Monthly Archives: September 2013

จีน => จาก Gannan (กันนัน) – Luqu (ลูคู) – Langmusi (ลังมุซี่)

2-3 วันท่ีผ่านมาโดนฝนเล่นงานจนเปียกปอนจนถึงกันนัน แต่จากกันนันเช้ามาฟ้าใสแถมลมก็ไม่มีอย่างนี้สิค่อยน่าปั่นเท่ียวหน่อย ท่ีกันนันนี่เริ่มเข้าเขตท่ีี่มีคนทิเบตเป็นส่วนมาก บ้านเมืองมีรูปทรงและทาสีตกแต่งไปทางสไตล์ทิเบต เห็นคนแถวนี้ยังแต่งตัวพื้นเมืองของทิเบตเดินกันขวักไขว่ เราปั่นผ่านวัดเห็นพระทิเบต พูดถึงถ้าเราไปทิเบตต้องซื้อทัวร์และไกด์ราคาค่อนข้างแพง ปั่นเท่ียวอยู่แถวนี้ก็ได้บรรยากาศของทิเบตได้เหมือนกัน เคยได้ยินคนเยอรมันคนหนึ่งท่ีเจอท่ีซาร์มาคัน เขาว่าแถวนี้ยังดูเป็นทิเบตมากกว่าในทิเบตเองด้วยซ้ำไป เอาไว้ทริปหน้าเราจะไปพิสูจน์ 😉

ป่ันลงเขามาเห็นวัดแต่ไกลท่ีหมู่บ้านนึงแวะเข้าไปถ่ายรูปวัด มีพระรูปหนึ่งชวนให้เข้าไปดื่มชา คุยกันสักพักเรื่องพระไทยท่านรู้ว่าพระไทยออกไปบิณฑบาตรแต่ท่านต้องทำอาหารเอง เราเข้าใจเช่นนั้นและขึ้นไปดูภายในวัด เราก็ไม่รู้ประเพณีของวัดท่ีนี่เนอะ ตอนแรกว่าจะออกไปเอาเงินมาบริจาคให้พระโดยตรง แต่พอดีมีแต่แบงค์ 50 หยวน เยอะไปหน่อย ยังไม่รวยขนาดจะบริจาคขนาดนั้นอ่ะ แต่พอขึ้นไปชมภายในวัด เห็นเขาบริจาคแบงค์ 1 หยวนกัน ก็เลยเดินลงไปเอามา 2 หยวนและหย่อนไว้ท่ีนั่นด้วย พระท่านก็อยากให้เราอยู่คุยต่อนะ แต่เราต้องไปต่อเลยถ่ายรูปกันเป็นท่ีระลึกแล้วก็ร่ำลากัน ดูท่านน่าศรัทธานะ อยู่แบบง่าย ๆ ท่ีนอนเรียบง่าย

ปั่นผ่านหมู่บ้านเห็นวัดแต่ไกลเลยแวะเข้าไปดู

ปั่นผ่านหมู่บ้านเห็นวัดแต่ไกลเลยแวะเข้าไปดู

เขาจะหมุนเวลาท่ีสวดมนต์

เขาจะหมุนเวลาท่ีสวดมนต์

นั่งดื่มชาท่ีกุฏิเลย ตรงท่ีพระนั่งคือท่ีนอน ท่ีอ่านหนังสือ อยู่ภายในห้องเล็ก ๆ นั่น

นั่งดื่มชาท่ีกุฏิเลย ตรงท่ีพระนั่งคือท่ีนอน ท่ีอ่านหนังสือ อยู่ภายในห้องเล็ก ๆ นั่น

ด้านหน้าวัด

ด้านหน้าวัด

ด้านใน ดูอลังการมากไม่เหมือนท่ีดูจากภายนอก

ด้านใน ดูอลังการมากไม่เหมือนท่ีดูจากภายนอก

วันนี้อากาศดี ส่วนใหญ่เราจะพกขนมปังไว้กินตอนเท่ียง หิวเมื่อไหร่ก็หยุดกินกันเมื่อนั้น หมู่บ้านแถวนี้คนเขามีอัธยาศัยดี ร้องทักทายแม้แต่เด็กเล็ก ๆ ชื่นใจจัง เราเช็คในแผนท่ีและรู้วาวันนี้ต้องปั่นขึ้นเขาแต่ไม่ชันเท่าไหร่

หมู่บ้านระหว่างทาง

หมู่บ้านระหว่างทาง

ป้ายนี้ชอบมาก แต่กว่าจะมาเจอก็ต้องปั่นขึ้นมาก่อนแหละเนอะ

ป้ายนี้ชอบมาก แต่กว่าจะมาเจอก็ต้องปั่นขึ้นมาก่อนแหละเนอะ

อากาศเริ่มดีขึ้น ได้เอากล้องออกมากด ๆ บ้างละ

อากาศเริ่มดีขึ้น ได้เอากล้องออกมากด ๆ บ้างละ

เมื่อวานเราออกมาจากกันนันสายเลยปั่นได้ไม่ไกลนักตั้งใจว่าจะไปพักท่ีเมืองลูคู ปั่น ๆ ไปก่อนจะถึงเมืองนั้นเห็นจุดกางเต้นท์และสายน้ำเลยหยุดเสียตรงนั้นเพราะใกล้มืดเต็มที หาท่ีหาทางจัดเก็บทุกอย่างเรียบร้อย เริ่มลงเม็ดเล็ก ๆ เข้าเต้นท์ดีกว่า แป๊บเดียวเท่านั้นเองฝนเทลงมาเลยทันเวลาพอดี

เช้าออกมาอากาศยังดี ๆ อยู่ แต่พอกางเต้นท์จัดของเรียบร้อย มุดเข้าเต้นท์ปุ๊บฝนตกปั๊บ ทันเวลาพอดี เฮ้อ..

เช้าออกมาอากาศยังดี ๆ อยู่ แต่พอกางเต้นท์จัดของเรียบร้อย มุดเข้าเต้นท์ปุ๊บฝนตกปั๊บ ทันเวลาพอดี เฮ้อ..

เช้ามาฝนก็ยังตกอยู่ ท่ีจริงมันตกทั้งคืนเลยแหละ นอนฟังเสียงฝนตอนกลางคืนโดยท่ีไม่ต้องออกไปข้างนอกมันเพลินกว่าตอนเช้าท่ีจำเป็นต้องเก็บเต้นท์และเดินทางต่อ 🙁 เวลาอยู่ในเต้นท์เสียงอะไรต่อมิอะไรมันดูเกินจากความเป็นจริงไปหน่อย เพราะพอเราออกมาลมท่ีเราได้ยินเหมือนพัดกันสนั่นหวั่นไหวก็เบาลง ฝนท่ีคิดว่ายังตกหนักอยู่ก็แค่ปรอย ๆ นิด ๆ

ร้านอาหารข้างทาง ไม่มีเมนูเพราะเขาขายอยู่อย่างเดียวคือก๋วยเตี๋ยว

ร้านอาหารข้างทาง ไม่มีเมนูเพราะเขาขายอยู่อย่างเดียวคือก๋วยเตี๋ยว

ทางขึ้น ๆ ลง ๆ

ทางขึ้น ๆ ลง ๆ

วิวระหว่างทางท่ีเริ่มงดงามหลังฝน

วิวระหว่างทางท่ีเริ่มงดงามหลังฝน

วิวถัดไปอีก 2-300 เมตร

วิวถัดไปอีก 2-300 เมตร

อีกมุมหนึ่ง

อีกมุมหนึ่ง

เห็นป้ายบอกทางเข้าเมืองลังมุซี่ว่าอีก 3.7 กม. เฮ่อ..ขึ้นลงมาทั้งวันอยากเห็นป้ายแล้วถึงเลยอะไรประมาณนั้น แต่นี่ต้องเลี้ยวไปอีกทางจากถนนใหญ่ ไปก็ไป ท่ีเมืองนี้สูงถึง 3300 เมตรจากระดับน้ำทะเล อากาศเย็นถึงเย็นมาก อ่านใน Lonely Planet เขาว่าเกสต์เฮาส์นี่น่าอยู่ ลองเชื่อดูหาไม่ยากด้วยช่วงนี้น่าจะไม่ใช่ฤดูกาลท่องเท่ียวเขายกห้อง 8 เตียงให้เราเลยราคา 70 หยวน แต่ภายในห้องมีแต่เตียงจริง ๆ เครื่องทำความร้อนหามีไม่ อึ๋ย…เย็นมากนั่งในห้องยังต้องใส่เสื้อกันหนาวกันตั้งหลายชั้น แต่มันถูกดี ท่ีเมืองนี้มีร้านอาหารท่ีมีแต่อาหารฝรั่งด้วย รู้สึกหิวสปาเกตตี้และเฟรนช์ฟรายด์ขึ้นมากระทันหัน เลยเดินไปกินมื้อเย็นกันท่ีนั่น เมืองนี้เห็นนักท่องเท่ียวส่วนใหญ่เป็นคนจีน แต่มีบางส่วนท่ีเป็นชาวต่างชาติอยู่เหมือนกัน เราเจอคนสวิสมั้ง เขาซื้อจักรยานท่ีเฉินตูปั่นมาถึงเมืองนี้แล้วขายจักรยานเดินทางต่อโดยรถทัวร์ เข้าท่าดีเหมือนกันเนอะ

แล้วเราก็ฟันฝ่ามาถึงเมืองลังมุซี่จนได้ ท่ีนี่คือเกสต์เฮาส์ท่ีเขาแนะนำใน Lonely Planet

แล้วเราก็ฟันฝ่ามาถึงเมืองลังมุซี่จนได้ ท่ีนี่คือเกสต์เฮาส์ท่ีเขาแนะนำใน Lonely Planet

หลังจากท่ีกินอาหารจีนและมุสลิมมานาน ขอชิมสปาเก็ตตี้และเฟรนช์ฟรายด์ร้านนี้หน่อยละกัน

หลังจากท่ีกินอาหารจีนและมุสลิมมานาน ขอชิมสปาเก็ตตี้และเฟรนช์ฟรายด์ร้านนี้หน่อยละกัน

เราปั่นกันมาตลอดทั้ง 11 วันเลยอยากหยุดสักวัน ถ้าอย่างนั้นต้องหากิจกรรมทำและท่ีร้านอาหารฝรั่ง เขามีทัวร์ออกไปเทรคกิ้งบนหลังม้าด้วย จริง ๆ ต้องบอกล่วงหน้า 1 วัน ช่วงนี้คงยังไม่ค่อยมีคนเขาเลยขอเวลา 2 ชม. พอได้เวลาเราเดินไปท่ีคอกม้า เขาสอนเราบังคับม้าให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาให้เดิน, หยุด สอนให้จับบังเหียนยังงัย ขึ้นลงม้า ดูเขาทำแล้วง่ายจังเนอะ แต่พอเราจะปีนขึ้นม้า หง่า.. ต้องให้เขาช่วยดันขึ้น พอขึ้นไปบนหลังม้ารู้สึกสูงมาก ม้าพวกนี้น่าจะถูกสอนจนเชื่องบังคับง่ายมาก ดึงบังเหียนไปทางขวานิิดเดียวก็เลี้ยวตามละ แต่มันชอบแอบกินหญ้า เขาบอกว่าไม่ควรให้มันกิน เพราะเดี๋ยวมันปวดท้อง เหมือนคนกินเสร็จก็ต้องพักผ่อน แต่มันต้องเดินต่อเพราะฉนั้นอดกิน ต้องคอยดึงบังเหียนเข้าตัวเพื่อดึงหัวมันขึ้น

ครั้งแรกท่ีออกไปเดินในธรรมชาติบนหลังม้า สนุกดี

ครั้งแรกท่ีออกไปเดินในธรรมชาติบนหลังม้า สนุกดี

ให้ม้าแวะกินน้ำ ถ้ามันอยากกินน้ำ เราต้องผ่อนบังเหียนให้มันได้ก้มลงไปกิน

ให้ม้าแวะกินน้ำ ถ้ามันอยากกินน้ำ เราต้องผ่อนบังเหียนให้มันได้ก้มลงไปกิน

SONY DSC

ออกทริปไปเจอคนจากเมืองปราก แต่เขาทัวร์สองวันเลยแยกกันระหว่างทาง

ออกทริปไปเจอคนจากเมืองปราก แต่เขาทัวร์สองวันเลยแยกกันระหว่างทาง

ไกด์ถ่ายให้

ไกด์ถ่ายให้

อีกใบหนึ่ง

อีกใบหนึ่ง

ครึ่งทางก่อนท่ีเราจะกลับเข้าเมืองไกด์พามาพักแถวนี้ พักก้นมากกว่า เมื่อยเหมือนกันแต่อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่เคยชินก็ได้นะ ทัศนียภาพแถวนั้นสวยมาก นี่ถ้าเราเดินกันเข้ามาเองคงใช้เวลานาน มีบางช่วงม้ามันเดินใกล้ขอบของความชันไปหน่อย กลัวนิด ๆ ว่ามันจะลื่นแล้วข้าพเจ้าจะตกม้าตายจริง ๆ แต่มันฉลาดพอท่ีจะไม่ทำร้ายตัวมันเองและผู้อื่น 🙂 เขาไม่ได้ใส่เกือกม้าให้มันเพราะบางทีเราเดินเข้าไปในทุ่งหญ้าอาจทำให้มันลื่น เดินไปเดินมาเรามาเห็นซากยอร์คกลางทุ่ง ตอนแรกนึกว่าใครมาขโมยฆ่ามัน แต่ไกด์ว่าเป็นฝีมือของหมาป่า

ยอร์คตัวนี้โชคร้ายเจอฝูงหมาป่าไล่ล่า ไกด์เรานับอายุของมันได้ 7 ปีจากเขาของมัน

ยอร์คตัวนี้โชคร้ายเจอฝูงหมาป่าไล่ล่า ไกด์เรานับอายุของมันได้ 7 ปีจากเขาของมัน

เมื่อยกันมาจากหลังม้า เราตั้งใจจะเดินทางต่อวันรุ่งขึ้น แพ๊คกระเป๋า ล้างจักรยาน เต้นท์ตากแห้งแล้ว เตรียมตัวกันพร้อม พอเช้าโจคิมตื่นไปเข้าห้องน้ำ มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นรถคันหนึ่งสีดำแต่เอ..ทำไมหลังคามันสีขาว ไอ่หย๋า..หิมะนี่นา เอาละสิ มองขึ้นไปบนภูเขาก็เห็นขาว ๆ เสร็จเลย ความไม่อยากออกไปไหนทวีขึ้นปรี๊ด แล้วเราก็ตัดสินใจอยู่ต่ออีกคืนแบบพักผ่อนให้เต็มท่ีเสียเลย

วัดท่ีเราขึ้นไปเยี่ยมชมก่อนออกจากลังมุซี่

วัดท่ีเราขึ้นไปเยี่ยมชมก่อนออกจากลังมุซี่

Day 129 – 130 (Gannan – Langmusi)

After the rain comes the sun, and we left Gannan in a completely different wheather condition than we arrived in a day earlier. Sunshine and and no wind was a welcome change from the previous three days.

The area we are in now is on the border between Gansu and Sichuan provinces and tibetans make up if not a majority, then a large minority of the population. Apart from tibetans there are also a large proportion of muslims, so it is fair to say that it is a multi ethnical area.

A roadside shrine

A roadside shrine

To travel into Tibet province requires a special permit and that we join a guided group which is expensive and takes away a bit of the freedom of going wherever we would like to. Staying in this area means that we can enjoy a bit of tibetan culture and landscape without really going there.

Our first encounter with tibetan buddhism was when we came speeding down a hill and saw a shrine at the side of the road. It looked really exotic to us and we stopped to have a close look at it. Not familiar with the tibetan traditions we didn’t really understand why the shrine was put at that place and what the purpose was.

Prayer rolls in the shrine

Prayer rolls in the shrine

A detail of the roof of the shrine

A detail of the roof of the shrine

An hour or two later we speeded down yet another downhill section and arrived into a small village. Even if the village was small it still had a large temple complex. We had made a late start from Gannan and didn’t really have time for any stops, but our curiosity was great and we turned around and went in on the temple yard. A monk came out and invited us to tea in his room which had almost nothing but the most necessary items such as a table, a stove, a book shelf and a mattress to sleep on. Above the monk’s bed there was a large photo of Dalai Lama which surprised me since I thought portraits of him are banned.

Having tea with the monk. Note the photo of Dalai Lama on the wall

Having tea with the monk. Note the photo of Dalai Lama on the wall.

The monk spoke only tibetan and chinese but we managed to communicate somehow. He clearly liked that Wej is from a buddhist country and after having had a few cups of tea he wanted to show us the main hall in the temple. We stepped in and found a large buddha statue in the center of the building that was decorated in bright colours. The basics is the same as in a thai temple but the art work and the decorations is very different from what can be seen in Thailand.

The buddha statue in the main hall

The buddha statue in the main hall

Colorful murals inside the main hall

Colorful murals inside the main hall

Colourful details in the ceiling of the main hall

Colourful details in the ceiling of the main hall

As we started late from Gannan we didn’t get very far that day. The aim was to get to the town of Luqu where we knew there would be hotels, but 5 km outside we found a spot for our tent that was too good to miss. We pitched the tent, went to the nearby stream to wash ourselves, cooked our food and went to bed. 5 minutes after closing the tent door it started to rain – that was a perfect timing…. 🙂

It rained through the night and when we woke up it was still raining. Our motivation to get out of our warm and cosy sleeping beds and get out into the rain was low so we decided to sleep another 45 minutes. When we woke up a second time there rain had stopped – good timing again….

The rest of the day offered us two surprises – no more rain and no flat tyres. What else can a long distance cyclist ask for…. ????

There are other cyclists passing this road too. This tyre was hanging on a pole in the middle of nowhere. It was a bit worn but had the right dimensions so if we didn't already have a spare tyre we would have taken this one.

There are other cyclists passing this road too. This tyre was hanging on a pole in the middle of nowhere. It was a bit worn but had the right dimensions so if we didn’t already have a spare tyre we would have taken this one.

In the evening we arrived to the tiny town of Langmusi which is a tibetan alpine looking town squeezed in between tall mountains. Appearantly the town is going to focus even more on tourism since there were constructions of new hotels going on at a lot of places in the center. We found a guesthouse and since it is low season we got an entire dormitory with 8 beds to ourselves.

During the horse trek we stopped at a tibetan house to have lunch and I found these two photos on the wall. The tibetan who lives there told me Mao was bad and DL good.  The language barrier made it impossible to ask why then have the photo of both these antagonists

During the horse trek we stopped at a tibetan house to have lunch and I found these two photos on the wall. The tibetan who lives there told me Mao was bad and DL good. The language barrier made it impossible to ask why then have the photo of both these antagonists

The tourists who come here are mainly internal chinese tourists and the main attractions are the outdoors. The attractions here are trekking, riding, fishing and all kind of outdoor activities. Most of the buildings are decorated in traditional tibetan way and the town had a very pleasant atmosphere so we decided to stay a day here to rest.

When we had our breakfast at a restaurant the following morning we saw a sign that offered horseback riding in the mountains. When in Kashgar in the far west of China Wej wanted to join a camel riding tour in the desert but since we didn’t know if we had time for it we decided to not do it. Now when we know we have time, we decided to go for the riding trip.
SONY DSC

Two hours later we were presented to our guide and our horses. After half an hour of instruction we led our horses out of town. We were told that since these horses only walk on grass they don’t need any shoes which means that they can’t be ridden on the road so we had to lead them for a kilometer out of town.

It was a beautiful day and a wonderful landscape

It was a beautiful day and a wonderful landscape

I can’t remember ever having ridden a horse on my own before but it worked just fine. The guide rode behind us and told us when to turn right or left, but most of the time the horses turned before he told us to tell the horses to turn. I guess it depends on these horses do this tour a hundred times a year….

Wej, or rather her horse, taking the lead

Wej, or rather her horse, taking the lead

It was anyway a fascinating feeling to ride a horse surrounded by the tall mountains. It was a wonderful weather with a blue sky, no wind and pleasant temperatures. We went along a small creek that we had to cross over a couple of times and I must say that horseback riding was really exciting and I consider to once I am back in Sweden take lessons to learn to ride properly. The distance we covered with these horses was a lot longer than we would have done if we had walked ourselves – the idea of learning to ride and then travel to Kyrgyzstan or Mongolia to do a longer horse trek has got stuck in my brain.

