China IIII

จีน => จาก Minhe (หมินเฮอ) ผ่านหลายหมู่บ้านข้ามแม่น้ำฮวงโหไป Gannan (กันนัน)

ช่วงนี้ปั่นกันหลายวันหน่อยเพราะอยากจะออกจากบริเวณนี้มาก คือบนช่วงเทือกเขาอากาศเริ่มเย็นขึ้นเปลี่ยนเป็นหน้าฤดูใบไม้ร่วงอากาศเหมือนท่ีสวีเดนเลย เลยยิ่งอยากจะหนีจากบริเวณนี้เร็ว ๆ และอีกอย่างคือเรามีเรื่องให้คิดเกี่ยวกับการต่ออายุวีซ่าว่าจะต่อท่ีไหนเมื่อไหร่ซึ่งหวังว่าคงไม่มีปัญหา เมื่อคืนนอนกันดึกไปหน่อย เขียนบล๊อค ตื่นเกือบ 9 โมง เรานั่งเขียนของเรากว่าจะเสร็จก็เกือบบ่าย ตอนเช้ากินมาม่าท่ีห้องตั้งแต่เข้าจีนมานี่กินมาม่าบ่อยมาก เริ่มเบื่อเดี๋ยวต้องคอยมองหาอย่างอื่นบ้างล่ะ เรียบร้อยแล้วเราปั่นออกนอกเมือง ทางเริ่มขรุขระ โจคิมหาทางลัดออกไปถนนใหญ่ เข้าทางเล็ก ๆ เลี้ยวลึกเข้าไปตามหมู่บ้าน ตอนปั่นผ่านร้านขายผลไม้ข้างทาง เห็นนักปั่นน่าจะเป็นคนจีน เราจอดกินผลไม้กันอยู่แต่เขาโบกมือให้แล้วปั่นต่อไป ปั่นมาเรื่อย ๆ เจอนักปั่นอีกคน คนนี้กลับรถแล้วจอดคุยกัน เขาจะไปท่ีทะเลสาปท่ีไปดูนกกัน เริ่มเห็นนักปั่นมากขึ้น ก่อนท่ีจะเลี้ยวซ้ายเข้าทางลัดมีอุบัติเหตุรถชนกัน โชคดีเราไม่ได้อยู่ตรงท่ีเกิดเหตุนั้นด้วย รถติด คนเยอะมาก จีนบริเวณนี้มีมุสลิมอีกกลุ่มหนึ่ง เรียกว่า “หุ๋ย” ท่ีไม่ใช่อูกูรอย่างท่ีเราพบท่ีมณฑลซินเจียง การแต่งกายแตกต่างกันเล็กน้อยโดยเฉพาะหมวกของผู้หญิงท่ีมีทรงสูงกว่าของผู้ชาย เรามาถึงหมู่บ้านหนึ่งท่ีเราจะตัดออกเข้าถนนเล็ก ๆ ตอนนั้นเกือบหกโมงเย็น เราคงปั่นได้อีกแค่ชั่วโมงหนึ่ง เพราะพระอาทิตย์ตกเร็วขึ้น

วิวระหว่างทางออกจากหมินเฮอ

วิวระหว่างทางออกจากหมินเฮอ

ปั่นข้ามสะพานท่ีใหญ่มากข้ามแม่น้ำ มันน่าจะชื่อ Brown river นะ เพราะน้ำเป็นสีน้ำตาล แต่มันเป็นช่วงหนึ่งของ Yellow River = แม่น้ำฮวงโห หมู่บ้านท่ีเราปั่นผ่านมาดูเหมือนจะไม่มีท่ีพัก เพราะเทียบจากกระดาษท่ีให้ฟิชเชอร์เขียนตัวอักษรจีนท่ีแปลว่าโรงเตี้ยมหรือท่ีพักท่ีดีกว่าโรงเตี้ยมหน่อยไว้ให้ ไม่มีท่ีไหนตรงกันเลย และขี้เกียจเดินไปถามด้วย เพราะดูจากในแผนท่ีเราจะปั่นใกล้ ๆ เลียบ ๆ เคียง ๆ กับแม่น้ำ เลยแสวงหาท่ีกางเต้นท์เอาข้างหน้า แต่พอออกจากหมู่บ้านดันขึ้นเขา อ้าว…แล้วจะมีน้ำมั้ยเนี่ย ปั่น ๆ ไป เอ๊ะ…ได้ยินเสียงน้ำไหลนะเลยเดินไปเช็คดู มีบ้านหลังหนึ่งแต่เขาล๊อคจากด้านนอก เราเลยไปทางข้าง ๆ ขึ้นไปหาทำเลบนเนินเขาเล็ก ๆ ดูดีมาก ไม่มีใครสนใจมองขึ้นมา เต้นท์กางสุดท้ายก่อนท่ีพระอาทิตย์จะตกดิน วันนี้เราตั้งเตาเองด้วยนะ รู้สึกภูมิใจท่ีติดเตาได้ ไม่ได้ทำอะไรมากมาย แค่ต้มม่ามา 🙂 กินเสร็จก็เดินลงไปชำระล้างท่ีทางน้ำไหล มืดพอดี แต่ก็ดีรถผ่านไปมาจะได้ไม่ตกใจ คืนนี้นอนเร็วหน่อย เพราะตอนนี้เราอยู่ท่ีความสูงประมาณ 1600 เมตร พรุ่งนี้ต้องปั่นขึ้นเขาสูงประมาณ 2300 เมตรภายใน 10 กม. แต่หลังจากนั้นอีก 20 กม.ก็ไหลลงอย่างเดียว แฮ่ ๆๆ แล้วก็ขึ้นอีก ช่วงบ่ายเราคงอยู่บนเขาสูงประมาณ 2300 – 2500 เมตร คงได้ใส่เสื้อกันหนาวท่ีอุตส่าห์ซื้อมา 🙂 🙂

