เดินทางออกจากสวีเดน
เมื่อวานนี้วันที่ 28 กพ.เราเดินทางโดยเรือแฟรี่ไปโปแลนด์ หลังจากที่พักอยู่ที่บ้านเพื่อนร่วมงานเก่าของโจคิม (สเตียนและเพาล่า) โจคิมยังรู้สึกเจ็บคอและไอแบบแห้ง ๆเราจึงอยู่ต่ออีกหนึ่งวัน ตอนเย็นสเตียนเสนอว่าอยากจะขับรถไปส่งเราที่ท่าเรือ น่ารักมากเลย แต่เราคิดว่าการแพ๊คกระเป๋าและจักรยานขึ้นรถมันน่าจะใช้เวลามากอยู่ และวันนั้นอากาศดีแดดออก เย็นนิดหน่อยประมาณ -5 องศา คิดว่าปฏิเสธดีกว่าเพราะระยะทางแค่ 10 กม.
แฟรี่ไปโปแลนด์ใช้เวลา 11 ชม. พอ ๆ กับนั่งเครื่องบินไปเมืองไทยเลย แต่ก็ดีได้นั่งเขียนและอัพเดทอะไรไปเรื่อยเปื่อย
เรือถึงฝั่งเวลาเกือบสองทุ่ม มืดสนิท โจคิมใช้จีพีเอสเพื่อหาทางแต่มันดันบอกให้เรากลับไปสวีเดนข้ามไปเดนมาร์กแล้วค่อยมาใหม่ ทำอย่างกับเราล่องหนได้นิ แต่สุดท้ายเราก็มาถึงบ้านของโฮสท์ที่อยู่นอกเมืองออกไปหน่อย คืนนั้นมืด ลมแรง หนาว ถนนเป็นน้ำแข็งนิด ๆ โฮสท์เราน่ารักมากเลย ทำอาหารให้ทาน และยังชวนเพื่อน ๆ มานั่งคุยกันอีกด้วย สนุกดี บรรยากาศในภาพเหมือนเวลาเรานั่งคุยกันที่พื้นบ้านเราเลยเนอะ
สรุปจาก Gdynia – Strarogard – Chelmno 2 วัน
โฮสท์ที่เมืองท่าเรือของโปแลนด์ Gdynia (อันย่าและสวาเวค) น่ารักมาก เรารู้สึกว่าเขาเป็นเพื่อนเราเสียมากกว่าเป็นแค่โฮสท์ คุยกันได้สนิท พวกเขาชวนเราอยู่ต่อ ตัดสินใจยากอยู่เหมือนกัน ที่อยากอยู่ต่อเพราะพวกเขาน่ารักและวันรุ่งขึ้นก็เป็นวันศุกร์ แต่เราคิดว่าเราพักกันมานานหลายวันแล้ว อีกอย่างลมเป็นใจ อากาศก็ดี เราเลยตัดสินใจยากหน่อยที่จะบอกเขาว่าจะปั่นต่อ โปแลนด์เป็นประเทศเพื่อนบ้าน ไว้หน้าร้อนอากาศดีกว่านี้เราจะบินไปเยี่ยมเขาอีก นี่เป็นส่วนหนึ่งการเดินทางของเรา คือการได้พบเพื่อนใหม่ ได้คุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน หลังจากที่เขาดูฟิล์มของเราใน Youtube ที่เราไปปั่นที่ทาจิกิสถาน ทำให้เขาเกิดแรงจูงใจที่จะไปปั่นที่นั่นสักวันหนึ่ง
เราปั่นออกจากบ้านอันย่าและสวาเวค ตามลมไป ไปจอดและถ่ายรูปเล่นกันที่เมือง Sopot เป็นเมืองถัดไป
ตามที่เราคิดเวลาเราปั่นท่องเที่ยว เรามักจะใช้ถนนสายเล็ก ๆ ถนนสายที่มีตัวเลข 3 หลัก เพราะจราจรไม่น่าจะคับคั่ง แต่ที่ไหนได้ รถเยอะแยะไปหมด ขอบถนนก็แทบจะไม่มี คนขับบางทีก็เบียดเสียใกล้ น่าหวาดเสียว เราก็เลยลองเลือกถนนที่เล็กลงมาอีก ดูจากในแผนที่มันเป็นเส้นคู่สีขาวแทนสีเหลือง อืม..จราจรไม่คับคั่งอย่างที่เราคิด แต่สภาพถนนค่อนข้างแย่ และ 10 กม.สุดท้ายก่อนจะทะลุไปถนนอีกเส้นหนึ่งนั่นแหละ โหดสุด ๆ หิมะหนาบ้าง ละลายไปแล้วบ้าง และส่วนที่ละลายไปแล้วข้างใต้เป็นพื้นหินก้อนใหญ่ ทรงตัวยากมาก เสียเวลาไปหลายชั่วโมง เป็นประสบการณ์ที่ดีเหมือนกัน ไม่ลองก็ไม่รู้ พรุ่งนี้ไม่เอาอีกแล้วเส้นทางสีขาว
พอหลุดออกจากเส้นนั้นมาได้ ก็เจอถนนใหญ่ตัวเลข 2 หลัก อืม…โอเค จราจรค่อนข้างเยอะ แต่ขอบถนนกว้างมาก ตั้งแต่นั้นมาเรายึดถนนนี่แหละปั่นมาตลอดทาง เร็วดีด้วย
อันย่าแนะนำว่าเราควรจะไปพักที่ Chelmno เขาว่าเป็นเมืองที่น่ารัก เก่าแก่ มีทางลัดที่จะไปถึงโรงแรม แต่…บันไดค้าบ 2 ช่วง ปั่นขึ้นเขายังเบากว่าเข็นขึ้นบันได แต่ถ้าไม่เข็นขึ้นบันไดก็ต้องปั่นอีก 4 กม. ยอมเข็นก็ได้ 🙂
โปแลนด์ Chelmno – Torun – Wloclawek
เมื่อวานหลังจากที่ลุยไปบน “เส้นทางสีขาว” ตามแผนที่ เช้านี้รู้สึกเมื่อยไปหมดทั้งตัว แต่พอได้นั่งบนอานก็หาย ตอนที่เรากำลังแพ๊คกระเป๋าติดรถจักรยาน ก็มีชายคนหนึ่งเข้ามาทัก เขาบอกว่าเขาเป็นแฟนคลับของเรา ว้าว…แฟนคลับ ชื่นใจจริง ๆ เขาว่าทุกนาทีมีสิ่งประทับใจเกิดขึ้นตลอด ปรากฏว่าเขาทำงานที่โรงแรมที่เราไปนอนที Chelmno อ้า..เรามีนามบัตรด้วยนะ ขอค้างไว้ก่อนนะค่ะ แล้วจะเอามาแปะให้ดู
หลังจากนั้นเราปั่นออกมา และหาถนนใหญ่เลย เพราะเข็ดกับถนนเส้นเล็ก ๆ เสียแล้ว วันนี้ลมยิ่งเป็นใจใหญ่ เพราะทำความเร็วได้ดีมาก ออกสาย แต่เข้าที่พักเร็วกว่าปกติ เราแวะทานอาหารกลางวันที่ Torun เป็นเมืองมหาลัยของที่นี่ อยู่ติดกับแม่น้ำวิสล่าที่เป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดของโปแลนด์ ไหลผ่านเมืองวอร์ซอร์ซึ่งเป็นเมืองหลวงด้วย
ถึงเมือง Wloclawek ประมาณ 15.30 ถ้าปั่นต่อก็ไม่รู้ว่าจะมีที่พักหรือเปล่าในหมู่บ้านเล็ก ๆ เลยจอดที่เมืองนี้
โปแลนด์ Wloclawek – Lodz 110.7 km.
