Bucharest – Elhovo in Balgaria

จะไปทางไหนดี???

เราเริ่มคิดกันเล่น ๆ ว่าจะปั่นจักรยานกลับบ้านที่กรุงเทพฯ มาได้ 2-3 ปี และตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะปั่นก็เมื่อปลาย ๆ หน้าร้อนปี 2555 หลังจากนั้นก็เริ่มวางแผนเส้นทางว่าจะปั่นผ่านประเทศอะไรบ้าง มีอยู่ 4 เส้นทางที่เราทำไว้ และทางที่เราเลือกก็คือเส้นทางที่ดิ่งลงใต้เพื่อที่จะได้อากาศอบอุ่น (แต่เราไม่ได้ดังหวัง เพราะถ้าเพื่อน ๆ ได้อ่านจากในบล๊อคแล้ว เราโดนพายุหิมะเล่นงานอยู่หลายรอบทีเดียว) ในเส้นทางนี้จากบูคาเรสต์จะปั่นผ่านตุรกีและอิหร่านเข้าเอเชียกลาง จีน ลาวและไทย

แต่เมื่อไม่นานมานี้ เราได้ข่าวมาว่าที่อิหร่านจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งก็จะมีเหตุการณ์จลาจล และด้วยเหตุนี้เองทางการอิหร่านจึงไม่ออกวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวอิสระ แต่ให้ได้ถ้ามาเป็นกรุ๊ปหรือเข้าประเทศทางอากาศ เพราะฉนั้นการปั่นจักรยานเข้าจึงหมดสิทธิ์ โชคยังดีที่รู้ก่อนล่วงหน้านานทำให้เรามีเวลาเตรียมตัวและเตรียมใจ 😉 เราต้องเลือกเส้นทางใหม่ มีอยู่ 2 ทางให้เลือก คือ

1. เส้นทางด้านเหนือคือ บูคาเรสต์ => แหลมไครเมียในยูเครน => ทางใต้ของรัสเซีย => ปั่นขึ้นด้านเหนือของทะเลแคสเปียน

2. เส้นทางด้านใต้คือ บูคาเรสต์ => อิสตันบูล ปั่นผ่านตุรกีไป => จอร์เจีย => กรุงบากูประเทศอาเซอร์ไบจาน และจากกรุงบากูเราต้องเดินทางต่อด้วยเรือแฟร์รี่ข้ามทะเลแคสเปียนไป => เมืองอัคเทาประเทศคาซัคสถาน => หลังจากนั้นปั่นต่อไปทางตะวันออกและไปเชื่อมต่อกับแผนเส้นทางที่เคยวางไว้ที่อุซเบกิสถาน ตามภาพข้างล่าง!

Route alternatives

ข้อดี

ทางเหนือ – เราสามารถไปเที่ยวแหลมไครเมียที่เราเคยคิดอยากไปเที่ยวตอนที่นั่งวางแผนกัน อากาศอาจจะยังเย็นกว่าเส้นทางใต้

ทางใต้ – ใกล้เคียงกับแผนดั้งเดิมของเรา ตุรกีและจอร์เจียเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยอาหารและไวน์ (ไวน์สำหรับโจคิม ส่วนเวช อาหาร) และภูเขามากหน่อย

ข้อเสีย

ทางเหนือ – ขอวีซ่าเข้ารัสเซียค่อนข้างยาก ใช้เวลาและธรรมชาติทุ่งหญ้าสเตปป์คือลักษณะที่ประกอบด้วยที่ราบที่เป็นทุ่งหญ้ากว้างที่ไม่มีต้นไม้

ทางใต้ – เราอาจจะต้องรอเรือแฟร์รี่ข้ามทะเลแคสเปียนซึ่งไม่มีตารางที่แน่นอน คืออาจต้องรอเป็นอาทิตย์หรือเต็มถึงจะออก

