร็จก็ขอเจ้าของร้านกางเต้นท์นอนที่หน้าพระพุทธรูปองค์ใหญ่ข้างน้ำเลย ได้นอนดูดาวฟังเสียงจิ้งหรีดเรไร ช่างเพลินอะไรเช่นนี้ จากท้ายเขื่อนเราปั่นเลาะเฉียด ๆ มาทางสระบุรี เส้นทางนี้มีแต่รถใหญ่ ๆ วิ่งฝุ่นเพียบเลย แต่เราก็เข้ามาถึงกรุงเก่าของไทยเราได้สำเร็จ ใกล้กรุงเทพฯ เข้ามาอีก

จุดกางเต้นท์ที่นี่ปลอดภัยที่สุดเลย เพราะมีน้องหมาเป็นโขยงคอยเป็นยามให้เรา

จุดกางเต้นท์ที่นี่ปลอดภัยที่สุดเลย เพราะมีน้องหมาเป็นโขยงคอยเป็นยามให้เรา

กำลังจะออกจากร้านกาแฟ ก็มีน้องคนนึงมาคุยด้วยและขอให้ไปถ่ายรูปตรงสถานที่ที่เขาคิดว่าสวยคือที่นี่

กำลังจะออกจากร้านกาแฟ ก็มีน้องคนนึงมาคุยด้วยและขอให้ไปถ่ายรูปตรงสถานที่ที่เขาคิดว่าสวยคือที่นี่

อยุธยา – ปทุมธานี – บางเลน

เข้ามาถึงอยุธยาเย็น ๆ มองหาที่พักกัน อยากจะอยู่ในเมืองจะได้เดินเที่ยวหรือปั่นเที่ยวไม่ไกลนัก มีเสียงโทรศัพท์ดังเข้ามา คุณสส. กลุ่มทัวร์ริ่งน้องใหม่ อยุธยานี่เอง เรามาเร็วเกินคาดไปหน่อย คุณสส.ตั้งตัวไม่ทัน ขาแรงค่ะ 🙂 เปล่าหรอกค่ะ ลมและทางที่ลงมาแทบตลอดทางช่วงแรกช่วยมากกว่าค่ะ เรามาที่ซอยฝรั่งที่เขาไม่มีเขียนถึงในหนังสือเดินทาง แต่มันเป็นชื่อเล่นของซอยนั้น เพราะมีเกสต์เฮาส์มากมายที่ฝรั่งชอบมาอยู่กัน เราเห็น Tony’s place ที่แรก ดูแล้วน่าอยู่ร่มรื่นเป็นบ้านทรงไทยโปร่ง ๆ

เส้นทางจากชัยบาดาลไปอยุธยา

เส้นทางจากชัยบาดาลไปอยุธยา

บรรยากาศตอนค่ำ ๆ ที่ Tony’s place

บรรยากาศตอนค่ำ ๆ ที่ Tony’s place

อีกมุมหนึ่ง โจคิมกำลังเขียนบล๊อค

อีกมุมหนึ่ง โจคิมกำลังเขียนบล๊อค

เวลาประมาณหนึ่งทุ่มคุณสส.ที่ติดตามเรามาทั้งทางบล๊อคของเราและทางไทยเอมทีบีโทรเข้า จะพาไปเลี้ยงเบียร์ยุดยา กลายเป็นมื้อเย็นสุดหรูริมน้ำกินลมชมวิววัดไปทางพนัญเชิงที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม นั่งดูเรือลำน้อย ๆ ที่ลากเรือบรรทุกลำใหญ่ ๆ และจากที่ได้คุยกับคุณสส. มาวันนี้ได้เพื่อนใหม่ทั้งกลุ่มเลย ยินดีที่ได้รู้จักกลุ่มทัวร์ริ่งน้องใหม่ พระนครศรีอยุธยา ขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างเป็นพี่เป็นน้องช่างอบอุ่นดีแท้ค่ะ

กลุ่มทัวร์ริ่งน้องใหม่พระนครศรีอยุธยา คุยสนุกทั้งแก้งส์

กลุ่มทัวร์ริ่งน้องใหม่พระนครศรีอยุธยา คุยสนุกทั้งแก้งส์

SONY DSC

เช้าวันรุ่งขึ้นเราติดต่อกับพี่สมพิศกลุ่มรวมมิตร รวมทั้งอ๊อฟและต้น เพื่อนนักปั่นเมื่อ 8 ปีที่แล้วถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจอกันทุกปีไม่ได้ปั่นกันทุกครั้งที่เวชกลับมาเมืองไทย แต่เรายังติดต่อกันเสมอ ทริปแรกที่ได้พบกับพี่สมพิศลุงแซมคือทริปบางคล้า ที่เราปั่นไปต้อนรับกลุ่มคุณธานินทร์ และหลังจากทริปนั้นก็ไม่ได้เจอลุงแซมและพี่สมพิศเลยค่ะ เอ..ทริปปั่นที่แสลงหลวง ไม่รู้ว่าลุงแซมมาหรือเปล่า??? เพราะหลังจากนั้นเวชก็ไปอยู่กับกลุ่มอิสระ มีอ๊อฟและต้นในภาพ พี่เบน พี่นพ ป้าแสง จารย์เม้ง เบียร์ ท่าทางตอนนั้นเราว่างกันจริง ๆ เพราะทริปแรกยังไม่จบเราก็เริ่มคิดทริปต่อไปโดยเอาแผนที่ออกมากางกันเลย