วันนี้เราเริ่มล้อหมุนตามเวลาที่เราตั้งใจไว้ ซึ่งธรรมดาแล้ว เวชมักจะชักช้า ไหนจะแพ๊คกระเป๋า เรามีทั้งหมด 8 ใบ ที่ดูคล้ายกันไปหมด ช่วงแรก ๆ จำไม่ได้ว่าอะไรอยู่ใบไหน แต่เมื่อคืนก่อนจัดการติดสติ๊กเกอร์และเขียนด้วยว่าใบไหนคืออะไร แต่พอถึงเวลาก็ยังหาของบางอย่างไม่เจอ เพราะที่สติ๊กเกอร์ไม่มีที่พอให้เขียนได้ทุกอย่าง เรามักจะมีปัญหากับสายโยงเพื่อล๊อคจักรยานทั้งสองคัน เหมือนมันเป็นส่วนเกิน แต่ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เฮ้อ..เดี๋ยวต้องหาวิธีไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเข้าที่ละค่ะ
พอออกมา เราก็ตามหาถนนใหญ่ทันที พระพายก็ยังเป็นใจ ส่งเราไปข้างหน้า ทำความเร็วค่อนข้างดี วันนี้เราพักบ่อยไปหน่อย ชะล่าใจคิดว่าน่าจะไปถึงโฮสท์ไม่เย็นมากนัก ปั้มแรกกินขนมปังที่ได้จากเพื่อนที่สวีเดน ปั้มที่สองเป็นร้านอาหารเราสั่งกาแฟและแซนวิช ตรงที่ห่างจาก Lodz ไป 37 กม. ปรากฎว่าแซนวิชที่เวชคิดว่าน่าจะเป็นแค่ขนมปังทาเนยใส่แฮม มันกลายเป็นอันเบ่อเริ่ม แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่มีทางกินได้หมด แต่ด้วยความตะกละเชิงงก 🙂 เลยพยายาม เพราะโจคิมคิดว่าจะเปลี่ยนโซ่ เราเอาโซ่มาเผื่อคนละเส้น เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาทุก ๆ 800 กม.เพราะเราคิดว่าเรามีเวลาและใกล้ห้องน้ำ ได้ล้างมือทำความสะอาด แต่แล้วพอเราเริ่มปั่นอีกครั้งเวชก็เหนื่อยเพราะอิ่มเกิน และเป็นเพราะพักนานเกิน
Lodz เป็นเมืองใหญ่ที่สามของโปแลนด์ เส้นทางเข้าเมืองมันช่างตื่นเต้น เพราะถนนใหญ่ต้องระวังรถราง เราพยายามปั่นบนทางจักรยาน แต่ทางแย่มาก กระเด้งกระดอนไปตลอดทาง กว่าจะถึงบ้านของสมาชิก warmshower “อากาทา และ ลาเด๊ก” สายไปหน่อย เกือบมืด พวกเขาต้อนรับเราอย่างดี ทำซุป, แซนวิชและเบียร์ให้โจคิม นั่งคุยกันเรื่องเส้นทางที่หัวข้อหลัก จนไปถึงเรื่องพลังงาน ทางโปแลนด์มีวิธีด้านการใช้พลังงานที่ไม่เหมือนสวีเดน
โปแลนด์ Lodz – Piotrkow 56.8 km.
และแล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ Lodz ตอนเช้าโจคิมนั่งเขียนบันทึกเข้าคอมพ์ สังเกตุเห็นว่าไฟไม่ชาร์ตทั้ง ๆ ที่เสียบอยู่ เลยมองไล่สายไฟไปเรื่อย คิดว่าเราเสียบไม่ดี แต่ … ฮึ่ม!!! มันถูกแทะโดยเจ้าแมวเหมียวซุกซนของเจ้าบ้านเรานั่นเอง เขามีแมวสองตัวเป็นพี่น้องกัน อายุยังไม่ขวบดี เลยซนสะไม่มีล่ะ และก็ได้รู้ว่าหูฟังของเขาเองก็ถูกชำแหละไปด้วย 🙁 เช้านี้เราเลยต้องเสียเวลาตามหาร้านแอปเปิ้ลซื้อสายไฟเส้นใหม่ ปั่นรอบเมืองมาเกือบจะ 10 กม. ละ เพิ่งจะหาเจอ แพงจริง ๆ เลยพวกอุปกรณ์เสริม
คติสอนใจของวันนี้คือ ให้ระวังสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะ “แมว”
เข้าเมืองก็ยากออกนอกเมืองก็ยากเหมือนกัน กว่าจะหาทางเจอ ดีที่เรามีจีพีเอสติดมาด้วย แต่พอออกมาถนนใหญ่ พระพายเจ้าขา พายพัดแสกหน้าเลยเจ้าค่ะ ต้านลมกันมาเกือบตลอดทาง วันนี้เลยหมดอารมณ์และหมดแรงปั่น เห็นป้ายบอกทางไปโรงแรมแล้วยิ่งอยากจอด ไป..เลี้ยวเข้าไปถามราคา เวชกำลังจะเข้าไปเช๊คอิน ก็มีผู้หญิง 2 คนเดินเข้ามาดูจักรยานเรา แล้วก็เริ่มพูดคุยด้วย แต่…. เป็นภาษาโปแลนด์ หึๆๆ หาฟังรู้เรื่องไม่ เขาก็เลยโทรไปหาเพื่อนแล้วยื่นโทรศัพท์ให้โจคิมพูด สรุปว่าเราโชคดีมาถึงวันนี้เพราะทุก ๆ วันอังคารเขาจะรวมกลุ่มนักปั่นทัวร์ริ่งของเมืองนี้กันที่ผับในเมือง “ลูซี่” หนึ่งในสองสาวนั่นชอบปั่นทัวร์ริ่งและอยู่ในแก้งส์นี้ด้วย เขาชวนพวกเราไปเจอกับนักปั่นคนอื่น ๆ ได้คุยกับพวกเขาสนุกดี หันไปฟังทางนี้ทีหันมาฟังทางนี้ทีเพราะหลายคนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็ช่วยกันแปล เขาแปลกใจว่าทำไมเราถึงปั่นกันตอนหน้าหนาว ซึ่งเราก็ได้คำถามนี้มาเกือบตลอดทาง คืนนี้ช่างเป็นคืนที่สนุกหัวเราะกันทั้งคืน และอีกอย่างที่แตกต่างมากมายคือ เราได้นั่งรถยนต์ ติดว่าได้นั่งรถครั้งสุดท้ายเมื่อปีที่แล้ว 🙂 พอได้นั่งแล้วตื่นเต้นเพราะเราไม่ต้องออกแรงถีบ 😀 หลังจากที่เราแชร์พิซซ่าขนาดใหญ่กันเรียบร้อย นั่งคุยกันอีกสักพักใหญ่ ๆ ลูซี่มาบอกว่าเขาจะพาเดินชมเมืองเล็ก ๆ เดินตอนกลางคืนก็สวยไปอีกแบบ
กลับมาถึงโรงแรมเกือบตีหนึ่ง
โปแลนด์ Piotrkow – Wloszczowa 83.7 km.
วันนี้ผ่านหมู่บ้านเล็ก ๆ ไปตลอดทางถนนโล่ง ๆ ลมก็เลยยิ่งแรง แต่ไม่เป็นไรเพราะเราปั่นตามลมมาหลายวันล่ะ ทวนลมบ้างก็ได้ แต่อย่านานหลายวันนักละกัน 🙂 ถนนที่โปแลนด์บางช่วงก็ดี แต่ส่วนใหญ่จะแย่ ขอบทางแคบ จราจรมากมายและขับชิดเรามากด้วย ขนาดนักปั่นชาวโปแลนด์เองยังไม่ชอบ เราแวะดื่มกาแฟกันที่ร้านในหมู่บ้าน แต่ปรากฎว่าเป็นบาร์ขายเหล้าเสียส่วนใหญ่ ไหน ๆ ก็จอดแล้วเลยเข้าไปถามเสียหน่อยว่ามีกาแฟมั้ย ส่วนโจคิมรออยู่ด้านนอก ก็มีคนแก่และเมาเข้ามาพูดคุยด้วย พูดไม่หยุดถึงแม้ว่าเราจะบอกว่า ”ไม่เข้าใจ” แกก็ยังพยายาม เดินเข้าไปในร้านเอากระดาษกับปากกามาวาดแผนที่ให้เรา บางทีเราจอดอยู่กับที่เพื่อเช๊คแผนที่แต่คนที่นี่เขาก็น่ารักเกินไป ขนาดเดินข้ามถนนไปแล้ว ยังอุตส่าห์เดินย้อนกลับมาเพื่อช่วยเรา เสียดายที่เราสื่อสารกันไม่ค่อยได้ และก็อีกครั้งหนึ่งมีรถยนต์คันหนึ่งขับผ่านเราไปแล้ว ก็ถอยหลังมาเพื่อบอกทางแก่เรา เฮ้อ..ผิดกับคนขับรถบัสมากมายที่อยากจะเบียดเราตกข้างทาง
พอเราคิดว่าจะปั่นออกจากเมืองไปอีกสักหน่อย เพื่อระยะทางสำหรับวันพรุ่งนี้จะสั้นลงไปหน่อย จักรยานเวชก็ดันมีเสียงแก๊ก ๆ ๆ ทุกครั้งที่ออกแรงกด โจคิมลองไขน๊อตทุกตัวให้แน่นขึ้น ถอดบันไดออก ล้างแล้วใส่ใหม่ ก็ยังมีเสียงอยู่ เมืองที่เราพักก็ไม่เห็นมีวี่แววว่าจะมีร้านจักรยาน เลยต้องเสี่ยงปั่นไปทั้ง ๆ ที่มีเสียงแก๊ก ๆ ๆ ไปตลอดทาง และก็หวังว่าร้านจักรยานที่คราคูฟจะช่วยเราได้
โปแลนด์ Wloszczowa – Krakow 121.7 km.