อืม…คิดว่าทางเขาหรือทางเรียบดีค่ะ ที่จริงทางเขาน่าสนใจกว่า แต่มาติดขัดเรือแฟร์รี่นี่เท่านั้นเองที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เลยไม่รู้ว่าเราจะต้องเสียเวลานั่งรอนอนรออยู่ที่กรุงบากูกี่วันกี่อาทิตย์ และนั่นอาจจะทำให้เราเสี่ยงต่อการขอวีซ่าเข้าประเทศต่อไป เช่นจีนเป็นต้น ไม่ว่าชีวิตการทำงานหรือชีวิตนักท่องเที่ยวจะต้องมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งมาให้เราเลือก เลือกถูกก็รอดตัวไป เลือกผิดก็แก้ไขกันต่อไป สนุกดีนะค่ะ ลองเข้ามาร่วมด้วยช่วยพวกเราเลือกหน่อยนะค่ะ ดูสิว่าเราจะใจตรงกันมั้ย 😉

กลับเข้าทางจักรยานต่อ 🙂

หยุดไป 9 วันนี้มีค่าจริง ๆ ไหนจะได้ไปพักผ่อน ได้พบเพื่อน ๆ ได้โทรหาหม่าม๊าที่เมืองไทย และญาติ ๆ ทางโจคิม เพราะวันที่เราเดินทางออกจากเยอตาบอย เราไม่มีเวลาร่ำลาใครนัก ทั้ง 9 วันนี้ไม่ได้อยู่นิ่ง ๆ เฉย ๆ เลยสักวัน ทำให้รู้สึกว่ามันผ่านไปเร็วมากจนเริ่มรู้สึกขี้เกียจ 🙂 แต่เมื่อถึงเวลาความกระตือรือร้นอยากจะเดินทางต่อก็มาเองโดยอัตโนมัติเช่นกัน หยุดไปนาน รวม 2 วันที่บูคาเรสต์ก็เป็น 11 วันที่ไม่ได้ปั่นจักรยานเลย มาวันนี้ (9 เมย.) หลังจากนั่งรถบัสจากสนามบินเข้าเมืองเราก็ตรงไปหาพี่ภัทเพื่อไปรับเจ้าเพื่อนยากและสัมภาระที่ฝากไว้ ได้คุยกับพี่ภัทนิดหน่อยเพราะมีแขก ร่ำลากันเรียบร้อย เราก็ขนของกลับไปเกสเฮาส์ใกล้ ๆ นั่นเป็นการอุ่นเครื่องจริง ๆ ด้วยระยะทาง ประมาณ 3-400 เมตร 🙂

ไว้เอาภาพมาลงให้ดูหลาย ๆ ภาพทีเดียวละกันนะค่ะ

โรมาเนีย :- Bukarest => Giurgiu

เกสเฮาส์ที่บูคาเรสต์ไม่ค่อยน่าอยู่อาจจะเป็นเพราะราคาถูกละมั้ง แต่เจ้าของดูแลดี เขาคุยให้ฟังว่าเขาพยายามที่จะบอกเพื่อน ๆ และคนรู้จักให้ทำตามเขา คือทำกิจการแบบเขา ดีกว่าไปทำงานให้คนอื่น ได้เงินเดือน ๆ ละ 200 โรน (Ron คือค่าเงินของเขา) มีแค่ 4-5 คนที่เขาสามารถโน้มน้าวได้ น่ารักเนอะ ทั้ง ๆ ที่อาจจะเป็นผลเสียแก่เขา เพราะจะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น

กว่าเราจะออกจากเกสเฮาส์ก็เกือบบ่ายสอง เพราะต้องเช๊คและติดอะไรหลายอย่างที่จักรยาน เช่น ล๊อคและกระจกส่องหลัง ส่วนโจคิมติดกระดิ่งและที่สูบลมอันใหม่ อันเก่าใช้ไม่ได้เอากลับไปสวีเดนไปเปลี่ยนที่ร้านที่เราซื้อมา กระจกส่องหลังดีมาก ๆ เลย ไม่ต้องหันไปดูให้จักรยานเสียหลัก

