อุซเบกิสถาน => จากชายแดนระหว่างคาซัคฯ และอุซเบกฯ มาถึงนูกุส (Nukus) และคีวา (Khiva)
วีซ่าอุซเบกฯของเราเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 1 กค. เนื่องจากเราเหนื่อยจากการปั่นในทะเลทรายของคาซัคฯ เป็นเวลา 5 วันครึ่ง เลยอยากจะหยุดพักอย่างน้อยสองคืนที่เบนู (Beyneu) เลยกลายเป็นว่าเราเข้าอุซเบกฯ วันที่ 3 กค. เราไม่สามารถปั่นทำเวลาตามที่เคยวางแผนไว้ เพราะ หนึ่ง เพื่อนชาวโปแลนด์เกิดเจ็บเข่ากระทันหัน เขาปั่นช้าอยู่แล้วเลยยิ่งช้าเข้าไปใหญ่ สอง กลุ่มเราเริ่มใหญ่ขึ้น จากที่เราปั่นกันสองคน แต่ตั้งแต่ขึ้นเรือจากอัซเซอร์ไบจานเรากลายเป็น 7 คน ซึ่งแต่ละคนก็มีความอึดและทำความเร็วไม่เท่ากัน ในเรื่องความอึดต่ออากาศร้อนก็มีแค่เราสองคนที่ทนได้ดีที่สุด เพื่อนคนอื่น ๆ พอร้อนมาก ๆ เขาก็อยากจะหาที่พัก และพักทีก็นานถึง 2 ชม. จริง ๆ เวชไม่ชอบนอนกลางวัน แต่คนอื่นพักเราก็ต้องพัก เลยต้องรอกัน มีคนโปแลนด์ที่แผนการเดินทางของเขาเกือบจะเส้นทางเดียวกันกับเรา แต่ส่วนที่เหลือเราจะแยกกันที่ซามาร์คันด์ (Samarkand) เพราะเขาจะปั่นต่อไปที่ “ดูชันเบ” เมืองหลวงของประเทศทาจิกิสถาน และปั่นไปพาเมียร์ไฮเวย์ รู้สึกภูมิใจนิด ๆ ว่าเคยไปมาแล้ว และสามารถให้คำแนะนำเรื่องเส้นทางกับเขา
ก่อนที่เราจะเข้าอุซเบกฯ เพื่อนชาวสโลเวเนียปลีกตัวไปก่อน เราจึงเหลือแค่ 6 คน มาวันนี้มีนักปั่นที่เคยพบกันมาก่อนที่จอร์เจียมาสมทบด้วย แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะปั่นกับเราหรือไม่? ดูเขาแข็งแรงและน่าจะปั่นเร็ว
ทั้งคาซัคสถานและอุซเบกิสถานมีกฎหมายเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติว่า ถ้าอยู่ในประเทศเขานานเกิน 3 วันต้องลงทะเบียนว่าพักที่ไหน เพราะฉนั้นเราไม่สามารถกางเต้นท์หรือไปขอพักตามบ้านชาวบ้านหรือตามร้านอาหารได้ทุกคืน ทุก ๆ 3 วันเราจะต้องเช๊คอินเข้าโรงแรมที่มีใบอนุญาติ ที่คาซัคฯ เราอยู่แค่ 5 วันครึ่งเราได้ประทับตราจากกองตรวจคนเข้าเมือง 1 ครั้งก็เรียบร้อยแต่เขาไม่เคร่งเท่าที่อุซเบกฯ ประเทศอุซเบกฯ ยาวมากเรามีเวลา 30 วันและคงได้ใช้ทั้ง 30 วันนั้น เพราะฉนั้นเราควรจะมีสลิปที่มีตราทะเบียนของโรงแรมอย่างน้อย 10 ใบ ยิ่งมีมากยิ่งดี เพราะเราไม่รู้ว่าตอนจะออกจากประเทศอุซเบกฯ จะเจอตำรวจที่น่ารักหรือไม่??? ตอนนี้นอกจากคำถามทั่วไปคือเกี่ยวกับที่จอดจักรยาน อินเตอร์เนต เรามีคำถามที่เพิ่มอีกข้อก่อนที่เราเช๊คอินคือ “เราสามารถลงทะเบียนที่นี่ได้มั้ย?”