สะพานข้ามแม่น้ำฮวงโหนี่เป็นสะพานใหม่ท่ีเพิ่งสร้างเสร็จ

สะพานข้ามแม่น้ำฮวงโหนี่เป็นสะพานใหม่ท่ีเพิ่งสร้างเสร็จ

ตรงนี้น้ำใสเชียวน่าลงเล่น แต่ก็น่าจะเย็นทั้งปี เป็นแม่น้ำใหญ่เป็นท่ีสองของจีนรองจากแม่น้ำแยงซี

ตรงนี้น้ำใสเชียวน่าลงเล่น แต่ก็น่าจะเย็นทั้งปี เป็นแม่น้ำใหญ่เป็นท่ีสองของจีนรองจากแม่น้ำแยงซี

ปั่นมาได้ยินเสียงน้ำไหลเลยเข้าไปสำรวจหาท่ีกางเต้นท์

ปั่นมาได้ยินเสียงน้ำไหลเลยเข้าไปสำรวจหาท่ีกางเต้นท์

เมื่อคืนก่อนจะหลับได้ยินเสียงฝนตกนิด ๆ เลยออกไปเอาถุงพลาสติคปิดท่ีเบาะหนัง เช้านาฬิกาปลุกตอน 7 โมงเช้า แต่ฝนตกเลยนอนฟังเสียงฝนได้สักครึ่งชม.ถ้านอนรอให้ฝนหยุดคงไม่ได้ไปไหนแน่ เลยมุดออกมา อืม..ฟังอยู่ในเต้นท์เหมือนมันยังตกหนักนิด ๆ แต่พอออกมาแล้วก็แค่หยด ๆ ไม่มาก ช่วงท่ีเรานั่งกินขนมปังกะกาแฟ ฝนหยุด พอเราเริ่มปั่นออกไปได้ไม่นานก็เริ่มลงเม็ดแล้วก็ตกทั้งช่วงเช้านั้นเลย เปียกกันไปหมด ทางขึ้น ๆ นิด ๆ เรื่อย ๆ จนมาถึงอุโมงค์ ปั่นทะลุไปเราเข้าไปซื้อขนมปังและขอน้ำร้อนเขาชงกาแฟ ยืนกินกันตรงนั้นอยู่สักครึ่งชม.ได้ เปลี่ยนเสื้อผ้าท่ีแห้ง ๆ แล้วก็ไหลลงเกือบ 20 กม.พร้อมลมและฝน หนาวมากหนาวจนปากเขียวตัวสั่น แต่แถวนั้นดูไม่น่าอยู่ เปลี่ยนถุงเท้าและใส่ถุงพลาสติคครอบอีกทีและใส่กางเกงยางยืดเพิ่มอีกตัวหนึ่ง เพราะเริ่มเย็นท่ีเข่า จากตรงนั้นดูแผนท่ีแล้ว น่าจะมีหมู่บ้านท่ีใหญ่หน่อยถัดไปอีก 60 กม. เมื่อเช้าดูกระเป๋ามันสะอาดมากหลังจากถูกฝน แต่พอลงจากเขา ปั่นผ่านตรงท่ีเขาเริ่มก่อสร้าง ฝุ่นท่ีถูกฝนกลายเป็นโคลนสีแดงกระเป๋าเราเลยเขรอะอีกเหมือเดิม

นั่นคือทางออกจากอุโมงค์มา มีอุโมงค์ก็ดีอย่างคือไม่ต้องปั่นขึ้นเขาสูงนัก แต่บางอู่ไม่มีไฟต้องเดินจูงจักรยานกันออกมา

นั่นคือทางออกจากอุโมงค์มา มีอุโมงค์ก็ดีอย่างคือไม่ต้องปั่นขึ้นเขาสูงนัก แต่บางอู่ไม่มีไฟต้องเดินจูงจักรยานกันออกมา