วันนี้เราออกเช้าหน่อยเพราะเราอยู่ห่างจากคราคูฟประมาณ 120 กม. คิดว่าจะพยายามให้ถึงคราคูฟหรือให้ใกล้ที่สุด เป็นวันแรกที่เราได้สัมผัสฝนในโปแลนด์ ตกพลำ ๆ ช่วงแรก ฝนตกไม่หนัก แต่เราปั่นอยู่บนถนนตลอดเวลาจึงทำให้เปียกชุ่มไปหมด โชคดีที่พระพายไม่มาผสมโรงด้วย ไม่อย่างนั้นละก็ “เราเสร็จ” เราคุยกันว่าถ้าเลือกได้ อยากตามลมคือพัดมาจากทางทิศเหนือ จะหนาวและยังทำให้ฤดูใบไม้ผลิมาช้าลงไปอีก และถ้าต้านลมอากาศจะดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทำให้เราไปถึงที่หมายช้าลง อืม…คิดไม่ตก
คติวันนี้คือ ทุกอย่างมีข้อดีข้อเสีย ทวนลมก็ดีไปอย่าง ตามลมก็ดีไปอีกอย่าง
เพื่อน ๆ นักปั่นที่เราพบเขาเมื่อคืนเตือนว่าทางเข้าคราคูฟเป็นเนินขึ้น ๆ ลง ๆ มันไม่ชันแต่ลาดขึ้นยาวและลงชันแต่สั้น ขาขึ้นปั่นแค่ 7-9 กม./ชม. ส่วนขาลงเกือบ 50 กม./ชม.
ปั่นมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเห็นป้ายบอก คราคูฟอีก 40 กม. เราเลยมีความตั้งใจว่าจะไปให้ถึง ไม่มีความคิดที่จะจอดพัก เพราะเวชว่าถ้าจอดเครื่องดับแน่ เลยบึ้ดจ้ำบึ้ดไปเรื่อย ๆ มีีคนตัวโตอย่างโจคิมช่วยบังลมให้แล้วก็ต้องไหวล่ะ 🙂 แล้วเราอย่างมอมแมมก็มาถึงคราคูฟก่อนมืด เย้ๆๆ
เรื่องน่าคิดอีกอย่างคือ อย่าไว้ใจแหล่งน้ำขัง อาจเป็นหลุมลึกได้
เช็คอินเข้าโฮสเตล Hostel ราคาจะถูกว่าโรงแรมธรรมดาทั่วไป ฝั่งตรงข้ามที่พักเรามีร้านอาหารที่น่าจะมีชื่อเพราะคนมายืนเข้าคิวเพื่อรอโต๊ะยาวเลย แล้วก็สมชื่อ อาหารเขาอร่อยและจานมหึมาจริง ๆ นึกว่าเราปั่นกันมาทั้งไกลทั้งเหนื่อย จานโตนี่เสร็จเราแน่ แต่ไม่ไหวมันมากมายเหลือเกิน
Photos from Krakow
Today we have walked around in Krakow. We have been to the Wawel hill which used to be the centre of power in old times. Then we walked through the Kazimierz which used to be the jewish area before the tragedies of the holocaust. In the afternoon we paid a visit to museum of Schindler’s factory and after resting at our room for a while we finished the day with a walk through the old town.
โปแลนด์ Krakow – Limanowa 71.21 km.
วันนี้รู้สึกขี้เกียจตื่น เพราะได้ตื่นสายมาหลายวัน เมื่อคืนนั่งคุยกันว่าพรุ่งนี้
คติประจำวันนี้ พยากรณ์ก็คือพยากรณ์ = เอาแน่เอานอนไม่ได้
ฝนตกเฉอะแฉะเปียกไปหมด ความชื้นทำให้เรารู้สึกหนาว และหิว 🙂 ปั่นมาถึงเนินหนึ่งก็เห็นรถตู้
คนขายอัธยาศัยดีมาก ชวนคุยไม่รู้ตั้งกี่ภาษา พ่อค้านี่นะ เขาเคยไปทำงานที่สวีเดน ก็ได้ภาษาสวีดิชมาหน่อย ภาษารัสเซีย อังกฤษอีกหน่อย ให้น้ำเราดื่มฟรีด้วย บอกว่าเป็นของขวัญจากเขา กินเกือบจะหมดละ พอดีมีรถคันหนึ่งเข้ามาจอด โจคิมสังเกตุเห็นแร๊คจั
เราปั่นเข้าทางเส้นสีขาวอีกครั้
หลังจากนั้นเราได้ข้อความจากลิ
โปแลนด์ Limanowa – สโลวาเกีย Stará Lubovna 70.52 km.
เช้านี้ค่อนข้างสบาย ๆ เตรียมทุกอย่างพร้อมก่อนที่ลิเดียและเบนเนดิคจะมา ทั้งสองคนและพ่อแม่ของลิเดียชอบกีฬาแทบจะทุกประเภท รอบรู้และคุยสนุก ต้องขอบคุณ! ชายขายไส้กรอกข้างถนนนั่น ทำให้เราได้พบลิเดีย และครอบครัวที่อบอุ่น ก่อนที่เราจะออกเดินทาง เบนเนดิคและโจคิมช่วยกันล้างจักรยาน เพราะมันมอมแมมมาก
พ่อลิเดียเอสเอมเอสมาบอกว่าต้องถ่ายรูปพวกเราและจักรยานไว้ 🙂 เพราะพ่อเขาไปทำงานแต่เช้า
ทางที่เขาแนะนำให้ไปนั้นเป็นเส้นทางสีขาวในแผนที่ที่เราเข็ดกันมา แต่ครั้งนี้ ถนนเส้นนี้มันดูดีมาก วิวสวย รถน้อย ทำความเร็วได้ดีกว่าเมื่อวานอีก แต่เราก็มาจะเอ๋กับภูเขาข้างหน้าเรา มันไม่ชันมาก ขึ้นเรื่อย ๆ และอีกนึดนึง จนกระทั่งมาเจอป้ายว่าขึ้นอีก 12% ข้าพเจ้าจะบ้าตายนึกว่าจะได้ลงแล้วเสียอีก 27 เกียร์ที่มีอยู่ได้ใช้ก็วันนี้แล
ประมาณบ่ายสองโมงกว่า ๆ เราผ่านเข้าประเทศสโลวาเกีย ซึ่งเป็นประเทศที่สามของทริปนี้ ที่นี่เราต้องเปลี่ยนมาใช้เงินยูโร แถบทางตอนใต้ของโปแลนด์และตอนเหนือของสโลวาเกียเป็นสกีรีสอร์ต ช่วงนี้หมดฤดูการท่องเที่ยวจึงค่อนข้างเงียบ และดีสำหรับเราคือหาที่พักง่ายและถูกลง
สโลวาเกีย Stara Lubovna – Kosice 103.2 km.