ช่วงนี้เราไม่จำเป็นต้องแบกน้ำกันมากมายเหมือนตอนแรกแล้วเพราะรายทางจะมีร้านอาหารท้องถิ่นทั่วไป เราสามารถแวะซื้อได้ แบกกัน 5-6 ลิตรคงจะพอ จะเริ่มแบกและตุนน้ำอีกทีก็คงเป็นทะเลทรายที่จีน
ในทะเลทราย ทางที่เราปั่นมาไม่ค่อยมีเรื่องน่าตื่นเต้น แต่เพื่อนชาวเยอรมันคนหนึ่งเห็นงูตัวหนึ่งกำลังพะงาบกินจิ้งจกทะเลทราย เห็นภาพแล้วแขยง เพราะตอนนั้นเขาถ่ายตอนที่กางเต้นท์เสร็จแล้ว เขานอนหลับไม่ลงเลยแหละ
ตั้งหน้าตั้งตาปั่นเพราะวันนั้นเราปั่นกันเป็นจริงเป็นจังคือเกือบ 190 กม.เพื่อให้ได้ระยะทาง จนกระทั่งรู้สึกว่าน้ำอาจจะไม่พอ ตั้งใจว่าจะขอน้ำจากรถคันนี้ดีมั้ย เผอิญว่าเขาจอดและคุยกับเรา ยังไม่ทันได้ขอหรือถามอะไร เขาถามเราก่อนว่าเอาแตงโมมั้ย? หนักก็หนักนะ แต่ก็ยากที่จะปฏิเสธในขณะที่เราต้องการน้ำอีกต่างหาก คิดดูลูกนั้นน่าจะเกือบ 10 โล รับมาแล้วแต่ยังไม่รู้เลยว่าจะแบกไปยังงัย จะนั่งกินกันตรงนี้ก็ไม่ไหว อีกอย่างก็อยากจะแบ่งปันเพื่อน ๆ ที่ปั่นกันไปล่วงหน้า ถ้าอย่างนั้นก็เอาเบาะรองนั่งมาหุ้มมันไว้ แล้วก็วางตรงตะแกรงท้ายรถ ถนนขรุขระขนาดนั้น แต่แตงโมก็รอดมาถึงเพื่อน ๆ ได้โดยปลอดภัย คิดดูลูกนี้น่าจะอร่อยที่สุดในทะเลทราย สดชื่นจริง ๆ
ตั้งแต่เราเห็นป้ายติดไว้ว่ามีจุดที่รถบรรทุกจอดกันตอนที่ปั่นออกจากหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ป้ายบอกว่าอีก 20 กม.จะมีจุดที่ว่านั่น เราปั่นผ่านตรงที่เขากำลังซ่อมแซมถนน มีทั้งถนนเส้นทางเก่าและใหม่แถมมีบายพาสอีก เพื่อนที่นำหน้ามาก่อน ใช้เส้นทางเก่า เราใช้เส้นทางใหม่เลยคลาดกัน แต่ยังดีที่สามารถติดต่อกันได้ทาง sms คืนนั้น ต่างคนต่างหาที่นอนกันเอาเอง เราสองคนกับเพื่อนชาวนิวซีแลนด์ปั่นไปเห็นป้ายร้านอาหาร เลยลองเข้าไปถามขอเขากางเต้นท์ เขาว่าไม่ต้องกาง นอนตรงแคร่ข้างนอกนี่ก็ได้ เราเลยเข้าไปสั่งอาหารที่ร้านของเขา แถมได้อาบน้ำอีกต่างหากสบายไปเลย ยอมเสียตังค์ 5000 ซอม = ประมาณ 2USD
อุซเบกิสถาน => จาก Khiva (คีวา) ไป Bukhara (บุคารา)