กินขนมปังกาแฟ ตัวแห้งหน่อยแล้วก็ปั่นลงอย่างเดียว เห็นทางแล้วหนาวเลยทั้งลมทั้งฝน

กินขนมปังกาแฟ ตัวแห้งหน่อยแล้วก็ปั่นลงอย่างเดียว เห็นทางแล้วหนาวเลยทั้งลมทั้งฝน

ลงมาถึงทางราบปั่นเข้าเมือง Jongqing กินกลางวันอร่อยจานใหญ่แพงด้วย ปั่นข้ามสะพานข้ามแม่น้ำฮวงโห ปั่นขึ้น ๆ ลง ๆ จนหงุดหงิดเพราะมันไม่หมดเสียที กางเต้นท์นอนใกล้ ๆ ก่อนถึง Dongxing มีคนแวะมาดูเราคร้ังหนึ่งและอีกครั้งหนึ่งมาชวนเราไปนอนบ้านเขา ขี้เกียจเพราะกางเต้นท์และจัดท่ีนอนเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าฝนตกก็ไม่แน่ 555

จานใหญ่มากขนาดปั่นกันมาทั้งวันยังกินไม่หมด แต่อร่อยเนื้อนุ่มเชียว

จานใหญ่มากขนาดปั่นกันมาทั้งวันยังกินไม่หมด แต่อร่อยเนื้อนุ่มเชียว

มีชาวบ้านมานั่งยอง ๆ มองเราจากกองดินท่ีอยู่ทางด้านขวามือของภาพ พอเราเดินไปหาดันจะเดินหนี เอ่อ...

มีชาวบ้านมานั่งยอง ๆ มองเราจากกองดินท่ีอยู่ทางด้านขวามือของภาพ พอเราเดินไปหาดันจะเดินหนี เอ่อ…

เช้ากำลังเก็บเต้นท์มีเด็กผู้ชายเดินเข้ามาสังเกตุการณ์ว่าเราทำอะไร จ้องมองอย่างเดียว เราไม่เริ่มคุยภาษาจีนเพราะกลัวว่าจะยาว แบ่งผลไม้ให้เขาหนึ่งลูก เก็บทุกอย่างเรียบร้อยก็ออกปั่นต่อขึ้นลงนิดหน่อยแล้วหลังจากนั้นลงอย่างเดียวเกือบ 10 กม. ถนนทางลงชันกว่าและขรุขระกว่าทางท่ีเราขึ้นมา ใช้เวลาลงแค่ชม.ครึ่ง แต่ตอนปั่นขึ้นนี่ใช้เวลาทั้งวันเลย ระหว่างทางท่ีปั่นลงมาเห็นเขากำลังก่อสร้างตึกสูง ๆ อยู่ในหุบเขา จีนเขารื้อบ้านเรือนเก่า ๆ แล้วสร้างตึกคอนโดสูงเพิ่มมาตรฐานความเป็นอยู่แล้วท่ีเขามีมาตรการท่ีว่าให้มีลูกแค่คนเดียวแล้วสร้างตึกมากมายอย่างนี้จะมีคนมาอยู่มั้ยเนี่ยอยากรู้จัง