An ex-yak after a pack of wolves had a feast earlier this year

An ex-yak after a pack of wolves had a feast earlier this year

I know I completely lack the technique of riding properly and I noticed that after a day of horseback riding my body was aching pretty much everywhere. It is funny that I can sit on a bicycle day after day and feel nothing but a few hours of riding a horse made my knees and bottom hurt a lot.

Before going to bed we decided to stay another day in Langmusi and do nothing but sleep and rest. It was a bit cloudy in the morning but in the afternoon the sky got clear again. We felt that it was a pity to not cycle when the conditions were so favourable, but it was very nice to just hang around doing nothing.

Yaks enjoying a mud bath at 3500 meters altitude

Yaks enjoying a mud bath at 3500 meters altitude

After two days of rest in Langmusi it was time to start cycling again, but when we woke up at 6.30 we could hear it was raining outside. Why does it have to be good weather when we stop and bad when we need to cycle???

When I finally went up from my warm and cousy bed I took a quick look out of the window. A black car was parked on the opposite side of the road, but it was something strange with it because it had a white roof. I then realised that it was SNOW….. Well, we are in a mountain region where it can snow anytime and I guessed that this car had come down from higher altitudes where it had snowed during the night. Then I saw that there was snow on the roof of the building next door…..

The main street in Langmusi

The main street in Langmusi

Apparently it had snowed during the night and the rainfall we could hear from our room was snow mixed rain and this didn’t make us very excited about the idea of getting up on our bikes again. Those of you who have followd this blog from the start know that we have cycled through a lot harsher winter conditions than this when we passed through central Europe in March, but we still felt it was too short between the last snowfall in Bucharest in April and China in September. After a very short discussion we decided to stay another day and hope that the weather will improve tomorrow…..

Writing this blog post in the hallway of the guesthouse

Writing this blog post in the hallway of the guesthouse

จีน => จาก Minhe (หมินเฮอ) ผ่านหลายหมู่บ้านข้ามแม่น้ำฮวงโหไป Gannan (กันนัน)

ช่วงนี้ปั่นกันหลายวันหน่อยเพราะอยากจะออกจากบริเวณนี้มาก คือบนช่วงเทือกเขาอากาศเริ่มเย็นขึ้นเปลี่ยนเป็นหน้าฤดูใบไม้ร่วงอากาศเหมือนท่ีสวีเดนเลย เลยยิ่งอยากจะหนีจากบริเวณนี้เร็ว ๆ และอีกอย่างคือเรามีเรื่องให้คิดเกี่ยวกับการต่ออายุวีซ่าว่าจะต่อท่ีไหนเมื่อไหร่ซึ่งหวังว่าคงไม่มีปัญหา เมื่อคืนนอนกันดึกไปหน่อย เขียนบล๊อค ตื่นเกือบ 9 โมง เรานั่งเขียนของเรากว่าจะเสร็จก็เกือบบ่าย ตอนเช้ากินมาม่าท่ีห้องตั้งแต่เข้าจีนมานี่กินมาม่าบ่อยมาก เริ่มเบื่อเดี๋ยวต้องคอยมองหาอย่างอื่นบ้างล่ะ เรียบร้อยแล้วเราปั่นออกนอกเมือง ทางเริ่มขรุขระ โจคิมหาทางลัดออกไปถนนใหญ่ เข้าทางเล็ก ๆ เลี้ยวลึกเข้าไปตามหมู่บ้าน ตอนปั่นผ่านร้านขายผลไม้ข้างทาง เห็นนักปั่นน่าจะเป็นคนจีน เราจอดกินผลไม้กันอยู่แต่เขาโบกมือให้แล้วปั่นต่อไป ปั่นมาเรื่อย ๆ เจอนักปั่นอีกคน คนนี้กลับรถแล้วจอดคุยกัน เขาจะไปท่ีทะเลสาปท่ีไปดูนกกัน เริ่มเห็นนักปั่นมากขึ้น ก่อนท่ีจะเลี้ยวซ้ายเข้าทางลัดมีอุบัติเหตุรถชนกัน โชคดีเราไม่ได้อยู่ตรงท่ีเกิดเหตุนั้นด้วย รถติด คนเยอะมาก จีนบริเวณนี้มีมุสลิมอีกกลุ่มหนึ่ง เรียกว่า “หุ๋ย” ท่ีไม่ใช่อูกูรอย่างท่ีเราพบท่ีมณฑลซินเจียง การแต่งกายแตกต่างกันเล็กน้อยโดยเฉพาะหมวกของผู้หญิงท่ีมีทรงสูงกว่าของผู้ชาย เรามาถึงหมู่บ้านหนึ่งท่ีเราจะตัดออกเข้าถนนเล็ก ๆ ตอนนั้นเกือบหกโมงเย็น เราคงปั่นได้อีกแค่ชั่วโมงหนึ่ง เพราะพระอาทิตย์ตกเร็วขึ้น

วิวระหว่างทางออกจากหมินเฮอ

วิวระหว่างทางออกจากหมินเฮอ

ปั่นข้ามสะพานท่ีใหญ่มากข้ามแม่น้ำ มันน่าจะชื่อ Brown river นะ เพราะน้ำเป็นสีน้ำตาล แต่มันเป็นช่วงหนึ่งของ Yellow River = แม่น้ำฮวงโห หมู่บ้านท่ีเราปั่นผ่านมาดูเหมือนจะไม่มีท่ีพัก เพราะเทียบจากกระดาษท่ีให้ฟิชเชอร์เขียนตัวอักษรจีนท่ีแปลว่าโรงเตี้ยมหรือท่ีพักท่ีดีกว่าโรงเตี้ยมหน่อยไว้ให้ ไม่มีท่ีไหนตรงกันเลย และขี้เกียจเดินไปถามด้วย เพราะดูจากในแผนท่ีเราจะปั่นใกล้ ๆ เลียบ ๆ เคียง ๆ กับแม่น้ำ เลยแสวงหาท่ีกางเต้นท์เอาข้างหน้า แต่พอออกจากหมู่บ้านดันขึ้นเขา อ้าว…แล้วจะมีน้ำมั้ยเนี่ย ปั่น ๆ ไป เอ๊ะ…ได้ยินเสียงน้ำไหลนะเลยเดินไปเช็คดู มีบ้านหลังหนึ่งแต่เขาล๊อคจากด้านนอก เราเลยไปทางข้าง ๆ ขึ้นไปหาทำเลบนเนินเขาเล็ก ๆ ดูดีมาก ไม่มีใครสนใจมองขึ้นมา เต้นท์กางสุดท้ายก่อนท่ีพระอาทิตย์จะตกดิน วันนี้เราตั้งเตาเองด้วยนะ รู้สึกภูมิใจท่ีติดเตาได้ ไม่ได้ทำอะไรมากมาย แค่ต้มม่ามา 🙂 กินเสร็จก็เดินลงไปชำระล้างท่ีทางน้ำไหล มืดพอดี แต่ก็ดีรถผ่านไปมาจะได้ไม่ตกใจ คืนนี้นอนเร็วหน่อย เพราะตอนนี้เราอยู่ท่ีความสูงประมาณ 1600 เมตร พรุ่งนี้ต้องปั่นขึ้นเขาสูงประมาณ 2300 เมตรภายใน 10 กม. แต่หลังจากนั้นอีก 20 กม.ก็ไหลลงอย่างเดียว แฮ่ ๆๆ แล้วก็ขึ้นอีก ช่วงบ่ายเราคงอยู่บนเขาสูงประมาณ 2300 – 2500 เมตร คงได้ใส่เสื้อกันหนาวท่ีอุตส่าห์ซื้อมา 🙂 🙂

สะพานข้ามแม่น้ำฮวงโหนี่เป็นสะพานใหม่ท่ีเพิ่งสร้างเสร็จ

สะพานข้ามแม่น้ำฮวงโหนี่เป็นสะพานใหม่ท่ีเพิ่งสร้างเสร็จ

ตรงนี้น้ำใสเชียวน่าลงเล่น แต่ก็น่าจะเย็นทั้งปี เป็นแม่น้ำใหญ่เป็นท่ีสองของจีนรองจากแม่น้ำแยงซี

ตรงนี้น้ำใสเชียวน่าลงเล่น แต่ก็น่าจะเย็นทั้งปี เป็นแม่น้ำใหญ่เป็นท่ีสองของจีนรองจากแม่น้ำแยงซี

ปั่นมาได้ยินเสียงน้ำไหลเลยเข้าไปสำรวจหาท่ีกางเต้นท์

ปั่นมาได้ยินเสียงน้ำไหลเลยเข้าไปสำรวจหาท่ีกางเต้นท์

เมื่อคืนก่อนจะหลับได้ยินเสียงฝนตกนิด ๆ เลยออกไปเอาถุงพลาสติคปิดท่ีเบาะหนัง เช้านาฬิกาปลุกตอน 7 โมงเช้า แต่ฝนตกเลยนอนฟังเสียงฝนได้สักครึ่งชม.ถ้านอนรอให้ฝนหยุดคงไม่ได้ไปไหนแน่ เลยมุดออกมา อืม..ฟังอยู่ในเต้นท์เหมือนมันยังตกหนักนิด ๆ แต่พอออกมาแล้วก็แค่หยด ๆ ไม่มาก ช่วงท่ีเรานั่งกินขนมปังกะกาแฟ ฝนหยุด พอเราเริ่มปั่นออกไปได้ไม่นานก็เริ่มลงเม็ดแล้วก็ตกทั้งช่วงเช้านั้นเลย เปียกกันไปหมด ทางขึ้น ๆ นิด ๆ เรื่อย ๆ จนมาถึงอุโมงค์ ปั่นทะลุไปเราเข้าไปซื้อขนมปังและขอน้ำร้อนเขาชงกาแฟ ยืนกินกันตรงนั้นอยู่สักครึ่งชม.ได้ เปลี่ยนเสื้อผ้าท่ีแห้ง ๆ แล้วก็ไหลลงเกือบ 20 กม.พร้อมลมและฝน หนาวมากหนาวจนปากเขียวตัวสั่น แต่แถวนั้นดูไม่น่าอยู่ เปลี่ยนถุงเท้าและใส่ถุงพลาสติคครอบอีกทีและใส่กางเกงยางยืดเพิ่มอีกตัวหนึ่ง เพราะเริ่มเย็นท่ีเข่า จากตรงนั้นดูแผนท่ีแล้ว น่าจะมีหมู่บ้านท่ีใหญ่หน่อยถัดไปอีก 60 กม. เมื่อเช้าดูกระเป๋ามันสะอาดมากหลังจากถูกฝน แต่พอลงจากเขา ปั่นผ่านตรงท่ีเขาเริ่มก่อสร้าง ฝุ่นท่ีถูกฝนกลายเป็นโคลนสีแดงกระเป๋าเราเลยเขรอะอีกเหมือเดิม

นั่นคือทางออกจากอุโมงค์มา มีอุโมงค์ก็ดีอย่างคือไม่ต้องปั่นขึ้นเขาสูงนัก แต่บางอู่ไม่มีไฟต้องเดินจูงจักรยานกันออกมา

นั่นคือทางออกจากอุโมงค์มา มีอุโมงค์ก็ดีอย่างคือไม่ต้องปั่นขึ้นเขาสูงนัก แต่บางอู่ไม่มีไฟต้องเดินจูงจักรยานกันออกมา

กินขนมปังกาแฟ ตัวแห้งหน่อยแล้วก็ปั่นลงอย่างเดียว เห็นทางแล้วหนาวเลยทั้งลมทั้งฝน

กินขนมปังกาแฟ ตัวแห้งหน่อยแล้วก็ปั่นลงอย่างเดียว เห็นทางแล้วหนาวเลยทั้งลมทั้งฝน

ลงมาถึงทางราบปั่นเข้าเมือง Jongqing กินกลางวันอร่อยจานใหญ่แพงด้วย ปั่นข้ามสะพานข้ามแม่น้ำฮวงโห ปั่นขึ้น ๆ ลง ๆ จนหงุดหงิดเพราะมันไม่หมดเสียที กางเต้นท์นอนใกล้ ๆ ก่อนถึง Dongxing มีคนแวะมาดูเราคร้ังหนึ่งและอีกครั้งหนึ่งมาชวนเราไปนอนบ้านเขา ขี้เกียจเพราะกางเต้นท์และจัดท่ีนอนเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าฝนตกก็ไม่แน่ 555

จานใหญ่มากขนาดปั่นกันมาทั้งวันยังกินไม่หมด แต่อร่อยเนื้อนุ่มเชียว

จานใหญ่มากขนาดปั่นกันมาทั้งวันยังกินไม่หมด แต่อร่อยเนื้อนุ่มเชียว

มีชาวบ้านมานั่งยอง ๆ มองเราจากกองดินท่ีอยู่ทางด้านขวามือของภาพ พอเราเดินไปหาดันจะเดินหนี เอ่อ...

มีชาวบ้านมานั่งยอง ๆ มองเราจากกองดินท่ีอยู่ทางด้านขวามือของภาพ พอเราเดินไปหาดันจะเดินหนี เอ่อ…

เช้ากำลังเก็บเต้นท์มีเด็กผู้ชายเดินเข้ามาสังเกตุการณ์ว่าเราทำอะไร จ้องมองอย่างเดียว เราไม่เริ่มคุยภาษาจีนเพราะกลัวว่าจะยาว แบ่งผลไม้ให้เขาหนึ่งลูก เก็บทุกอย่างเรียบร้อยก็ออกปั่นต่อขึ้นลงนิดหน่อยแล้วหลังจากนั้นลงอย่างเดียวเกือบ 10 กม. ถนนทางลงชันกว่าและขรุขระกว่าทางท่ีเราขึ้นมา ใช้เวลาลงแค่ชม.ครึ่ง แต่ตอนปั่นขึ้นนี่ใช้เวลาทั้งวันเลย ระหว่างทางท่ีปั่นลงมาเห็นเขากำลังก่อสร้างตึกสูง ๆ อยู่ในหุบเขา จีนเขารื้อบ้านเรือนเก่า ๆ แล้วสร้างตึกคอนโดสูงเพิ่มมาตรฐานความเป็นอยู่แล้วท่ีเขามีมาตรการท่ีว่าให้มีลูกแค่คนเดียวแล้วสร้างตึกมากมายอย่างนี้จะมีคนมาอยู่มั้ยเนี่ยอยากรู้จัง

ก่อสร้างตึกสูง ๆ เห็นอยู่ทั่วไปไม่ว่าจะปั่นอยู่ในเมืองใหญ่หรือเมืองในหุบเขา

ก่อสร้างตึกสูง ๆ เห็นอยู่ทั่วไปไม่ว่าจะปั่นอยู่ในเมืองใหญ่หรือเมืองในหุบเขา

เมืองนี้อยู่ในหุบเขาถึงสองชั้นเลยนะเนี่ย

เมืองนี้อยู่ในหุบเขาถึงสองชั้นเลยนะเนี่ย

เราปั่นเข้ามาท่ีเมืองลินเชีย (Linxia) เห็นร้านขายของและชุดคลุมกันฝนราคาถูก ๆ เลยซื้อมา 2 ตัว 40 หยวน ตอนนั้นคนขายหล่อนโมโหลูกตีด้วยเข็มขัดไปตั้งหลายที หันมาคุยกับเราต่อพอเราลองใส่และคุยกัน เธอเดินกลับเข้าไปตีลูกอีกอ่ะ ไม่กล้าต่อราคาเลย จ่ายตังค์แล้วรีบปั่นออกมาเลยปั่นไปอีกหน่อยก็มีอีกหลายร้านท่ีขายร่มและชุดกันฝน อืม…ท่าทางเมืองนี้ฝนตกบ่อย หลังจากนั้นไปหาข้าวเท่ียงกิน เจอร้านนึงมีอาหารตามสั่ง นั่งกันยาวหน่อยเพราะอยากชาร์ตคอมฯ และจีพีเอส ซื้อไข่ต้มจากท่ีร้านไปกินตอนกลางวันน่าจะดี เลยสั่งไข่ต้มผ่านกูเกิ้ล นั่งรอสักพัก เขาเดินมาส่งเป็นกล่องโฟม เอ… สงสัยได้ไข่อะไรอื่นพอเปิดดู เหอะ ๆ ไข่ดาว โอเค! พอเราพร้อมท่ีจะออกเดินทางต่อฝนดันตก แต่มิเป็นไรเรามีชุดกันฝนแล้วได้ใช้ทันที แวะชื้อเป็บซี่เพราะอยากได้ถุงพลาสติคาใส่ครอบถุงเท้า พอเตรียมตัวทุกอย่างเสร็จปั่นออกไป เอ…ล้อหลังมันแปลก ๆ ตอนแรกคิดว่าถนนมันขรุขระ ใช่ขรุขระด้วยยางแบนด้วยเลยต้องเดินหาท่ีเปลี่ยน ฝนตกถนนเฉอะแฉะเลอะเทอะไปหมด เรามานั่งท่ีหน้าร้านท่ียังไม่เปิด ข้าง ๆ นั้นเป็นร้านขายยา คิดว่านั่งตรงนี้คงไม่มีคนเยอะ แต่จอดปุ๊บคนก็เดินมาดูปั๊บ ทำใจเพราะแค่เห็นเราปั่นผ่านเขาก็จ้องตาแทบถลน นี่มาจอดนิ่ง ๆ ปะยางอยู่ตรงหน้า ไม่มามุงให้มันรู้ไป 🙂 🙂 🙂 (พอของเราแบนลืมถ่ายรูป 🙂 คิดค่ามุงละกันนะค่ะ ขอน้ำล้างมือเสียเลย แล้วหาเร่ืองคุยนิดหน่อยเรื่องเส้นทาง ตามแผนท่ีเราจะไปทางขวามือ คนท่ีมามุงเราบอกว่าถนนเส้นนั้นยังซ่อมแซมไม่เสร็จ ควรจะไปใช้ทางเส้นขนาน ดีท่ีถามไม่อย่างนันวันนี้คงไปไม่ถึงไหนแน่ ดูจากปากทางเป็นโคลนแดง ๆ เละ ๆ แต่ถนนท่ีเราปั่นไปก็ไม่ใช่ว่าดีมาก ถนนดีแต่รถหลายคันมาใช้เส้นทางเดียวกัน จราจรเลยคับคั่งไปหน่อย เราพยายามปั่นให้เข้ามาใกล้เมืองกันนัน (Gannan) ให้มากท่ีสุดเพราะทางชันขึ้นเรื่อย ๆเราปั่นผ่านสำนักงานท่ีให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานท่ีท่องเท่ียวของมณฑลกันซูนี้ เราเข้าไปถามดูว่าอีก 10-20 กม.จะมีท่ีพักมีโรงแรมมั้ย ไม่มี แต่มีถ้าปั่นไปอีก 30 กม. อึ๋ย… เวลามันเริ่มเย็นแล้วเน้อ เขาว่ามีเราก็จะปั่นไป เราบอกให้เขาจดชื่อโรงแรมบนกระดาษ แต่มาสังเกตุเห็นทีหลังว้าเขาเขียนชื่อเมืองและระยะทาง เฮ่อ..เศษกระดาษนั่นไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย พอมาถึงทางเข้าเมืองก็เริ่มถามคนแถวนั้น ชี้กันไป พอถามเจอเขาโทรศัพท์ไปคุยกับใครไม่รู้และหันมาบอกเราว่าโรงแรมปิด อุ่ย.. อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงพระอาทิตย์จะตกดินจะเริ่มมืด ช่วงนี้เวลาปั่นของเราหดสั้นลงเรื่อย ๆ จากท่ีเคยปั่นได้ถึงสามทุ่ม ตอนนี้แค่ทุ่มครึ่งก็มืดแล้ว เรารีบปั่นออกไปหาท่ีกางเต้นท์ ไม่ไกลจากตรงนั้นเท่าไหร่ แถว ๆ หมู่บ้าน Wanggeertangxiang นั่นแหละ ออกเสียงไม่ถูกเช่นกันค่ะ