ช่วงที่ออกจากคีวาเราได้เพื่อนชาวเยอรมันอีกคน (ยูฮันเนส) ที่เคยเจอกันที่ทิบลิซิ, บาคุ และก็มาเจอกันอีกทีที่คีวา เราสามคนปั่นด้วยกันเกือบตลอดเส้นทาง แต่ยูฮันเนสปั่นเร็วกว่าเราหน่อยนึง แต่เขาไม่ค่อยมีเทคนิคในการปั่นร่วมกัน เพราะหลายครั้งเขาเข้ามาใกล้เกิน มาชนที่บังโคลนเวชครั้งหนึ่ง เฉี่ยวโจคิมครั้งหนึ่ง และเคยชนกระเป๋าเพื่อนอีกคนหนึ่ง แต่เขาเป็นคนน่ารัก พูดคุยหัวเราะเก่ง เข้าได้กับทุกคน วันนี้ทั้งวันเราปั่นอยู่บนถนนเส้นที่เขาเพิ่งสร้างเสร็จ โดยยังไม่ได้เปิดให้รถวิ่ง เราเลยฉวยโอกาสเรียกถนนเส้นนั้นว่าไบค์เลน แล้วเราก็ปั่นกันเป็นหน้ากระดานเลย ทำได้เพราะตามลม 🙂
ออกจากร้านขายของที่นั่งหลับกันที่โต๊ะแล้ว เราตั้งใจจะปั่นกันอีกสัก 50 โล เรามักจะเช๊คกับคนท้องถิ่นว่าทางต่อไปข้างหน้าจะมีร้านขายของขายน้ำมั้ย? และคำตอบที่ได้ส่วนใหญ่ หาความแน่นอนไม่ได้ บางคนบอกอีกร้อยโลไปไม่มีร้านอะไรเลย บางคนว่ามีร้านแต่อีก 70 โล เราไม่แน่ใจ พอปั่นมาได้แค่ 20 กม.มาเห็นร้านขายของซึ่งด้านหน้าร้านมี Yurt (เยิร์ต) ให้เช่า พวกเราสองคนเคยนอนในเยิร์ตมาก่อนแล้วแต่เพื่อนคนอื่น ๆ โดยเฉพาะซีมอน ที่เคยฝันอยากนอนในเยิร์ตมานานหลายปี ไม่อยากปั่นต่ออีกเพราะเขาอยากนอนที่นี่ อีกเหตุผลหนึ่งคือเช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันเกิดของเขา นั่นคือการนอนในเยิร์ตจะกลายเป็นของขวัญพิเศษสำหรับเขาเลย
ระหว่างทางไม่มีอะไรเลย จำได้ว่ามีลุงขับรถคนหนึ่งบอกว่าจากตรงที่เรานั่งพักกันนั้น ห่างออกไป 70 กม.จะมีร้านอาหารข้างทาง เมื่อคืนเราปั่นมา 20 กม.จอดพักแรมที่เยิร์ตพอปั่นมาสักเกือบ 50 กม.ก็มาเจอร้านนี้ ถูกของแกครึ่งหนึ่ง ช่วงที่ปั่นมาตรงนี้ค่อนข้างเหนื่อยใจ เพราะลมแรงพัดมาข้าง ๆ เสียงดังกรอกหูตลอดทาง แถมยังพัดเอาทรายข้ามฝากจากซ้ายไปขวาอีก แต่ดูสวยดี เห็นทรายเป็นริ้ว ๆ พัดข้ามถนนไป บางช่วงถนนก็ขรุขระมาก หลังจากกินอาหารง่าย ๆ และพักผ่อนกันที่ร้านนี้ เราก็ได้ยินเสียงจั๊ก ๆ ๆ ฝนตกหรือ? ใช่อ่ะ ตกหนักด้วย เราเลยต้องรอให้ฝนซาลงสักหน่อยก่อน ฝนตกในทะเลทรายครั้งที่สอง หลังจากคืนที่เรากางเต้นท์ที่คาซัคสถาน
เพื่อนอีก 3 คนอยากเข้าเมือง Gazli ไปซื้ออาหารและเครื่องดื่ม เพราะเราจะฉลองวันเกิดของซีมอนกัน คืนนั้นเรากางเต้นท์กันและคิดว่าจะเป็นคืนสุดท้ายที่จะกางเต้นท์ในอุซเบอกิสถาน เพราะเส้นทางต่อจากนี้ไปบุคาราและซาร์มาคันมีหมู่บ้านแน่นขนัด อาจจะหาที่กางเต้นท์ได้ยากหน่อย และอีกอย่างคือเรื่องลงทะเบียนเข้าพักตามโรงแรมที่จำกัดจำนวนวันกางเต้นท์ของเรา