ก่อสร้างตึกสูง ๆ เห็นอยู่ทั่วไปไม่ว่าจะปั่นอยู่ในเมืองใหญ่หรือเมืองในหุบเขา

ก่อสร้างตึกสูง ๆ เห็นอยู่ทั่วไปไม่ว่าจะปั่นอยู่ในเมืองใหญ่หรือเมืองในหุบเขา

เมืองนี้อยู่ในหุบเขาถึงสองชั้นเลยนะเนี่ย

เมืองนี้อยู่ในหุบเขาถึงสองชั้นเลยนะเนี่ย

เราปั่นเข้ามาท่ีเมืองลินเชีย (Linxia) เห็นร้านขายของและชุดคลุมกันฝนราคาถูก ๆ เลยซื้อมา 2 ตัว 40 หยวน ตอนนั้นคนขายหล่อนโมโหลูกตีด้วยเข็มขัดไปตั้งหลายที หันมาคุยกับเราต่อพอเราลองใส่และคุยกัน เธอเดินกลับเข้าไปตีลูกอีกอ่ะ ไม่กล้าต่อราคาเลย จ่ายตังค์แล้วรีบปั่นออกมาเลยปั่นไปอีกหน่อยก็มีอีกหลายร้านท่ีขายร่มและชุดกันฝน อืม…ท่าทางเมืองนี้ฝนตกบ่อย หลังจากนั้นไปหาข้าวเท่ียงกิน เจอร้านนึงมีอาหารตามสั่ง นั่งกันยาวหน่อยเพราะอยากชาร์ตคอมฯ และจีพีเอส ซื้อไข่ต้มจากท่ีร้านไปกินตอนกลางวันน่าจะดี เลยสั่งไข่ต้มผ่านกูเกิ้ล นั่งรอสักพัก เขาเดินมาส่งเป็นกล่องโฟม เอ… สงสัยได้ไข่อะไรอื่นพอเปิดดู เหอะ ๆ ไข่ดาว โอเค! พอเราพร้อมท่ีจะออกเดินทางต่อฝนดันตก แต่มิเป็นไรเรามีชุดกันฝนแล้วได้ใช้ทันที แวะชื้อเป็บซี่เพราะอยากได้ถุงพลาสติคาใส่ครอบถุงเท้า พอเตรียมตัวทุกอย่างเสร็จปั่นออกไป เอ…ล้อหลังมันแปลก ๆ ตอนแรกคิดว่าถนนมันขรุขระ ใช่ขรุขระด้วยยางแบนด้วยเลยต้องเดินหาท่ีเปลี่ยน ฝนตกถนนเฉอะแฉะเลอะเทอะไปหมด เรามานั่งท่ีหน้าร้านท่ียังไม่เปิด ข้าง ๆ นั้นเป็นร้านขายยา คิดว่านั่งตรงนี้คงไม่มีคนเยอะ แต่จอดปุ๊บคนก็เดินมาดูปั๊บ ทำใจเพราะแค่เห็นเราปั่นผ่านเขาก็จ้องตาแทบถลน นี่มาจอดนิ่ง ๆ ปะยางอยู่ตรงหน้า ไม่มามุงให้มันรู้ไป 🙂 🙂 🙂 (พอของเราแบนลืมถ่ายรูป 🙂 คิดค่ามุงละกันนะค่ะ ขอน้ำล้างมือเสียเลย แล้วหาเร่ืองคุยนิดหน่อยเรื่องเส้นทาง ตามแผนท่ีเราจะไปทางขวามือ คนท่ีมามุงเราบอกว่าถนนเส้นนั้นยังซ่อมแซมไม่เสร็จ ควรจะไปใช้ทางเส้นขนาน ดีท่ีถามไม่อย่างนันวันนี้คงไปไม่ถึงไหนแน่ ดูจากปากทางเป็นโคลนแดง ๆ เละ ๆ แต่ถนนท่ีเราปั่นไปก็ไม่ใช่ว่าดีมาก ถนนดีแต่รถหลายคันมาใช้เส้นทางเดียวกัน จราจรเลยคับคั่งไปหน่อย เราพยายามปั่นให้เข้ามาใกล้เมืองกันนัน (Gannan) ให้มากท่ีสุดเพราะทางชันขึ้นเรื่อย ๆเราปั่นผ่านสำนักงานท่ีให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานท่ีท่องเท่ียวของมณฑลกันซูนี้ เราเข้าไปถามดูว่าอีก 10-20 กม.จะมีท่ีพักมีโรงแรมมั้ย ไม่มี แต่มีถ้าปั่นไปอีก 30 กม. อึ๋ย… เวลามันเริ่มเย็นแล้วเน้อ เขาว่ามีเราก็จะปั่นไป เราบอกให้เขาจดชื่อโรงแรมบนกระดาษ แต่มาสังเกตุเห็นทีหลังว้าเขาเขียนชื่อเมืองและระยะทาง เฮ่อ..เศษกระดาษนั่นไม่ได้ช่วยอะไรเราเลย พอมาถึงทางเข้าเมืองก็เริ่มถามคนแถวนั้น ชี้กันไป พอถามเจอเขาโทรศัพท์ไปคุยกับใครไม่รู้และหันมาบอกเราว่าโรงแรมปิด อุ่ย.. อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงพระอาทิตย์จะตกดินจะเริ่มมืด ช่วงนี้เวลาปั่นของเราหดสั้นลงเรื่อย ๆ จากท่ีเคยปั่นได้ถึงสามทุ่ม ตอนนี้แค่ทุ่มครึ่งก็มืดแล้ว เรารีบปั่นออกไปหาท่ีกางเต้นท์ ไม่ไกลจากตรงนั้นเท่าไหร่ แถว ๆ หมู่บ้าน Wanggeertangxiang นั่นแหละ ออกเสียงไม่ถูกเช่นกันค่ะ

ผ่านประตูนี้ถึงจะเห็นสำนักงานท่องเท่ียว

ผ่านประตูนี้ถึงจะเห็นสำนักงานท่องเท่ียว

ตื่นเช้ามานอนฟังเสียงอีกแล้ว กำลังเก็บเต้นท์อยู่เห็นว่ามีมอเตอร์ไซค์มาจอดห่าง ๆ แล้วจ้องมาทางเรา กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้วท่ีถูกจ้อง เราโบกมือทักทายเขาแต่ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบกลับมา นี่ก็เป็นเรื่องธรรมดาอีกเรื่องหนึ่ง โบกยังพี่ท่านก็ยังยืนจ้องเหมือนเดิม เชิญ ๆ จ้องได้จ้องไป เฮ้อ..จะบ้าตาย เช้านี้ขี้เกียจตั้งเตาเลยปั่นข้ามไปอีกฝั่งสั่งอาหารเช้ามากิน เรามีขนมปังและกาแฟเอามาเอง เกรงใจเขาเลยสั่งไข่ต้ม 4 ฟอง คราวนี้เขียนในกูเกิ้ลว่า hard boiled eggs นั่งรอสักพัก พอเขาเสริฟมาเป็นชาม เหอะ ๆๆ มันกลายเป็นไข่น้ำ แถมได้คนละ 4 ฟอง โด๊บกันสุด ๆ