เมื่อคืนได้ยินเสียงจั้ก ๆ บนหลังคา นึกในใจ เสร็จแน่พรุ่งนี้ เปียกชื้นหนาวเย็นอีกแน่ เราก็เตรียมตัวกันอย่างดี ใส่ชุดกันฝนเรียบร้อย อืม..นึกขำนะ บางทีเราเหมือนตุ๊กแกเปลี่ยนสีได้อย่างไรอย่างนั้นเลยอ่ะ เพราะเวลาฝนตกเวชจะใส่แจ๊กเก๊ตสีฟ้า ส่วนโจคิมจะเป็นสีส้มแสด และถ้าฝนไม่ตกเวชจะเป็นแดงเลือดหมู ส่วนโจคิมสีเบจ ขำ ๆ
ว่าแล้วพยากรณ์อากาศไว้วางใจไม่ได้เหมือนคราวที่แล้ว แต่คราวนี้เป็นไปในทางที่เราชอบ เพราะแทนที่ฝนจะตกกลับไม่ตก แต่ตอนที่เราจะขึ้นเขาลมดันพัดแสกหน้า ขนาดปั่นลงเขายังไม่สามารถปั่นได้เร็วเลย เฮ้อ…พระพายปันใจ ไม่เป็นไรตามใจเรามาหลายวันละ วันนี้ก็ขมุกขมัวเหมือนเดิม ไม่อย่างนั้นวิวน่าจะสวย เราปั่นผ่านสกีรีสอร์ตมากมาย และบ้านเรือนแถวนั้นก็ดูน่ารักหลายสีหลายสไตล์
มีช่วงหนึ่งปั่น ๆ อยู่ก็มีผู้ชายคนหนึ่งยืนถือกล้องและโบกให้เราจอด แล้วขอถ่ายรูปเรา เขาพยายามบอกว่าเราว่าเขาดีใจที่ได้เห็นเรา เพราะเรากำลังทำในสิ่งที่เขาอยากทำ แต่ด้วยงานบังคับจึงไม่สามารถ ความที่เราเดินทางโดยจักรยานซึ่งเป็นไปอย่างเชื่องช้า ทำให้เราได้พบผู้คนหลากหลาย ได้คุยกันเล็ก ๆ น้อย ๆ
ตอนนี้เราอยู่ที่เมืองโคสิเชอะ เอ่อ..ไม่รู้เขาออกเสียงอย่างไร เป้าหมายนี้เคยทำให้รู้สึกว่ายากเย็นเหลือเกินที่จะมาให้ถึง เพราะต้องผ่านเขาผ่านเนินมากมาย แต่ในที่สุดเราก็มาถึงจนได้ รู้สึกภูมิใจเหลือหลาย
สโลวาเกีย Kosice – ฮังการี Forro 55.9 km.
เข้าสู่ประเทศที่สี่แล้วค่ะ ฮังการี
ตอนอยู่ที่ห้องพักที่โคสิเชอะ Kosice มองออกไปข้างนอกแล้วอยากจะมุ
สำหรับเรา เราคิดว่าถ้าหนาวเรายั
เรื่องความหนาวยังมีเรื่องที่
พอเท้าชามาได้สักพัก เราเริ่มมองหาที่ ๆ เราสามารถหาไออุ่น 🙂 และควรเป็นสถานที่ที่
หลังจากทานอาหารและดื่มกาแฟแล้ว ลมก็ยังคงพัดสะพือเสียงดังวี้
อืม…มีเรื่องให้ตัดสินใจเลื
.
.
.
เอ้า…อยากถึงไว ๆ ก็ไปทางทางชนบท คิดถูกคิดผิดเนี่ย??? คือว่า…เคยเห็นเขาขับมอเตอร์ไซค์แข่งมั้ยที่เอียงเสียเกือบชิดพื้น แต่สำหรับนักปั่นทัวร์ริ่งอย่างเราแค่เอียงเห็นพื้นก็หนาวแล้วววว เอียงไม่พอยังถูกลมพัดเข้าข้างทางอีก ต้องตะโกนคุยกันอีก ท่าทางอีกหลายกิโลอยู่เหมือนกันกว่าลมจะดันพวกเราไปข้างหน้า และถนนก็ใช่ว่าจะดี เป็นน้ำแข็ง แถมบางช่วงเป็นช่องที่ลมพัดสะดวก วูบมาทีก็เข้าข้างทางที พอค่ะพอ กลับหลังหัน แล้วก็ตัดสินใจหาที่พัก ณ ตอนนั้นเลย และนี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด
และด้วยความที่เราเข้าที่พักเร็ว จึงใช้เวลาที่มีค่านั้นโดยโจคิมไปล้างรถ ล้างโซ่ และชุดขับเคลื่อน ส่วนเวชล้างพวกกระเป๋า โดยเฉพาะตรงตะขอที่เกี่ยวกับตะแกรงที่เริ่มสกปรกจากดินและทราย
ลมเริ่มอ่อนแรงแต่ยังส่งเสียงวู้ ๆ อยู่ตลอดเวลา พรุ่งนี้เห็นพยากรณ์อากาศว่าลมจะอ่อนแรงกว่าวันนี้ ไว้ค่อยตัดสินใจหลังจากที่กินอาหารเช้ากันก็ละกัน
ฮังการี Forro – Pere 12 km.
เสาร์อาทิตย์นี้เป็นวันหยุดยาวของที่นี่ แต่เราสังเกตุว่าวันหยุดทำไมมีรถน้อยอย่างนี้ กรมอุตุฯ ที่นี่เขาคงเตือนประชากรของเขาแต่เนิ่น ๆ ว่าควรจะอยู่บ้านมากกว่าออกไปปั่นจักรยานท่องเที่ยว 😉
ตอนเช้าเสียงลมหวีดหวิวจางหายไป แต่หิมะกลับตกแบบไม่ยอมหยุด มันไม่ได่ตกแค่ในฮังการี แต่ทั่วยุโรป เห็นน้องชายโจคิมว่าเมื่อเช้าที่สวีเดน -17 องศา เที่ยงเราเช๊คเอ้าท์จากโรงแรมที่อยู่ติดถนนใหญ่ ที่ค่อนข้างน่าเบื่อ เตียงก็แข็ง เมื่อคืนเราเอาแผ่นรองนอนออกมาปูนอนบนเตียงอีกที ค่อยนิ่มขึ้นมาหน่อย
ภาพด้านบนเป็นโรงแรมติดถนนใหญ่ ส่วนด้านล่างถ่ายจากหน้าห้องที่เกสต์เฮาส์
แล้วย้ายมาอยู่เกสต์เฮาส์ที่ห่างออกไปประมาณ 12 กม.แต่เป็นเส้นทางที่เราจะปั่นต่อไป ต้องเลี้ยวเข้าถนนเส้นเล็กลง ทางเข้านั้นมีหิมะกองพะเนิน ทางที่เราปั่นเข้ามาดูท่าทางจะร่มรื่นถ้าเป็่นช่วงหน้าร้อน นสพ.ที่สวีเดนลงข่าวด้วยว่ามีพายุหิมะที่ฮังการีนี่ ว่าเกิดอุบัติเหตุบนทางหลวงสายระหว่างบูดาเปสต์กับเวียนนา ปิดถนนช่วงนั้นแทบทั้งวัน
เราคงจะติดอยู่ตรงนี้อีกวันหรืออาจจะสองวัน เห็นว่าน่าจะเป็นวันจันทร์อากาศถึงจะดีขึ้น แต่หวังว่าคงไม่ต้องรอนานขนาดนั้น ที่พักตรงนี้ก็น่ารักดี ถูกกว่า แต่ไม่มีอะไรให้ชมหรือถ้ามีเราก็ไม่อยากออกไปไหนอยู่แล้วนี่เนอะ ก็เลยอยากไปต่อมากกว่า ตอนที่เราเช๊คทางอินเตอร์เนต เขาว่ามีห้องเซาว์นา อบไอน้ำ นั่นเป็นเหตุผลหลักที่อยากย้ายมานี่ แต่… กำลังซ่อมแซม เซ็งเลย ลูกชายของเจ้าของที่พัก เขาเคยเป็นนักกีฬาฮ๊อคกี ให้กับประเทศแคนาดาด้วย เราเลยคุยกันสนุก และได้ข้อมูลมาว่า มีอยู่สามทางที่สามารถออกจากหมู่บ้านนี้ได้ ทางแรกคือทางที่เราเข้ามา ซึ่งไม่เป็นที่สนใจ เพราะเราไม่อยากปั่นย้อนและอ้อม แต่สภาพถนนน่าจะดีที่สุด และอีกสองทางที่ขนาดขับรถยังเป็นไปได้ยากเย็น สรุป พรุ่งนี้เราควรจะอยู่ต่ออีกคืนหนึ่ง
พักรอพายุหิมะที่ฮังการีที่เมือง Pere
