Gökcebey ไป Safranbolu ไป Araç ไป Taşköprü ไป Boyabat สุดที่ Vezirköprü
ก่อนออกจากปั้มห้าดาว โจคิมเปลี่ยนโซ่ ประมาณทุก ๆ 800 กม.จะเปลี่ยนครั้งหนึ่ง แล้วแต่เวลาและสถานที่ เราหาซื้อแผนที่ที่มีรายละเอียดเส้นทางเล็ก ๆ ของตุรกีไม่ได้เลย เลยต้องปั่นไปบนทางหลวง ซึ่งบางครั้งค่อนข้างน่าเบื่อ ตรง ๆ ๆ ๆ เสียส่วนใหญ่ แต่ยังดีตรงที่ไม่ค่อยมีรถมากนัก พอใกล้ ๆ จะถึงทางแยกไปอีกเมืองหนึ่งก็นึกขึ้นได้ว่าคุณสว่างและเพื่อนที่ซอนกูลดัคเคยบอกว่าที่เมืองซัฟรันโบลูเป็นเมืองท่องเที่ยวและทางยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี 1994 เลยรู้สึกว่าต้องแวะเสียหน่อย
ถ้าไม่ปั่นเลียบทะเลดำก็ต้องลอดเข้าอุโมงค์ จากเมืองนี้ (คาราพรึ) ไปซัฟรันโบลูมีอุโมงค์ตั้ง 15 อู่ สั้นบ้างยาวบ้าง เปิดไฟตลอด ปั่นลอดอุโมงค์น่าหวาดเสียวตรงที่เสียงก้องไปทั่ว โดยเฉพาะถ้ารถบรรทุกเหมือนปั่นจักรยานอยู่ใต้ท้องเครื่องบินเลยบางครั้งรู้สึกว่าเวลาเราปั่นบนทางหลวงจะหาของกินยาก มีเห็นป้ายร้านอาหารแต่ต้องเลี้ยวเข้าไปในซอยอีกตั้ง 1 กม. คิดแล้วคิดอีก ไม่เอาดีกว่า ไปหาเอาดาบหน้า 😉 แล้วก็มาเจอร้านหนึ่งเหมือนร้านข้าวแกงบ้านเราเลย คือเดินไปที่ตู้แล้วชี้ ๆ เอาว่าจะเอาอะไร อยากจะชี้ไปทุกถาดเลยเพราะดูน่ากินไปหมด ชอบเข้าร้านที่มีคนท้องถิ่นเขาเข้าไปกินกัน แต่จะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวประหลาด ทั้งหน้าตาและการแต่งกายแถมมอมแมมจากเหงื่อไคล พวกเขาจะคิดว่าเวชเป็นคนญี่ปุ่นมั่งจีนมั่ง (พูดถึงก็ใช่อยู่ อิอิ) ถ้าเขาสนใจก็จะพยายามอธิบายชีวประวัติย่อ ๆ ให้ฟัง 🙂
ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีปัญหาในการแวะปั้ม แต่มีปัญหานิดหนึ่งตรงที่ปั้มที่ตุรกีนี่บางทีเขามีอินเตอร์เนตแต่ล๊อคไว้ต้องถามรหัส หรือบางทีหัวหน้าไม่อยู่ลูกน้องไม่รู้รหัส อย่างที่เคยเล่าให้ฟังว่าที่ตุรกีอากาศเริ่มร้อน ช่วงกลางวันสักบ่ายโมงร้อนมาก ยิ่งถ้าลมไม่มีแถมปั่นขึ้นเขาอีก 2-3 วันนี้ลมก็พัดผิดทิศไปเยอะ เฮ้อ… เสร็จเลย มันทำให้เราหมดแรงและเหนื่อยง่ายกว่าปกติ เลยโด๊ปด้วยเป็บซี่และโค้กเสียส่วนใหญ่ ไม่ได้ซื้อเป็นกระป๋องแต่ซื้อเป็นลิตรเลยกินให้หายกระหายไปเลย มีวันหนึ่งเราแวะในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เด็ก ๆ วิ่งมาสวัสดีด้วย ฮัลโหล ๆ ๆ มาแต่ไกล my name is … what is your name? นึกถึงเด็กไทยบ้านเรา 😉 มีหลายคนอยากจะถ่ายรูปกับเรา
ส่วนใหญ่เวชจะปั่นอยู่ข้างหลัง หนึ่งเพราะเวชมีกระจกส่องหลัง สองหลบลม เหตุผลที่สองนี่น่าจะเป็นอันแรก 😉 แต่ก็มีบางครั้งที่เวชปั่นนำหน้าขึ้นไปกันลมให้โจคิมนะ เหมือนเราผลัดกันเหนื่อยอ่อนแรง เมื่อวันก่อนเป็นโจคิมที่หมดแรง แต่เมื่อวานเป็นเวช หมดตั้งแต่ตอน 80 กม.แล้ว พักที่ไหนก็ได้จริง ๆ แต่ขอให้ได้ล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาด ถ้าเราปั่นกันหลายวันติดต่อกัน รู้สึกสงสารก้นที่ต้องอุดอู้อยู่ในกางเกงจักรยาน และยังต้องนั่งบนอานเกือบ 5-6 ชม. พยายามยืนปั่นแล้วก็ช่วยได้บ้าง เดี๋ยวต้องหาหลาย ๆ วิธี มีวันหนึ่งเวชอยู่ข้างหลังเห็นว่าทำไมล้อหลังโจคิมมันดูแบน ๆ กำลังจะบอกโจคิมให้สูบลมตอนที่เราจะจอดพักครั้งต่อไป แต่เอ..มันแบนลง ๆ นะ ในที่สุดยางแบนอีกแล้วค้าบ อิอิ โจคิมยางแบนเป็นรอบที่ 3 แล้ว 3-0 เพราะล้อเวชยังดีอยู่ (จุ๊ๆๆ อย่าพูดเสียงดังไป) ซ่อมกำลังจะเสร็จฝนหยดแปะ ๆ แปะเย็น ๆ ด้วยขนลุก สักประเดี๋ยวเทลงมาเฉยเลย คงมาช่วยให้เรารีบ ๆ ไปอย่าชักช้า 😉 นี่ขนาดเลี่ยงที่จะไม่ปั่นไปทางเขาชันเลียบทะเลดำ แต่ตุรกีเป็นประเทศที่คงมีขุนเขาเยอะอีกประเทศหนึ่งมั้ง เราปั่นไปบนถนนเกือบจะเป็นเส้นขนานกับถนนเลียบทะเลดำ ซึ่งชันน้อยกว่า แต่ก็ยังทำให้เราทำเวลาและระยะทางได้ไม่ดีนัก ถ้าดูจากแผนที่มีความรู้สึกเหมือนเราไม่เคลื่อนที่ไปไหนเลย ไปทีละนิด เริ่มคิดกันแล้วว่าโครงการนี้จะรอดมั้ยเนี่ยถ้าคืบคลานกันไปทีละนิดอย่างนี้ สงสัยว่าคงจะปั่นช้าเกิน คือตอนปั่นขึ้นเขามีแมลงอะไรก็ไม่รู้อาจจะเป็นผึ้งตัวเล็ก ๆ ดันบินเข้าทางแขนเสื้อแล้วก็ปล่อยพิษมั้ง เจ็บแบบปั่นต่อไม่ได้ต้องหยุด เห็นว่าจราจรไม่เยอะเลยถอดเสื้อตัวข้างนอกเหลือแต่เสื้อชั้นในสปอร์ต ดีนะที่เอายาหม่องของแม่มาด้วย ให้โจคิมละเลงเลย เขียน ๆ อยู่ยังรู้สึกคันยิก ๆ เลย