ช่วงนี้ก็ยังคงบนเขาขึ้น ๆ ลง ๆ แต่ปั่นกันสบาย ๆ ทั้ง ๆ ท่ีฝนตก เรายังโชคดีท่ีไม่มีลมมาผสมโรงด้วย ไม่อย่างนั้นคงน่าเบื่อน่าดู ปั่นไปปั่นมา เฮ้ย..ทำไมมันเหนื่อยอย่างนี้เนี่ยะ เสื้อคลุมฝนมันคลุมครอบแฮนด์และบนกระเป๋าหน้ารถทำให้มองไม่เห็นว่าตอนนั้นเป็นเกียร์อะไร นึกว่าเราคงใช้เกียร์หนักแต่เปล่าค่ะ “ยางแบน” ล้อหลังอีกแล้ว วันละหนึ่งแบน ดีท่ีตรงนั้นมีสะพานเราไปปะยางท่ีใต้สะพานให้สะพานบังฝนให้ สักประมาณบ่ายโมงเรามาถึงเมืองกันนัน แวะโรงแรมแรกไม่รับแขกชาวต่างชาติ โรงแรมท่ีสองเต็มเพราะมีเอเย่นซี่มาขอจองทั้งโรงแรม พนักงานให้ชื่อโรงแรมมาสองแห่ง เราเลยถามให้เขาช่วยดูและโทรศัพท์ไปถามท่ีโรงแรมนั้นให้หน่อยว่าเขามีห้องและเราสามารถเข้าพักได้ ท่ีแรกไม่สามารถรับเรา ท่ี่สองบอกว่ามี แต่ไม่สามารถอธิบายเส้นทางให้เราได้ พนักงานต้อนรับโทรศัพท์ไปหาใครไม่รู้แล้วก็ยื่นหูโทรศัพท์มาให้เวช ปรากฎว่าเป็นตำรวจหญิงท่ีสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เขาก็พยายามบอกเส้นทางให้เราทางโทรศัพท์ แต่ไม่เป็นผล เลยบอกให้เรารออยู่ท่ีนั่นเดี๋ยวเขาจะมาพาเราไปโรงแรมด้วยตัวเอง รออยู่ได้พักใหญ่ ๆ ชักเย็น ตอนแรกเริ่มเย็นท่ีเท้าเพราะชื้นจากฝน ต่อมาเริ่มเย็นทั้งตัวเลยเพราะลมเริ่มแรงขึ้น เรากะว่าเข้าเมืองเร็วหน่อยจะได้พักผ่อนยาว ๆ แต่ต้องมาเสียเวลาหาโรงแรม รอตำรวจ กว่าจะเข้าท่ีพักได้ ปาเข้าไปเกือบเย็น ธรรมดาโรงแรมท่ีมีใบอนุญาติรับแขกต่างชาติท่ีเราพัก ๆ กันมาเขาจะแค่ขอหนังสือเดินทางของเราไปถ่ายเอกสาร แต่ท่ีนี่เรามีตำรวพามา เราเลยต้องกรอกแบบฟอร์มทั้ง ๆ ท่ีไม่เคยกรอกและไม่เคยเห็นแบบฟอร์มนั้นมาก่อนเลย

ตำรวจหญิงท่ีสละเวลาพักเท่ียงมาช่วยนำทางเราไปโรงแรม ในมือเขาคือแบบฟอร์มท่ีเรากรอกเป็นครั้งแรก :-)

ตำรวจหญิงท่ีสละเวลาพักเท่ียงมาช่วยนำทางเราไปโรงแรม ในมือเขาคือแบบฟอร์มท่ีเรากรอกเป็นครั้งแรก 🙂

วิวระหว่างทาง

วิวระหว่างทาง

SONY DSC

SONY DSC

SONY DSC

SONY DSC

จีน => จาก Gannan (กันนัน) – Luqu (ลูคู) – Langmusi (ลังมุซี่)