เมื่อคืนเราตัดสินใจไม่ถูกว่าจะอยู่ต่อหรือจะไปต่อดี พายุเริ่มซาลงตั้งแต่เมื่อเย็นวานแล้ว เลยรอให้ถึงเช้าก่อน หลังจากทานข้าวเช้าแล้ว เราได้คุยกับชายหนุ่มที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เราเลยสามารถคุยกับเขาเรื่องอื่นได้ เช่นเขาเล่าให้ฟังว่าเคยไปเรียน, อยู่และเล่นฮ๊อคกี้ที่ประเทศแคนาดา แถมเรายังได้สอบถามเขาเกี่ยวกับเส้นทางที่จะปั่นต่อ เขาว่าทางก็ยังไม่ค่อยดี เลยแนะนำเราให้ลองเดินไปดูกันเอง เราออกเดินสำรวจเส้นทางเล็ก ๆ ที่เราจะปั่นในวันรุ่งขึ้น ซึ่งห่างจากที่พักประมาณ 1.5 กม. ได้เห็นสภาพถนนแล้ว ก็ลงความเห็นกันว่าพรุ่งนี้ไม่น่าจะมีปัญหา จริง ๆ วันนี้อากาศค่อนข้างดี ลมโชยอ่อน ๆ น่าปั่นมาก แต่ตอนนั้นเวลาเลยเที่ยงไปแล้ว กระเป๋าก็ยังไม่ได้แพ๊ค ถ้าเราปั่นก็จะได้ระยะทางที่สั้นเกิน คิดว่าเสียเวลาเปล่า นอนอยู่ตรงนี้อีกคืนแล้วเริ่มล้อหมุนตอนเช้าดีกว่า วันนี้แดดออกทั้งวันพรุ่งนี้หิมะน่าจะละลายหมดไป ทุกครั้งที่รถกวาดหิมะขับผ่านจะรู้สึกดีใจมาก เพราะหมายถึงว่าเขาไปปัดกวาดหิมะกัน ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้
ภาพข้างล่างเป็นวิวข้างทางตรงทางที่เราจะปั่นพรุ่งนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้เดินสำรวจเส้นทางจริงก่อนออกเดินทาง 🙂
กลับมาที่พัก เราเอาผ้าไปฝากเขาซัก เขียนเมลย์ถึงเพื่อน ๆ และเช็คข้อมูลระยะทางของเมืองถัดไป คืนนี้คงได้ดูหนังที่อุตส่าห์อัดใส่คอมพิวเตอร์มาด้วย ฉลองวันเสาร์กันหน่อย
จากเมืองนี้ไปทางโรมาเนียเป็นทางเขาขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นระยะทางประมาณ 800 กม. กว่าจะถึงบูคาเรสต์ เพื่อไปพบและพักอยู่กับพี่ภัท ซึ่งพี่ก้อย กุลยาแนะนำให้ติดต่อด้วย พี่ภัทเป็นอัครราชฑูตที่ปรึกษาประจำอยู่ที่บูคาเรสต์ ดีใจที่จะได้พบเจอพี่ภัท แต่การปั่นจักรยานก็ไม่สามารถคาดคะเนได้แน่นอนว่าเราจะถึงเมื่อไหร่ แต่หวังว่าจะไปถึงก่อนที่พี่ภัทจะมีแขกมาจากเมืองไทย พายุหิมะนี่มาทำให้เราเสียเวลาไป แต่ก็ยังโชคดีที่ไม่เกิดอุบัติเหตุแต่อย่างใด…
ฮังการี Pere – Nyiregyhaza 74.77 km.
เมื่อวันศุกร์เราย้ายออกจากโรงแรมน่าเบื่อติดถนนใหญ่ ไปอยู่ที่รีสอร์ตเล็ก ๆ ในหมู่บ้านเปเร่ รีสอร์ตนี้เป็นกิจการครอบครัวห้องเรียบง่ายแล้วยังแถมให้ความรู้สึกเหมือนอยู่รีสอร์ตที่เมืองไทย จากการตกแต่งภายในห้องและพัดลมเพดาน
เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม โดยเฉพาะเรื่องอาหาร โจคิมเลือกที่จะชิมกูลาช ซึ่งเป็นซุปเนื้อวัวใส่มันฝรั่งรสชาติเผ็ด ๆ เวชได้ชิมแล้วนึกถึงก๋วยเตี๋ยวบ้านเราเลย โจคิมยังใส่พริกเพิ่มเข้าไปอีก เพราะเขามีวางพริกแห้งไว้ให้ด้วย ส่วนเวชเลือกชี้สทอด คือเอาชี้สไปชุบแป้งแล้วทอด อร่อยมาก ยังมีอีกหลายจานที่ต้องลองชิม จานนี้มีทั้งหมูและชี้สทอด
เมื่อวานที่เราคุยกับหนุ่มน้อยที่พูดภาษาอังกฤษได้ เขาเคยบอกว่ามีอยู่จุดหนึ่งที่หิมะมันสูงมากเป็นหลายเมตร ขนาดรถกวาดหิมะยังไปติดอยู่ตรงนั้น เมื่อวานเราเดินไปไม่ถึงตรงนั้น แต่ที่ประมาณ 4 กม. เราก็ได้เห็นสิ่งที่เขาบอกเล่าแก่เรา
เราตั้งใจว่าจะปั่นกันสัก 9 โมงเช้าแต่ก็ออกสายอีกจนได้ ถนนช่วงเช้าดีขึ้นเยอะ แค่เฉพาะช่วงที่เป็นเนินที่จะเป็นน้ำแข็งหรือมีหิมะหลงเหลือมากหน่อย ทำให้เวชล้มกลิ้งไปหนึ่งตลบ ปั่นปัดไปปัดมาอยู่หลายครั้ง และบางจุดถนนเริ่มเสียเป็นหลุมเป็นบ่อ
วันนี้แดดเปรี้ยงทั้งวัน หน้าเริ่มดำ ดำแค่จากแว่นลงมาจะเหมือนเจ้าแรคคูนเข้าไปทุกที เลยลองวิธีนี้ดู ไม่ต้องทาครีมให้เหนียวเหนอะหนะด้วย 🙂
ทางที่เราปั่นเข้าเมืองนี้น่าเบื่อสุด ๆ ตรง ๆ ๆ และก็ตรงเกือบ 3 กม.ได้ พอเลี้ยวโค้งทีก็ตรงอีกละ แต่ยังดีที่ยังตามลม ถ้าปั่นอีกสัก 5 กม.ก็จะเข้าเมืองแต่เราเห็นจรวดนี่มาจอดอยู่ อืม..เกาะจรวดไปเลยดีกว่ามั้ยเนี่ยถึงเมืองไทยเร็วดี 😉
ฮังการี Nyiregyhaza – Border of Romania 65 km.
ปั่นออกมาได้หน่อยเราจอดเพื่อใส่แบตเตอรี่ที่แผ่นทำความร้อนที่รองเท้า แล้วหางตาเวชก็เห็นว่ามีรถมาจอด ก็คิดว่าคงจอดหน้าบ้านเขามั้ง แต่เขาลดกระจกลงและเดินมาถามว่า ”ทุกอย่างเรียบร้อยดีมั้ย?” น่าประทับใจมากกับการเป็นห่วงของเขา เราได้คุยกันนิดหน่อย เขาเล่าว่าเขาทั้งปั่นจักรยานและยังเป็นนักร้องเพลงร๊อคของวงดนตรีที่ฮังการีด้วย
ดีใจที่ได้เจอกับนักร้องคนนั้น แต่วันนี้ทั้งวันมันช่างน่าเบื่อจริง ๆ ทั้งอากาศที่เย็นแถมต้านลม, จราจรที่บางช่วงแน่นไปด้วยรถใหญ่ ๆ, วิวก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแทบจะตลอดเส้นทางและเส้นทางนี้เองที่ตรงเป็นกิโล ๆ ๆ ๆ จริง ๆ นะ มันตรงมาก ลองเช๊คที่ Daily map ได้เลยขอท้า 🙂 แต่พอปั่นมาได้หน่อยคืออีก 10 กม.จะถึงด่านเข้าประเทศโรมาเนีย เริ่มมีโค้งนิด ๆ หน่อย ๆ ก็มีเรื่องน่าแปลกใจคือ ธรรมชาติที่แปลกตา แรก ๆ เวชก็ก้มหน้าก้มตาปั่นตามโจคิมซึ่งเป็นรถใหญ่กันลมให้ “สุดยอด, มายดาลิ่ง” พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่า แทบจะตลอดทางเช่นกันที่ฝั่งซ้ายมือของถนนเริ่มเห็นหญ้าสีเขียว แต่ทางขวามือยังเป็นหิมะขาวโพลน คงเลือกไม่ยากว่าอยากอยู่ฝั่งไหนใช่มั้ยคะ?