ผ่านประตูนี้ถึงจะเห็นสำนักงานท่องเท่ียว

ผ่านประตูนี้ถึงจะเห็นสำนักงานท่องเท่ียว

ตื่นเช้ามานอนฟังเสียงอีกแล้ว กำลังเก็บเต้นท์อยู่เห็นว่ามีมอเตอร์ไซค์มาจอดห่าง ๆ แล้วจ้องมาทางเรา กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้วท่ีถูกจ้อง เราโบกมือทักทายเขาแต่ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบกลับมา นี่ก็เป็นเรื่องธรรมดาอีกเรื่องหนึ่ง โบกยังพี่ท่านก็ยังยืนจ้องเหมือนเดิม เชิญ ๆ จ้องได้จ้องไป เฮ้อ..จะบ้าตาย เช้านี้ขี้เกียจตั้งเตาเลยปั่นข้ามไปอีกฝั่งสั่งอาหารเช้ามากิน เรามีขนมปังและกาแฟเอามาเอง เกรงใจเขาเลยสั่งไข่ต้ม 4 ฟอง คราวนี้เขียนในกูเกิ้ลว่า hard boiled eggs นั่งรอสักพัก พอเขาเสริฟมาเป็นชาม เหอะ ๆๆ มันกลายเป็นไข่น้ำ แถมได้คนละ 4 ฟอง โด๊บกันสุด ๆ

ช่วงนี้ก็ยังคงบนเขาขึ้น ๆ ลง ๆ แต่ปั่นกันสบาย ๆ ทั้ง ๆ ท่ีฝนตก เรายังโชคดีท่ีไม่มีลมมาผสมโรงด้วย ไม่อย่างนั้นคงน่าเบื่อน่าดู ปั่นไปปั่นมา เฮ้ย..ทำไมมันเหนื่อยอย่างนี้เนี่ยะ เสื้อคลุมฝนมันคลุมครอบแฮนด์และบนกระเป๋าหน้ารถทำให้มองไม่เห็นว่าตอนนั้นเป็นเกียร์อะไร นึกว่าเราคงใช้เกียร์หนักแต่เปล่าค่ะ “ยางแบน” ล้อหลังอีกแล้ว วันละหนึ่งแบน ดีท่ีตรงนั้นมีสะพานเราไปปะยางท่ีใต้สะพานให้สะพานบังฝนให้ สักประมาณบ่ายโมงเรามาถึงเมืองกันนัน แวะโรงแรมแรกไม่รับแขกชาวต่างชาติ โรงแรมท่ีสองเต็มเพราะมีเอเย่นซี่มาขอจองทั้งโรงแรม พนักงานให้ชื่อโรงแรมมาสองแห่ง เราเลยถามให้เขาช่วยดูและโทรศัพท์ไปถามท่ีโรงแรมนั้นให้หน่อยว่าเขามีห้องและเราสามารถเข้าพักได้ ท่ีแรกไม่สามารถรับเรา ท่ี่สองบอกว่ามี แต่ไม่สามารถอธิบายเส้นทางให้เราได้ พนักงานต้อนรับโทรศัพท์ไปหาใครไม่รู้แล้วก็ยื่นหูโทรศัพท์มาให้เวช ปรากฎว่าเป็นตำรวจหญิงท่ีสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เขาก็พยายามบอกเส้นทางให้เราทางโทรศัพท์ แต่ไม่เป็นผล เลยบอกให้เรารออยู่ท่ีนั่นเดี๋ยวเขาจะมาพาเราไปโรงแรมด้วยตัวเอง รออยู่ได้พักใหญ่ ๆ ชักเย็น ตอนแรกเริ่มเย็นท่ีเท้าเพราะชื้นจากฝน ต่อมาเริ่มเย็นทั้งตัวเลยเพราะลมเริ่มแรงขึ้น เรากะว่าเข้าเมืองเร็วหน่อยจะได้พักผ่อนยาว ๆ แต่ต้องมาเสียเวลาหาโรงแรม รอตำรวจ กว่าจะเข้าท่ีพักได้ ปาเข้าไปเกือบเย็น ธรรมดาโรงแรมท่ีมีใบอนุญาติรับแขกต่างชาติท่ีเราพัก ๆ กันมาเขาจะแค่ขอหนังสือเดินทางของเราไปถ่ายเอกสาร แต่ท่ีนี่เรามีตำรวพามา เราเลยต้องกรอกแบบฟอร์มทั้ง ๆ ท่ีไม่เคยกรอกและไม่เคยเห็นแบบฟอร์มนั้นมาก่อนเลย

ตำรวจหญิงท่ีสละเวลาพักเท่ียงมาช่วยนำทางเราไปโรงแรม ในมือเขาคือแบบฟอร์มท่ีเรากรอกเป็นครั้งแรก :-)

ตำรวจหญิงท่ีสละเวลาพักเท่ียงมาช่วยนำทางเราไปโรงแรม ในมือเขาคือแบบฟอร์มท่ีเรากรอกเป็นครั้งแรก 🙂

วิวระหว่างทาง

วิวระหว่างทาง

SONY DSC

SONY DSC

SONY DSC

SONY DSC

Day 125-128 (Minhe – Gannan)

A tale of rain and hills

Right now we are in an intensive cycling period and we try to cycle as much as possible and avoid any long stops. There are two reasons for this and one is that we want to get south and away from the autumn as fast as we can and the other one is that we need to think of our visa extension which need to be done somewhere around Chengdu by the end of this month or early October.

We try to not have any rest days now, but put in some days with easy cycling or days with only half the normal distances. The day when we left Minhe was such a day. We checked out from the hotel at 1 PM and started cycling at 2 PM. It was downhill and tailwind on good roads and to cycle 66 km under those circumstances was just like having a restday. The ride was not very exiting and after the last few days of cycling in a fantastic landscape there is really nothing comparable to say about this day’s ride. It was 66 pleasant kilometers on a busy road without any exiting sights along the way.

A view of Minhe as we left the city. Almost in every town we pass we can see tall buildings under construction

A view of Minhe as we left the city. Almost in every town we pass we can see tall buildings under construction

Our Polish friend started before us and we didn’t expect to catch up with him the same day. Later that day we learned that he had made an navigational error and were 40 km behind us instead of the same distance ahead of us. Taking the wrong turn is never fun and it happens to all touring cyclists. Our most recent experience was when we lost some 50 km due to a wrong turn at an intersection in Uzbekistan.

In the late afternoon we finally reached the banks of the Yellow River. We crossed it twice in two days but the second crossing was on a much more spectacular place than the first one and we count this as our midpoint on our way through China.

For those of you who check our daily map section we have now split the maps in China part 1 and China part 2 because there would be too many maps under one single country. The split was planned to be done when we reached the midpoint, i.e. the Yellow River.

We have now camped three nights in a row. Our first camp site was right outside a sleepy village on the shore of the Yellow River and just at beginning of the first of the two major climbs we were to deal with the coming day.

Finding spots to pitch the tent is still easy and this one was one of the most convenient so far. It was on a little hill behind an abandoned house and although close to the road it wasn’t visable. 100 meter away there was a little stream of clear water that we could use for washing ourselves in.

Coffee break at tea house to escape the rain for a few minutes

Coffee break at tea house to escape the rain for a few minutes

The next morning we woke up to the sound of rain falling on the roof of our tent. It is never fun, especially when you camp on a dirt hill which would be very muddy when it rains. We stayed in bed half an hour extra and when we finally got out the rain had stopped. After having cycled for about 1 km it started again and we did the 10 km climb of 600 meter in heavy rain. Not very fun when we have sent our rain proof jackets to Bangkok…..

At the top of the climb there was a short tunnel and on the far side of the tunnel we found a little shop where we stopped to ask for hot water in which we poured instant coffee. We were soaking wet and didn’t really look forward to the 17 km downhill speed. Wet clothes, cold weather and high speed is a freezing combination. But it was a joy to roll 17 km without having to turn the pedals even once.

"....ifrån Gula Floden kommer jag och vill till Göteborg..."

“….ifrån Gula Floden kommer jag och vill till Göteborg…”

We were now back at the Yellow River and went in to the city of Yongjing to find some warm place where we could eat and dry our clothes. To our great satisfaction the rain stopped while we were having lunch and 7 km beyond the city center we came back to the Yellow River which here had very high banks and the bridge spanning across the river was very high.

The midpoint of our journey through China - the yellow bridge over the Yellow River

The midpoint of our journey through China – the yellow bridge over the Yellow River

Immediately after crossing the yellow bridge over the Yellow River we started climb number two this day. This climb was a 20 km long and took us up almost 900 meters along the sides of the mountains with an endless number of terraces. It was still cloudy and sometimes a bit foggy and the photos we took didn’t come out very good.

The road is like a meandering river

The road is like a meandering river

The road follows the terraces

The road follows the terraces

A sharp turn....

A sharp turn….

Once we had got up on the mountain we thought it would be a smooth ride, but no….. There were lots of very small climbs and after all previous climbing that day they felt like killer climbs. We actually prefer one very long climb where we can keep our pace for a long time instead of many small ones where it is necessary to change speed, gears, cadence and everything else that breaks the rythm.

Wej and a curious local boy who came to watch us break our camp

Wej and a curious local boy who came to watch us break our camp

Our aim was to cycle 130 km and reach the town of Linxia, but after having cycled almost 100 km and climbed 1900 meters it finally got dark and we had to find somewhere to camp. This time it turned out to be a flat area just before the last village the start of the descent down to the city. We were close, but riding on those roads in darkness is a bad idea so we had to stop.

The following morning we woke up to the sound of……. raindrops falling on our tent…..
Fortunately it stopped and we could pack our gear and rush the remaning 25 km into town where we bought some ponchos and had a long lunch break. When leaving town we came to a roundabout that was very muddy due to ongoing roadworks. There were lots of traffic and in the midst of all this Wej got a flat tyre on her rear wheel.

Wej in her brand new 3 € poncho

Wej in her brand new 3 € poncho

We had already done 30 km and it was another 100 km and 1200 meters climb to the next city (Gannan) which we knew was too far for us so our intention was to camp. In the middle of nowhere we suddenly found a tourist information office along our way. We stopped and went in and since it was raining again (now we had ponchos so it wasn’t a problem) we asked for nearby hotels. The staff told us there was one 30 km further on and we rushed there only to find it was a simple and dirty guesthouse that was closed. There was nothing to do but to pitch our tent beside the streem a few hundred meters away.

Rainy morning. We came here to enjoy the views and the autumn colours of the mountains but got only rain. Our last campsite was at the green field beside the trees in the centre.

Rainy morning. We came here to enjoy the views and the autumn colours of the mountains but got only rain. Our last campsite was at the green field beside the trees in the centre.

This time it rained when we went to bed and it still rained when we woke up. The surrounding hilltops were completely covered by clouds that poured out its content over us. It was 35 km and 500 meter climb to the town of Gannan where we intended to stay at a hotel, take a half day off and do some laundry and dry our gear. It was raining and uphill but we had a tailwind and our ponchos worked like sails…. About halfway Wej got yet another flat tyre, but this time at a very convenient place right beside a tunnel under the highway that is under construction. We could change to a new innertube without having to get wet.

Wej likes to take photos of me when I fix punctures. Now it is my turn to take photos of her flat tyres....

Wej likes to take photos of me when I fix punctures. Now it is my turn to take photos of her flat tyres….

Arriving in Gannan we tried the first hotel we passed by, but it had no license to host foreigners. They informed us about two hotels which have the license, but when we cycled past the first one we saw that it was undergoing a complete renovation and the second hotel turned out to be fully booked. The rain had stopped but after three rainy nights in our tent we were not in the mood for this sort of games and the staff at the fully booked hotel called the police to ask what to do. The police told about a third hotel with license to host foreigners and sent out an officer who was on lunch break to show us the way there.

This afternoon I also got a text message from Fisher, the chinese cyclist we cycled with a few days ago. He sent a message to tell us that there had been an earthquake in Menyuan where we stayed together less than a week ago. It was 5.1 on the Richter scale which is not too strong. Nobody seems to be hurt, but we are glad we weren’t there when it happened.

จีน => จาก Zhangye (จ๋างเย่อ) – Minle (หมินเล่อ) – Menyuan (มึนหยวน) – Minhe (หมินเฮอ)

ท่ีจ๋างเย่อเราต้องจัดการเรื่องซิมโทรศัพท์เพราะตังค์ในซิมหมด ออกไปเดินหา China Unicom พอมาถึงก็คุยกันไม่รู้เรื่องเพราะเราไม่มีเน็ตแล้วไม่สามารถคุยกันผ่านกูเกิ้ลได้ กว่าเขาจะเข้าใจว่าเราต้องการอะไรร้านจะปิดแถมเติมไม่ได้อีกเพราะอยู่คนละมณฑลซิมแรกซื้อท่ีมณฑลซินเจียงแต่ตอนนี้เราอยู่มณฑลจิงไห่ โอ๊ะ..ข้าพเจ้างง กฎเกณฑ์อะไรของเขานั่น แล้วเราจะทำอย่างไร??? กลับท่ีพักด้วยความหงุดหงิด ขนาดเวชใจเย็นมากแล้วนะยังรู้สึกปวดตับอยากจะกรี้ดดดดดัง ๆ ๆ แต่รู้ว่าไม่มีประโยชน์ วันรุ่งขึ้นออกไปจัดการเรื่องซิม เราตัดสินใจว่าถ้าอย่างนั้นทิ้งซิมเก่าเปลี่ยนยี่ห้อเป็น China Mobile แต่ก็ยังมีปัญหาคือพนักงานคนแรกพอเห็นพาสปอร์ตเวชไม่ยอมทำให้บอกว่าเอกสารไม่ถูกต้อง เอ่อ..อันนี้แก้ไขยากหน่อยนะ ฉันมีเล่มนี้เล่มเดียว และกว่าเขาจะเข้าใจว่าควรจะเอามือถือตัวเองขึ้นมากด ๆ คุยกันผ่านเวบต์ช่วยแปล เฮ่อ.. อยากกรี้ดดดดดัง ๆ อีกที ปวดหัวตึ๊บเลยอ่ะ สักพักนึกขึ้นได้ว่าท่ีคัชก้าท่ีเราซื้อซิมแรก เข้าคุ้ย ๆ เอกสารตรงหน้าแล้วก็หยิบเอาแผ่นก้อปปี้บัตรประชาชนของใครไม่รู้มาลงทะเบียนให้เรา ตอนนั้นก็คิดว่าทำอย่างไรก็ได้ขอให้ฉันได้ซิมมา เลยเล่าให้เขาฟัง แต่กว่าเธอจะเข้าใจว่าเวชไม่สามารถเข้าใจภาษาจีน เอาโทรศัพท์มากดคุยกันบอกให้เขาทำอย่างท่ีพนักงานท่ีคัชก้าทำให้ได้มั้ยละ ไม่ได้! อยากกรี้ดด้วยบ้างหรือยังคะ??? พอดีมีเพื่อนพนักงานอีกคนเดินเข้ามา เขาคุยกันและก็บอกว่าน่าจะทำได้ หันมาหาเวชแล้วถามว่ามีชื่อจีนมั้ย? ไอ่หย๋า..ก็มีนะ แต่จำไม่ได้แล้วว่าเขียนยังงัย สรุปเขาเขียนชื่อตามในพาสปอร์ต เราเลยขอให้เขาจัดการให้เราโดยท่ีเราจ่ายไปเลยสำหรับ 2 เดือนท่ีอยู่ท่ีเมืองจีนจะได้ไม่ต้องวุ่นวายอีกครั้งหนึ่ง เฮ้อ..แต่ก็ไม่วาย เพราะเมื่อวานนี้รู้สึกว่าเรามีสัญญาณแต่ไม่มีอินเตอร์เนต คงต้องลุยหรือกรี้ดดดกันอีกรอบละ เบื่อจริง ๆ สื่อสารกันไม่ได้นี่มันช่างเสียเวลาจริง ๆ

ออกไปเดินหาซื้อของกิน เห็นร้านนี้ป้ายเขาว่ามีกาแฟ แพนเค้ก เลยมากินอาหารเช้าท่ีนี่ มี wifi ด้วยเลยนั่งกันนานเลย

ออกไปเดินหาซื้อของกิน เห็นร้านนี้ป้ายเขาว่ามีกาแฟ แพนเค้ก เลยมากินอาหารเช้าท่ีนี่ มี wifi ด้วยเลยนั่งกันนานเลย

ทางออกจากเมืองมีตึกเก่า ๆ ข้างล่างเป็นร้านอาหารร้านขายของซื้อน้ำท่ีนั่น

ทางออกจากเมืองมีตึกเก่า ๆ ข้างล่างเป็นร้านอาหารร้านขายของซื้อน้ำท่ีนั่น

ถนนหนทางของจีนมักจะมีต้นไม้ข้างทาง ทำให้รู้สึกร่มรื่นเขียวเย็นตา

ถนนหนทางของจีนมักจะมีต้นไม้ข้างทาง ทำให้รู้สึกร่มรื่นเขียวเย็นตา

ก่อนท่ีจะเราจะถึงเมืองหมินเล่อ เราเห็นนักปั่นคนหนึ่งกำลังนอนพักผ่อนอยู่ข้างถนน จะเข้าไปทักก็กลัวจะเป็นการรบกวนเราเลยปั่นเลยไป ทางเข้าเมืองก็ดูไม่เหมือนเช่นกันว่าจะมีเมืองใหญ่ท่ีอยู่ลึกเข้าไปอีก พอเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมท่ีอยู่ก็เห็นโรงแรมอยู่ข้าง ๆ อีกท่ีหนึ่ง ปั่นออกมาได้ไม่ไกลนัก ก็เห็นจักรยานอยู่ข้างหน้าเราคันหนึ่ง ตอนแรกนึกว่าเป็นบาเทคเพราะเขาเขาปั่นช้าเลยมักจะออกก่อนเรา แต่ไม่เห็นกระเป๋าสองใบเล็กด้านหน้า ไม่ใช่บาเทคแล้วล่ะ พอเราปั่นไปถึงก็หยุดคุยกับเขาและได้ความว่าเป็นชาวจีนคนหนึ่ง ทำงานได้ 3 ปีเป็นวิศกรด้านคอมพิวเตอร์ ลาออกแล้วมาปั่นรอบประเทศจีน เขาออกทริปมาได้ 1 ปีนิด ๆ ละ

ในตัวเมืองหมินเล่อ

ในตัวเมืองหมินเล่อ

หนุ่มจีนชื่อฟิชเชอร์

หนุ่มจีนชื่อฟิชเชอร์

หลังจากนั้นเราปั่นกันสักช่วงหนึ่ง จนกระทั่งมาถึงยอดเขาแรกของวันนี้ เผอิญบาเทคเพื่อนเราเกิดอาการอยากจะอาเจียนท้องเสียเป็นไข้ หลายอย่างพร้อมกันทีเดียว เราเลยต้องให้เขาตัดสินใจว่าจะไปต่อท่ีความสูงสูงขึ้นแล้วไหลลงไปในเมืองหรือจะย้อนลงไปท่ีต่ำกว่าแล้วตั้งแคมป์ เราเข้าใจบาเทคเพราะในสภาพแบบนั้นก็ไม่อยากนอนเต้นท์ อยากนอนในท่ีอุ่น ๆ มากกว่า เราเลยปั่นต่อขึ้นเขาและไหลลงมาท่ีเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง โชคดีของเราท่ีวันนี้เรามีฟิชเชอร์มาด้วย เขาช่วยเราหาโรงเตี้ยม เพราะเมืองเล็ก ๆ นี้ไม่มีโรงแรมแน่นอน เขาวิ่งหาติดต่อเช็คราคา แต่ตรงท่ีเรายืนรอนั้นลมแรงมากอุณหภูมิอยู่ท่ี 7 องศา ได้ห้องพักคู่เรายกเตียงให้ฟิชเชอร์และบาเทค ส่วนเราสองคนนอนพื้น พื้นเป็นเสื่อน้ำมันเรามีอุปกรณ์พร้อมเลยยกเตียงให้พวกเขา อย่างน้อยบาเทคท่ีเข้าห้องพักปุ๊บก็สลบหลับไปเกือบถึงเช้าเลย

เช้านี้โจคิมเปลี่ยนยางในทั้งสองล้อ บาเทคล่วงหน้าไปก่อน ฟิชเชอร์รอเรา แต่ใจจริงอยากให้เขาไปพร้อมกับบาเทคเพราะเขาปั่นความเร็วพอ ๆ กัน พอโจคิมเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทาง สักพักฟิชเชอร์ว่าเขาปวดท้องแถมบางครั้งอยากจะอาเจียน เหมือนท่ีบาเทคเป็นเมื่อวานนี้ แต่เขาไม่มีไข้เท่านั้นเอง ปั่นได้แต่ค่อย ๆ ไป เราไม่กล้าทิ้งเขาให้ปั่นอยู่คนเดียว เรายต้องปั่นตามความเร็วของเขา สำหรับเวชปั่นความเร็วขนาดนั้นเหมือนตอนปั่นไปเซเว่นมากกว่า วันนี้เราปั่นขึ้นเขาต่อจากเมื่อวานนี้ ยังคงขึ้นเรื่อย ๆ

