วันนี้รู้สึกขี้เกียจตื่น เพราะได้ตื่นสายมาหลายวัน เมื่อคืนนั่งคุยกันว่าพรุ่งนี้จะปั่นกัน 90 กม. และเช๊คอากาศดูแล้ว คาดคะเนว่าฝนจะไม่ตก อืม…สบายละ ตอนเช้าเห็นพื้นถนนแห้งเลยวางใจ ปั่นออกไปได้ไม่ถึง 20 กม.ฝนก็เริ่มเทลงมา เราเข็ดจากวันก่อนที่เปียกปอนกัน เลยหยุดเปลี่ยนใส่ชุดกันฝนแทน แล้วก็ได้ใส่มาทั้งวัน เพราะว่าตกทั้งวัน วันนี้ได้ชิมเกือบทุกบรรยากาศ ฝนตก หิมะตก เปียก หนาว เนินลาดยาว ยาวกว่าขาเข้าคราคูฟอีก แต่เราก็ยังโชคดีที่ไม่มีลมมาร่วมวงด้วย
คติประจำวันนี้ พยากรณ์ก็คือพยากรณ์ = เอาแน่เอานอนไม่ได้
ฝนตกเฉอะแฉะเปียกไปหมด ความชื้นทำให้เรารู้สึกหนาว และหิว 🙂 ปั่นมาถึงเนินหนึ่งก็เห็นรถตู้ยืนย่างไส้กรอก ไม่รอช้า บอกโจคิมหยุด เบนจักรยานไปหาไส้กรอกทันที เกือบไม่ทันดูรถ 🙂
คนขายอัธยาศัยดีมาก ชวนคุยไม่รู้ตั้งกี่ภาษา พ่อค้านี่นะ เขาเคยไปทำงานที่สวีเดน ก็ได้ภาษาสวีดิชมาหน่อย ภาษารัสเซีย อังกฤษอีกหน่อย ให้น้ำเราดื่มฟรีด้วย บอกว่าเป็นของขวัญจากเขา กินเกือบจะหมดละ พอดีมีรถคันหนึ่งเข้ามาจอด โจคิมสังเกตุเห็นแร๊คจักรยานบนหลังคารถ ก็รู้ว่าคนนี้อย่างน้อยน่าจะมีจักรยาน คนขายไส้กรอกเขาก็คุย ๆ ๆ ๆ ให้ผู้หญิงคนนั้นฟังเกี่ยวกับเรา เขาก็เริ่มสนใจและถามว่าเรากำลังจะไปทางไหนต่อ ประจวบเหมาะว่าเราจะไปต่อที่เมืองที่เขาอยู่ เขาเลยถามว่าเรามีที่พักหรือยัง? คำตอบ “ยัง” คำชวน “งั้นไปนอนบ้านฉัน” เขาชื่อ “ลิเดีย” ก็เริ่มวาดแผนที่ทางไปบ้านเขา แล้วเราก็แยกกันตรงนั้น เพราะลิเดียจะไปสอนพิเศษดนตรีต่อ
เราปั่นเข้าทางเส้นสีขาวอีกครั้งหนึ่ง เพราะลิเดียแนะนำว่าเป็นทางที่สั้นกว่าและขึ้นเขาน้อยกว่า ถ้าวันนี้ฟ้าเปิดแถวนี้น่าจะสวยมาก ปั่น ๆ ไปนึกถึงทางที่เคยไปปั่นที่ปาย พอจะเริ่มเข้าเมือง สังเกตุดูจากลักษณะการสร้างบ้าน และบรรยากาศโดยรอบ ทำให้รู้สึกถึงความเป็นชนบท สวยและแลดูสงบ
หลังจากนั้นเราได้ข้อความจากลิเดียว่าสามี “เบนเนดิค” อยู่บ้านแล้วให้โทรติดต่อ เป็นครอบครัวที่น่ารักมาก ชอบกีฬาแทบทุกชนิด หลังจากทานข้าวกันแล้ว เราก็นั่งคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน เอารูปถ่ายตอนแต่งงานกันเมื่อ 1 ตค. 2011 พ่อกับแม่ของลิเดียมานั่งคุยด้วย คือถ้าพรุ่งนี้ไม่ใช่วันทำงานเราคงนั่งคุยกันทั้งคืน