เวลาประมาณบ่ายสองโมงกว่า เราผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของโรมาเนีย ได้คุยกับตม.นิดหน่อย และที่สำคัญคือถ่ายกับป้าย 🙂
Romanian border – Tasnad, 36 km.
สวัสดีตอนเช้าที่สายไปหนึ่งชม. เพราะเราต้องเลื่อนนาฬิกาไปข้างหน้า ตอนนี้หลังจากเปลี่ยนประเทศมาเรื่อย มาวันนี้ต้องเปลี่ยนเวลาด้วย เมื่อเช้าว่าจะออกแต่เช้ากลับกลายเป็นสายไปหนึ่งชม. ใช้ไม่ได้จริง ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ลองพยายามใหม่ ตั้งใจไว้ว่า 7 โมงเช้าล้อหมุน อีกวันหนึ่งที่น่าเบื่อ เส้นทางที่ปั่นไปก็ยังคงตรงสม่ำเสมอ วันนี้ีมีแถมลม ซึ่งพัดมาทุกทางยกเว้นทางข้างหลังเรา แรงเสียด้วยสิ โอ๊ะ…แถมอีกอย่าง ”ฝน” ตอนเช้ามองออกไปนอกหน้าต่างดูอากาศสงบอย่างที่เราหวังไว้ พอปั่นอยู่ได้สักพัก มาละค่ะ ลมก่อน แสกหน้ามาเลย ต่อไปอีกสักชม.หนึ่ง ฝนเริ่มตั้งเค้า เราก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นไรเพราะเราทวนลม เมฆฝนน่าจะถูกพัดไปข้างหลังเรา พอคราวนี้อยากให้ถนนมันตรงอย่างที่เราเบื่อ ๆ กัน เพื่อหลบฝน มันกลับโค้ง 🙁 โค้งไปโค้งมา แต่โค้งยังงัยก็ไม่เคยตามลม วันนี้เหมือนกับไม่ใช่วันของเรา ”อีกวันหนึ่ง” เพราะเมื่อวานก็ไม่ใช่ 🙁 เมื่อวานปั่นได้ 64 กม.วันนี้ได้ 36 กม. หวังว่าพรุ่งนี้น่าจะปั่นได้จำนวนระยะทางรวมกัน โอมเพี้ยง เมื่ออาทิตย์ที่แล้วโดนพายุหิมะ มาวันนี้โดนพายุฝนลมกระหน่ำ ปั่นกันมา 2 ชม.กว่ายังไม่ถึง 40 กม.เลยค่ะ
ตอนนี้อยู่เมืองทัสนาดประเทศโรมาเนียเป็นประเทศน่ารักนะ ตอนที่ปั่นเข้าประเทศมาก็เห็นป้ายให้ระวังรถม้า รถจักรยาน และรถสามล้อมั้ง ชักกล้องออกมาไม่ทัน ลองนึกภาพจินตนาการกันเอาเองละกันนะค่ะ 🙂 ตอนที่เห็นป้ายก็คิดว่ามันเป็นป้ายเก่ามั้ง แต่หาใช่ไม่ มีรถม้าออกมาวิ่งจริง ๆ ด้วยล่ะแต่วิ่งในเมืองเล็ก ๆ นะค่ะตามชนบท ปั่นมาได้อีกนิดนึง (อีกนิดจริง ๆ เพราะวันนี้ทำความเร็วไม่ได้เลย) เห็นว่ามีรถคันหนึ่งติดโคลนอยู่ข้างถนน โจคิมเข้าไปช่วยเขาเข็นขึ้นมา นักปั่นแข็งแรง เข็นรถยังไหว
ผ่านตรงทางรถไฟ ต้องจอดให้รถไฟผ่านไปก่อน รถไฟดูดีนะที่โรมาเนียนี่ เห็นสัญญลักษณ์แว่บ ๆ ว่าสามารถเอาจักรยานขึ้นได้ด้วย รอรถไฟให้ผ่านไปสักพัก ฝนก็เทกระหน่ำ รีบเอาเสื้อกันฝนออกมาใส่กัน แล้วก็ปั่นจ้ำเอาจ้ำเอาเห็นปั้มปุ๊บเลยขอหลบฝนตรงนั้น เปียกเป็นหมาตกน้ำ อีกแล้ว !!! เรามาถึงเมืองทัสนาด (Tasnad) ดูจากแผนที่แล้วไม่น่าจะมีเมืองอีกภายใน 10 กม.ข้างหน้า เราเลยมองหาที่พักกัน วันนี้ไปไม่ถึงไหนอีกแล้ว !!! แต่มื้อเย็นเราน่าทานมั้ยคะ?
โรมาเนีย Tasnad -> Cluj-Napoca 147 km. :-O
เราสายไป 20 นาที โอเคอ่ะนะ จริง ๆ ตั้งใจว่าล้อหมุน 7 โมงเช้า ที่โรงแรมเข้ามีอาหารเช้าให้แต่เราขอแพ๊คเอาไปด้วย เขาก็ทำให้นะ เป็นแซนวิชไก่ทอด อันมหึมา ปั่นไปประมาณ 20 กม.แวะกินกันแต่ได้แค่ครึ่งหนึ่ง เพราะมันใหญ่และเริ่มหนาวด้วย เลยปั่นต่อ สักประมาณ 10 โมงเช้าปั่นมาถึงปั้มน้ำมันเข้าร้านกาแฟ ดื่มคาปูฯ กาแฟถ้วยแรกของวันนี้ ชื่นใจจริง ๆ และที่ร้านนี้เองบรรยากาศเขาเหมือนปั้มบ้านเราเลย
ออกจากเมืองทัชนาดถึงเมืองซาเล่า (Zalau) ค่อนข้างเรียบปั่นสบาย ๆ มีเนินบ้าง แต่วันนี้ปั่นอย่างมีความสุข ถึงแม้ว่าจะต้องปั่นขึ้นเขากัน ทางโค้งไปโค้งมา มีวิวสลับเปลี่่ยนไปมา ปีนขึ้นและปล่อยไหลลง สนุกค่ะ เราแวะพักกินแซนวิชอีกครึ่งหนึ่งที่ปั้มที่เมืองซาเล่า และเลยถามข้อมูลที่พักกับชายหนุ่ม 2 คนซึ่งดูท่าทางน่าจะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เขาว่าที่พักหาไม่ยากตามทางที่เราจะปั่นไป แต่เขาบอกว่าหลังจากเมืองซาเล่านี้จะต้องปั่นขึ้นเขาสูงมาก และเขาไม่เคยเห็นใครปั่นจักรยานข้ามเขานั้นมาก่อน ถ้าเขาอ่านบล๊อคของเราเขาคงคิดว่าไอ่สองคนนี้ไม่ธรรมดา 😉 เพราะอีกอย่างเขาคิดว่าวันนี้เราไม่น่าจะมาถึงเมืองนี้คลูช-นาโปคา (Cluj-Napoca) แต่เราทำได้ สุด ๆ วันนี้ปั่นกันมา 147 กม.ไต่ขึ้นเขาชันรวม 1126 เมตร ลองดูภาพเปรียบเทียบนะค่ะ
ตอนปั่นขึ้นเขา ปั่นไปก็นึกถึงตอนปั่นที่ปายมากเลย แต่ที่ปายน่าจะชันกว่าเยอะ ที่นี่สูงแต่ทางลาดยาวทำให้เราไม่เหนื่อย ค่อย ๆ ไต่ขึ้นไป
วันนี้อากาศดีมาก มีช่วงหนึ่งที่ตีนเขาเราต้องถอดเสื้อแจ๊กเกตออก เพราะเริ่มร้อน เป็นครั้งแรกที่ได้ใส่่แต่เสื้อปั่นจักรยานตัวเดียว และเสื้อสะท้อนแสง แดดออกทั้งวัน ทาครีมกันแดดตั้ง 3-4 รอบแถมเอาผ้าปิดหน้าด้วย แต่พอมาถึงที่พักหน้ายังดำเลย กว่าจะถึงเมืองไทย เพื่อน ๆ จำเราไม่ได้แน่ 🙁
เราใช้เวลาไต่ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดประมาณ 35-40 นาที หลังจากนั้นก็ปล่อยลง มันส์มาก แต่ไม่ลืมที่จะเบรค ๆ บ้างค่ะ วันนี้อากาศดี ทางลาดลงเรื่อย ๆ ขึ้นเนินบ้างเล็กน้อย จนบางครั้งรู้สึกว่าถ้าต้องปั่นกลับทางเดิมน่าจะหนักเอาการ แค่วันนี้ก็หนักแล้ว ขาแข็งไปหมด เราเจอที่พักที่ชายหนุ่ม 2 คนนั้นบอกไว้ แต่รู้สึกว่ามันยังเร็วเกินไปที่จะหยุดปั่น เราจึงทนปั่นกันอีกหน่อยเพื่อให้ใกล้เมืองมากที่สุด แต่แล้วก็มีปัญหาเรื่องที่พัก ที่แรกที่เราเข้าไปติดต่อเต็ม ที่สองเขาให้เช่าเป็นรายเดือน ที่สามปิด นี่เป็นครั้งแรกที่มีปัญหาเกี่ยวกับการหาที่พัก พอเจอที่ที่สี่ มีห้องก็เอาเลย เฮ้อ…ตอนนี้อยากจะลงไปแช่น้ำร้อนในอ่าง เสียดายที่โรงแรมไม่มีอ่างเพราะมีแค่สองดาว 😉
โรมาเนีย Cluj-Napoca -> Turda 33 km.
