ไอค๊อกไอแค๊กอีกแล้ว เมื่อวานไม่น่าไปล้างหน้าสระผมที่ปั้มเลย นั่งพักคลายร้อนนานพอสมควรแล้วคิดว่าอุณหภูมิในร่างกายปรับได้แล้ว แต่ไม่เลย เช้านี้มารู้สึกเหมือนจะเป็นหวัด ปวดหัวนิด ๆ เมืองถัดไปตั้งใจว่าจะพักกันสักวันสองวันที่บ้านพ่อแม่ของเพื่อนที่เคยไปพักด้วยที่อิสตันบูล ไป ๆ มา ๆ สนิทกับพ่อแม่ของเขามากกว่า 🙂 หวังว่าระหว่างทางไม่น๊อคไปเสียก่อน เพราะเท่าที่เช๊คกราฟระดับความสูงใน bikeroutetoaster.com (เวบต์นี้เพื่อน ๆ นักปั่นน่าจะลองใช้นะค่ะ) จะเห็นว่าชันคิดว่า 5% ช่วงประมาณ 10 กว่ากม. แล้วจะเข้ามารายงานความคืบหน้าว่ารอดมาได้อย่างไร 😉 สองวันนี้เขาทั้งนั้น ปั่นกันจนปวดหลัง เวลาปั่นเหมือนเราจะใช้กำลังที่ขา แต่บางครั้งลืม เกร็งเกินไป แต่พอตั้งสติได้ก็ใช้ระบบดึงกด ทำให้รู้สึกผ่อนคลายนะค่ะ เหมือนทำสมาธิท่องในใจ ดึงกด ดึงกด น่องไม่ใหญ่ด้วย 🙂
ที่พักตุรกีค่อนข้างแพงนิดหน่อย เวลาเราออกทัวร์ไกล ๆ นาน ๆ แบบนี้ก็ไม่อยากใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย สู้เก็บเงินไว้กินอาหารของเขาดีกว่า ลำบากตรงที่เราอาจจะทำความสะอาดร่างกายได้ไม่สะดวก ที่เราคิด ๆ กันไว้คือ ถ้าเราจะกางเต้นท์ จะแวะเข้าปั้มชำระร่างกายส่วนใหญ่ก่อน และพกน้ำ เราสามารถพกน้ำได้อย่างมาก 10 ลิตร เมื่อคืนรีบทำอาหาร รีบกินและรีบกางเต้นท์ เพราะหนึ่งเริ่มมืด สองโดนยุงรุมกินโต๊ะ ตัวใหญ่มาก กัดทะลุกางเกง ถุงมือ เลยต้องงัดเอาเสื้อแจ๊กเกตออกมาใส่ สวมฮู้ดด้วย เฮ้อ…
2 วันมานี่เราซื้อมะเขือเทศ 2 ลูก หัวหอม 1 ลูก = 1.50 TL (เงินตุรกี=ลีล่า) รู้สึกว่ามันแพงหน่อย จุดที่เรากางเต้นท์ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7-8 กม. ถ้าใกล้เมืองเกินไปอาจจะเป็นจุดสนใจ เมื่อวานเราเลยตัดสินใจว่าเก็บเต้นท์แล้วปั่นไปหาอาหารเช้ากินระหว่างทางดีกว่า ประหยัดเวลาด้วย เพราะถ้าเราออกสาย อากาศก็ยิ่งร้อนขึ้น จะลองออกเช้า ๆ แล้วพักกลางวันนานหน่อยน่าจะดีกว่า ปั่นเข้ามาใกล้ ๆ เมืองก็เห็นร้านทำขนมปังมีเตาอบอันเบ้อเริ่ม เราซื้อขนมปัง 1 ก้อนยังอุ่น ๆ อยู่เลย แต่กินแค่ขนมปังคงจะแห้งน่าดู มีอีกร้านใกล้ ๆ กันเป็นร้านขายของชำ เลยซื้อชี้สและถามว่าเขามีกาแฟมั้ย คำตอบ ”มี” ยังอุตส่าห์ถามด้วยนะว่ากาแฟใส่นมหรือน้ำตาลมั้ย พอเราจะจ่ายเงินค่าอาหาร เขากลับคิดแค่ชี้สและน้ำส้ม และขอเลี้ยงกาแฟเรา ประทับใจความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนตุรกีจริง ๆ
อยู่่ตุรกีนี่เราแวะปั้มเพื่อหลบร้อน ต่างจากตอนที่ปั่นที่ประเทศแรก ๆ ที่ต้องแสวงหาฮีตเตอร์ วันนี้เราแวะปั้ม หยุดที่ปั้มนี้ค่อนข้างนาน เพราะต้องการใช้อินเตอร์เน๊ตอัพโหลดรูปและบล๊อค ก่อนอื่นเราซื้อไอศครีม 2 แท่งแล้วเราก็ผลัดกันใช้คอมฯ อัพเดทบล๊อคของตัวเอง สักพักก็ซื้อสไปรท์ขวด 2 ลิตรเพราะมันเข้ากับที่ใส่ขวดน้ำใบใหญ่ของโจคิม และก่อนจะปั่นต่อก็ซื้อช๊อคโกแลต 2 แท่ง เขาคงไม่ว่าอะไรถ้าเราไม่ซื้อแต่เรารู้สึกเกรงใจเขา