วิวระหว่างทางช่วงนี้ทำให้นึกถึงตอนที่ไปปั่นที่ประเทศทาจิกิสถาน พื้นที่เป็นภูเขาเสียส่วนใหญ่และรูปร่างหน้าตาบางจุดมีต้นไม้เล็ก ๆ เตี้ย ๆ บางที่เป็นภูเขาทราย ครั้งหนึ่งที่ใกล้ ๆ อิสตันบูลตอนที่จักรยานของเวชมีปัญหาแล้วเราเจอกับเดนิซ เขาบอกว่าเราควรจะไปชิมกระเทียมที่อร่อยที่สุดในตุรกีที่เมืองทัชคือพรึ (Taşköprü) แล้วเย็นวันนั้นก่อนที่เราจะเข้าเมือง เราแวะเข้าไปถามปั้มแห่งหนึ่งถามเขาเรื่องกางเต้นท์โดยใช้กูเกิ้ลช่วยแปล เขาชี้ไปอีกฝากถนนหนึ่ง โจคิมเดินไปดู เห็นมีแต่โลงศพวางเรียงรายอยู่ เลยเดินกลับมาถามเขาว่าตรงนั้นเป็นสุสานหรือเปล่า? เขาตอบว่า “ยังไม่ได้ฝัง” จ้าก..อะไร กลับไปที่กูเกิ้ลอีกครั้งหนึ่ง ถามกลับไปว่า “โลงศพ?” หมอนั่นก็พยักหน้า “ศพ?” เอ้า..ไม่เข้าใจ เขียนใหม่ “ศพคนตาย?” คราวนี้หัวเราะเสียงดังเลยแล้วเขาก็เขียนในไอโฟนของโจคิมว่ามันเป็นโลงศพใหม่ เพราะตรงนั้นเป็นโรงงานทำโลงศพ เฮ้อ..กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง แต่จะให้ไปนอนตรงนั้น ถ้ากลางคืนอยากเข้าห้องน้ำออกมาเจอโลงศพคงได้ใช้ช๊อคตายแล้วใช้โลงนั่นเลยมั้ง ไม่เอาดีกว่า เลยอ้างกับเขาว่าเราจะปั่นเข้าเมือง ปั่นออกมาได้สัก 4-5 กม.เห็นมีที่หนึ่งที่น่าจะกางเต้นท์ได้ก็จอดเลย รีบทำอาหาร เอ่อ…ลืมไปเกลือหมด ต้มสปาเกตตี้แบบจืด ๆ ก็ยังดีกว่านอนหิวเนอะ
เช้ามาเราปั่นเข้าเมือง แต่หากระเทียมไม่เจอ ปรากฎว่ายังไม่ถึงน่าเก็บเกี่ยวต้องมาเดือนกันยายน เขาจะจัดเทศกาลใหญ่โตเลย ดูน่าสนุก “เทศกาลกระเทียม” เห็นเขาว่าเป็นกระเทียมที่ส่งไปทั่วตุรกีด้วยนะ ช่วงที่ปั่นเข้าเมืองก็ได้กลิ่นจากทุ่งกระเทียมแล้ว ดูจากแผนที่เห็นว่าใกล้ ๆ นี่เองมีสถานที่สำคัญอย่างหนึ่ง ซึ่งเราไม่สามารถหาข้อมูลได้เพราะไม่มีอินเตอร์เนต เลยถามจากคนแถวนั้นเขาว่าดีให้ไปดู แค่ 1 กม.โอเค ชาวบ้านชี้ให้ปั่นขึ้นเขาไป กิโลเขาหรือ??? ไหน ๆ ตั้งใจจะมาแล้ว ขึ้นก็ขึ้น ไปถึงยอดแล้วนะ ทำไมไม่เห็นมีอะไรเลย คนเลี้ยงแกะมาบอกอีกว่าให้ปั่นอ้อมไปทางโน้นอีกหน่อย เอ้า..อ้อมไปอีกหน่อย ก็เห็นเขาทำรั้วปิดแถมปิดข้างในที่คิดว่าเขามาขุดเจอของโบราณกัน ขึ้นมาดูให้เห็นกับตาก็ยังดี
