และแล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ Lodz ตอนเช้าโจคิมนั่งเขียนบันทึกเข้าคอมพ์ สังเกตุเห็นว่าไฟไม่ชาร์ตทั้ง ๆ ที่เสียบอยู่ เลยมองไล่สายไฟไปเรื่อย คิดว่าเราเสียบไม่ดี แต่ … ฮึ่ม!!! มันถูกแทะโดยเจ้าแมวเหมียวซุกซนของเจ้าบ้านเรานั่นเอง เขามีแมวสองตัวเป็นพี่น้องกัน อายุยังไม่ขวบดี เลยซนสะไม่มีล่ะ และก็ได้รู้ว่าหูฟังของเขาเองก็ถูกชำแหละไปด้วย 🙁 เช้านี้เราเลยต้องเสียเวลาตามหาร้านแอปเปิ้ลซื้อสายไฟเส้นใหม่ ปั่นรอบเมืองมาเกือบจะ 10 กม. ละ เพิ่งจะหาเจอ แพงจริง ๆ เลยพวกอุปกรณ์เสริม
คติสอนใจของวันนี้คือ ให้ระวังสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะ “แมว”
เข้าเมืองก็ยากออกนอกเมืองก็ยากเหมือนกัน กว่าจะหาทางเจอ ดีที่เรามีจีพีเอสติดมาด้วย แต่พอออกมาถนนใหญ่ พระพายเจ้าขา พายพัดแสกหน้าเลยเจ้าค่ะ ต้านลมกันมาเกือบตลอดทาง วันนี้เลยหมดอารมณ์และหมดแรงปั่น เห็นป้ายบอกทางไปโรงแรมแล้วยิ่งอยากจอด ไป..เลี้ยวเข้าไปถามราคา เวชกำลังจะเข้าไปเช๊คอิน ก็มีผู้หญิง 2 คนเดินเข้ามาดูจักรยานเรา แล้วก็เริ่มพูดคุยด้วย แต่…. เป็นภาษาโปแลนด์ หึๆๆ หาฟังรู้เรื่องไม่ เขาก็เลยโทรไปหาเพื่อนแล้วยื่นโทรศัพท์ให้โจคิมพูด สรุปว่าเราโชคดีมาถึงวันนี้เพราะทุก ๆ วันอังคารเขาจะรวมกลุ่มนักปั่นทัวร์ริ่งของเมืองนี้กันที่ผับในเมือง “ลูซี่” หนึ่งในสองสาวนั่นชอบปั่นทัวร์ริ่งและอยู่ในแก้งส์นี้ด้วย เขาชวนพวกเราไปเจอกับนักปั่นคนอื่น ๆ ได้คุยกับพวกเขาสนุกดี หันไปฟังทางนี้ทีหันมาฟังทางนี้ทีเพราะหลายคนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็ช่วยกันแปล เขาแปลกใจว่าทำไมเราถึงปั่นกันตอนหน้าหนาว ซึ่งเราก็ได้คำถามนี้มาเกือบตลอดทาง คืนนี้ช่างเป็นคืนที่สนุกหัวเราะกันทั้งคืน และอีกอย่างที่แตกต่างมากมายคือ เราได้นั่งรถยนต์ ติดว่าได้นั่งรถครั้งสุดท้ายเมื่อปีที่แล้ว 🙂 พอได้นั่งแล้วตื่นเต้นเพราะเราไม่ต้องออกแรงถีบ 😀 หลังจากที่เราแชร์พิซซ่าขนาดใหญ่กันเรียบร้อย นั่งคุยกันอีกสักพักใหญ่ ๆ ลูซี่มาบอกว่าเขาจะพาเดินชมเมืองเล็ก ๆ เดินตอนกลางคืนก็สวยไปอีกแบบ
กลับมาถึงโรงแรมเกือบตีหนึ่ง