เวลาที่ต้องลาจากเพื่อนที่เราเริ่มคุ้นเคยและสนิทสนมกันแล้วนี่รู้สึกหดหู่จัง สี่คืนที่ค้างบ้านอืซเลมและวอลคั่น เรามีเรื่องต่าง ๆ มากมายให้คุยกันได้ไม่ซ้ำแต่ละวัน จนล่าสุดเราลองเช๊คราคาตั๋วเครื่องบินดู บินกลับมาเที่ยวตุรกี และตั๋วสำหรับอืซเลมมาเที่ยวสวีเดน หวังว่าสักวันหนึ่งจะได้มีโอกาสต้อนรับพวกเขาบ้าง
ส่วนใหญ่วอลคั่นออกไปทำงานแต่เช้า เราเลยอยากจะกินอาหารเช้ากับเขาก่อน แต่กว่าเราจะกินกันเสร็จ เวลาก็ผ่านไปเป็นสิบโมง สักพักหนึ่งพ่อแม่ของวอลคั่น น้องสะใภ้และลูกก็เข้ามานั่งคุยด้วย เวชได้ผ้าพันคอจากแม่ของวอลคั่น สวยมากเลย ตอนแรกคิดว่าคงไม่ได้ใช้แน่ เพราะท่าทางอากาศน่าจะดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ตอนกลางคืนยังคงเย็น ๆ ถึงหนาวได้ เมื่อคืนเลยฉลองใช้ก่อนที่จะถูกส่งกลับสวีเดน 😉
เราเริ่มทยอยเอากระเป๋าลง วอลคั่นบอกว่าจะนำทางเราออกนอกเมือง แต่เราต้องแวะไปถ่ายรูปหน้าร้านของเขาก่อน เขามีกิจการขายโคมไฟ อุปกรณ์เกี่ยวกับไฟฟ้า และติดตั้งด้วย กว่าเราจะออกจากบ้านของเขาก็เป็นเวลาบ่ายสองโมง เราปั่นตามรถของวอลคั่น ซึ่งคิดว่าเขาคงไม่เคยขับรถช้าขนาดนี้มาก่อน (นักซิ่งคนหนึ่งเลยแหละ) จากบ้านลงมาตัวเมือง ไหลลงอย่างเดียว แถมยังต้องเบรค เพราะมันชันมาก รถก็เยอะ แต่เราก็มาถึงที่ร้านและถ่ายรูปกับพ่อวอลคั่น
หลังจากนั้นวอลคั่นขับนำเราช้า ๆ ออกนอกเมืองโดยมีแม่ของเขาและอืซเลมนั่งไปด้วย กำลังร่ำลากัน รถของน้องชายวอลคั่นก็เลี้ยวเข้ามาจอดข้าง ๆ เขาเตรียมน้ำมาด้วย นึกว่าจะมาเล่นสงกรานต์ 😉 อืซเลมว่าไม่ได้เอารดเราแต่เอามารดน้ำที่ถนน เป็นการอวยพรให้เรา ให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ วอลคั่นดูรักโจคิมมากเลย เขาคงคุยกันถูกคอเหมือนที่เวชคุยกับอืซเลมได้สนิทใจ เราต้องหาโอกาสกลับมาเยี่ยมพวกเขาอีก
ออกเดินทางเสียที ปั่นออกจากซอนกูลดัคมาได้ประมาณ 6-7 กม.ก็มีรถคันหนึ่งมีจักรยานแขวนอยู่ท้ายรถมาหยุดจอดข้างหน้าเรา แล้วผู้ชายสองคนก็ออกมาคุยกับเรา คนหนึ่งชื่ออูมิท และอีกคนชื่อรามาซาน เขาชอบปั่นทัวร์ริ่งเหมือนเราและยังเป็นสมาชิก Warmshowers อีกด้วย พวกเขาอยู่เมืองที่อยู่เลียบทะเลดำ ที่จริงเราเคยวางแผนว่าจะปั่นไปทางนั้น แต่จากประสบการณ์ที่ปั่นเลียบ ๆ ทะเลดำมานั้นมันไม่เรียบไม่ราบเลย ขึ้นลงขึ้นลงทั้งวัน แบบว่าขึ้นถึงจุดสูงสุดปุ๊บก็ลงทันที ลงถึงสุดปุ๊บก็ขึ้นทันที เฮ้อ..ไปไม่ถึงไหนเลย แต่ละวันปั่นได้ 50-60 กม.เท่านั้นเอง เลยเปลี่ยนเส้นทางปั่นเป็นเส้นเกือบจะขนานกับทะเลดำ