วันนี้เราปั่น 70 กว่ากิโลไปเมือง Giurgiu (ออกเสียงยากมาก ขนาดถามเขาแล้วยังจำไม่ได้เลย) เป็นเมืองติดชายแดนระหว่างโรมาเนียกับบัลแกเรีย ทางมันช่างน่าเบื่อจริง ๆ เพราะเราไม่สามารถหาทางเล็ก ๆ เพราะเอาแผนที่ไปทิ้งไว้ที่สวีเดนแล้ว อากาศมันช่างแตกต่างจากตอนที่เราปั่นมาบูคาเรสต์ ที่หนาว, มีพายุหิมะ, และต้องใส่เสื้อผ้าหลายชั้น ใส่หมวกกันลมเพิ่มก่อนใส่หมวกกันน๊อค แต่วันนี้เราใส่แค่เสื้อแขนสั้นและแจ๊กเก๊ตกันลมเท่านั้นเอง กลางวันยาวขึ้นด้วยทำให้มืดช้าลง เราถึงเมืองนี้ตอนทุ่มหนึ่งก็ยังสว่างอยู่ ปั่นผ่านเข้าเมืองก็มีหนุ่มน้อยคนนึงโบกมือให้ เราเลยให้เขาช่วยหาเกสเฮาส์ถูก ๆ เสียเลย 🙂 คุยเก่ง เขาชอบเดินเทรคกิ้ง เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้ วันนี้เป็นวันแรกที่ออกไปนั่งทานข้าวเย็นกันด้านนอก เย็นนิดหน่อยแต่ดีกว่านั่งรมควันบุหรี่ในห้องอาหาร เพราะคนที่นี่เขาสูบกันเยอะมาก

บัลแกเรีย Ruse => Draganovo

เราลงไปที่ห้องครัวทำอาหารเช้ากินกัน และก็เตรียมสำหรับไว้กินตอนกลางวันด้วย หลังจากนั้นปั่นออกมาตามทาง อากาศดีมากไร้เมฆ เราปั่นข้ามสะพานมา ตามที่จีพีเอสบอก เราจะไปเส้นทางเล็ก แต่เผอิญเจอผู้ชายสูงวัยกลุ่มหนึ่ง เขาว่าทางนั้นไปไม่ได้มันเสียหายเยอะ แล้วชี้ให้เราไปทางถนนใหญ่ เราพยายามบอกว่ามันน่าจะอันตรายนะ หนึ่งในจำนวนนั้นเลยอาสาขับรถนำหน้าเราไป ใจดีจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ขอและเขาก็ต้องอ้อมรถกลับมาที่จุดเดิม เราลากันตรงทางแยก เขาช่วยให้เราปั่นระยะทางสั้นลง ขอบคุณคุณลุงมา ณ ที่นี้ อืม..ตอนที่เราอยู่ที่เมืองรุซซี่ เราเข้าไปคุยกับการท่องเที่ยว เขาแนะนำทั้งเกสเฮ้าส์และสถานที่ที่เราไม่ควรพลาด หนึ่งในสถานที่นั้นคือ ”โบสถ์หิน” คือเขาสร้างตัวโบสถ์อยู่ในซอกหิน

โบสถ์สร้างอยู่ซอกเขา

ที่นั่งสวดมนต์ที่โบสถ์หิน

ท่าเรือข้ามฝั่ง น่ารักน่านั่ง

และถนนต่อจากโบสถ์ตรงนั้นก็เป็นอะไรที่ดีที่สุดตอนนี้คือ เป็นถนนที่ปั่นสบายสภาพไม่ใช่ดีที่สุด แต่เราสามารถปั่นเคียงข้างกันคุยกันไปโดยที่ไม่ต้องตามหลังใครหรือตะโกนคุยกันแข่งกับเสียงจราจร