วิวระหว่างทางจากเมืองเล็ก ๆ นั่น

วิวระหว่างทางจากเมืองเล็ก ๆ นั่น

SONY DSC

SONY DSC

วัดสไตล์ทิเบตบนทางขึ้นเขา

วัดสไตล์ทิเบตบนทางขึ้นเขา

SONY DSC

มาถึงยอดแรกของเส้นทางท่ีเราจะปั่นกันใน 3-4 วันนี้

มาถึงยอดแรกของเส้นทางท่ีเราจะปั่นกันใน 3-4 วันนี้

เมืองเล็ก ๆ ท่ีบาเทคนอนไม่สบาย เช้าวันรุ่งขึ้นก็ดีขึ้นเยอะแต่ยังไม่ 100% เท่านั้นเอง

เมืองเล็ก ๆ ท่ีบาเทคนอนไม่สบาย เช้าวันรุ่งขึ้นก็ดีขึ้นเยอะแต่ยังไม่ 100% เท่านั้นเอง

เมื่อเช้ามองออกไปทางหน้าต่าง เห็นพื้นถนนชื้น ๆ ฝนตกแหมะ ๆ อากาศเย็น ๆ เสร็จเลยเรา ดันส่งเสื้อผ้าชุดกันฝนกลับบ้านไปหมดแล้ว ลองลงไปกินข้าวเช้าแล้วดูว่าอากาศเป็นยังงัย อืม..ก็ไม่ถึงกับแย่นัก!!! เรานั่งกินท่ีร้านท่ีเรากินเมื่อคืนนี้ กินเสร็จก็ซื้อไข่และซาลาเปาไปกินกลางวัน ฝนยังคงตกอยู่แต่ดีท่ีไม่มีลม บาเทคไปก่อน เราไปหาซื้อเสื้อผ้ากันหนาวและถุงเท้า ได้ถุงเท้ามาคนละคู่ กางเกงคนละตัว เสื้อฟลีซอีก 1 ตัว ซื้อได้แล้วฝนเริ่มซาดีแดดไม่ออกด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นคงได้คืนทุกตัวแน่ 🙂 ช่วงเช้าป่ันออกมาถนนยังเปียก ๆ แค่ตรงช่วงท่ีต้นไม้หนาตา ถ้าเป็นท่ีโล่ง ๆ พื้นแห้งแล้ว สองข้างทางดูเหมือนต้นไม้ท่ีสวีเดน ดูร่มรื่น แต่เรารีบและไม่อยากเอากล้องออกมาตอนนั้นเพราะอากาศชื้น ๆ ทางขึ้น ๆ ลง ๆ ส่วนใหญ่ลงมากกว่า พอออกจากเมือง เข้าเขตภูเขา ทางเริ่มสวย ปั่นตามแม่น้ำดาตอง ผ่านหมู่บ้านหลายแห่ง มีท่ีหนึ่งเด็กตะโกนเรียก “ฝรั่ง ๆๆ” เราปั่นไปชมวิวถ่ายรูปไป สวยทุกมุม เลือกทางได้ถูกต้องจริง ๆ วันนี้เป็นอะไรท่ีพิเศษอีกวันหนึ่ง

วิวหลังจากออกจากเมืองเล็ก ๆ นั้น

วิวหลังจากออกจากเมืองเล็ก ๆ นั้น

บ้านสไตล์ทิเบตมีการตกแต่งเห็นหลายหลังเชียวแหละ

บ้านสไตล์ทิเบตมีการตกแต่งเห็นหลายหลังเชียวแหละ

ปั่นเป็นเพื่อนฟิชเชอร์มาเรื่อย ๆ เพราะเขาเริ่มรู้สึกไม่ดี ปวดท้อง

ปั่นเป็นเพื่อนฟิชเชอร์มาเรื่อย ๆ เพราะเขาเริ่มรู้สึกไม่ดี ปวดท้อง

ระหว่างทางจะเห็นแกะและยอร์ค เขาว่ายอร์คมันมีปอดท่ีใหญ่เป็นพิเศษ มิน่าชอบอยู่ในท่ีสูง ๆ

ระหว่างทางจะเห็นแกะและยอร์ค เขาว่ายอร์คมันมีปอดท่ีใหญ่เป็นพิเศษ มิน่าชอบอยู่ในท่ีสูง ๆ

SONY DSC

ถ่ายรูปคู่่หน่อย โจคิมกับฟิชเชอร์ท่ียอดท่ีสองสูงเกือบ 3800 เมตร

ถ่ายรูปคู่่หน่อย โจคิมกับฟิชเชอร์ท่ียอดท่ีสองสูงเกือบ 3800 เมตร

หลังจากยอดสูง 3800 เมตรนั่นเราก็ไหลลงอย่างเดียวเกือบ 20 กม. สนุกมาก พอมาถึงท่ีลุ่ม เขาเริ่มทำการเกษตรกันมากขึ้น

หลังจากยอดสูง 3800 เมตรนั่นเราก็ไหลลงอย่างเดียวเกือบ 20 กม. สนุกมาก พอมาถึงท่ีลุ่ม เขาเริ่มทำการเกษตรกันมากขึ้น

ปลูกอะไรกันสักอย่าง เขามีปลูกต้นคริสต์มาสด้วยนะ คาดว่าคงจะเอาไปปลูกบนเขาเพื่อกันดินถล่ม

ปลูกอะไรกันสักอย่าง เขามีปลูกต้นคริสต์มาสด้วยนะ คาดว่าคงจะเอาไปปลูกบนเขาเพื่อกันดินถล่ม

อีก 7-8 โลเข้าเมืองเรารอบาเทคและฟิชเชอร์ มาถึงแล้วปั่นเข้าเมืองพร้อมกัน Fisher เห็นโรงเตี้ยมหลายท่ี ถ้าเรามากันเอง คงไม่รู้ว่าท่ีไหนเป็นท่ีพักแน่นอน เราเดินเข้าไปสอบถามและดูห้องด้วยกัน เอาท่ีแรกเพราะสามารถต่อราคาได้ จากราคาคนละ 30 เป็น 20 หยวน ไม่มีห้องอาบน้ำมีแต่ห้องน้ำอยู่ข้างนอก เป็นรูท่ีพื้น แต่ดีกว่าท่ีจินตนาการไว้ ชักหิว รีบเอากระเป๋าเข้าไปเก็บท่ีห้อง แล้วตรงไปท่ีร้านอาหารเลย ฟิชเชอร์จัดการถามเจ้าของท่ีพักให้เรียบร้อยแล้วว่าร้านไหนอร่อย มีเพื่อนท่ีเป็นคนท้องถิ่นปั่นด้วยกันทำให้เราได้สัมผัสเมืองจีนในอีกแง่มุมหนึ่ง

มื้อเย็นมื้อสุดท้ายกับฟิชเชอร์ในทริปนี้ หวังว่าคงได้มานั่งกินด้วยกันอีกครั้ง ไม่ว่าท่ีจีนหรือท่ีไทยนะฟิชเชอร์นะ ;-)

มื้อเย็นมื้อสุดท้ายกับฟิชเชอร์ในทริปนี้ หวังว่าคงได้มานั่งกินด้วยกันอีกครั้ง ไม่ว่าท่ีจีนหรือท่ีไทยนะฟิชเชอร์นะ 😉

ฤกษ์ดี!!! ตื่นเช้ามาก็ได้ปะยางอีกแล้ว คิดว่าเมื่อวานแวะเข้าข้างทางบ่อย อ๊ะ ๆ รู้นะว่าคิดอะไรอยู่ แวะถ่ายรูปค่ะ เลยโดนจิ้มด้วยลวดเพื่อนเก่าจากทางด่วน เฮ้อ…นึกว่าจะหลุดพ้นแล้วนะเนี่ย แต่เปล่า มันยังคงตามมากวนใจ บอกให้บาเทคไปก่อน เกรงใจเขาอีกอย่างเขาปั่นช้ากว่าเรา ปะเสร็จเราชวนฟิชเชอร์ไปกินอาหารเช้ากัน เขาอยากได้อาหารร้อน ๆ เราไปท่ีร้านเดิมท่ีกินมื้อเย็น แต่เขายังเตรียมไม่เสร็จเขาแนะนำให้ไปร้านก๋วยเตี๋ยวตรงหัวมุม แถมยังบอกด้วยว่าเป็นร้านเก่าแก่ เปิดมานานกว่า 20 ปีแล้ว ว้าว… คงจะเป็นการถ่ายทอดภายในครอบครัว หายากแล้วเนอะแบบนี้ เดี๋ยวนี้กลายเป็นศูนย์อาหารกันไปหมด คงจะพอมีให้เห็นบ้างตามชนบทมั้ง เราซื้อไข่ต้มขนมปังติดตัวไปด้วยเผื่อมื้อกลางวัน ส่วนใหญ่กลางวันจะกินน้อยเพราะถ้ากินมากไปคงปั่นไม่ไป จุกเสียก่อน วันนี้บรรยากาศรอบ ๆ ก็สวย แต่เรารีบอีกแล้ว เพราะวันนี้อยากให้ถึงเมืองมินเฮอ ระยะทางประมาณ 120 กม. ทางยังคงลาดลงเหมือนเมื่อวาน เราตั้งใจจะออกเร็วหน่อยแต่ยางแบนและก็อยากจะร่ำลาฟิชเชอร์ เลยออกสายเกินกว่าท่ีตั้งใจไว้ 60 โลแรกถนนดีมาก แดดยังไม่จ้าเท่าไหร่ยังพอถ่ายรูป แต่หลังจากนั้นเขาเริ่มทำถนน เป็นช่วง ๆ บางช่วงยาวบางช่วงสั้น ถนนแย่เป็นหลุมเป็นบ่อ ยังดีท่ีทางส่วนใหญ่ลาดลง ไม่อย่างนั้นแย่เลยเพราะบางครั้งรถใหญ่รถบรรทุกมากมาย ขนเอาทรายเอาหินไปท่ีก่อสร้างอีกท่ีหนึ่ง ฝุ่นตลบทั้งครึ่งวัน ระยะทางช่วงนี้มีหมู่บ้านหนาแน่นขึ้น ชาวบ้านส่วนใหญ่มองเราเหมือนตัวประหลาด มีส่วนน้อยท่ีหันมายิ้มและเชียร์เรา คงไม่เคยชินท่ีมีคนแปลกหน้าผ่านมาด้วยจักรยานขนสัมภาระเต็มคันอย่างเรา 🙂

แยกกันตรงนี้

แยกกันตรงนี้

ฟิชเชอร์เลี้ยวขวาขึ้นเขา เราเลี้ยวซ้ายลงเขา ชวนเขาแล้ว อิอิ แต่เขานัดกับเพื่อนท่ีชินหนิง มีพบก็ต้องมีจาก แต่หวังว่าคงจากเพื่อมาพบกันใหม่

ฟิชเชอร์เลี้ยวขวาขึ้นเขา เราเลี้ยวซ้ายลงเขา ชวนเขาแล้ว อิอิ แต่เขานัดกับเพื่อนท่ีชินหนิง มีพบก็ต้องมีจาก แต่หวังว่าคงจากเพื่อมาพบกันใหม่

ปั่นมาได้อีก 40 กม.จะถึงเมืองมินเฮอท่ีเราตั้งใจ เผอิญเกิดอาการหิว ขี้เกียจนั่งกินตามร้านเลยซื้อกล้วยกับลูกพลับมากินรองท้องไว้ มีรถสามล้อวิ่งอยู่ข้างหน้าเรา ช่วงทางเรียบเราแซงเขา พอทางเริ่มชันเขาก็มาแซงเรา เราทำท่าเหมือนจะพยายามเกาะท้ายรถ พวกเขาก็รีบชวนให้เกาะแถมทำไม้ทำมือชวนขึ้นรถเลยด้วย น่ารักนะเวลาท่ีเขาเล่นด้วย แต่พอทางลาดลงปุ๊บ บ๊ายบาย!! เราแซงเขาดิ่งลงมาถึงเมืองเลยมาเจอกันอีกทีตรงทางแยก เพราะเราจอดดูแผนท่ี นี่ถ้าเลี้ยวไปทางเดียวกันจะไปขอนอนท่ีบ้านเขาเลยนะเนี่ย บางช่วงปั่นกันอยู่ขอบภูเขาเลย อยากแวะถ่ายรูปแต่จราจรคับคั่งมาก แค่เราไปใช้ถนนร่วมกับเขา เขากดแตรไม่รู้เตือนหรือรำคาญ เอาเป็นว่าเตือนละกันเนอะ บางครั้งรถใหญ่กดแตรทีขี้หูเต้นระบำเลย มีครั้งหนึ่งตกใจ ดีท่ีทางตรงนี้ยังดี จากตรงนี้ยังมีอีกหลายช่วงท่ีกำลังก่อสร้าง เอ้า..ลุยกันต่อ พอถึงเมืองเราเริ่มมองหาท่ีพัก เริ่มจำตัวอักษรจีนท่ีแปลว่าโรงเตี้ยมได้บ้าง มีค่ะมีจดในกระดาษอยู่เหมือนกัน วันนี้อยากนอนท่ีดี ๆ หน่อยอยากเขียน๊อคเล่าเรื่องให้เพื่อน ๆ อ่านกัน อิอิ อยากอาบน้ำซักผ้าด้วยค่ะ 🙂 🙂 มีปัญหาเรื่องเขาไม่รับชาวต่างชาติอีกล่ะ นี่ถ้าฟิชเชอร์ไม่ปั่นไปชินหนิง (Xining) เสียก่อน เราคงไม่ต้องควานหาโรงแรมนั้นโรงแรมนี้ เพราะเราสามารถลงทะเบียนในชื่อเขาทีเดียว เอ้า..หากันต่อไป แต่ก็ยังดีนะท่ีพนักงานโรงแรมนี้รู้ว่าควรจะแนะนำเราไปท่ีไหน ปั่นไปก็ถามไป จนมาถึงจนได้

SONY DSC

บ้านตามแถบภูเขาท่ีเราปั่นผ่านมีหลายหลังท่ีมีเรือนกระจกท่ีเห็นบ่อย ๆ ท่ีสวีเดน ท่าทางอากาศน่าจะคล้าย ๆ สวีเดนมั้ง อึ๋ย...

บ้านตามแถบภูเขาท่ีเราปั่นผ่านมีหลายหลังท่ีมีเรือนกระจกท่ีเห็นบ่อย ๆ ท่ีสวีเดน ท่าทางอากาศน่าจะคล้าย ๆ สวีเดนมั้ง อึ๋ย…

SONY DSC

DCIM100GOPRO

DCIM100GOPRO

ช่วงท่ีปั่นเข้าหมินเฮอประมาณ 40 กม.แรกทางดีมาก หลังจากนั้นก็เริ่มมีการก่อสร้างถนนเป็นช่วง ๆ ถนนเฉอะแฉะ เป็นหลุมเป็นบ่อ ฝุ่นตลบ ถึงโรงแรมคุยกับเขาต่อรองราคาถามรายละเอียดจนกระทั่งขึ้นมาถึงห้องพักถึงได้เห็นหน้าตัวเองว่าดำปี๋ขนาดไหน

นี่ขนาดเอาผ้าปิดหน้า เห็นรอยท่ีหน้าผากมั้ยคะ ขอบหมวกท่ีใส่กันแดด พิสูจน์ได้ว่ากันฝุ่นได้เหมือนกัน

นี่ขนาดเอาผ้าปิดหน้า เห็นรอยท่ีหน้าผากมั้ยคะ ขอบหมวกท่ีใส่กันแดด พิสูจน์ได้ว่ากันฝุ่นได้เหมือนกัน

Day 120-124 (Zhangye – Minhe)

Day 120 Zhangye – Minle 69 km
Day 121 Minle – Ebuchen 62 km
Day 122 Ebuchen – Menyuan 97 km
Day 123 Menyuan – Ganchankou 106 km
Day 124 Ganchankou – Minhe 120 km

After having spent a month in the chinese deserts of Taklamakan and Gobi we have now entered the mountainous areas of Qinghai province in central China. Gone are the dry days with only sand and stone and now we have started to enjoy high altitudes, rain, cold weather and steep climbs.

The landscape that we have passed the last few days have been absolutely stunning and there are not words to describe how beautiful the sceneries have been. The saying that a picture says more than a thousand words is what comes to my mind so I in this blog post I will let the photos speak….

Day 120 Zhangye – Minle
One of the advantages with going by bus for 450 km was that we could catch up with Bartek from Poland whom we cycled through Kazakstan and most of Uzbekistan with. We stayed at the same hotel in Zhangye and since he is going to Singapore we will be riding pretty much the same route all the way to Bangkok. We don’t cycle together during the days but try to get to the same place in the evenings.

As we left Zhangye we cycled past some buildings that looked very traditionally chinese.

Traditional buildings in Zhangye

Traditional buildings in Zhangye

The areas surrounding Zhangye seems busy with all sorts of agricultural activities. After a month in the desert we highly enjoyed seing colorful flower fields.

Fields of orange Tagetes

Fields of orange Tagetes

Zhangye is situated at about 1500 meters altitude just north of a mountain range. Since we are heading south we would have to pass those mountains and the road out of Zhange would take us slowly up to 3700 meters in 100 kilometers.

Elevation graph for the ride between Zhangye and Minle

Elevation graph for the ride between Zhangye and Minle

The gradient from the city to the mountain pass is not steep at all. The road is straight and only slowly uphill and it would definately be possible to go straight from Zhangye to the pass at 3700 meters in one day if it wasn’t for the altitude related problems such a quick ascent would cause. Our plan was therefore to stay at the town of Minle which is located around 2300 meters above the sea level.

About half way to Minle we caught up with Bartek who was eating a light lunch at a shop in a village. We joined him and had a delicious lunch consisting of instant noodles and some chocalates…..

The busy main street in Minle

The busy main street in Minle

When we arrived in Minle we discovered a rather big town that would definately be called a city in Sweden. When we cycled past Bartek we made a plan that we would go ahead and look for a hotel and if we couldn’t find any we would send and SMS to him and then go and find a good place to camp outside the town.

Fortunately we found a good and very priceworthy hotel. We paid the equivalent of 18 Euros for a room for all three of us that had a nice bathroom, good beds and a proper internet connection.

Day 121 Minle – Ebuzhen
The mountain pass above Minle is actually a double pass. The first pass is slightly below 3700 and the next one 30 km later is almost 3800 meter high. Our plan when leaving Minle was to get past at least the first one and if possible also the second one.

We were a bit concerned that this would be a too quick ascent that could cause us altitude related problems. During our trip in Pamir two years ago we both suffered swollen faces and in Kyrgyzstan a month ago Wej got a swollen face while we both had light head aches. 3800 meters is not very high but it seems that both of us are a bit sensitive to high altitude but we hoped that our recent stay in Kyrgyzstan had made us at least a bit aclimatized to the altitudes we were now going to spend time at.

Elevation graph from Minle to Ebuzhen

Elevation graph from Minle to Ebuzhen

The ride out of Minle was wonderful. It is late summer or early autumn here and everywhere people were busy harvesting whatever they grow in their fields. The tailwind that pushed us up to Minle the day before wasn’t as strong this day but it was an easy uphill ride.

Flowers in front of a house with majestic mountains in the background

Flowers in front of a house with majestic mountains in the background

Bartek had left Minle almost two hours before us and when we got a glimpse of another cyclist far ahead of us we were quite sure that it was him. When we got closer it turned out that it wasn’t Bartek after all, it turned out to be a chinese cyclist who introduced himself as ”Fisher”.

Fisher spoke very good english and we stopped and talked to him for almost half an hour before we continued. He told us he has an education in computer science and worked with software development for three years when he realized that he wanted to travel around China by bike.

Wej and Fisher at our first meeting

Wej and Fisher at our first meeting

When leaving Minle we cycled past farms and fields for a few hours before the landscape got more barren and steppe like. The views resembled those we enjoyed in Kyrgyzstan a few weeks ago and instead of enjoying colorful flowers we now had to enjoy the views of Yaks and sheep in their summer pasture.