เมื่อเช้าเราตื่นสายหน่อย เพราะล้าจากการปั่นเมื่อวานเกือบ 150 กม. นอนแทบไม่หลับ ขยับตัวทีก็รู้สึกเมื่อยที วันนี้ต้องนอนเร็วหน่อย เราออกจากที่พักประมาณ 11 โมงกว่า ๆ ไหน ๆ สายแล้วและจะต้องปั่นผ่านตัวเมืองก็เลยปั่นชมเมืองเสียรอบนึง แวะชมสถาปัตยกรรมเขาหน่อย ดูขรึมและใหญ่โตดี
พอออกจากเมืองเพียงแค่เลี้ยวเข้าถนนใหญ่ก็ต้องปั่นขึ้นเขาแล้ว ปั่นที่โรมาเนียแล้วทำให้นึกถึงตอนไปปั่นรอบปาย-เชียงใหม่เมื่อ 2 ปีก่อน แต่ที่นี่เหมือนปั่นวนไปวนมาวันละรอบ 🙂 ชอบชมวิวจากที่สูงเห็นเมืองลิบ ๆ ช่วงเข้าโค้งแล้วเห็นหลังคาหรือจมูกรถทิ่มลงมาก่อนแล้วหมดแรงเหมือนกัน ภูเขาที่นี่สูงแต่เขาทำทางให้ขึ้นง่าย มีรถหลายคันกดแตรให้กำลังใจ และยกนิ้วให้เราหลายคันเหมือนกัน วันนี้รู้สึกขาจะแข็ง ๆ ยังงัยอยู่ อาจจะเป็นเพราะปั่นกันโหดไปหน่อยเมื่อวานนี้
เราเลือกเส้นทางผิดไปหน่อยแทนที่จะปั่นถนนเส้นชนบทดันไปปั่นอยู่บนถนนใหญ่ จราจรคับคั่งมาก สงสัยว่าจะเป็นเส้นที่นำไปสู่ทางใต้ของโรมาเนีย บางทีรถใหญ่สองคันแซงกันมา ห่างจากเราแค่เมตรเดียว เสียวไส้ ต้องหยุดพักสมองที่กดดันและตึงเครียดบ้าง นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่อยากหยุดพักแรม เหตุผลแรกคือล้าจากเมื่อวาน เราทำเป็นกิจวัตรอย่างนี้ค่ะ ถ้าวันไหนเราเลิกปั่นแต่หัววัน เราจะใช้เวลานั้นในการทำความสะอาดจักรยาน โดยเฉพาะชุดขับเคลื่อน โซ่
วันนี้เป็นวันแรกที่ไม่ได้เช๊คอากาศก่อนออกจากที่พัก แต่พอเราเอาจักรยานออกมาข้างนอก ก็รู้สึกว่าอากาศค่อนข้างดี แต่ไม่รู้ว่าฝนกำลังจะมา แต่ตกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สรุปว่าวันนี้เราปั่นกันแค่ 33 กม. ก็ยังดีออกมาได้หน่อย เก็บระยะทางไปเรื่อย ๆ 🙂 หลังจากล้างโซ่ และทำธุระอื่น ๆ แล้ว เราก็ออกไปเดินในเมืองกัน ซื้อพิซซ่าสไลซ์มากินที่ห้องและก็เช๊คแผนที่และเส้นทางสำหรับวันพรุ่งนี้
โรมาเนีย Turda -> Medias 88 กม.
เราเริ่มปั่นออกจากสวีเดนเมื่อางเดือนกพ.และปั่นผ่านเมืองต่าง ๆ ในสวีเดนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ และเย็นไปเกือบตลอดทาง จนเข้าโปแลนด์ก็ยังเย็นอยู่อีก 2-3 วัน ช่วงกลาง ๆ ของโปแลนด์เรายังได้มีโอกาสทักทายกับพระอาทิตย์บ้างชั่วครั้งชั่วคราว แต่พอผ่านเข้าสโลวาเกียและฮังการีเราก็เจอกับพายุหิมะ กลับเข้าสู่หน้าหนาวอีกเป็นครั้งที่สอง และประเทศโรมาเนียนี่ก็ใช่ย่อย ต้านลม ฝนตก ทางน่าเบื่อ แต่เมื่อสองวันก่อน วันที่เราขึ้นเขาชันมาก ๆ นั่น อากาศดีมาก 15 องศา แต่พอผ่านไปสองวันอากาศเปลี่ยนอีกกลายเป็นพายุหิมะเล็ก ๆ เราเห็นที่พยากรณ์อากาศ เขาว่าหิมะจะตก แต่ไม่ได้บอกว่าจะมากขนาดนี้ อีกแล้วไว้ใจไม่ได้อีกแล้ว
จุดหมายแรกของเราคือเมืองเมดิแอช (Medias) 88 กม. เราเช๊คแล้วว่ามีโรงแรมอยู่ก่อนเมืองนี้ คิดว่าอาจจะไปพักตรงนั้นก่อน เพราะฝนเริ่มตก แวะเข้าไปถามเด็กปั้ม เขาบอกว่ามีโรงแรมเล็ก ๆ อยู่บนยอดเขา เราเลยคิดว่าน่าจะปั่นไปอีกหน่อยให้ได้ระยะทาง วันรุ่งขึ้นจะได้ปั่นลงอย่างเดียว อ้าว…โรงแรมปิดก็ต้องปั่นต่อไป และทางที่เราปั่นไปทุลักทุเลมาก ขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อทั่วไป แต่มีข้อดีตรงที่ว่าไม่ค่อยมีรถ เพราะเขาอาจจะรู้ดีว่าถนนเป็นอย่างไร ยาวเกือบ 6 กม. กระเด้งกระดอนกันจนมึน
พอถึงทางขึ้นเขา หิมะเริ่มตกเยอะขึ้นเรื่อย ๆ อุณหภูมิอยู่ที่ 2 องศา เหงื่อแตกได้เหมือนกันตอนปั่นขึ้น เราปั่นจักรยานขึ้นไปตามรอยล้อของรถใหญ่ แต่ถนนเริ่มเป็นน้ำแข็งบ้างก็ทำให้ปั่นยากขึ้น แต่เราสามารถขึ้นได้แต่พวกรถยนต์สิติดค้างอยู่ข้างล่าง ทำให้ถนนนี้เป็นของเราไปชั่วขณะ เวลามีรถมาเราก็จะหลบให้เขาไปกันก่อน มีช่วงหนึ่งเวชเห็นบ้านร้างบนภูเขา ตอนนั้นคิดว่าถ้าไปไม่ได้ยังงัยสงสัยคงต้องค้างตรงนั้น แต่ว่าเราไม่มีเสบียงเลย ทำให้ตัดสินใจปั่นต่อไป เพราะตอนนั้นอีกไม่ถึง 10 กม.ก็จะถึงเมืองเมดิแอช ปั่นขึ้นก็ยากเพราะหิมะหนา ปั่นลงยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก เพราะเบรคไม่ได้ช่วยอะไรมาก อาจทำให้ลื่นได้อีกตังหาก โจคิมต้องใข้ขาช่วยเบรค เพราะเบรคเขามีปัญหา พวกรถยนต์มีปัญหาตรงที่ขึ้นไม่ได้ เพราะเขาไม่มีล้อสำหรับอากาศแบบนี้ แต่เรามีปัญหาคือกลัวว่าจะมืดเสียก่อน มีช่วงหนึ่งมีตำรวจยืนอยู่กับรถสิบล้อที่ติดหิมะอยู่ ตำรวจเดินมาที่เรา ตอนแรกเราก็นึกว่าเขาจะว่าที่เราปั่นจักรยานขึ้นไป แต่เขาบอกว่าให้เราเดินกับจักรยานข้างถนนไป จ้า..โอเคไม่มีปัญหา พอพ้นโค้งลับสายตาตำรวจเราก็โดดขึ้นจักรยานแล้วไหลลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งเข้าเมืองอย่างมอมแมมไปด้วยหิมะ กระเป๋าจักรยานกลายเป็นสีขาวเพราะถูกคลุมด้วยหิมะเช่นกัน