วันนี้เป็นวันแรกที่โจคิมเปลี่ยนมาใส่กางเกงขาสั้น แต่เวชยัง เพราะขี้เกียจทาครีมกันแดด ไว้รอจนทนร้อนไม่ไหวก่อน 😉 ตอนแรกเราคิดว่าจะปั่นไปถึงเมืองที่การท่องเที่ยวแนะนำคือ Veliko Tarnovo แต่ดูแล้วคาดว่าไม่น่าทัน เลยเตรียมตัวซื้อของกินตุนไว้ก่อน เผื่อว่าจะต้องกางเต้นท์ แล้วก็เป็นดังนั้น เพราะเมืองที่เราปั่นผ่านมา ไม่มีที่พัก แม้แต่โรงแรมจิ้งหรีด รู้สึกว่าที่บัลแกเรียนี่จะหาที่พักยากกว่าที่โรมาเนียแถมแพงกว่าอีกด้วย พอเราปั่นออกมาได้ 2 กม.เราเห็นสะพานข้ามแม่น้ำ ดูทำเลแล้วน่าจะกางเต้นท์ได้ เฮ้อ..โชคดีที่ซื้อสปาเก็ตตี้เตรียมไว้ หลังจากกินอาหารเย็นเรียบร้อย ตามธรรมเนียมต้องตามด้วยกาแฟ ต้มน้ำเรียบร้อย กาแฟเรียบร้อย แต่…ขาดถ้วยกาแฟ เป็นไปได้ยังงัยเนี่ย ลืมถ้วยกาแฟแค้มปิ้งที่บ้าน เฮ่อ…

แคมปิ้งครั้งแรกที่บัลแกเรีย

บัลแกเรีย Draganovo => Gurkovo

ตื่นเช้าขึ้นมา อ้าว…หยดน้ำเต็มไปหมด คืออากาศภายนอกแห้ง แต่มันเกิดจากอากาศภายในเต้นท์ระบายไม่ทัน คราวหน้าคงต้องเปิดซิปในเต้นท์เพื่อช่วยระบาย มีอะไรให้เรียนรู้ปรับปรุงไปเรื่อย เราไม่ได้ตุนอาหารเช้า พอแพ๊คของทุกอย่างเสร็จก็ออกเลย ปั่นไปเมืองถัดไปไม่กี่กิโล ก็เห็นคนนั่งกินกาแฟกัน นั่นก็แปลว่าที่นั่นมีกาแฟขาย จริงมะ 😉 เราก็เลยจอด ให้โจคิมเข้าไปซื้อ เพราะเขายังพออ่านตัวอักษรได้ เพราะภาษาบัลแกเรียใช้ตัวอักษรเหมือนรัสเซีย สักพักโจคิมออกมาพร้อมกับอาหารเต็มมือ นั่งกินกันได้สักพัก ก็เห็นคุณป้าที่เป็นเจ้าของร้านเดินมากับเด็กหนุ่มคนหนึ่งพร้อมขนมในมือ คุณป้าไปดึงตัวลูกค้ามาเป็นล่ามให้ ป้าว่าเอาขนมไปกินนะจะได้มีพลังปั่น เพราะคุณป้าเห็นพวกเราปั่นจักรยานกันมา น่ารักจริง ๆ แถมยังสนใจถามว่าเราจะปั่นไปไหน เมื่อไหร่ถึง อีกด้วย