Sheep on a hill

Sheep on a hill

It turned out that we had no problems with the altitude and when we later caught up with Bartek he seemed to be doing just fine so we cycled ahead of him. Two hours later we stopped to wait for him 300 meters below the pass and when he arrived he was feeling bad. He had troubles with his stomach and had got a fever. I wasn’t sure, but I suspected that it was altitude related and we stopped for half an hour so that he could get some rest before deciding whether to go back or continue forward. Meanwhile, the chinese cyclist Fisher arrived and joined us. Bartek said he felt better and we decided to continue over the pass and down to the next village where we believed we could get some indoor accomodation.

The temperature dropped and when we finally arrived in the little village of Ebuzhen it was only 6-7 degrees and very windy. Fisher immediately started to run around to find accomodation while we and our shivering Polish friend who had a fever could do nothing but wait.

Yaks taking a cold bath...

Yaks taking a cold bath…

Day 122 Ebuzhen – Menyaun
Everytime we plan to enter a place we think will be a small town we run into a very big city. With Ebuzhen it was the other way around. We thought it would be a small town but it was only a medium sized village. The room Fisher had found for the four of us was just a simple room with two beds so Wej and I slept on our own mattresses on the floor while Fisher and Bartek had a bed each.

As we prepared to leave I got to witness where Yak meat comes from. I saw how two men led a yak into the backyard behind our guesthous, put it on the ground and cut its throat over a big bucket to collect its blood. I haven’t seen such a big animal being slaughtered before so I watched the process with interest.

Butchers at work

Butchers at work

Some of you who follow this blog might find this pictures disgusting, but if you are a meat eater, then remember that all that meat on your dinner plate have gone through this process but maybe under more hygienic conditions.

The yak half an hour later

The yak half an hour later

Apart from watching a yak being slaughtered I also had to repair both my tyres. I knew that my rear tyre was leaking but I didn’t know there was a leak in my front tyre as well. If there is something I don’t like with this trip, then it is all the flat tyres and the number of flats has risen sharply since we entered China.

Leaving the village of Ebuzhen.

Leaving the village of Ebuzhen.

The landscape around Ebuzhen towards the next pass offered great views of snowcapped mountains. The area is very green and there are small farms along the road. I am not quite sure but it seems that there are Tibetans and Wei Muslims as well as Han Chinese living in this area. Many of the houses have very nice decorations but I am not sure which of the ethnicities that lives in this kind of house.
SONY DSC

Bartek felt better this morning, but instead Fisher was feeling ill. He had to cycle very slowly and we didn’t want to leave him behind in that condition so we cycled with him to keep him company and be able to assist if needed. When we reached the pass at 3767 meters altitude after some 25 kilometers he had recovered completely and could go on at normal speed.

At the pass there was a holy tibetan shrine

At the pass there was a holy tibetan shrine

Just like all other uphill struggles this one also had a downhill joy on the other side of the pass. We quickly descended on the nice road and soon we left the grassy mountains behind us and entered into a valley with lots of people who were busy harvesting their fields.

Farmers at work

Farmers at work

SONY DSC

We had all got split up during the day and Bartek was cycling in front of us while Fisher was behind. Fisher was going towards the city of Xining while Bartek and we were going to turn left for the city of Minhe some 100 km west of Lanzhou.

The weather got worse with increasing windspeed and dropping temperatures so Fisher decided to change his plan and ride with us instead. This would be a detour for him but very positive for us. Besides the good company Fisher could also manage to get us into a simple and cheap but very nice hotel that wouldn’t otherwise have been able to host foreigners. The situation was solved by Fisher renting a room and the staff turning a blind eye to him having three guests staying overnight in that room.

Day 123 Menyuan – Ganchankou
When we were cycling in the heat in the Kazak and Uzbek deserts we discussed if we would be able to get past the Taklamakan desert and get south before the arrival of autumn or if it would eventually catch up with us. Now we know the answer to that question. The autumn is here and the weather we are enjoying right now is very much like what we would expect in Sweden at this time of the year.

The alarm clock in the room that the four of us shared woke us up at 7 AM. Bartek went up to have a look at the weather and told us it was raining heavily. That was bad news for all of us but maybe mostly for Wej and me since we had decided to send home our rain gear and warm sweaters. Once outside it turned out to be 7-8 degrees, rain and windy. The only good thing was that the wind was on our backs.

Wej and I went to buy an extra sweater and long johns and when we were ready to leave the rain had already stopped, but it was still cloudy and cold. Even if the day started badly this was going to be one of the finest cycling days so far. A slow downhill, tailwind and a marvelous mountain scenery made this day a day to remember. We hope we will have plenty of days like this one during the coming month when we cycle through central China.

The road follows a meandering river that is a tributary to the Yellow river. Note the yellow birch at the lower right corner

The road follows a meandering river that is a tributary to the Yellow river. Note the yellow birch at the lower right corner

Passing holy tibetan shrines

Passing holy tibetan shrines

Fortunately the weather got better and we got some stunning views. We stopped very often to take photos and the pictures below are just a few.
SONY DSC

All flat areas seems to be used for growing something. They have even made terraces on the hill sides

All flat areas seems to be used for growing something. They have even made terraces on the hill sides

A view of the meandering river

A view of the meandering river

Riding with company means that we can get some photos with the two of us in the same picture.
SONY DSC

The little village of Ganchankou has nothing more than a beautiful view of the surrounding mountains and an intersection. The next morning Fisher would turn right towards Xining while Bartek and we would turn left towards Minhe and Lanzhou.

Dinner with the gang of four before splitting up the next morning

Dinner at the restaurant in Ganchankou with the gang of four before splitting up the next morning

Day 124 Ganchankou – Minhe
After four people riding together for two days it was inevitable that someone sooner or later would get a flat tyre. Guess who was the lucky one to find a flat rear tyre in the morning…… At least I could sit inside the glass covered verandah to fix not only this puncture, but also the previous ones that hadn’t yet been repaired.

Repairing leaking innertubes

Repairing leaking innertubes

With bikes loaded onto bikes with tyres that hold the pressure we went to have breakfast which would be the last meal we shared with Fisher, at least on this journey. We hope to cycle with him in Thailand or in China some other time.

Bye bye Fisher. Have a safe ride and may the wind always be on your back :-)

Bye bye Fisher. Have a safe ride and may the wind always be on your back 🙂

The last day in the valley between Menyuan and Minhe was just as beautiful and today we could even enjoy some nice weather with a clear sky and nice temperature. When I say nice temperature it means neither cold like yesterday nor hot like in the desert – it’s just pleasant and we can ride with a thin long sleeve shirt.

Another view of the mountains and the river

Another view of the mountains and the river

When we cycled along the Taklamakan desert we didn’t see how the local people live. The reason for that was that there were very few villages and that we mainly stayed on the motorway. This made us to see too much sand and rocks and too little of how the locals live. We have now left the motorway and cycle on very small roads and pass numerous villages and it is very interesting to see what they look like.

A beautiful traditional portal very often seen in front of houses.

A beautiful traditional portal very often seen in front of houses.

Glass verandahs seem to be just as popular in this part of China as in Sweden. Maybe because we share the same type of climate

Glass verandahs seem to be just as popular in this part of China as in Sweden. Maybe because we share the same type of climate

Some 40 kilometers before Minhe there was an abrupt change from a beautiful small road in a narrow valley to first a 20 km long section of dusty road work and then to busy suburbs with hundreds and hundreds of trucks carrying sand, rocks or coal. It was so dusty that we had difficulties seeing the road we were traveling on.

When we arrived into Minhe we were denied to stay at the first hotel we tried at. Our luck was better at the second one. Unfortunately the hotel has no luggage room so we had to bring our dusty bikes into the lift and park them in the room.

Look at my face - I am almost black from all that dust.

Look at my face – I am almost black from all that dust.

จีน => จาก Guazhou (กัวจู) ไปยาวถึง Zhangye (จ๋างเย่อ)

คืนท่ี “หยงฉาง” และลูกชายแวะมาบ๊ายบายเรา เขาถามว่าเรามีท่ีอยู่ท่ีกัวจูหรือยัง? เราคิดว่าอาจจะไม่พักท่ีเมืองนั้นเพราะรถทัวร์จะถึงตอนบ่ายโมง แต่เขาเขียนในกูเกิ้ลว่าเขาจองให้เรียบร้อยแล้ว เป็นโรงแรมของเพื่อนเขา ถ้าอยากอยู่เขียนข้อความไปบอกเขา และยังบอกด้วยว่า “free of charge” เอ่อ…หมายความว่าอยู่แบบไม่ต้องจ่ายตังค์เลยงั้ยรึ? เป็นไปได้รึ? เขาเขียนภาษาจีนยาว ๆ ในกูเกิ้ลช่วยแปล และบอกว่าถ้าไปถึงโรงแรมให้เอาโน๊ตนั้นแสดงให้พนักงานดู แต่ตอนนั้นเราตั้งใจอย่างมากท่ีจะปั่นหลังจากท่ีมาถึงเมืองกัวจูเลยไม่ค่อยได้ใส่ใจ

นี่คือโน๊ตประกาศิตท่ี "หยงฉาง" เขียนไว้ให้

นี่คือโน๊ตประกาศิตท่ี “หยงฉาง” เขียนไว้ให้

หลังจากท่ีร่ำลากับ “หยงฉาง” รถทัวร์ก็ยังไม่ออกจนกระทั่ง 20 นาทีผ่านไป วิวระหว่างทางดูไม่น่าสนใจ น่าเบื่อมาก เลยนั่งเขียนบล๊อคบนรถทัวร์ มาถึงท่ีจุดพักรถรถทัวร์จอดให้เข้าห้องน้ำ แต่ไม่มีใครไปท่ีห้องน้ำ คงเดากันออกนะค่ะ เขาทำธุระกันรอบ ๆ ห้องน้ำนั่นแหละค่ะ ดีท่ีให้โจคิมลงไปทำธุระก่อน เพราะรถไหลไปหาท่ีจอดข้างหน้าซ่ึงมีมุมมิดชิดกว่าหน่อย 🙂 เรามาถึงเมืองกัวจูสายกว่าท่ีเขาเคยบอกไว้ เกือบสามโมงแทนท่ีจะเป็นบ่ายโมง หลังจากท่ีเจอบาเทคท่ีโรงแรมท่ีเขานอนเมื่อคืน เราตัดสินใจติดต่อกับ “หยงฉาง” เกี่ยวกับโรงแรมท่ีเพื่อนเขาเป็นเจ้าของ หากันอยู่นาน ถามคนแรกบอกให้เลี้ยวขวาท่ีส่ีแยก เลี้ยวไปหามีไม่ ถามอีกคนบอกให้เลี้ยวกลับไปไม่ค่อยอยากเชื่อเลยต้องถามอีกหลาย ๆ คน รวมทั้ง “หยงฉาง” และน้องสาวของเขาก็ช่วยโดยการโทรมาคุยทางโทรศัพท์ เพราะเขาพูดภาษาอังกฤษได้ ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะเจอ พอเจอก็ไม่แน่ใจว่าข้อความท่ีหยงฉางเขียนไว้จะใช้ได้หรือเปล่า เพราะโรงแรมนั้นระดับ 4 ดาว ดูหรูและใหญ่โตมากแล้วเขาจะให้เราอยู่ฟรี ๆ รึ? มาถึงแล้วก็ต้องลองดูกันล่ะ โห…ใช้ได้ เราไม่ต้องแนะนำตัวเลย เขาจัดการเรียบร้อย หยิบกุญแจห้องมาให้ตรงหน้าเลย และพอบอกว่ามีเพื่อนมาด้วยอีกหนึ่งคน เขาก็หันไปคุยกัน แล้วก็ยื่นกุญแจมาให้อีกอัน รู้สึกเกรงใจเป็นอย่างยิ่ง พอเข้ามาได้สักพักก็มีพนักงานโรงแรมมาเคาะประตูพร้อมยื่นถาดผักและผลไม้มาให้ โห…เหมือนแขกวีไอพีเลย หลังจากนั้นเราออกไปหาตลาดกินมื้อเย็น ไปเจอท่ีหนึ่งคล้ายศูนย์อาหารบ้านเราเลย มีโต๊ะเก้าอี้อยู่ตรงกลาง ร้านอาหารอยู่ข้าง ๆ ตื่นตาตื่นใจไปหน่อยเลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย อาหารทางนี้ยังไม่ค่อยมันเท่าไหร่ ทำให้นึกถึงอาหารไทยบ้านเรา

ภาพผักและผลไม้ท่ีทางโรงแรมจัดมาให้ ตอนแรกนึกว่าให้เราสองห้องเท่านั้น แต่ไม่ใช่ค่ะ เขาไปเคาะทุกประตูเลย พาลนึกไปว่าตัวเองเป็นแขกวีไอพี

ภาพผักและผลไม้ท่ีทางโรงแรมจัดมาให้ ตอนแรกนึกว่าให้เราสองห้องเท่านั้น แต่ไม่ใช่ค่ะ เขาไปเคาะทุกประตูเลย พาลนึกไปว่าตัวเองเป็นแขกวีไอพี

ห้องโรงแรมท่ีเพื่อนหยงฉางเป็นเจ้าของ และให้เรานอนโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ สุดยอด

ห้องโรงแรมท่ีเพื่อนหยงฉางเป็นเจ้าของ และให้เรานอนโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ สุดยอด

พนักงานสาวออกมาส่งถึงหน้าประตู

พนักงานสาวออกมาส่งถึงหน้าประตู

ตอนเดินไปกินอาหารเช้า ท่ีเราไม่แน่ใจว่าจะรวมอยู่ด้วยแต่ก็ได้กินกัน เป็นอาหารเช้าท่ีดีท่ีสุดตั้งแต่อยู่ท่ีเมืองจีนนี่ เราเพิ่งมาเห็นว่ามีสวนท่ีน่านั่งอยู่ด้านในโรงแรม อยากอยู่ต่ออีกสักวันจะนั่งพักผ่อนให้สบายตรงนั้นแหละ เช้ามาแทบไม่อยากเช็คเอาท์ไป แต่การเดินทางต้องดำเนินต่อไป เห็นวิวข้างทางแล้วทำให้คิดว่าดีแล้วท่ีนั่งรถบัสย่นระยะทางไปหน่อย เพราะยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงดูน่าเบื่ออยู่เช่นเดิม เราไปถึงท่ีเมือง Qiaowan เข้าทางท่ีมีคนเปิดไว้ข้างทางด่วน ตอนแรกหาอะไรไม่เจอ ตำรวจบอกว่าร้านอยู่ด้านข้างพิพิธภัณฑ์ มันดูเหมือนโรงอาหารมากกว่า กินท่ีนี่มีเติมได้ด้วยเป็นถาดหลุม เรานั่งกินท่ีพื้นข้างนอกเพราะไม่อยากทิ้งจักรยานไว้ นั่งกินกันไป ตบยุงกันไป เอ…ไม่ใช่สิแค่เวชเท่านั้นท่ีต้องตบต้องคันยิก ๆ เพราะมันไม่ไปแตะโจคิมเลย มีอะไรดีแน่ ๆ 🙂 ยุงไม่ได้แค่ตอมเราเท่านั้น หันไปท่ีกระเป๋าเห็นตอมกันให้พรึ่บไปหมด ด้านนอกมีนักท่องเท่ียวจีนจากรถบัสทั้ง 3 คันมามุงดูเราเหมือนเราเป็นตัวประหลาด ชักเริ่มชินละ อยากมองก็มองไป เรากินและขอเขาอาบน้ำเพราะคิดว่าคืนนี้คงได้กางเต้นท์นอนแน่ รอจนบาเทคมา เขากินท่ีนี่ด้วยเลย ปั่นออกจากโรงอาหารง่าย ๆ นั่นท้องฟ้าเริ่มมืดละ หันไปเห็นปั้มน้ำมันฝั่งตรงข้ามเลยปั่นเข้าไปถามเขาดู ยุงเพียบเลย เขียนคุยกันไปมือก็โบกปัดยุงไปด้วย กัดจนหน้าเป็นตุ่มเล็กตุ่มน้อยไปหมด เพราะแค่ท่ีหน้าท่ียุงสามารถมาเจาะเลือดเราได้ เขาว่านอนตรงนั้นไม่ต่อยปลอดภัยเพราะเป็นท่ีท่ีเขามาเติมก๊าซธรรมชาติกัน เขาพาเราเดินกลับไปท่ีร้านอาหารถามให้เราแต่ไม่ได้ เดินเลยไปท่ีพิพิธภัณฑ์คุยกันนิดหน่อย เขาขอให้เราช่วยออกค่าใช้จ่ายนิดหน่อยเข้าพิพิธภัณฑ์ โอเค..เราได้นอนกันคนละห้อง เป็นห้องง่าย ๆ มีเตียงกับโต๊ะตัวหนึ่ง เปิดประตูแล้วต้องรีบปิด เพราะไม่อย่างนั้นมีหวังได้แขกท่ีไม่ได้รับเชิญมานอนด้วยแน่

จีนมุง เวชเข้าไปซื้อและเอาออกมานั่งกินข้างนอก กระป๋องข้างหน้าโจคิมคือกระป๋องเบียร์นะค่ะ แต่มันดูเหมือนให้คนมาโยนตังค์ให้เลยเนอะ

จีนมุง เวชเข้าไปซื้อและเอาออกมานั่งกินข้างนอก กระป๋องข้างหน้าโจคิมคือกระป๋องเบียร์นะค่ะ แต่มันดูเหมือนให้คนมาโยนตังค์ให้เลยเนอะ

ธรรมชาติแปลกตาระหว่างทางเข้าเมืองเจี๊ยวหวัน Giaowan

ธรรมชาติแปลกตาระหว่างทางเข้าเมืองเจี๊ยวหวัน Giaowan

ถ่ายกับไกด์พิพิธภัณฑ์ พอคุยกันรู้เรื่องหน่อยนึง

ถ่ายกับไกด์พิพิธภัณฑ์ พอคุยกันรู้เรื่องหน่อยนึง

ห้องนอนง่าย ๆ 3 คน 100 หยวนห้องนี้เป็นห้องเรา เวชนอนพื้นเพราะไม่ค่อยมีท่ี ตัวสั้นเลยต้องเสียสละ ;-)

ห้องนอนง่าย ๆ 3 คน 100 หยวนห้องนี้เป็นห้องเรา เวชนอนพื้นเพราะไม่ค่อยมีท่ี ตัวสั้นเลยต้องเสียสละ 😉

เช้าวันรุ่งขึ้นเดินไปดูด้านหลังของพิพิธภัณฑ์ เป็นสถานท่ีเมืองเก่า

เช้าวันรุ่งขึ้นเดินไปดูด้านหลังของพิพิธภัณฑ์ เป็นสถานท่ีเมืองเก่า

เห็นหนองน้ำปุ๊บแล้วไม่ต้องสงสัยว่าทำไมยุงถึงได้เยอะขนาดนั้น

เห็นหนองน้ำปุ๊บแล้วไม่ต้องสงสัยว่าทำไมยุงถึงได้เยอะขนาดนั้น

เขาว่าตรงนี้เคยเป็รราชวังเก่า

เขาว่าตรงนี้เคยเป็รราชวังเก่า

ตามจุดจอดพักรถส่วนใหญ่จะมีน้านอาหารและซุปเปอร์มาเกต มีร้านอาหารนี้และอีกท่ีหน่ึงท่ีเราผ่านมา เขาให้เราจ่ายตังค์ใส่บัตรก่อนหมือนท่ีเมืองไทยเลย รู้สึกคุ้นเคย อิอิ อีกร้านหนึ่งไปจ่ายท่ีเคาน์เตอร์ ได้ใบเสร็จมาก็เอาไปให้คนตักอาหาร เขาจะหยิบถาดยื่นมาแล้วเราก็ชี้ ๆ ว่าจะเอาอะไรบ้าง ถาดหลุมเหมือนกัน แต่ท่ีนี่ไม่กล้าเข้าไปเติม ไปเติมแต่น้ำแกงจืด มีแต่น้ำจริง ๆ หลังจากนั้นเราต้องปั่นไปอีก ประมาณ 70 โลได้ เพื่อไปให้ถึงจุดจอดรถถัดไป นี่คือข้อเสียอีกข้อหนึ่งท่ีปั่นอยู่บนทางด่วนนอกจากจะทำให้ยางแบนบ่อย ๆ แล้ว เรายังต้องพึ่งจุดจอดรถเพื่อเติมน้ำเติมพลัง ตามจุดพวกนี้มักมีบริการร้านอาหารเครื่องดื่ม ซุปเปอร์มาเกตเหมือนกันทั้งสองฝั่งถนน แต่ฝั่งท่ีเราปั่นมาถึง มันดูเงียบ ๆ ไม่มีรถไม่มีคน มีคนแก่หนึ่งคนนั่งอยู่หน้าห้องน้ำ ทักทายแกกี่ครั้ง ๆ แกก็ไม่ทักกลับ ไม่เปงลาย ท่าทางอารมณ์่บ่จอย เราอุตส่าห์มาถึงจุดจอดรถท่ีสองนี่ก็ตั้งใจว่าจะนอนท่ีนั่น แต่ฝั่งท่ีเราจอดไม่มีน้ำ โจคิมลองเดินลอดอุโมงค์ไปเช็คอีกฝั่ง ปรากฎว่ามีโรงแรมและน้ำท่ีจำกัด ในห้องมีแค่เตียง ห้องน้ำท่ีไม่มีน้ำเป็นห้องน้ำรวมอยู่ด้านนอก เจ้าของเขาน่ารักนะ อุตส่าห์ลองน้ำใส่กระถังให้ เวชอาบก่อนได้น้ำอุ่นเพราะน้ำร้อนหมดก่อนท่ีจะอาบเสร็จเสียอีกนี่ขนาดอาบอย่างประหยัดแล้ว คิดว่าอาบได้สะอาดหมดจดแล้วนะ ยุงยังมาตอม นอนไม่ได้เลยทั้งคืน ใส่แจ๊กเก๊ตมันมากัดท่ีมือ พอเอามือไปแอบในถุงนอนผ้าใหมบาง ๆ มันกัดทะลุเลยทั้งท่ีขาและท่ีมือ หงุดหงิดมาก เช้าขึ้นมา “บาเทค” ก็โดนกัดเหมือนกัน ถ้าได้รู้จะได้คุยกันแล้วลุกขึ้นมาจัดการกับเจ้ายุงวายร้าย โธ่..