SONY DSC

ทริปแรกเมื่อปีที่เวชเคยลากลับบ้านมาปีหนึ่งเมื่อปี 2549 นัดกับลุงแซมที่สถานีรถไฟฟ้าจตุจักร

ทริปแรกเมื่อปีที่เวชเคยลากลับบ้านมาปีหนึ่งเมื่อปี 2549 นัดกับลุงแซมที่สถานีรถไฟฟ้าจตุจักร

หนึ่งในหลาย ๆ ทริปที่ปั่นเที่ยวกันกับกลุ่มที่รู้ใจและมีเวลาเมื่อสมัยนั้น 8 ปีมาแล้ว ว้าว!!

หนึ่งในหลาย ๆ ทริปที่ปั่นเที่ยวกันกับกลุ่มที่รู้ใจและมีเวลาเมื่อสมัยนั้น 8 ปีมาแล้ว ว้าว!!

พี่เบนซึ่งนั่งรถไฟมารับขวัญเราถึงหนองคาย ปั่นมาด้วยกันจนมาถึงอยุธยา เราจะหยุดเที่ยวกันสักวันสองวัน แต่พี่เบนต้องรีบกลับกรุงเทพฯ เลยมาส่งเราแค่ที่ปั้มบางจาก นั่งดื่มกาแฟกัน พอได้เวลานัดกับพี่สมพิศ ต้นและอ๊อฟ เราก็แยกกับพี่เบนตรงนั้น แล้วย้อนกลับมาที่ตลาดโก้งโค้ง ทานข้าวกลางวันกัน คุยกันสนุกสนานไปเลย ดูแล้วท่าทางนักปั่นจักรยานจะมีเยอะกว่าชาวบ้านทั่วไปอีกนะค่ะ ขอบคุณต้นกะอ๊อฟด้วยนะค่ะที่อุตส่าห์ปั่นมาเจอพวกพี่ก่อน

พี่เบนที่หน้าร้านสภากาแฟ ปั้มบางจาก

พี่เบนที่หน้าร้านสภากาแฟ ปั้มบางจาก

ถ่ายกับอ๊อฟโดยต้นเป็นคนถ่ายค่ะ ไม่ได้ถ่ายรูปกะต้นเลยอ่ะมีแต่รูปหมู่

ถ่ายกับอ๊อฟโดยต้นเป็นคนถ่ายค่ะ ไม่ได้ถ่ายรูปกะต้นเลยอ่ะมีแต่รูปหมู่

SONY DSC

พอแยกทางกันกับกลุ่มพี่สมพิศและต้นกะอ๊อฟแล้วเราปั่นอ้อมกลับไปเที่ยวในตัวเมืองอยุธยา ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยเปื่อย

วัดรามัญระหว่างทางกลับเข้าอยุธยา

วัดรามัญระหว่างทางกลับเข้าอยุธยา

SONY DSC

SONY DSC

เช้าวันที่เราจะออกจากอยุธยา กำลังเตรียมตัวกันอยู่ได้ยินเสียงฝนด้านนอก ตกหนักเสียด้วยสิ โอเค ๆ ตก ๆ เสียให้เสร็จนะ พอเราพร้อมที่จะปั่นฝนหยุดเหมือนเข้าข้างเรา ทำให้เราได้อากาศที่สดชื่นและระหว่างทางที่เราปั่นไปหาครอบครัวพี่ยาที่ปทุมธานี ไม่มีฝนสักเม็ดจนกระทั่งเรามานั่งรอพี่ยาที่หน้าปากซอยฝนลงเม็ด เหมือนพระพรมน้ำมนต์อย่างไรอย่างนั้นเลยแล้วก็หยุดไป ยิ่งรู้สึกเหมือนได้รับการต้อนรับแม้กระทั่งฝนฟ้าก็เป็นใจ