2-3 วันท่ีผ่านมาโดนฝนเล่นงานจนเปียกปอนจนถึงกันนัน แต่จากกันนันเช้ามาฟ้าใสแถมลมก็ไม่มีอย่างนี้สิค่อยน่าปั่นเท่ียวหน่อย ท่ีกันนันนี่เริ่มเข้าเขตท่ีี่มีคนทิเบตเป็นส่วนมาก บ้านเมืองมีรูปทรงและทาสีตกแต่งไปทางสไตล์ทิเบต เห็นคนแถวนี้ยังแต่งตัวพื้นเมืองของทิเบตเดินกันขวักไขว่ เราปั่นผ่านวัดเห็นพระทิเบต พูดถึงถ้าเราไปทิเบตต้องซื้อทัวร์และไกด์ราคาค่อนข้างแพง ปั่นเท่ียวอยู่แถวนี้ก็ได้บรรยากาศของทิเบตได้เหมือนกัน เคยได้ยินคนเยอรมันคนหนึ่งท่ีเจอท่ีซาร์มาคัน เขาว่าแถวนี้ยังดูเป็นทิเบตมากกว่าในทิเบตเองด้วยซ้ำไป เอาไว้ทริปหน้าเราจะไปพิสูจน์ 😉

ป่ันลงเขามาเห็นวัดแต่ไกลท่ีหมู่บ้านนึงแวะเข้าไปถ่ายรูปวัด มีพระรูปหนึ่งชวนให้เข้าไปดื่มชา คุยกันสักพักเรื่องพระไทยท่านรู้ว่าพระไทยออกไปบิณฑบาตรแต่ท่านต้องทำอาหารเอง เราเข้าใจเช่นนั้นและขึ้นไปดูภายในวัด เราก็ไม่รู้ประเพณีของวัดท่ีนี่เนอะ ตอนแรกว่าจะออกไปเอาเงินมาบริจาคให้พระโดยตรง แต่พอดีมีแต่แบงค์ 50 หยวน เยอะไปหน่อย ยังไม่รวยขนาดจะบริจาคขนาดนั้นอ่ะ แต่พอขึ้นไปชมภายในวัด เห็นเขาบริจาคแบงค์ 1 หยวนกัน ก็เลยเดินลงไปเอามา 2 หยวนและหย่อนไว้ท่ีนั่นด้วย พระท่านก็อยากให้เราอยู่คุยต่อนะ แต่เราต้องไปต่อเลยถ่ายรูปกันเป็นท่ีระลึกแล้วก็ร่ำลากัน ดูท่านน่าศรัทธานะ อยู่แบบง่าย ๆ ท่ีนอนเรียบง่าย

ปั่นผ่านหมู่บ้านเห็นวัดแต่ไกลเลยแวะเข้าไปดู

ปั่นผ่านหมู่บ้านเห็นวัดแต่ไกลเลยแวะเข้าไปดู

เขาจะหมุนเวลาท่ีสวดมนต์

เขาจะหมุนเวลาท่ีสวดมนต์

นั่งดื่มชาท่ีกุฏิเลย ตรงท่ีพระนั่งคือท่ีนอน ท่ีอ่านหนังสือ อยู่ภายในห้องเล็ก ๆ นั่น

นั่งดื่มชาท่ีกุฏิเลย ตรงท่ีพระนั่งคือท่ีนอน ท่ีอ่านหนังสือ อยู่ภายในห้องเล็ก ๆ นั่น

ด้านหน้าวัด

ด้านหน้าวัด

ด้านใน ดูอลังการมากไม่เหมือนท่ีดูจากภายนอก

ด้านใน ดูอลังการมากไม่เหมือนท่ีดูจากภายนอก

วันนี้อากาศดี ส่วนใหญ่เราจะพกขนมปังไว้กินตอนเท่ียง หิวเมื่อไหร่ก็หยุดกินกันเมื่อนั้น หมู่บ้านแถวนี้คนเขามีอัธยาศัยดี ร้องทักทายแม้แต่เด็กเล็ก ๆ ชื่นใจจัง เราเช็คในแผนท่ีและรู้วาวันนี้ต้องปั่นขึ้นเขาแต่ไม่ชันเท่าไหร่

หมู่บ้านระหว่างทาง

หมู่บ้านระหว่างทาง

ป้ายนี้ชอบมาก แต่กว่าจะมาเจอก็ต้องปั่นขึ้นมาก่อนแหละเนอะ

ป้ายนี้ชอบมาก แต่กว่าจะมาเจอก็ต้องปั่นขึ้นมาก่อนแหละเนอะ

อากาศเริ่มดีขึ้น ได้เอากล้องออกมากด ๆ บ้างละ

อากาศเริ่มดีขึ้น ได้เอากล้องออกมากด ๆ บ้างละ

เมื่อวานเราออกมาจากกันนันสายเลยปั่นได้ไม่ไกลนักตั้งใจว่าจะไปพักท่ีเมืองลูคู ปั่น ๆ ไปก่อนจะถึงเมืองนั้นเห็นจุดกางเต้นท์และสายน้ำเลยหยุดเสียตรงนั้นเพราะใกล้มืดเต็มที หาท่ีหาทางจัดเก็บทุกอย่างเรียบร้อย เริ่มลงเม็ดเล็ก ๆ เข้าเต้นท์ดีกว่า แป๊บเดียวเท่านั้นเองฝนเทลงมาเลยทันเวลาพอดี

เช้าออกมาอากาศยังดี ๆ อยู่ แต่พอกางเต้นท์จัดของเรียบร้อย มุดเข้าเต้นท์ปุ๊บฝนตกปั๊บ ทันเวลาพอดี เฮ้อ..