ร้านนี้ดีท่ีสุดเพราะสามารถมองเห็นจักรยานจากโต๊ะท่ีเรานั่ง อาหารก็อร่อย แต่อยู่ตามทางด่วนเลยแพงไปนิด

ร้านนี้ดีท่ีสุดเพราะสามารถมองเห็นจักรยานจากโต๊ะท่ีเรานั่ง อาหารก็อร่อย แต่อยู่ตามทางด่วนเลยแพงไปนิด

ร้านนี้หามุมท่ีจะสามารถเห็นจักรยานมิได้เลย เราเลยต้องออกมานั่งกินข้างนอก โดยก่อนหน้านั้นก็มีจีนมามุงดู

ร้านนี้หามุมท่ีจะสามารถเห็นจักรยานมิได้เลย เราเลยต้องออกมานั่งกินข้างนอก โดยก่อนหน้านั้นก็มีจีนมามุงดู

บาเทคเพื่อนเก่ามาร่วมปั่นกันอีกครั้งหนึ่ง หลังจากแยกกันท่ีซาร์มาคัน ดีใจได้เจอเพื่อนท่ีคุ้นเคย

บาเทคเพื่อนเก่ามาร่วมปั่นกันอีกครั้งหนึ่ง หลังจากแยกกันท่ีซาร์มาคัน ดีใจได้เจอเพื่อนท่ีคุ้นเคย

เช้าออกมาเย็นนิดหน่อย ตามลม ถนนเลียบทะเลทรายโกบี เห็นเขาท่ีมีหิมะปกคลุม ข้างทางเริ่มเขียวชอุ่มไปด้วยไร่นาและสวนดอกไม้ บ่าย ๆ ฝนเริ่มตกสักประมาณชม.นึง เปียกแต่ก็ทันแห้งก่อนเข้าเมือง วันนี้รู้สึกเหนื่อยมาก จนกระทั่งเห็นสวนสาธารณะตะโกนบอกให้โจคิมกางเต้นท์เลย กดบันไดจักรยานไม่ลงเลย อ่ะ..อีกนิดนึง ทนเอาหน่อย 2 กม.เข้ามาถึงในตัวเมือง เห็นป้ายเขียนว่าโรงแรมอยู่ฝั่งตรงข้าม เดินเข้าไปถาม เขาบอกเลยว่ารับเราไม่ได้ แต่เดี๋ยวลองโทรหาตำรวจท้องถิ่นให้ เขาให้เราเอาจักรยานและกระเป๋าไปเก็บ แต่เราต้องรอบาเทคก่อน เลยไปอาบน้ำ ซักผ้ารอ พอบาเทคมาเขาขับรถพาเราไปท่ีสถานีตำรวจเพื่อไปลงทะเบียน แปลกตรงท่ีสถานีตำรวจอยู่ค่อนข้างไกลออกไปจากใจกลางเมือง เรากลับมากินข้าว ยังไม่ทันเสร็จดี ฝนเริ่มลงเม็ดแล้วมันก็ตกทั้งคืนเลย อากาศเย็นลงทันที เพราะตรงนั้นท่ีคิงชุย (Qingshui) สูงประมาณ 1600 เมตรจากระดับน้ำทะเล

วิวหลังจากท่ีเราปั่นออกจากเมืองคิงชุย

วิวหลังจากท่ีเราปั่นออกจากเมืองคิงชุย

ถ่ายจากหน้าต่างห้องพักท่ีคิงชุย

ถ่ายจากหน้าต่างห้องพักท่ีคิงชุย

ช่วงนี้เราปั่นเลียบระหว่างทะเลทรายทาคลามาคันกับโกบี ดีใจ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายท่ีจะอยู่ในทะเลทรายแล้ว เยส!

ช่วงนี้เราปั่นเลียบระหว่างทะเลทรายทาคลามาคันกับโกบี ดีใจ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายท่ีจะอยู่ในทะเลทรายแล้ว เยส!

มีสวนดอกไม้และปลูกหัวหอมอยู่ข้าง ๆ เขากำลังเก็บเกี่ยวใส่ถุงกันอยู่ เริ่มมีสีสรรหน่อยช่วงนี้

มีสวนดอกไม้และปลูกหัวหอมอยู่ข้าง ๆ เขากำลังเก็บเกี่ยวใส่ถุงกันอยู่ เริ่มมีสีสรรหน่อยช่วงนี้

ท่ีจุดจอดพักรถท่ีเก๋าไท่ (Gaotai) คือจุดสุดท้ายท่ีเราจะใช้บริการ เพราะเราจะพยายามไม่ขึ้นทางด่วนและตำรวจคงไม่ให้ขึ้นด้วยแหละ :)

ท่ีจุดจอดพักรถท่ีเก๋าไท่ (Gaotai) คือจุดสุดท้ายท่ีเราจะใช้บริการ เพราะเราจะพยายามไม่ขึ้นทางด่วนและตำรวจคงไม่ให้ขึ้นด้วยแหละ 🙂

วิวระหว่างทางท่ีปั่นออกมาจากเมืองกัวจู

วิวระหว่างทางท่ีปั่นเข้าเมือจ๋างเย่อ

ปั่นสบาย ๆ บนทางอีกฝั่งหนึ่งท่ีเขาปิดซ่อมแซมถนน

ปั่นสบาย ๆ บนทางอีกฝั่งหนึ่งท่ีเขาปิดซ่อมแซมถนน

วันท่ีปั่นเข้าเมืองจ๋างเย่อรู้สึกสบาย เพราะตามลมแถมทางลาดลงด้วย มีขึ้นบ้างนิดหน่อยแต่ปั่นสบาย พอมาถึงทางเข้าเมืองโรงแรมเล็ก ๆ ท่ีเราคิดว่าจะพักนั้นไม่มีอยู่ในแผนท่ีของกูเกิ้ล ขี้เกียจหา หันไปเห็นตำรวจพอดีเลยถาม เขาพยายามอธิบายว่าให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา เราก็พยายามเข้าใจเหมือนกัน แต่พอถามซ้ำอีกทีคุณตำรวจเลยบอกว่า “ไป ตามฉันมา” แล้วเราก็เดินกันไปจนกระทั่งมาถึงหน้าโรงแรมเล็ก ๆ นั่นเลย น่ารักจังดูแลแม้แต่พลเมืองต่างชาติหน้าหมวย 😉

โจคิมเพลินปั่นเร็วไปหน่อย ตำรวจโบกให้จอดเลย ซ่าเกินเหตุเดี๋ยวได้โดนปรับหรอก แต่ก็รอดมาได้ ตำรวจจีนน่ารัก แค่โบกเฉย ๆ  ;-)

โจคิมเพลินปั่นเร็วไปหน่อย ตำรวจโบกให้จอดเลย ซ่าเกินเหตุเดี๋ยวได้โดนปรับหรอก แต่ก็รอดมาได้ ตำรวจจีนน่ารัก แค่โบกเฉย ๆ 😉

เช๊คอินอาบน้ำซักผ้าเรียบร้อยแต่ยังไม่เห็นเงาของบาเทคเลย เขาปั่นช้าค่อย ๆ ไป ทำไปทำมา อ้าว..ฝนตกลมแรง เสร็จแน่บาเทคจะรอดจากฝนมั้ยเนี่ย สักพักเราได้ข้อความจากเขา บอกว่า “หาโรงแรมไม่เจอ” เขียนกันไปเขียนกันมา เวชตัดสินใจออกไปยืนรอ อึ๋ย..หนาวอ่ะ ยืนได้สัก 15 นาที กลับขึ้นไปเอาเสื้อแจ็กเกตมาใส่ แต่ดันลืมเปลี่ยนรองเท้าใส่รองเท้าฟองน้ำลงไป ขี้เกียจขึ้นมาเปลี่ยนเนอะและคิดว่าคงไม่ใช้เวลานาน ได้ข้อความอีกอันบอกว่า “ยืนรออยู่ท่ีหอคอย คาดว่าน่าจะเป็นอันท่ีเลื่องชื่อของเมืองนี้” อ้าว..เราก็ยืนอยู่ท่ีหอคอยทำไมไม่เจอ เลยเดินไปถามน้องผู้หญิง 2 คน ตอนแรกเขาก็ไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษเท่าไหร่ นาน ๆ ไปก็เริ่มพูดมากขึ้น เพราะเขาพาเวชเดินไปโน่นรู้สึกไกลมาก แถมทำท่าทำทางว่าไม่่ค่อยแน่ใจอีก เวชก็เป็นประเภทท่ีว่าหาทางกลับบ้านไม่ค่อยถูกอยู่ด้วย สองคนคุยกันไปคุยกันมาแล้วหันมาบอกเราว่านั่งแท๊กซี่ไปเถอะ จ้าก…ข้าพเจ้าไม่มีตังค์ติดตัวออกมาสักแดงเดียว เขาบอกว่าไม่เป็นไรฉันมี เกรงใจอ่ะ เขาพยายามช่วยอย่างมาก พอไปถึงท่ีท่ีคิดว่าบาเทคน่าจะอยู่ตรงนั้น ทั้งสองคนถามว่าบาเทคหน้าตาเป็นอย่างไร ผิวสีอะไร สูงแค่ไหน เพราะเขาจะช่วยมองหา สองคนเดินควงแขนขนาบข้างเวชเลยเพราะเราเริ่มสั่น เดินหาได้สักพัก ได้ข้อความจากบาเทคว่า “อยู่ท่ีโรงแรมแล้ว” ฮึ่ม… เราทั้งสามคนฟุดฟิดขึ้นมาทันที อ้าว..เดินกลับ

น้องสองคนนี้ดูหน้าตาเด็กมากแต่เขาเริ่มมหาลัยปีหนึ่งแล้วอ่ะ ;-)

น้องสองคนนี้ดูหน้าตาเด็กมากแต่เขาเริ่มมหาลัยปีหนึ่งแล้วอ่ะ 😉

หิวแล้วเลยออกไปหาอะไรกินกันใกล้ ๆ ท่ีพักนั่นแหละ อร่อยมาก

หิวแล้วเลยออกไปหาอะไรกินกันใกล้ ๆ ท่ีพักนั่นแหละ อร่อยมาก

Day 116-119 (Guazhou – Zhangye)

Day 116 Guazhou – Qiaowan 88 km
Day 117 Qiaowan – Qingquan 113 km
Day 118 Qingquan – Qingshui 141 km
Day 119 Qingshui – Zhangye 144 km

In my previous post I told about our decision to catch a bus 450 km to make up for the time we had to stop to service our bikes and make back up plans for our visa situation. Our initial intention was to cycle all the way and avoid public transportations, but the circumstances forced us to take a bus. In retrospect it feels that the only disadvantage with going by bus is that we won’t be able to say that we have cycled ALL the way to Bangkok – this cheat and the two previous ones will make up about 3-4% of the toal distance.

We asked this man for directions to our hotel. Look at his fancy glasses...

We asked this man for directions to our hotel. Look at his fancy glasses…

If there was one disadvantage to go by bus there were a couple of other advantages. One was that we could skip a boring section and the other was that we could catch up with our Polish friend Bartek who was riding 3-4 days ahead of us.

It was a dear re-union and we quickly decided to not leave Guazhou the same afternoon and instead stay there that night. Bartek had stayed in a cheap hotel and offered us to stay in his room. Wang – our MTB riding friend in Hami – had told us that his friend runs a hotel in Guazhou and if we needed anywhere to stay we should just let Wang know. After exchanging a few text messages Wang said that we could stay for free in his friends hotel.

We are happy this truck didn't drop those sacks when it passed us...

We are happy this truck didn’t drop those sacks when it passed us…

Initially we couldn’t find the hotel and had to ask quite a few people about the way there. It then turned out to be almost opposite to the bus station. We had expected it to be a cheap local hotel but when we finally found our way there we discovered a brand new 4 star hotel.

Wej and I went in and told the front desk staff that we were friends of Wang. They then said ”welcome – here is your key”. When we handed over three passports they were a bit confused but soon after Bartek got a key to a room on his own too. We were prepared to stay together but we were treated like VIP:s and a hotel worker soon came with a large tray of fresh fruit to our room. Not knowing where we will stay the next night is one of the joys with this kind of journey. It can be in a culvert under the road or it can be for free in a 4 star hotel.

Western China has many moslems and thus many mosques. This architecture of this one shows influences from chinese architecture

Western China has many moslems and thus many mosques. This architecture of this one shows influences from chinese architecture

The hotel was wonderful and the breakfast buffet was the best so far. It is amazing how nicely we are treated – we have only met Wang for a few hours and he has already hosted us for dinner and made his friend host us in his luxury hotel. Unfortunately we never met Wang’s friend who owns the hotel and couldn’t thank him properly in person.

I have read that most of China’s electricity is generated by coal-fired power plants and we have cycled past many of them. We have also seen that China invests heavily in renewable energy. In the Taklamakan desert we saw a couple of wind turbine farms that consisted of thousands of turbines and when we came to the city of Guazhou located in the outskirts of the Gobi desert we passed some more wind farms. The city also has a factory building wind turbines and a very common sight on the highway was the enormously long trucks carrying the rotor wings or sections of the towers.

The street lights in Guazhou are designed to look like wind turbines

The street lights in Guazhou are designed to look like wind turbines

As if it wasn’t enough with wind power it also seems that the Chinese are investing heavily in research and production of solar cells. We have passed hundreds of masts with antennas to the cell phone network and all of them are surrounded by solar cells that I believe is providing electricity to the antenna.

When we left Turpan we passed a suburb with newly built apartment blocks and the roofs of those buildings were covered with solar cell panels to generate electricity.

Newly constructed apartment blocks with electricity generating solar panels on the roofs

Newly constructed apartment blocks with electricity generating solar panels on the roofs

A very simple way to make use of the sun’s power is to let it heat water for domestic use. In every city and village we see the solar collectors on the rooftops of all sorts of buildings. They can be seen on top of large apartment blocks but also in small houses on the country side. The hotel we are staying at here in Zhangye has a number of solar collectors on the roof and every morning we can take a sustainable shower.

Modern buildings with solar thermal collectors on the roofs

Modern buildings with solar thermal collectors on the roofs

Both thai and chinese cities have a lot of motorcycles. In Thailand they are noisy and contribute to the bad air in the towns. In China the motorbikes look like scooters but are powered by electricity. They are soundless (dangerous when walking…) and they produce no exhausts. Of course there are exhausts from the coal fired power plants, but they are outside the cities.

Thailand has a lot of sunshine and I hope that she one day will make use of the sun’s energy in the same way as China does. Thai cities would definately be much more pleasant to stay in if electric scooters were to become as popular as they are here.

The day we left Guazhou was a day which slowly took us uphill. The climb wasn’t as annoying as the headwind and riding by thousands of wind turbines that all face towards the direction we are cycling is directly de-motivating.

Passing a thousand wind turbines that all indicate that we are riding in headwind :-(

Passing a thousand wind turbines that all indicate that we are riding in headwind 🙁

The weather forecast for the day when would leave Guazhou was headwind from around 11 AM so we should actually have started early, but it is difficult to get started early when you stay at a luxury hotel… 😉
The road was rather boring and it was the same sandy landscape that we have got used to the last couple of weeks. However, it was much easier to ride in this landscape now since we knew that in only a few days we would leave the sand and get into greener areas.

We had seen on google map that there was a service area some 60 km from Guazhou. It was signposted all the way but when we finally arrived there it turned out that the place was under construction. Neither food, nor water was for sale and the workers told us that the next place where we could eat was 20-30 km away. There was nothing to do than to head out into the headwind again and pedal those kilometers.

Downhill and tailwind makes it easy to ride fast. This time it was enough with an apology to the police officer, but next time it will certainly be a speeding ticket.

Downhill and tailwind makes it easy to ride fast. This time it was enough with an apology to the police officer, but next time it will certainly be a speeding ticket.

After 25 kilometers we arrived at a small village that has a tourist attraction consisting of some very old ruins. There was a restaurant behind the museum where we could have both a dinner and get a hot shower. The plan was to ride on another 2-3 kilometers and pitch our tents, but there was an enormous amount of mosquitos so we asked if we could stay at the petrol station in front of the museum. Unfortunately there was no room for us there but the staff helped us to find another room and we ended up sleeping in the museum guards’ room.

We couldn't watch our bikes from inside the restaurant so we had to eat outside to the amusement of the many  passengers of the buses that made dinner stops there. The can in front of me is not a beggars bowl, but my reward after fighting a long day against a strong headwind.

We couldn’t watch our bikes from inside the restaurant so we had to eat outside to the amusement of the many passengers of the buses that made dinner stops there. The can in front of me is not a beggars bowl, but my reward after fighting a long day against a strong headwind.

On day three after leaving Guazhou we finally left the desert. The surroundings turned green, we had downhill and tailwind and if it wasn’t for two flat tyres it couldn’t get any better. It was a wonderful feeling to look at flower fields after having seen almost only sand and rocks during the last month.

Finally some colourful flowers

Finally some colourful flowers

We have entered an area where there is much more agricultural activity going on than what we have previously seen in China. The photo below shows farmers harvesting onions.

Onions being harvested

Onions being harvested

After three days of cycling from Guazhou we reached a small town named Qingshui. We were not sure if there would be any hotel there but we went in to have a look. The locals showed us the way to the only hotel which, as we already expected, had no license to host foreigners. The nice lady who runs the place then made a phone call to the police to ask for permission to host us. The permission was granted but we needed to go to the police station in person to register. The hotel staff drove us there in a car and 10 minutes later we were on our way back.

I don’t understand this thing with all these registrations of foreigners movements. It is allowed to camp without registering, but the authorities want to know if we stay in a hotel. If they wanted to konw where we are all the time – why then allow wild camping???

These police officers told us that we couldn't ride on the motorway. We told them we had already done almost 2000 km and had only 40 more to do before heading towards the mountains. They understood and let us continue.

These police officers told us that we couldn’t ride on the motorway. We told them we had already done almost 2000 km and had only 40 more to do before heading to the mountains. The understood and let us continue.

The weather is great now. It is never hot during day time any longer and the evenings are pleasantly cool, almost a bit cold and we need to put on sweaters or our jackets. It feels very much like the early autumn in Sweden with clear skies and fresh air.

The last day of cycling into Zhangye started with a clear sky offering great views of the snow capped mountains on our right hand side. We stopped many times to take photos, but a few hours later the sky got cloudy and it started to rain heavily. The temperature dropped to 12 degrees and when I asked Wej about where we had this kind of rain last time she immediately replied ”in Sweden….”.