เรามาถึงจุดจุดหนึ่งที่ต้องเลือกว่าจะไปเมืองที่พวกเขาอยู่หรือจะไปตามแผนที่เราเปลี่ยนแปลง สรุป เราเลือกป่ันตามเส้นทางที่เราวางไว้ และเพราะว่าเวลาไม่อำนวยด้วย ในขณะที่เราเลือกที่จะไม่ปั่นขึ้นลงเขา เราก็ต้องปั่นเข้าอุโมงค์ เส้นทางวันนี้มีอุโมงค์อยู่แค่ 2 ที่ พอออกจากที่ที่ 2 ก็เป็นทางลาดลง เรายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะกางเต้นท์หรือนอนโรงแรมดี แต่คิดว่าแวะปั้มก่อน ล้างหน้าล้างแขนก่อนก็ยังดี ปั้มนี้เล็ก ๆ เวชเริ่มหิวเลยงัดเอาผลไม้อบแห้งขึ้นมากิน เหมือนเราได้เรียนรู้ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จากคนตุรกี เลยเดินไปชวนเขากินด้วย เขาก็ขอบคุณและหยิบไปคนละหนึ่งชิ้นอย่างเกรงใจ รอโจคิมเข้าห้องน้ำด้วยเลยชวนเขาคุยไปเรื่อยเปื่อย รู้มั่งไม่รู้มั่งสนุกดี ได้คำศัพท์เพิ่มไปเรื่อย ๆ
เสร็จกิจธุระ เราปั่นเข้าเมืองเกิ้กเจเบ ตาก็คอยมองหาจุดกางเต้นท์ แต่พอเรามาถึงวงเวียนเห็นนักปั่นจักรยานอีกฝั่งหนึ่งของถนน ธรรมดาเราจะโบกมือให้กันแล้วต่างคนต่างปั่นไปตามทางตัวเอง เผอิญเราจอดดูแผนที่ เขาเลยเลี้ยวมาหาเราและเริ่มคุย ๆ ๆ เป็นภาษาตุรกี ไม่สามารถเข้าใจซึ่งกันและกันได้ น่าเสียดาย เพราะเขาก็กำลังปั่นเที่ยวอยู่ เราต้องตัดบทสนทนา เพราะเขาไม่ยอมเลิกคุยอีกอย่างคือมันเริ่มเย็นและเราต้องรีบหาที่พักก่อนมืดด้วย เลยต้องขอโทษและปั่นไปข้างหน้า โดยที่ไม่รู้ว่าจะมีที่พักหรือไม่ แต่โชคยังเข้าข้างเราอยู่ เราเห็นปั้มน้ำมันข้างหน้าดูแล้วใหญ่พอสมควรและมีเนื้อที่ ไม่ให้กางก็จะแอบกางล่ะ 😉 เราก็เลียบ ๆ เคียง ๆ คุยโน่นคุยนี่ เขาบอกว่า เอาเลย ชาฟรี ห้องน้ำฟรี อาบน้ำฟรี มี wifi โจคิมเลยต่อแล้วกางเต้นท์ฟรีมั้ย คำตอบคือ ตามสบายเลย สุดยอด แต่เราก็รักษามารยาทโดยการนั่งคุยกับเขาก่อน ดื่มชากัน เวลาสักประมาณทุ่ม เขาหันมาถามเราว่าชอบอาหารตุรกีมั้ย มื้อเย็นนี้อยากกินอะไร เราชอบทุกอย่าง เขาก็บอกว่า โอเค เดี๋ยวรอสักพัก คนของเขาจะไปทำอาหารมาให้พนักงานกินกันและจะทำเผื่อเราด้วย หา…ทุกอย่างฟรีแล้วยังมีอาหารให้อีก ปั้มนี้ให้ไปเลย 5 ดาว
หลังจากที่เราอาบน้ำ กางเต้นท์เรียบร้อยก็ออกมานั่งใกล้ ๆ ร้านขายของเพราะมีเน๊ต นั่งได้สักพักก็มีรถคันหนึ่งเข้ามาจอด และคนที่เดินออกมาก็คือวอลคั่นและเพื่อนของเขาฮัสสันที่เราเคยเจอเขาที่บ้าน พวกเขากำลังเดินทางไปนอนที่บ้านของฮัสสันที่อีกเมืองหนึ่ง วอลคั่นเดาเอาว่าเราน่าจะอยู่แถวนั้นและเลยแวะดูตามปั้มด้วยมั้ง ลืมถามว่าแวะมากี่ปั้มก่อนที่จะเจอเรา ได้เจอวอลคั่นเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์มากและดีใจที่ได้เจอพวกเขาอีกครั้งหลังจากที่ลากันเมื่อตอนบ่าย ลากันอีกครั้งหนึ่ง เรานั่งเขียนอัพเดทบล๊อค แต่ไม่ค่อยได้เขียนมากเพราะพวกเขาอยากคุยด้วย เราก็คิดว่าคุยกับพวกเขาดีกว่าเพราะเขียนบล๊อคทำเมื่อไหร่ก็ได้เมื่อมีเวลา แต่พวกเขาอยู่ ณ ตอนนี้ ควรจะให้เวลากับเขามากกว่า
แล้วสักพักหนึ่งอาหารถาดใหญ่ก็มาวางอยู่ข้างหน้าพวกเรา ไม่มีช้อนส้อม ลงมือกันเลย สนุกดี ในภาพเห็นว่ามีผ้าพันคอ ผืนนั้นคือที่แม่วอลคั่นถักให้ ได้ใช้คืนนั้นเลย
โหย ดีจัง เจอคนน่ารักดี มีน้ำใจ
ตุรกีน่าเที่ยวมากเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มาประเทศนี้ ประทับใจมาก ปั่นผ่านหมู่บ้านเล็ก ๆ ก็ได้ยินเด็ก ๆ ร้องฮัลโหลและเวลคัม เขาสอนกันตั้งแต่ยังเป็นทารกเลยมั้ง 🙂