ขนมเสริมพลังที่คุณป้าเดินเอามาให้

แล้วเราก็มาถึงเมือง ที่จริงแล้วไม่ใช่ทางที่เราจะผ่าน แต่ในเมื่อคนท้องถิ่นแนะนำ เราก็ไม่ควรพลาด ไกลออกไปไม่มาก ถ้ามากก็ต้องขอคิดดูก่อนละค่ะ 😉 เมืองนี้ดูแล้วน่าจะเป็นเมืองท่องเที่ยวของคนในประเทศ จุดขายของที่ระลึก ร้านค้าร้านอาหารเพียบ เราเห็นเมืองตั้งแต่ระยะไกลเลย เพราะอยู่บนภูเขา เราแวะเข้าไปกินพิซซ่ากัน เพราะอย่างแรกคือถูก อย่างที่สองคือเราต้องการชาร์ตแบตฯคอมพิวเตอร์ด้วย เห็นในรูปคิดว่าเป็นพิซซ่าขนาดเล็ก แต่..ถาดเบ้อเร่อ กินเข้าไปหมดมีหวังได้นอนตีพุงอยู่ตรงนั้นเป็นหลายชม. เลยขอแพ๊คเอาไปด้วย กำลังจะปั่นออกไป เบรคของโจคิมเกิดขัดข้อง อ้าว…ยางเบรคมันหลุดหายไป เลยต้องเปิดกระเป๋าหายางเบรคมาใส่ ใส่เสร็จแล้วก็ปั่นต่อไป แต่ปั่นได้ไม่นาน อ้าว…ยางแบนครับ ของโจคิมอีก อยากจะให้รอดไปถึงอิสตันบูลสักหน่อย ไม่ได้โดนแก้วอะไรหรอกค่ะ แต่เป็นเพราะยางในแผลเก่าที่ปะไว้มันรั่ว เอ้า..รื้อกระเป๋าออกมาอีกรอบ
วันนี้เราปั่นขึ้นเขา บัลแกเรียก็ไม่เรียบเท่าไหร่ แต่คิดว่ามีเขาน้อยกว่าที่โรมาเนียหรือเราอาจจะไม่ได้ไปทางนั้น 😉 เราปั่นไต่ระยะถ้านับเป็นทางตรงประมาณ 350-400 เมตร ตอนปั่นขึ้นก็ร้อน อยากจะถอดหมวกออก แต่พอใกล้จะถึงยอด ฝนเริ่มลงเม็ด เราจอดใส่เสื้อกันฝนกันก่อน พอถึงยอดก็เห็นมีร้านค้าอยู่สองแห่ง พอดีเราต้องเติมน้ำอยู่แล้ว เลยเข้าไปสั่งโค้กและเติมน้ำเอาที่ก๊อกน้ำ นั่งดื่มได้แก้วหนึ่ง ฝนเทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ช่างโชคดีที่เรามาถึงตรงนั้น ไม่อย่างนั้นได้เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำแน่

ทางลงเขา

พอฝนหยุด เราก็เริ่มไหลลงทันที สนุกมาก ถึงแม้ว่าฝนจะเพิ่งตกใหม่ ๆ แต่ถนนก็แห้งได้เร็วทันใจเช่นกัน เราผ่านรีสอร์ตที่หนึ่ง แต่ราคาแพงเกิน เราก็เลยต้องผ่านไป คิดว่าเมือง Gurkovo น่าจะมีโรงแรม แต่ผิดถนัด มีแต่ป้าย โรงแรมหามีไม่ เสร็จกัน ใกล้มืดแล้วด้วย เข้าไปถามเขา คนแรกเขาว่าปั่นไปอีก 10 กม. อ่า..ไม่ไหวมั้ง 🙁 อีกคนว่าเมืองข้างหน้าอีก 4 กม.จะมีโรงแรม สั้นกว่าน่าจะไหว แต่พอปั่นไปถึง ก็ได้ความว่าไม่มี ตอนที่ปั่นไปก็พยายามมองหาลู่ทางไปด้วยว่าถ้าไม่มีโรงแรม เราจะกางเต้นท์ได้ที่ไหน ก็เห็นมีที่เหมาะ ๆ อยู่ พอรู้ว่าไม่มีแน่นอน เราจึงปั่นกลับไปตรงจุดนั้น