View from our room in the cheap hotel in Qingshui. Note the solar collectors on the roofs

View from our room in the cheap hotel in Qingshui. Note the solar collectors on the roofs

There was nothing to do but keep riding. We discussed the weather we had experienced during our way here and remembered that the last day with cold rain was when we cycled into Krakow in Poland in March – after that it has been either snowstorms, sandstorms, terrible heat or only light rain….
The rain stopped after only one hour, the sunshine came back and the temperatures rose back to around 22 degrees. and our clothes got dry again as we rode the final kilometers on the highway before turning into the city of Zhangye.

The view from the exit of Qingshui. We think the piles in the foreground are graves

The view from the exit of Qingshui. We think the piles in the foreground are graves

We soon found a hotel and when we had showered and were sitting in the room waiting for our friend Bartek to arrive it started to rain heavily again. We were happy to be safely inside and felt pity for good old Bartek who had to fight in the cold rain all by himself.

Time to cheat

It took us a day to get our bikes properly serviced and now they are fit for fight for the remaining distance to Bangkok. We don’t carry the tools needed to service the hubs and bearings ourselves so we’ll let someone take a look at them in about 3000 kilometers.

Whilst staying in Hami we started to discuss and investigate routes for the remaining distance through China and came to a couple of conclusions.

First conclusion was that we need to get rid of some of our baggage. We emptied our panniers and put everything in three piles – needed – maybe needed – absolutely not needed items. Then we packed most of the not needed and maybe needed things and sent to Bangkok. Wew also threw away some stuff. The box that went to Thailand weighs 3.5 kg and the bag we throw away maybe 2 kg so now we have plenty of room in our panniers.

So what did items did we get rid of?

We have two sets of off bike clothes and only kept one. Gloves, rain gear and warm fleece sweaters were all sent to Bangkok.

We knew it would be hard to find good quality spare parts in Georgia, Azerbaijan and the central asian republics so we carried a lot of extra wires, housing, nuts and bolts, chains and even a bottom bracket. In China there are good bike shops everywhere so we left all that at the hotel and hopefully someone will take care of it because the things are good and in working condition.

Are we brave or stupid to get rid of our rain gear and sweaters when we plan to ride some high altitude roads?

We don’t know – future will prove it was a good decision, but we reason that if it gets cold we can buy a new sweater. They actually produce such things here in this country… 😉 And we have kept the jackets that Klättermusen kindly sponsored us with. They are made of tightly wowen cotton and can take a lot of rain before we get will wet and they are much more ventilating than the goretex jackets sent home.

With bikes serviced and panniers a lot lighter we feel we are ready for the journey through China.

We went shopping in a supermarket and found this. Anyone who would like a pigs face for dinner???

We went shopping in a supermarket and found this. Anyone who would like a pigs face for dinner???

Next conclusion was that we also have run into a problem regarding our visas. They are valid until October 10 and we expect to be around Chengdu by then. It is usually possible to extend visas with 30 days and that is what we have counted on. One problem is that when it is time to apply for extension we will be in the middle of the ”Golden week” (october 1-7) when China closes down and every one goes away on holiday. We suspect that this applies to the guys at the visa extension office too.

Another problem is that China introduced a new legislation on September 1st and the rumours say that it will be more difficult to get extensions after this change. Beside this our passports (we have two each) with the chinese visas will have a too short remaining validity (lacks two weeks) when it is time to renew the visa which may, or may not, cause us a problem.

We have been resting safely in the thought that we would have no visa related problems left, but when we discovered this we decided to stay yet another day in Hami to investigate everything and make back up plans. The backup plan is to combine a few rest days with a visa run to Hong Kong, which is a city we have planned to visit some time anyway.

Everything takes very long time in China since most communication needs to be done through translation apps in smartphones (these apps are good, but still need to be worked on… 😉 ) and it took us one day to get the bikes serviced, one day to go through what to send home, locate the post office and once there get the staff to understand what we wanted. Then we spent half of the third day in Hami googleing the internet for visa related information and info about our coming route.

Our visa situation and the knowledge that we still have around 1000 km of desert to ride we had to make a decision. If we want to ride all the way it has to be on the shortest and maybe not most interesting roads. We prefer mountains to deserts 10 days in a week and there are lots of desert and mountains ahead. Since we have seen a lot of desert already we decided to press FF (fast forward on a tape recorder if you remember those relics from the 80:s) and take a bus to cover the distance we couldn’t cycle when we stayed in Hami.

Buying a ticket wasn’t simple at all. First we spent two hours in the hotel’s reception trying to ask the front desk staff about how train tickets are bought in China. Then one of the staff got in a car and followed us to the train ticket office only to find out that tickets that day were sold out. We then continued to the bus station and bought tickets to Guazhou 450 km away.

We wouldn’t have been able to sort this out ourselves and we are very grateful to the lady at the hotel who helped us securing tickets.

Somebody knocked on the door to the hotel room yesterday night. It turned out to be the man on the MTB who took us out for dinner the first night in Hami. He came to say good bye and had his son Wang Yudo with him. The boy is only 11 and wanted to practise his English, which is already good for his age. We spent a few hours looking at photos from places we have visited before they left.

When we arrived at the bus station in the morning our MTB friend was there to help us find the right bus and talk to the driver to accept carrying our bikes. It was very kind of him to turn up to do this and we are very grateful since it saved us a lot of headache.

I am writing this post on the bus. Our bikes and panniers are stored in the cargo hold below us and are hopefully enjoying the company of a live sheep in a sack and a box of mice that was loaded at the first stop after leaving Hami.

I have not been too happy about having to cheat and go by bus, but when I see the boring sandy landscape outside the window that we have seen so much of already, I am happy that we skip this part and now I look forward to riding in green surroundings and climbing steep hills in central China……

The sheep in a sack watches our panniers put on top of a box with live mice

The sheep in a sack watches our panniers put on top of a box with live mice

จีน => จาก Tulufan (ทูลูฟาน) ไป Shanshan (ชันชัน) รถทัวร์ไป Hami (ฮามิ) และ Guazhou (กัวจู)

เมื่อเย็นวานรีบหาท่ีกางเต้นท์กัน หันไปเจอท่ีโล่ง ๆ นิดหน่อยลองปั่นเข้าไปดู มันเป็นท่ีท่ีเขาปลูกกระเทียมแต่ข้าง ๆ มีท่ีว่าง ๆ อยู่เลยขอละกันนะค่ะ ขอนอนหน่อยนะคืนนี้ ท่ีท่ีมีต้นไม้ พงหญ้าก็ต้องมียุงและแมลง เลยต้องเอาเสื้อแจ๊กเก๊ตออกมาใส่กันยุง ดีท่ีแผ่นรองนอนของเราทั้งหนาทั้งนุ่ม ไม่อย่างนั้นคงได้รู้สึกถึงความเป็นลูกคลื่นของพื้นแน่เลย ตรงนั้นหาท่ีเรียบ ๆ ไม่มี ได้ยินเสียงคนเสียงรถเพราะอยู่ใกล้ถนน ก็ต้องหยุดกิจกรรมทุกอย่าง คอยมองว่าจะมีใครเดินเข้ามามั้ย? คิดว่าไม่น่ามีปัญหาเพราะตรงท่ีเรากางเต้นท์นั่นไม่มีอะไรปลูกอยู่ ตอนเช้าเราตื่นกันค่อนข้างเร็วหน่อยเพราะอยากจะไปถึงทูลูฟานเที่ยง ๆ แต่ก็บ่ายสองจนได้ เพราะโจคิมต้องปะยางก่อน จริง ๆ ทางก็เรียบ ๆ รถไม่ค่อยมีเท่าไหร่นัก แต่ถนนลาดขึ้นเล็กน้อยทวนลมนิดหน่อย ทุกครั้งที่เราออกจากจุดที่เรากางเต้นท์นอน ปั่นไปสักอย่างน้อย 10 กม.ขึ้นไปจะเห็นมีที่กางเต้นท์ท่ีดีกว่าท่ีเราเคยอยู่ ทุกทีเลย ครั้งนี้ก็เหมือนกันปั่นมาได้ 15 กม.มาเจอท่ีหนึ่งท่ีมีน้ำไหลใส่สะอาด ท่ีกางเต้นท์โล่ง ๆ แสดงว่าไม่มียุงและแมลงมากวนใจ เฮ้อ..เห็นแล้วปวดใจ แต่ตอนท่ีหยุดก็ไม่กล้าเสี่ยงปั่นต่อ เกิดไม่เจอท่ี ๆ กางเต้นท์ได้ก็แย่เหมือนกัน

แคมป์กันข้าง ๆ สวนกระเทียม

แคมป์กันข้าง ๆ สวนกระเทียม

ถนนเส้นตรงท่ีออกจากเมืองหยางจี๊ รถไม่มีมากนัก

ถนนเส้นตรงท่ีออกจากเมืองหยางจี๊ รถไม่มีมากนัก

ไม่เคยเห็นสถานีผลิตไฟฟ้าพลังลมมากมายอย่างนี้มาก่อน

ไม่เคยเห็นสถานีผลิตไฟฟ้าพลังลมมากมายอย่างนี้มาก่อน

ทำผิดกฎจราจรอย่างจัง เราเห็นคนจีนเขายังขับมอเตอร์ไซค์ขึ้นมา เราก็เลยขึ้นบ้าง ตำรวจขับผ่านเราตั้งหลายครั้ง ไม่เคยว่าสักคำเลย มีบางครั้งเรียกเรา แค่อยากดูพาสปอร์ตเราเท่านั้นเอง ;-)

ทำผิดกฎจราจรอย่างจัง เราเห็นคนจีนเขายังขับมอเตอร์ไซค์ขึ้นมา เราก็เลยขึ้นบ้าง ตำรวจขับผ่านเราตั้งหลายครั้ง ไม่เคยว่าสักคำเลย มีบางครั้งเรียกเรา แค่อยากดูพาสปอร์ตเราเท่านั้นเอง 😉

วันนี้เราปั่นสั้นหน่อย เพราะตั้งใจว่าจะเข้าทูลูฟานเร็วหน่อยจะได้พักยาวขึ้นอีกนิดจะได้ไปต่อในอีกวันรุ่งขึ้น เป็นครั้งแรกท่ีเห็นนักท่องเท่ี่ยวต่างชาติ อาจจะเป็นเพราะทูลูฟานมีภูมิประเทศท่ีเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งคือเป็นพื้นท่ีท่ีต่ำกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 150 เมตร มีอากาศท่ีร้อนและร้อนนาน แต่ท่ีสำคัญคือท่ีนี่ปลูกองุ่นได้ผลดีมีชื่อเสียงของประเทศจีน มีการเอาองุ่นมาทำลูกเกดตามแบบฉบับของชาวอูกูร เราปั่นผ่านตึกท่ีมีช่องเล็ก ๆ ตอนแรกไม่รู้ว่ามันคืออะไร นึกว่าเป็นบ้านของแกะ แพะพวกสัตว์เลี้ยง แต่เผอิญเห็นรถสามล้อท่ีเต็มไปด้วยองุ่นไปจอดอยู่หน้าประตู เลยเข้าใจว่านี่คือท่ีตากองุ่นนี่เอง

ไร่องุ่น พอเขาหันมาเห็นเราก็โบกไม้โบกมือให้มาเอาองุ่นไปกิน แต่เราอยู่บนทางด่วน ทางมันชันมาก เดินลงไปได้แต่เดินขึ้นคงลำบากน่าดู

ไร่องุ่น พอเขาหันมาเห็นเราก็โบกไม้โบกมือให้มาเอาองุ่นไปกิน แต่เราอยู่บนทางด่วน ทางมันชันมาก เดินลงไปได้แต่เดินขึ้นคงลำบากน่าดู

ท่ีตากองุ่นเพื่อทำลูกเกด เขาว่าวิธีการนี้เป็นแบบฉบับของคนอูกูร

ท่ีตากองุ่นเพื่อทำลูกเกด เขาว่าวิธีการนี้เป็นแบบฉบับของคนอูกูร

ก่อนเช็คอินเข้าโรงแรมท่ีทูลูฟานเห็นป้ายหน้าโรงแรม ‘John’s café’ และมีเขียนในไกด์บุ๊คด้วยว่ามีอาหารนานาชาติ เราเบื่อลัคมานอาหารประจำชาติของขาวอูกูรมานานแล้วถึงแม้ว่าเส้นของเขาจะอร่อยขนาดไหนก็ตาม เลยอยากไปลองกินอาหารอื่น ๆ บ้าง เห็นท่ีป้ายมีบอกพิซซ่า เสต็ก อืม…อยากกินขึ้นมาทันที แต่พอเห็นราคาเลยต้องคิดดูอีกที เห็นเขามีเมนูทำไก่สไตล์เสฉวนด้วย เลยไปลองอันนี้แทน 😉 วันนั้นถึงแม้ว่าจะร้อน แต่เรารู้สึกได้พักผ่อนสบาย ๆ จริง ๆ

ที่ร้าน ‘John’s café’ ดูแล้วน่านั่ง น่าสบายเนอะ แต่ขอโทษ มันร้อนมาก ได้ยินคำว่าเหงื่อท่วมตัวมานาน วันนั้นรู้สึกได้ทันทีว่าถ้าเราไม่มีผ้ามาเช็ดเหงื่อ ตรงพื้นท่ีเรานั่งมันคงเป็นแอ่งน้ำน้อย ๆ เลยล่ะ

ที่ร้าน ‘John’s café’ ดูแล้วน่านั่ง น่าสบายเนอะ แต่ขอโทษ มันร้อนมาก ได้ยินคำว่าเหงื่อท่วมตัวมานาน วันนั้นรู้สึกได้ทันทีว่าถ้าเราไม่มีผ้ามาเช็ดเหงื่อ ตรงพื้นท่ีเรานั่งมันคงเป็นแอ่งน้ำน้อย ๆ เลยล่ะ

ด้านหลังโรงแรม ทางเดินไปร้าน ‘John’s café’

ด้านหลังโรงแรม ทางเดินไปร้าน ‘John’s café’

และวันนี้เองท่ีปั่นออกจากเมืองทูลูฟานท่ีร้อนจนแสบหลังเหมือนถูกเผา ไมล์วัดระยะทางของเวชขึ้นเป็น 10,000 กิโลตรงท่ีเป็นจุดท่องเท่ียวของเมืองนี้ด้วยคือ Flaming mountain เป็นภูเขาดินทรายท่ีบางเวลามันจะดูเหมือนเป็นเปลวไฟ แต่วันนั้นดูสลัว ๆ มัว ๆ เลยดูเป็นภูเขาไฟมอดไป แต่ดูอลังการมาก

หมื่นโลแล้ว

หมื่นโลแล้ว

ที่ภูเขาเปลวไฟ

ที่ภูเขาเปลวไฟ

วันรุ่งขึ้นเราปั่นกันต่อจุดหมายเราคือเมืองชันชัน (Shanshan) ออกจากทูลูฟานมาได้นิดหน่อยก็มาเห็นตึกอพาร์ตเมนท์ท่ีเขาสร้างเสร็จแล้ว สังเกตุดูหลังคาสิค่ะ จีนเขานึกถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ฝั่งตรงข้ามกำลังก่อสร้าง เขาสร้างแผงเซลล์แสงอาทิตย์พร้อม ๆ กันไปเลย เราปั่นผ่านชานเมืองบางแห่ง ยังเห็นแผงพวกนี้บนหลังคาบ้านท่ีไม่ได้สร้างด้วยปูนซิเมนต์แต่เป็นดิน เห็นมอเตอร์ไซค์แบบใช้ไฟฟ้ามากมาย ไม่มีมลพิษทั้งทางอากาศและเสียง แต่เสียงนี่ไม่เป็นพิษแต่อาจจะเป็นภัยเพราะเล่นมาแบบเงียบ ๆ

ตึกอพาร์ตเมนท์ท่ีสร้างพร้อมกับแผงเซลล์แสงอาทิตย์

ตึกอพาร์ตเมนท์ท่ีสร้างพร้อมกับแผงเซลล์แสงอาทิตย์

เราวางแผนไว้ว่าจะอยู่โรงแรมชานเมืองจะได้ไม่ต้องเข้าไปหาให้ยุ่งยาก แต่มีปัญหาตรงท่ีเขาไม่สามารถรับชาวต่างชาติได้ จากท่ีแรกเราต้องปั่นเข้าเมืองอยู่ดี ก็มาเจอโรงแรมหนึ่งดูใหญ่โตมาก ดูจากขนาดแล้วน่าจะมีใบอนุญาติรับเราได้ เลยเดินเข้าไปถาม ได้ค่ะแต่แพง ขี้เกียจหาแล้วเลยเอาตรงนี้แหละ ทุกครั้งท่ีเช็คอินจะต้องเสียเวลากับการสื่อสารเรื่องห้อง ว่าไม่เอาห้องท่ีสูบบุหรี่, ท่ีจอดจักรยานต้องปลอดภัยห้ามหาย, อินเตอร์เนตแบบ wifi หรือใช้เคเบิ้ลและอาหารเช้าว่าอยู่ท่ีไหนกี่โมงถึงกี่โมง และท่ีนี่โรงแรมนี้ก็มีปัญหาว่าเราจะเอากระเป๋า 2-3 ใบทิ้งไว้ท่ีจักรยาน คนหนึ่งบอกปลอดภัยคนหนึ่งบอกไม่ได้ เฮ่อ…เหนื่อยใจเมื่อยมือท่ีต้องเขียนในไอโฟนโดยใช้กูเกิ้ลช่วยแปล ไม่มีกูเกิ้ลนี่แย่เลยนะเนี่ย สรุปได้ขึ้นห้องเสียที แค่เห็นทางเดินก็รู้สึกว่ามันจะหรูเกินไปสำหรับเราหรือเปล่าเนี่ย และพอเปิดประตูเข้าไป ไอ่หย๋า…ห้องใหญ่มาก มีอ่างอาบน้ำ แต่ครั้งนี้ไม่ได้คิดถึงเรื่องซักผ้าสักเท่าไหร่ แต่อยากลงไปแช่ขัดขี้ไคลเสียมากกว่า วันนั้นรู้สึกว่าเนื้อตัวสะอาดมาก ไม่รู้ว่าเคยสะอาดอย่างนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ 😉

โรงแรมนี้น่าจะห้าดาวมั้ง หรูเกิ้น มีห้องน้ำแห้งและเปียกแยกกัน มีห้องเสื้อผ้าสำหรับแต่งตัว

โรงแรมนี้น่าจะห้าดาวมั้ง หรูเกิ้น มีห้องน้ำแห้งและเปียกแยกกัน มีห้องเสื้อผ้าสำหรับแต่งตัว

ก่อนออกจากโรงแรมมองผ่านทางหน้าต่างดูแล้วขมุกขมัวชอบกล นึกว่าหมอกลงแต่พอเอาจักรยานออกไปนอกโรงแรมถึงเข้าใจว่าลมมันพัดฝุ่นคลุ้งเต็มเมือง แฮ่…อยากจะเดินกลับเข้าไปในโรงแรมอีกรอบเลย แถมยางหลังเวชแบนอีก เฮ้อ..ท่ีปะยางท่ีซื้อมาเป็นแผงนี่มันจะพอมั้ยเนี่ย แบนกันได้วันละหลาย ๆ รอบแบบนี้ ปะยางเสร็จเราก็ตัดใจปั่นออกจากเมืองชันชันลมแรง ฝุ่นเยอะมาก วันนั้นเราปั่นไปคุยไป ไปกันเรื่อย ๆ จริง ๆ เราปั่นบนทางธรรมดาก่อนเพราะอยากลองดูว่ายางจะแบนมั้ย มันช่างแตกต่างระหว่างท่ีปั่นอยู่บนทางด่วนท่ีไม่มีอะไรดีแค่ว่าไม่ต้องหาทางปั่นอย่างเดียวกับทางธรรมดาท่ีมีชีวิตชีวา เห็นผู้คนนั่งพักผ่อน, ขายของและทำไร่ส่วนใหญ่จะเป็นไร่องุ่น เราปั่นมาได้สักพักก็มีรถสามล้อขับผ่านเราไป เห็นเขามองมาเราเลยโบกมือให้ เขาผ่านเราไปแล้วไปจอดอยู่ข้างหน้าเรา บอกให้เราหยุดและยื่นองุ่นมาให้หนึ่งพวงใหญ่ ๆ และตามมาอีกหลายพวง เอ่อ..แล้วข้าพเจ้าจะไปวางท่ีไหน รีบหาถุงมาใส่ให้แต่เขาไม่มี จะสละผ้าพันคอมาห่อให้ เวชนึกขึ้นได้ว่าชอบสะสมถุงอยู่ท่ีกระเป๋าหน้ารถ พอหยิบออกมา คุณพี่เขาก็ยิ่งหยิบมาอีกหลายพวง พอแล้ว ถุงนั้นท่าจะปาเข้าไป 2-3 โล ครั้นจะให้ใครแถวนั้นก็คิดว่าเขาคงเบื่อกินองุ่นกันแล้ว เอาออกมาพวงหนึ่งล้างน้ำแล้วก็วางท่ีกระเป๋าหน้ารถนั่นเลย ปั่นไปกินไป เพลินมากเลย มันหวานและเป็นองุ่นไร้เม็ด เพิ่มพลังดีจริง ๆ