เช้าออกมาอากาศยังดี ๆ อยู่ แต่พอกางเต้นท์จัดของเรียบร้อย มุดเข้าเต้นท์ปุ๊บฝนตกปั๊บ ทันเวลาพอดี เฮ้อ..

เช้ามาฝนก็ยังตกอยู่ ท่ีจริงมันตกทั้งคืนเลยแหละ นอนฟังเสียงฝนตอนกลางคืนโดยท่ีไม่ต้องออกไปข้างนอกมันเพลินกว่าตอนเช้าท่ีจำเป็นต้องเก็บเต้นท์และเดินทางต่อ 🙁 เวลาอยู่ในเต้นท์เสียงอะไรต่อมิอะไรมันดูเกินจากความเป็นจริงไปหน่อย เพราะพอเราออกมาลมท่ีเราได้ยินเหมือนพัดกันสนั่นหวั่นไหวก็เบาลง ฝนท่ีคิดว่ายังตกหนักอยู่ก็แค่ปรอย ๆ นิด ๆ

ร้านอาหารข้างทาง ไม่มีเมนูเพราะเขาขายอยู่อย่างเดียวคือก๋วยเตี๋ยว

ร้านอาหารข้างทาง ไม่มีเมนูเพราะเขาขายอยู่อย่างเดียวคือก๋วยเตี๋ยว

ทางขึ้น ๆ ลง ๆ

ทางขึ้น ๆ ลง ๆ

วิวระหว่างทางท่ีเริ่มงดงามหลังฝน

วิวระหว่างทางท่ีเริ่มงดงามหลังฝน

วิวถัดไปอีก 2-300 เมตร

วิวถัดไปอีก 2-300 เมตร

อีกมุมหนึ่ง

อีกมุมหนึ่ง

เห็นป้ายบอกทางเข้าเมืองลังมุซี่ว่าอีก 3.7 กม. เฮ่อ..ขึ้นลงมาทั้งวันอยากเห็นป้ายแล้วถึงเลยอะไรประมาณนั้น แต่นี่ต้องเลี้ยวไปอีกทางจากถนนใหญ่ ไปก็ไป ท่ีเมืองนี้สูงถึง 3300 เมตรจากระดับน้ำทะเล อากาศเย็นถึงเย็นมาก อ่านใน Lonely Planet เขาว่าเกสต์เฮาส์นี่น่าอยู่ ลองเชื่อดูหาไม่ยากด้วยช่วงนี้น่าจะไม่ใช่ฤดูกาลท่องเท่ียวเขายกห้อง 8 เตียงให้เราเลยราคา 70 หยวน แต่ภายในห้องมีแต่เตียงจริง ๆ เครื่องทำความร้อนหามีไม่ อึ๋ย…เย็นมากนั่งในห้องยังต้องใส่เสื้อกันหนาวกันตั้งหลายชั้น แต่มันถูกดี ท่ีเมืองนี้มีร้านอาหารท่ีมีแต่อาหารฝรั่งด้วย รู้สึกหิวสปาเกตตี้และเฟรนช์ฟรายด์ขึ้นมากระทันหัน เลยเดินไปกินมื้อเย็นกันท่ีนั่น เมืองนี้เห็นนักท่องเท่ียวส่วนใหญ่เป็นคนจีน แต่มีบางส่วนท่ีเป็นชาวต่างชาติอยู่เหมือนกัน เราเจอคนสวิสมั้ง เขาซื้อจักรยานท่ีเฉินตูปั่นมาถึงเมืองนี้แล้วขายจักรยานเดินทางต่อโดยรถทัวร์ เข้าท่าดีเหมือนกันเนอะ

แล้วเราก็ฟันฝ่ามาถึงเมืองลังมุซี่จนได้ ท่ีนี่คือเกสต์เฮาส์ท่ีเขาแนะนำใน Lonely Planet

แล้วเราก็ฟันฝ่ามาถึงเมืองลังมุซี่จนได้ ท่ีนี่คือเกสต์เฮาส์ท่ีเขาแนะนำใน Lonely Planet

หลังจากท่ีกินอาหารจีนและมุสลิมมานาน ขอชิมสปาเก็ตตี้และเฟรนช์ฟรายด์ร้านนี้หน่อยละกัน

หลังจากท่ีกินอาหารจีนและมุสลิมมานาน ขอชิมสปาเก็ตตี้และเฟรนช์ฟรายด์ร้านนี้หน่อยละกัน