กางเต้นท์ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะเริ่มมืดแล้ว ถ้ายังไม่มืดเราจะกางเต้นท์เป็นอันดับสุดท้าย พอกางเสร็จปุ๊บ เข้าไปนั่งข้างในเต้นท์ได้สักพัก ฝนก็ตก และตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ใช่แค่ฝนอย่างเดียว ฟ้าร้อง ฟ้าแล่บ โครมครามเลย โจคิมก็นั่งมอง แสงมาก่อนเสียงคือดูแล้วไม่น่าจะใกล้เรานัก แต่ลมพัดแรงมาก ไม่ค่อยได้นอนกันเท่าไหร่ เพราะบางทีลมพัดเต้นท์ดังพึบพับเสียงดัง แถมบางครั้งรู้สึกเหมือนเต้นท์มันถูกลมพัดเสียบุ๋มเข้ามาถึงหน้า ก็ต้องช่วยกันพยุง จริง ๆ เต้นท์มันก็ต้านไหว แต่เราช่วยมันหน่อยก็ดี น่าตื่นเต้น หวาดเสียวดี ครั้งเดียวก็เกินพออ่ะ เช้าขึ้นมาถึงได้ถึงบางอ้อ เพราะเราอยู่ในแอ่งภูเขาล้อมรอบเลย

แคมปิ้งวันที่สอง เต้นท์ขึ้นเสร็จพร้อมกับพายุฝนลมแรง

เส้นทางที่เราเลือกและคำถามให้คิดกันเล่น ๆ 😉

เมื่อสองอาทิตย์ก่อนที่เราอยู่ในช่วงที่ต้องเลือกทางระหว่างเส้นทางตอนเหนือหรือเส้นทางใต้ เนื่องด้วยมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่อิหร่านทำให้เราไม่สามารถขอวีซ่าเดินทางเข้าประเทศทางบกได้

แผนที่ทางเลือก

แผนที่ทางเลือก

มีน้องต้นบอกให้ไปคนละเส้น นี่ก็น่าสนใจนะถ้าน้องต้นจะมาร่วมด้วยกับพวกพี่ทั้งสองเส้น จะได้ช่วยกันเก็บข้อมูลงัย เก็บคนเดียวไม่ไหว 😉 ส่วนเพื่อนบุษเสนอเลือกทางเหนือครึ่งหนึ่งทางใต้ครึ่งหนึ่ง ข้อเลือกนี้ไม่น่าจะยาก แต่เราจะพลาดจอร์เจียและอาเซอร์ไบจานอาจใช้เวลา และแทนที่จะนั่งเรือแฟร์รี่จากบากูที่ประเทศอาเซอร์ไบจานไปขึ้นที่เมืองอัคเทาของประเทศคาซัคสถานก็ไปนั่งเรือที่เมืองทรับโซน (Trabzon) ที่ตุรกีไปขึ้นที่เมืองโซชิ (Sochi) ที่รัสเซียแทนแต่ปัญหาเรื่องวีซ่าก็ยังอยู่ ขอบคุณสำหรับข้อเสนอค่ะ

มาตอนนี้เราวางแผนเรียบร้อยแล้วว่าจะปั่นเข้าตุรกีและจอร์เจีย เหตุผลก็คือ

  1. ปัญหาในเรื่องขอวีซ่าเข้ารัสเซียหมดไป
  2. อาหารของทางตุรกีและจอร์เจีย ท่าทางน่าสนใจและน่าจะอร่อยกว่า
  3. เส้นทางตอนใต้มีภูเขามากกว่า คิดว่าน่าสนุกกว่าปั่นทางเรียบ ๆ ในธรรมชาติทุ่งหญ้าสเตปป์กว้างไกล ไม่มีต้นไม้
  4. ได้ทดลองนั่งเรือที่ขึ้นชื่อลือชาว่า ”ออกเมื่อไหร่เมื่อนั้น เดี๋ยวเอ็งก็รู้เอง ไปนอนเฝ้าที่ท่าเรือเลยนะ” เพราะมันไม่มีตารางที่แน่นอน นึกอยากขายตั๋วก็ขาย ไม่อยากขายก็บอกว่าหมด อันนี้อ่านจากประสบการณ์ของคนอื่น ไว้ไปเจอกับตัวเองแล้วจะมาเขียนบอกกันนะ