คุณพี่พยายามหยิบยื่นองุ่นมาให้พวงแล้วพวงเล่า เราก็พยายามปฏิเสธแต่ไม่เป็นผลจนกระทั่งต้องหาถุงมาใส่ ปั่นมาแวะปั้มซึ่งดูท่าทางห่างไกลจากเมืองมาก เลยหยิบองุ่นขึ้นมาให้เด็กปั้ม 3 พวงใหญ่ ๆ เบาและได้แบ่งปันด้วย ดีทั้งสองฝ่าย ;-)

คุณพี่พยายามหยิบยื่นองุ่นมาให้พวงแล้วพวงเล่า เราก็พยายามปฏิเสธแต่ไม่เป็นผลจนกระทั่งต้องหาถุงมาใส่ ปั่นมาแวะปั้มซึ่งดูท่าทางห่างไกลจากเมืองมาก เลยหยิบองุ่นขึ้นมาให้เด็กปั้ม 3 พวงใหญ่ ๆ เบาและได้แบ่งปันด้วย ดีทั้งสองฝ่าย 😉

ทางธรรมดาเริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ เลยถูกบังคับให้ขึ้นทางด่วนอีกครั้ง ปั่นมาก็หลายกิโลอยู่ ยางยังดีอยู่ พอขึ้นทางด่วนปั่นได้ไม่เท่าไหร่ เอ๊ะ..มีเสียงอะไรท่ีล้อหน้า หยุดและสำรวจดูเลยเจอนี่เลย ลวดเส้นยาวปักติดยาวไปชนกับบังโคลนจนต้องหยุดหา ตอนแรกคิดว่าคงไม่เจาะไปถึงยางใน ปั่นไปได้สักพัก เฮ้อ..แบนอีกแล้ว

เส้นลวดเจ้าปัญหา หวังว่าหนทางข้างหน้าไม่ต้องขึ้นมาปั่นบนทางด่วนบ่อยนัก

เส้นลวดเจ้าปัญหา หวังว่าหนทางข้างหน้าไม่ต้องขึ้นมาปั่นบนทางด่วนบ่อยนัก

ปะอีกแล้ว หวังว่าท่ีปะยางคงจะพอจนกว่าเราจะไปถึงเมืองท่ีสามารถหาซื้อได้ ;-)

ปะอีกแล้ว หวังว่าท่ีปะยางคงจะพอจนกว่าเราจะไปถึงเมืองท่ีสามารถหาซื้อได้ 😉

ปั่น ๆ ไปลมเริ่มดันหลังเราไป สบายเลย แต่พอปั่นมาถึงตรงช่องเขา ลมเริ่มแรงพัดมาทางข้าง ๆ ลมแรงขึ้นเรื่อย ๆ บางครั้งมีรถบรรทุกขับผ่านเหมือนมันดูดเราเข้าไปหา จนหลายครั้งเราต้องหยุดให้มันผ่านไปก่อน ปั่นกันเอียง ๆ นึกถึงตอนท่ีเจอพายุหิมะท่ีฮังการีเลย แต่ตอนนั้นแย่กว่านี้เยอะเพราะมีหิมะหนาวติดลบ ตรงนี้เย็นเหมือนกันจนเราต้องเอาแจ๊คเก๊ตออกมาใส่ ปั่นจนเริ่มรู้สึกว่ามันเริ่มอันตรายนะ เลยมองหาท่ีกางเต้นท์ แต่ลมแรงขนาดนี้เต้นท์คงไม่ติดพื้นแน่ เราลองเดินหาช่องระบายน้ำใต้ถนนซึ่งก็เริ่มมีน้อยลง มาเจอท่ีหนึ่งค่อนข้างเตี้ย ขนาดเวชยังต้องก้มแต่ยังดีกว่านอนข้างนอกเพราะไม่รู้ว่าตกกลางคืนฝนจะตกหรือเปล่า ไม่สามารถคาดเดาได้เลย

วิวท่ีโล่งโจ้ง ไม่มีอะไรมาต้านทานลมได้เลย

วิวท่ีโล่งโจ้ง ไม่มีอะไรมาต้านทานลมได้เลย

กางเต้นท์ไม่ได้ เรานอนกันบนพื้นปูนนั่นเลย เอากระเป๋ามาวางบังลมช่วยได้เยอะทีเดียว

กางเต้นท์ไม่ได้ เรานอนกันบนพื้นปูนนั่นเลย เอากระเป๋ามาวางบังลมช่วยได้เยอะทีเดียว

เช้านี้เรานอนกันแบบเต็มอิ่มเลย ตื่นขึ้นมาก็ฉลองด้วยการเปลี่ยนยางในของเวช ล้อหลังแบน แบนกันได้ทุกวัน ขนาดใส่ยางในท่ีกันหนามแล้วนะเนี่ย ลมก็ยังแรงอยู่ ก้มหน้าก้มตาปั่นกันไป ไม่มีโอกาสได้ชมวิวทิวทัศน์แถวนั้น แต่คิดว่าคงไม่ได้พลาดอะไร เพราะเรายังอยู่ในเขตทะเลทราย เห็นมีตึกอุตสาหกรรมโรงงานอะไรสักอย่างนี่แหละ อ้าว..มีเสียงอะไรอีกละ ตึก ๆ ๆ และแล้วบันไดโจคิมเริ่มงอแง มันไม่ยอมหมุนตามเท้า ลองถอดออกมาดูปรากฎว่าลูกปืนในบันไดเสื่อม ปั่นได้สิบรอบขามันก็ติดขัด เลยต้องโบกรถเข้าเมืองฮามิ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ตอนแรกคิดว่าจะปั่นไปให้ถึงจุดจอดพักรถท่ีมีเป็นระยะ ๆ แต่ดูท่าทางคงไปได้ไม่เร็วเท่าไหร่ เราจึงคอยมองเช็คจราจรว่ามีรถบรรทุกคันไหนบ้างท่ีสามารถรับเราไปด้วยได้ แต่หามีไม่ ส่วนใหญ่จะเป็นรถบรรทุกน้ำมันหรือไม่ก็บรรทุกของกันจนเต็มคันรถแทบจะล้นออกมา เราเลยต้องพยายามไปให้ถึงจุดจอดพัก แต่พอไปถึงกลับยังสร้างไม่เสร็จ 😉 ยิ่งทำให้โอกาสท่ีเราจะได้รถเป็นไปได้ยากขึ้น เพราะมันจะขับผ่านเลยไป แต่!!! มีรถตู้คันหนึ่งจอดนิ่งอยู่ ลอบมองเข้าไปในรถเห็นผู้ชายสองคนกำลังนอนพักผ่อน ขณะท่ีเราพยายามโบกรถเราก็จ้องรถตู้คันนี้ไว้ ความพยายามเราไม่เป็นผลสักเท่าไหร่ จนกระทั่งเห็นการเคลื่อนไหวในรถตู้ พวกเขาตื่นกันแล้ว!!! เราเดินเข้าไปหาเขาและพยายามเขียนคุยกับเขาทางไอโฟนขอให้เขาไปส่งเรา และเราพร้อมท่ีจะจ่ายค่าน้ำมันค่าเสียเวลาและค่าเสื่อมรถ คือตอนนั้นจ่ายเท่าไหร่บอกมา เงินไม่สำคัญสำหรับเราเสียแล้วแต่กลายเป็นเวลาและบันไดท่ีสำคัญกว่า หนุ่มน้อยทั้งสองบอกว่าเขาต้องไปทำงานต่อ ไปส่งเราถึงในเมืองไม่ได้ แต่เขาขับไปส่งเราไปสักระยะหนึ่งแถว ๆ ที่ทำงานเขาได้ พอมาถึงจุดท่ีเราต้องลง เขาก็ลงมาช่วยเราโบกรถ ขนาดเขาพูดภาษาได้ยังไม่สามารถโบกรถให้เราได้ เรายืนโบกหารถกันเกือบชั่วโมง เริ่มรู้สึกกดดันเรื่องเวลา เขาคงเห็นว่าถ้าปล่อยเราอยู่ตรงนั้นคงไม่มีหวังได้รถ เขาเลยตัดสินใจ ขับพาเราไปถึงทางขึ้นทางด่วน ซึ่งตรงนั้นรถทุกคันต้องหยุดให้ตำรวจเช็ค รวมทั้งรถบัส เขาช่วยเราถามคนขับรถจนกระทั่งได้ กระบวนการตั้งแต่เจอหนุ่มสองคนนี้จนกระทั่งได้ขึ้นรถบัสใช้เวลาเกือบครึ่งวัน นี่ขนาดมีคนจีนมายืนข้าง ๆ คอยช่วยคอยถามยังใช้เวลาขนาดนี้ :-O และก่อนท่ีเราจะบ๊ายบายกัน เวชยัดเงินใส่กระเป๋าเสื้อเขา เขารีบหยิบขึ้นมาดูและพยายามยัดกลับใส่มือเวช แบบจับมือกำไว้แล้วผลัก ๆ ดัน ๆ เวชให้ขึ้นรถบัสไป เราเกรงใจเขามากเลย เขาต้องขับรถมาตั้งไกล ขาดงานมาหลายชั่วโมง แล้วยังต้องขับกลับไปทางเดิมอีก

หนึ่งในสองหนุ่มท่ีขับรถมาส่งเราท่ีทางขึ้นทางด่วน หาทางช่วยเหลือเราอย่างเต็มท่ี ชื่อก็ไม่ได้ถามมาแถมไม่ยอมให้เราตอบแทนอะไร คนจีนก็น่ารักเหมือนกันนะ

หนึ่งในสองหนุ่มท่ีขับรถมาส่งเราท่ีทางขึ้นทางด่วน หาทางช่วยเหลือเราอย่างเต็มท่ี ชื่อก็ไม่ได้ถามมาแถมไม่ยอมให้เราตอบแทนอะไร คนจีนก็น่ารักเหมือนกันนะ

เข้ามาถึงเมืองฮามิ (Hami) มืดพอดี ท่ีจีนนี่ก่อนท่ีเราจะเช็คอินเข้าพัก เราต้องถามก่อนว่าเขาสามารถรับชาวต่างชาติได้มั้ย เหมือนเขาลืมเองนะ เพราะเวชก็คุยภาษาจีนไม่ได้แค่หน้าท่ีเหมือนจีน ถามแล้วถามอีกว่าได้มั้ยก็ยังบอกว่าได้ พอเอาพาสปอร์ตให้ดูถึงมาบอกว่าไม่ได้ เฮ่อ… โหลดกระเป๋าขึ้นจักรยานอีกรอบปั่นไปหาท่ีใหม่ ขณะปั่น ๆ อยู่ก็มีจักรยานคันหนึ่งปั่นมาข้าง ๆ และถามอะไรสักอย่างเดาไม่ออก เวชเห็นว่าเขาใช้จักรยานของเทรค (Trek) นั่นแสดงว่าเขาต้องรู้ว่าร้านจักรยานอยู่ที่ไหน เลยจอดและคุยกับเขา เขาถามว่าเราจะไปพักท่ีไหน พอเราบอกว่ากำลังหาอยู่ เขาเลยพาเราไปท่ีโรงแรมแห่งหนึ่ง Super 8 ช่วยถามช่วยเจรจาลดราคาค่าห้องให้ จัดการให้เราได้บัตรวีไอพีเพื่อไปใช้ลดราคาท่ีซุปเปอร์ 8 ที่เมืองอื่น ๆ คืนแรกเราจ่ายเต็มแต่คืนท่ีสองเราได้ลด 10% ก็ยังดีเนอะ โรงแรมท่ีนี่ต่อได้นะ ลดได้ประมาณ 10-20% หรืออาจจะมากกว่านั้น ตอนแรกก็ไม่กล้าต่อ หลัง ๆ ลองต่อดู ต่อกันไปต่อกันมาสนุกดี เขาก็น่ารักนะ

เพื่อนใหม่เราน่ารักมากและครั้งนี้ไม่ลืมท่ีจะถามชื่อแต่ต้องจดไม่อย่างนั้นไม่สามารถจำได้ 🙂 ชื่อ หวังหยงฉาง คืนนั้นพาเราไปกินข้าว กินเสร็จขับรถไปส่งท่ีโรงแรมอีก เราช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ พอวันรุ่งขึ้นเราเอาจักรยานไปเซอร์วิส รถโจคิมเปลี่ยนบันได เช็คเกียร์ ส่วนรถเวชต้องเปลี่ยนลูกปืนและแกนของล้อหลัง เพราะตอนเปลี่ยนยางในสังเกตุเห็นว่าเอานิ้วดันล้อไปข้าง ๆ ได้ตอนท่ีจะใส่เบรคเข้าท่ีเดิม พอไปถึงร้านเลยให้เขาเช็คทุกล้อเลย เราคงต้องคอยดูแลใกล้ชิดมากกว่านี้ จักรยานสองคันนี้ถือว่าเป็นสมาชิกในครอบครัวเราต้องดูแลกันเยอะ ๆ หน่อย หยงฉางส่งข้อความถามมาว่าจะไปกินข้าวมั้ย? เมื่อคืนเขาเลี้ยงเราเลยอยากเลี้ยงเขาคืน เขียนกลับไปว่า ”โอเค ท่ีไหน เมื่อไหร่” ต้องเขียนสั้น ๆ นะ ไม่อย่างนั้นกูเกิ้ลแปลมั่ว เขาเขียนกลับมาว่า ”อีก 10 นาที” อ้าว…แล้วจะเจอกันยังงัย เขาบอกว่าให้รอท่ีนั่น สักพักหนึ่งมีรถสีแดง 4WD ใหม่เอี่ยมมาจอดหน้าร้านจักรยานและมีเพื่อน ๆ (4 คน) ของเขาเดินมาหา เราทั้งหมดเลยกระโดดขึ้นรถเขาพาเราไปกินติ่มซำ มีจานหนึ่งไส้เนื้อลาด้วย ไม่บอกก็ไม่รู้หรอก แต่อิ่มอร่อยจนถึงเย็นเลย

เพื่อน ๆ ของหยงฉาง น่ารักมาก หลังจากกินอิ่มแล้วเราถามเขาว่าร้านขายของ outdoor อยู่ท่ีไหนเขาขับพาไปส่งเลย ถ้าเขาไม่ต้องกลับไปทำงานคงจะไปช่วยเราหาซื้อด้วยแน่ :-)

เพื่อน ๆ ของหยงฉาง น่ารักมาก หลังจากกินอิ่มแล้วเราถามเขาว่าร้านขายของ outdoor อยู่ท่ีไหนเขาขับพาไปส่งเลย ถ้าเขาไม่ต้องกลับไปทำงานคงจะไปช่วยเราหาซื้อด้วยแน่ 🙂

ออกไปเดินช้อปปิ้งซื้ออาหารและน้ำสำหรับวันรุ่งขึ้น มาเจอแพ๊คนี้ งง มีลูกตาอยู่ด้วยอ่ะ น่าสงสัยว่าเขาจะเอาไปทำอะไร ;-)

ออกไปเดินช้อปปิ้งซื้ออาหารและน้ำสำหรับวันรุ่งขึ้น มาเจอแพ๊คนี้ งง มีลูกตาอยู่ด้วยอ่ะ น่าสงสัยว่าเขาจะเอาไปทำอะไร 😉

ท่ีจีนเขาคงกินบะจ่างกันทั้งปีมั้ง มีแช่แข็งด้วย แต่ลูกเล็กกว่าท่ีแม่เวชเคยทำและคิดว่าคงไม่อร่อยเท่าแน่นอน ;-)

ท่ีจีนเขาคงกินบะจ่างกันทั้งปีมั้ง มีแช่แข็งด้วย แต่ลูกเล็กกว่าท่ีแม่เวชเคยทำและคิดว่าคงไม่อร่อยเท่าแน่นอน 😉

เราเปลี่ยนแผนนิดหน่อย!!! ยังจำเพื่อนเก่าเราได้มั้ยคะ? บาเทคจากโปแลนด์เขาปั่นห่างจากเราประมาณ 2-3 วัน เพราะเขาสามารถเข้าจีนได้ในขณะท่ีเราค้างเติ่งอยู่ท่ีหมู่บ้านในคีร์ซกิสถาน ตอนนี้เขาอยู่ท่ีเมืองกัวจู (Guazhou) เราเลยตัดสินใจขึ้นรถบัสจากเมืองฮามิไปเมืองกัวจูที่ไกลออกไปอีกประมาณ 400 กม.เพื่อเจอกับบาเทค โชคดีท่ีเราได้รับการช่วยเหลือจากพนักงานท่ีโรงแรมพาไปซื้อตั๋วรถทัวร์ เพราะยุ่งยากมากตอนแรกว่าจะขึ้นรถไฟ แต่คนจีนเขาคงเดินทางกันเป็นว่าเล่นมั้ง ขนาดวันธรรมดาตู้นอนยังเต็ม เขาเลยพาเราไปเช็คท่ีสถานีรถบัส เราซื้อได้ตั๋วท่ีนั่งแต่ปรากฎว่าค่าระวางจักรยานแพงกว่าอีก ท่ีเราตัดสินใจเช่นนี้เพราะเราเริ่มเบื่อทะเลทราย อยากเห็นอะไรเขียว ๆ แล้วและความท่ีรู้สึกว่าเราคืบหน้าไปช้า เรื่องวีซ่าเพื่อความสะดวกในการต่ออายุเราต้องต่อท่ีเมืองเล็กแห่งหนึ่งซึ่งเราต้องไปให้ทันก่อนวีซ่าจะหมดอายุ เราอยากปั่นขึ้นเขามากกว่าปั่นอยู่ในทะเลทรายท่ีเราปั่นผ่านกันมาแล้วทั้งท่ีคาซัคฯ และอุซเบกฯ คิดว่าพอละ

ใต้ท้องรถทัวร์บรรทุกของจิปาถะ กระเป๋าเดินทาง จักรยาน และยังมีสัตว์ด้วยเช่นหนูตัวเล็ก ๆ และ แกะเป็น ๆ :-O

ใต้ท้องรถทัวร์บรรทุกของจิปาถะ กระเป๋าเดินทาง จักรยาน และยังมีสัตว์ด้วยเช่นหนูตัวเล็ก ๆ และ แกะเป็น ๆ :-O

คืนก่อนท่ีเราจะออกเดินทาง “หยงฉาง” มาเคาะประตูห้องท่ีโรงแรม เขาแวะมาคุย เขาเองก็สงสัยว่าทำไมเราไม่ปั่นต่อ นั่งเขียนคุยกันสักพักเขาถามเราว่าถ้าเขาจะพาลูกชายเขามาให้รู้จักจะได้มั้ย น่ารักเนอะมีการขออนุญาติก่อนด้วยอ่ะ ได้สิทำไมจะไม่ได้ สักพักเขากลับมาพร้อมกับลูกชายอายุ 11 ปี น่ารักมาก คงจะถูกอบรมมาอย่างดี แต่ท่ีดีอีกอย่างคือเขาพูดภาษาอังกฤษได้ เก่งมากสำหรับเด็กอายุแค่นี้ เลยให้เขาสอนภาษาจีนให้เขียนและออกเสียงให้ฟัง เช้าวันรุ่งขึ้นตอนเราจะไปขึ้นรถทัวร์ “หยงฉาง” ยังมาส่งท่ีสถานีแถมเอาชาแพ๊คอย่างดีมาให้ด้วย รู้สึกอบอุ่นปลอดโปร่งดีท่ีีมีเพื่อนเรามายืนอยู่ข้าง ๆ คอยเป็นล่ามให้

คุณพ่อและคุณลูก น่ารักจริง ๆ แวะมาบ๊ายบายท่ีโรงแรมดูรูปกัน

คุณพ่อและคุณลูก น่ารักจริง ๆ แวะมาบ๊ายบายท่ีโรงแรมดูรูปกัน