เราปั่นกันมาตลอดทั้ง 11 วันเลยอยากหยุดสักวัน ถ้าอย่างนั้นต้องหากิจกรรมทำและท่ีร้านอาหารฝรั่ง เขามีทัวร์ออกไปเทรคกิ้งบนหลังม้าด้วย จริง ๆ ต้องบอกล่วงหน้า 1 วัน ช่วงนี้คงยังไม่ค่อยมีคนเขาเลยขอเวลา 2 ชม. พอได้เวลาเราเดินไปท่ีคอกม้า เขาสอนเราบังคับม้าให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาให้เดิน, หยุด สอนให้จับบังเหียนยังงัย ขึ้นลงม้า ดูเขาทำแล้วง่ายจังเนอะ แต่พอเราจะปีนขึ้นม้า หง่า.. ต้องให้เขาช่วยดันขึ้น พอขึ้นไปบนหลังม้ารู้สึกสูงมาก ม้าพวกนี้น่าจะถูกสอนจนเชื่องบังคับง่ายมาก ดึงบังเหียนไปทางขวานิิดเดียวก็เลี้ยวตามละ แต่มันชอบแอบกินหญ้า เขาบอกว่าไม่ควรให้มันกิน เพราะเดี๋ยวมันปวดท้อง เหมือนคนกินเสร็จก็ต้องพักผ่อน แต่มันต้องเดินต่อเพราะฉนั้นอดกิน ต้องคอยดึงบังเหียนเข้าตัวเพื่อดึงหัวมันขึ้น

ครั้งแรกท่ีออกไปเดินในธรรมชาติบนหลังม้า สนุกดี

ครั้งแรกท่ีออกไปเดินในธรรมชาติบนหลังม้า สนุกดี

ให้ม้าแวะกินน้ำ ถ้ามันอยากกินน้ำ เราต้องผ่อนบังเหียนให้มันได้ก้มลงไปกิน

ให้ม้าแวะกินน้ำ ถ้ามันอยากกินน้ำ เราต้องผ่อนบังเหียนให้มันได้ก้มลงไปกิน

SONY DSC

ออกทริปไปเจอคนจากเมืองปราก แต่เขาทัวร์สองวันเลยแยกกันระหว่างทาง

ออกทริปไปเจอคนจากเมืองปราก แต่เขาทัวร์สองวันเลยแยกกันระหว่างทาง

ไกด์ถ่ายให้

ไกด์ถ่ายให้

อีกใบหนึ่ง

อีกใบหนึ่ง

ครึ่งทางก่อนท่ีเราจะกลับเข้าเมืองไกด์พามาพักแถวนี้ พักก้นมากกว่า เมื่อยเหมือนกันแต่อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่เคยชินก็ได้นะ ทัศนียภาพแถวนั้นสวยมาก นี่ถ้าเราเดินกันเข้ามาเองคงใช้เวลานาน มีบางช่วงม้ามันเดินใกล้ขอบของความชันไปหน่อย กลัวนิด ๆ ว่ามันจะลื่นแล้วข้าพเจ้าจะตกม้าตายจริง ๆ แต่มันฉลาดพอท่ีจะไม่ทำร้ายตัวมันเองและผู้อื่น 🙂 เขาไม่ได้ใส่เกือกม้าให้มันเพราะบางทีเราเดินเข้าไปในทุ่งหญ้าอาจทำให้มันลื่น เดินไปเดินมาเรามาเห็นซากยอร์คกลางทุ่ง ตอนแรกนึกว่าใครมาขโมยฆ่ามัน แต่ไกด์ว่าเป็นฝีมือของหมาป่า

ยอร์คตัวนี้โชคร้ายเจอฝูงหมาป่าไล่ล่า ไกด์เรานับอายุของมันได้ 7 ปีจากเขาของมัน

ยอร์คตัวนี้โชคร้ายเจอฝูงหมาป่าไล่ล่า ไกด์เรานับอายุของมันได้ 7 ปีจากเขาของมัน

เมื่อยกันมาจากหลังม้า เราตั้งใจจะเดินทางต่อวันรุ่งขึ้น แพ๊คกระเป๋า ล้างจักรยาน เต้นท์ตากแห้งแล้ว เตรียมตัวกันพร้อม พอเช้าโจคิมตื่นไปเข้าห้องน้ำ มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นรถคันหนึ่งสีดำแต่เอ..ทำไมหลังคามันสีขาว ไอ่หย๋า..หิมะนี่นา เอาละสิ มองขึ้นไปบนภูเขาก็เห็นขาว ๆ เสร็จเลย ความไม่อยากออกไปไหนทวีขึ้นปรี๊ด แล้วเราก็ตัดสินใจอยู่ต่ออีกคืนแบบพักผ่อนให้เต็มท่ีเสียเลย

วัดท่ีเราขึ้นไปเยี่ยมชมก่อนออกจากลังมุซี่

วัดท่ีเราขึ้นไปเยี่ยมชมก่อนออกจากลังมุซี่