ส่วนคำถามที่จะให้ตอบกันเล่น ๆ คือ:-

ตอนที่เรากลับไปเริ่มต้นปั่นอีกครั้งที่บูคาเรสต์ เมื่อวันที่ 9 เมย.เราเริ่มใช้ยาสีฟันหลอดใหม่นำ้หนัก 160 กรัม อยากให้ลองเดากันเล่น ๆ ว่าเมื่อไหร่หลอดนี้จะหมด

หลอดที่เพิ่งเริ่มใช้ที่บูคาเรสต์ เขียนวันและสถานที่ไว้ด้วย ;-)

หลอดที่เพิ่งเริ่มใช้ที่บูคาเรสต์ เขียนวันและสถานที่ไว้ด้วย 😉

บอกใบ้ให้นิดหนึ่งก็ได้ว่า ก่อนที่เราจะออกเดินทางจากสวีเดน เวชเคยทดลองชั่งน้ำหนักหลอดที่เหลือที่บ้านว่าเราจะใช้กันประมาณเท่าไหร่ เริ่มชั่งเมื่อวันที่ 31 มค. ตอนนั้นหนัก 105 กรัม พอถึงวันที่ 13 กพ. เหลือ 76 กรัม ธรรมดาเราจะปั่นวันละ 70-120 กม. แล้วแต่อากาศ, เขาชันและสภาพถนน และพอเราถึงอิสตันบูล คิดว่าจะอยู่พักและเที่ยวกันสัก 3-4 วัน 😉 พอจะช่วยในคำนวณบ้างมั้ย?

ส่งคำตอบให้เราผ่านทางบล๊อคนะค่ะ ว่ายาสีฟันหลอดนี้จะหมดเกลี้ยงที่เมืองไหน??? เดี๋ยวเราเล่นด้วยดีกว่า 🙂 🙂

ใครส่งคำตอบที่ถูกต้องจะได้รับโปสการ์ดจากเมืองนั้น 😉 😉 😉

Gurkovo (Konare) – Elhovo

ในบัลแกเรียหาที่พักค่อนข้างยาก เห็นแต่รีสอร์ตแพง ๆ และถ้าในเมืองหรือหมู่บ้านเล็ก ๆ ก็หาไม่เจอทั้ง ๆ ที่บางทีมีป้ายเขียนบอกว่ามีและครั้งหนึ่งมีคนบอกว่ามีโรงแรม แต่ปั่นไปถึงก็ไม่มี กางเต้นท์ครั้งแรกเราเลือกกันได้ แต่ครั้งที่สองที่นี่สิทุลักทุเลมาก แต่ก็ผ่านมาด้วยดี ตื่นเต้นกับอากาศที่ไม่สามารถเดาได้ว่ามันจะเป็นอย่างไร

ที่บัลแกเรีย

ที่บัลแกเรีย

เราปั่นมาถึงเมือง Elhovo เป็นเมืองที่ใหญ่หน่อย ได้ที่พักที่หนึ่ง เราถึงก็ค่อนข้างเย็นมากแล้ว ได้แค่ออกไปกินมื้อเย็นกันแล้วก็กลับมานอน ตอนเช้าตั้งใจว่าจะออกกันแต่เช้า แต่รู้สึกยังเพลีย ๆ อยู่ก็เลยอยู่ต่ออีกคืนหนึ่ง 😉 เลยได้จัดการล้างโซ่ทำความสะอาดจักรยาน ซักผ้า แล้วก็จัดการเรื่องที่พัก เราลองเมลย์ไปถามสมาชิกคนหนึ่งที่อยู่ห่างจากเขตแดนตุรกีกับบัลแกเรียไป 60 กม. ที่จริงควรจะเขียนไปถามสัก 2-3 วันล่วงหน้าแต่เราไม่สามารถวางแผนได้ละเอียดขนาดนั้น เคยมีครั้งหนึ่งได้คำตอบจากสมาชิกเหมือนกันว่าโอเค แต่เราไปไม่ทันวันที่นัดกันไว้ หรือเราเปลี่ยนเส้นทางกระทันหันก็มี เขาตอบกลับมาแทบจะทันทีว่ายินดีต้อนรับเรา เย้ 🙂