วนดูพอแล้วก็ปั่นลงมา สวนกับหนุ่มตุรกี เขาทำสัญญาณบอกให้เราหยุด ตอนแรกก็คิดว่าจะเก็บค่าเข้าหรือ? แต่ปรากฎว่าเขาเป็นพนักงานคนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ โชคดีของเรา เพราะเขาจะเปิดโกดังให้เข้าไปดูว่าเขาขุดได้อะไรขึ้นมาบ้าง แล้วก็นั่งคุยกันผ่านกูเกิ้ล 😉 อีกแล้ว 😉 เขาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับโครงการ หาแผ่นพับ โฆษณาของเมืองนี้และเขตนี้ให้ดู แถมยังชวนให้พักที่บ้าน ไม่รู้ว่าบ้านเขาหรือของโครงการ เสียดายตอนนั้นแค่เที่ยงเองเพิ่งจะเริ่มปั่น แถวนั้นเป็นเขามีทุ่งหญ้ากว้างขวาง มีคนเลี้ยงวัวเดินผ่านห้องทำงานของเขา เขาก็ชวนให้กินชา เลยคิดว่าเขาไม่ใช่แค่อัธยาศัยดีกับคนแปลกหน้าเท่านั้นแต่กับคนท้องถิ่นเขาก็ชวนกันดื่มชาด้วย เหมือนบ้านเราสมัยก่อนที่เรียกกันเข้ามากินน้ำเย็น ๆ ก่อนเนอะ สมัยนี้จะมีหรือเปล่าน้อเราเริ่มปั่นออกจากเมืองก็ขึ้นเขาทันที ระยะทางช่วงนี้แต่ละเมืองอยู่กันค่อนข้างไกลกัน เส้นทางน่าปั่นมากถ้าอากาศไม่ร้อนนัก ออกจากพิพิธภัณฑ์ค่อนข้างสาย แดดเริ่มร้อนลมเริ่มแรง ทำให้เรารู้สึกว่าหนทางทำไมมันช่างไกลเหลือเกิน มองดูไมล์วัดความเร็วมันไม่เร็วเหมือนชื่อเสียเลย
เมืองเวซีลคือพรึ (Vezirköprü) ออกเสียงยากจริง ๆ เวลาถามทางต้องนึกถึงตัวอักษรพวกนี้ แต่ยังง่ายกว่าที่บัลแกเรียนะ เพราะที่นั่นใช้ตัวอักษรภาษารัสเซียที่ไม่ได้อ่านออกเสียงเหมือนภาษาละติน เมื่อวานกว่าจะถึงเริ่มค่ำ เส้นทางนี้สวยมากปั่นเรียบเขื่อนที่ใหญ่มากลองเข้าไปดูใน Daily map นะค่ะ จะเห็นแผนที่ บางครั้งรู้สึกเหมือนปั่นอยู่ที่ฝรั่งเศสอยู่ช่วงหนึ่งเลย ทั้งอากาศและวิว
อู๊ย ตื่นเต้นๆ เล่าต่อๆๆๆ
จะพยายามบรรยายให้ได้มากและให้ได้สนุกนะจ๊ะ
เป็นการเดินทางที่คุ้มค่า จุดประกายของชีวิต ทางที่เดินทางไปมีแต่ความตื้นเต้น น่าติดตามจริงๆ กอด กอด
ประสบการณ์อีกมากมายที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้หมด จะพยายามย่อ ๆ ให้ได้ใจความ เวชก็นักเขียนมือใหม่นะค่ะ 🙂