วันนี้ถนนหนทางดีมากทั้งเรียบและราบ เป็นถนนเลียบทะเลดำ มีขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่มากนัก เห็นบ้านตามชนบทหลายหลังติดตั้งโซล่าเซลล์ใช้พลังงานแสงอาทิตย์อุ่นน้ำไว้ใช้ในห้องน้ำห้องครัวเพื่อลดค่าใช้จ่าย เขาว่าค่าไฟที่นี่แพงอยู่เหมือนกัน
วันนี้อากาศค่อนข้างดี น้ำทะเลน่าจะไม่เย็นเท่าไหร่ ไหน ๆ มาถึงทะเลดำแล้วก็เลยลองลงไปลุยน้ำนิดนึง อึ๋ย..เย็นเหมือนกัน จ้างให้ลงไปเล่นก็ไม่เอาหรอก แต่อยากชิมหน่อยว่าเค็มมากน้อยแค่ไหน อืม..เค็มนะแต่ไม่มาก
และจักรยานบนชายหาดของทะเลดำ ก่อนหน้านั้นเคยถ่ายกับทะเลบอลติคและทะเลมาร์มาร่า ถัดไปคงได้ถ่ายกับทะเลแคสเปี้ยน
เมืองเลียบทะเลดำส่วนใหญ่จะเป็นเมืองท่องเที่ยว เรานั่งพักกินอาหารเที่ยงกันเป็นขนมปังปิ้งใส่ไส้แฮมกับชี้ส นั่งข้างนอกสามารถมองเห็นทะเลดำ ลมพัดมาเอื่อย ๆ ทำให้ง่วงนอนจริง ๆ ที่จริงเราวางแผนจะแคมปิ้งคืนนี้ด้วย แต่ดูแล้วคงเป็นไปไม่ได้ เพราะฝั่งหนึ่งเป็นทะเล อีกฝั่งหนึ่งเป็นเขาชัน และด้วยเหตุนี้เองตอนเช้าถึงสายจึงมีหมอกลงจัด เย็นนิดหน่อย มีถนนช่วงนี้แหละที่เรียบไปกับทะเลดำ ได้ปั่นชมวิวกันบ้างและเพื่อให้ถนนราบเลียบไปกับทะเลดำ เขาต้องสร้างอุโมงค์ ปั่นในอุโมงค์น่ากลัวนิดหน่อย เพราะหนึ่งเสียงมันกระฮึ่มมากเวลามีรถวิ่งผ่านไป สองมืดมัว สามถ้าเป็นทางโค้งรถจะมองเห็นเราได้ยาก สี่ไม่มีไหล่ทาง เราก็เลยต้องเปิดไฟท้าย อย่างน้อยเตือนคนขับรถหน่อยก็ยังดี วันนี้ปั่นเข้าอุโมงค์ท่าทางจะ 10 แห่งได้มั้ง
พอพ้นออกมาจากอุโมงค์เราก็ปั่นชมวิวกันต่อจนกระทั่งมาถึงเมืองอาลัปลึ (Alapli เมืองนี้สะกดด้วยตัว i ที่ไม่มีจุดข้างบนและออกเสียง i แต่ไม่มีจุดข้างบนนี้เป็นสระอึ) ที่จริงเรามีเวลาพอที่จะปั่นไปเมืองถัดจากอาลัปลึ ซึ่งห่างออกไปอีกประมาณ 10 กม. แต่เราคิดว่าเมืองนี้เล็กกว่าและท่าทางน่าอยู่กว่า และอีกอย่างคือเราไม่อยากเริ่มต้นการเดินทางด้วยการปั่นขึ้นเขาในทันที
คอกลับมาเจ็บอีกครั้งหนึ่ง เลยตัดสินใจมองหาที่พัก แต่หามีไม่ หันไปเห็นตำรวจยืนคุยกันหน้าสถานี เลยปั่นเข้าไปถาม คุยกันไม่รู้เรื่อง เขาไม่สามารถอธิบายบอกทางให้กับเราได้ ตำรวจสองนายเลยทำสัญญาณให้เราปั่นตามรถตำรวจไป เปิดไฟหวอสีฟ้าด้วยอ่ะ ตื่นเต้นมีรถตำรวจนำ 😉 แต่พ่อเจ้าประคุณขับเสียเร็ว เกือบตามไม่ทัน ถึงตรงทางแยกตำรวจจอดรถและชี้ให้ดูว่าโรงแรมอยู่ตรงไหน เขาขอดูพาสปอร์ตเรา คิดว่าเขาคงอยากเห็นพาสปอร์ตสวีเดนมากกว่ามั้งว่าหน้าตาเป็นงัย
พอมาถึงหน้าโรงแรม เห็นสามดาว เตรียมใจไว้ก่อนว่าน่าจะแพง แต่โจคิมคิดว่าเราน่าจะลองต่อราคาดูเพราะเราเริ่มคุยกันกับหนุ่มน้อยคนหนึ่ง (มารู้ทีหลังว่าเป็นลูกเจ้าของโรงแรม) และพนักงานต้อนรับที่ดูเป็นกันเอง ราคาห้องจริง ๆ 90 ลีล่า รวมอาหารเช้า เราพยายามต่อเหลือ 80 แต่ต่อไปต่อมาจนกลายเป็น 90 ลีล่ารวมอาหารเย็นและเช้าเลย
ที่จริงเราต่อสนุก ๆ ได้ก็ดี พอต่อได้แล้วถึงได้รู้ว่าเมืองนี้มีโรงแรมที่นี่แห่งเดียวเท่านั้น เอ่อ..ดีนะที่มันไม่แพงมากไปกว่า 90 ลีลา พอเราเอาสัมภาระขึ้นไปบนห้อง เราสามารถเห็นวิวของทะเลดำจากหน้าต่างห้องเราเลย
Get well soon na ka.
ขอบคุณค่ะ พรุ่งนี้จะออกเดินทางต่อละค่ะ