เรานั่งรอมอเตอร์ไซค์เพื่อจะไปบ้านพี่ยาที่หน้าปากซอย

เรานั่งรอมอเตอร์ไซค์เพื่อจะไปบ้านพี่ยาที่หน้าปากซอย

ได้เจอคุณลุงขณะที่นั่งรอ พอคุณลุงเห็นเสื้อเราแกเข้าใจทันทีว่านั่นคือธงชาติของประเทศที่เราปั่นผ่าน ๆ มา ที่น่าสนใจคือคุณลุงมีความเห็นเหมือนที่เราคิดและเริ่มเพื่อจะทำทริปนี้คือการใช้ชีวิตให้คุ้มค่า
IMG_3697

ป้ายต้อนรับเราที่ครอบครัวพี่ยาจัดให้ และภาพพี่ยาและพี่เอกที่หน้าบ้าน ขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่นค่ะ เรานั่งคุยและทานอาหารเช้ารอบสองกันได้สักพักใหญ่ ก็ต้องเดินทางต่อไปบางเลน เพราะเด็ก ๆ ที่บ้านที่บางเลนจะกลับบ้านกันดึกวันจันทร์ เราอยากเจอกับพวกเขาเลยต้องเดินทางต่อในวันเดียวกัน ธรรมดาเราไปบ้านพี่ยาเราจะต้องพักอยู่ที่พี่ยาสักคืนสองคืน วันนี้รู้สึกแปลก ๆ ที่เจอกันแป๊บเดียว เราจะกลับมาอีกครั้งหนึ่งค่ะ
SONY DSC

IMG_3702

ก่อนออกจากบ้านพี่ยา พี่จุ๋มโทรมาบอกว่าตอนนั้นฝนตกหนักมากที่บางเลน เราก็เลยรู้สึกรีบนิด ๆ แต่ยังงัยเราก็ยังเลือกที่จะปั่นเส้นทางเล็ก ๆ เรียบไปกับทุ่งนาแต่ก่อนที่จะถึงทุ่งนาเราต้องผ่านถนนใหญ่ ๆ แล้วต้องปั่นข้ามทางแยกที่ใหญ่มาก น่าตื่นเต้นและน่ากลัว เพราะเราเริ่มเฉียดเข้าใกล้กรุงเทพฯ เมืองหลวงของเรา แทบแย่กว่าจะเลี้ยวเข้ามาตรงสะพานที่เขาให้กลับรถ โชคดีมีรถสีดำคันหนึ่งใจดี เปิดไฟฉุกเฉินและชลอให้เราปั่นเข้าช่องทางด้านใน ไม่ทราบว่าเป็นใครแต่อยากให้มีคนมีน้ำใจมากขึ้น ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ค่ะ

พอปั่นข้ามมาได้เลยจอดแอบ ๆ และถ่ายรูป แต่สะพานกลับรถนี้ไม่แสดงในกูเกิ้ลแมพค่ะ

พอปั่นข้ามมาได้เลยจอดแอบ ๆ และถ่ายรูป แต่สะพานกลับรถนี้ไม่แสดงในกูเกิ้ลแมพค่ะ

IMG_3719

ช่วงที่เราปั่นเข้าบางเลน เราอยากจะไปให้ถึงบางเลนเลยไม่ค่อยมีภาพมาลงให้ดูกัน มีรูปทุ่งนาที่เราเห็นตามทางนี้
SONY DSC

ก่อนที่เราจะเข้าบ้าน เราปั่นแวะไปที่หน้าบ้านเก่าซึ่งเป็นบ้านที่โจคิมเคยอยู่เมื่อตอนที่มาเมืองไทยตอนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน หลังจากนั้นเราปั่นไปที่วัดไปไหว้คุณพ่อซึ่งจากไปเมื่อ 5 ปีก่อนและหน้าบ้านครอบครัวรับรองของโจคิม

ที่หน้าบ้านเก่า แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว

ที่หน้าบ้านเก่า แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว

ไปไหว้คุณพ่อก่อนเข้าบ้าน

ไปไหว้คุณพ่อก่อนเข้าบ้าน

คนที่บ้านมายืนรอรับเราอยู่แล้ว

คนที่บ้านมายืนรอรับเราอยู่แล้ว

SONY DSC

SONY DSC

SONY DSC

ส่วนหนึ่งในครอบครัว ตู้เซฟ ต้นสัก ต้นไทร น้องพลอย เวชเอง พี่จุ๋ม โจคิมและต้นข้าว

ส่วนหนึ่งในครอบครัว ตู้เซฟ ต้นสัก ต้นไทร น้องพลอย เวชเอง พี่จุ๋ม โจคิมและต้นข้าว

มื้อเย็นนั้นพี่จุ๋มทำบาร์บีคิวให้ทานกัน สลัดผักสด ๆ โฮมเมดขนมปังกระเทียม อร่อยยยย

มื้อเย็นนั้นพี่จุ๋มทำบาร์บีคิวให้ทานกัน สลัดผักสด ๆ โฮมเมดขนมปังกระเทียม อร่อยยยย