วันนั้นเป็นวันศุกร์ เราเห็นป้ายบอกชื่อโรงแรม แต่ข้างล่างป้ายนั้นก็เห็นว่ามีกลุ่มคนมากมายกำลังเดินออกมาคาดว่าน่าจะมีปาร์ตี้กัน วันศุกร์นี้เนอะ ไม่มีใครออกมาปั่นจักรยานแบบเราหรอก โจคิมเข้าไปเช็คที่โรงแรม เขามีห้องว่างและห้องเก็บจักรยานด้วย เราปัดหิมะออกจากกระเป๋าทั้ง 8 ใบ ที่นี่เป็นโรงแรมที่ดัดแปลงซ่อมแซมใหม่ เขายังคงเก็บรายละเอียดไว้ให้เห็นว่าเป็นบ้านสมัยเก่า
หวังว่าหน้าหนาวคงจะหมดเร็ว ๆ นี้ก่อนที่พวกเราจะหมดความอดทนกับการรอฤดูใบไม้ผลิซึ่งควรจะมาตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว
โรมาเนีย Mediaș -> Sibiu -> Râmnicu Vâlcea
เมื่อคืนเราซื้อขนมปังและชี้สเป็นก้อนมาเป็นอาหารเช้า พอทานกันเรียบร้อยแล้ว ก็ออกทัวร์ในเมืองซีบิวก่อน พอปั่นไปถึงใจกลางเมืองก็มีนักท่องเที่ยวจากอิสราเอลมาขอถ่ายรูปเรา
สองวันก่อนที่ปั่นจากตูรด้า (Turda) ไปเมดิแอช (Medias) มีพายุหิมะระหว่างทาง (เดี๋ยวจะเอาวีดีโอมาแปะให้ดูกันนะ) แต่วันนี้หิมะละลายหายไปหมดไม่มีวี่แววว่ามันเคยเกิดขึ้น นี่ถ้าเราไปเล่าให้ใครฟัง ไม่รู้ว่าเขาจะเชื่อเรามั้ย? เพราะมันช่างแตกต่าง วันนี้ปั่นสบายตามลมตามน้ำ สวยมากเขาสูง ๆ ยังมีหิมะอยู่ที่ยอด แต่แดดไม่ค่อยมี รูปเลยออกมาไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ มีเครียดบ้างกับจราจร เพราะรถใหญ่เยอะมาก มาแค่คันเดียวก็ยังพอไหว แต่ถ้ามาเป็นขบวนหลาย ๆ คันก็ทั้งหลบและจอดข้างทาง เพราะกลัวพี่เขาจะเบียดตกข้างทาง อีกอย่างทางมันเลี้ยวไปเลี้ยวมาด้วย ถ้าไม่มีรถบรรทุกใหญ่ ๆ คงจะปั่นได้สนุกกว่านี้ ภาพวิวจากข้างทางค่ะ
ระหว่างทางมีขายน้ำขายผลไม้และชี้สเนยแข็ง
เห็นร้านนี้และอีกหลาย ๆ ร้านริมทางแล้วให้นึกถึงเมืองไทยจัง
เรามาถึงทางแยกซึ่งรถใหญ่และรถเล็กจะไปกันคนละทาง เลยขอจอดที่ปั้มเพื่อพักนิดหน่อยก่อนลุยต่อ เราผลัดกันไปเข้าห้องน้ำ ผลัดกันเฝ้าจักรยาน ตอนที่เรากางแผนที่ออกมาดู ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งสนใจ เข้ามาถามและคุยกับเรา ไป ๆ มา ๆ เขาเริ่มมีความคิดที่จะลายาวแบบเราบ้างละ เขาว่าถ้าเราทำได้เขาน่าจะทำได้เช่นกัน ดีใจที่สามารถจุดประกายให้กับเพื่อนใหม่ หลังจากนั้นเราแยกทางกัน ลมก็เริ่มไม่เป็นใจ เหลืออีกตั้ง 20 กม.กว่าจะถึงเมืองที่เราตั้งใจหยุด เราผ่านเมืองเล็ก ๆ รายทาง เห็นว่ามีโรงแรมใหญ่ ๆ ที่พักมากมาย แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นเมืองท่องเที่ยวช่วงหน้าร้อนเสียมากกว่า ช่วงแรกไม่มีรถใหญ่ ๆ เลย เหมือนทางมันมาบรรจบกันละมัง รถบรรทุกเริ่มมาใช้ถนนเส้นเดียวกับเราอีกรอบ ไม่เป็นไรถึงตอนนี้อีก 10 กม.เท่านั้น ในที่สุดก็มาถึงเมือง Râmnicu Vâlcea เหมือนได้ยินเขาออกเสียงว่า ”รามนิคุ วาลเซีย”
โรมาเนีย Râmnicu Vâlcea -> Pitești -> Calinesti
เมื่อวานตอนเช๊คอินเข้าที่พัก พนักงานบอกว่ารวมอาหารเช้าคนละอีก 10 RON แต่เมื่อเช้า เราได้ ขนมปัง ไข่เจียว แฮมและชี้ส จบ ตอนแรกก็คิดว่าเดี๋ยวคงจะมาเสิร์ฟกาแฟ เปล่าอ่ะ…แต่กลับบอกว่าเราต้องจ่ายเพิ่มสำหรับกาแฟ งง มันไม่แม้แต่จะเสิร์ฟน้ำให้ด้วยซ้ำ โฮ่..เซ็ง ออกมาโวยที่รีเซบชั่นเลย มันไม่น่าเป็นโรงแรมสามดาวเลย ดาวเดียวยังคิดแล้วคิดอีก
วันนี้เราต้องปั่นขึ้นเขา รู้สึกว่าคำว่า “ขึ้นเขา” นี่เขียนได้ทุกวันเลย ปั่นขึ้นก็ร้อน ไหลลงก็หนาว ขนาดต้องจอดเอาเสื้ออีกตัวมาใส่ วันนี้ปั่นขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่บนภูเขาลูกนี้ลูกเดียว อากาศเย็นมากไม่มีแดดอีกตามเคย พอลงมาถึงทางเรียบก็เจอพระพายมาคอยต้อนรับด้านหน้าเลยค่ะ ตอนแรกคิดว่าจะปั่นเลยไปจากตรงที่พักอยู่นี่อีก 20 กม. แต่ผิดคาดไปหน่อย เพราะอากาศที่หนาว เราเลยต้องแวะปั้มบ่อย เติมพลังงานและหาไออุ่น เสียเวลาไป แต่ไม่ไหว มือเท้าเย็นไปหมด มีช่วงหนึ่งของถนนเส้นนี้น่าจะเป็นจุดที่ราบที่สุดละมั้ง มีร้านค้ามากมาย โดยเฉพาะร้านอาหาร เห็นเขาขายอะไรย่าง ๆ ด้วย นึกถึงไก่ย่างบ้านเรา 🙂
ขึ้นเขาไม่น่าเบื่อนะ เบื่อรถเยอะ โดยเฉพาะรถใหญ่ ๆ เบื่อถนนแคบ ๆ ขอบถนนลึก ๆ เบื่อหมาที่วิ่งไล่ตามแถมเห่า หมาสาธารณะเยอะมาก หมาเป็นแผ่นอยู่กลางถนนก็เยอะ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด แรก ๆ เวชก็ตกใจตื่นเต้นตอนมันวิ่งไล่ หลัง ๆ มาเริ่มชิน เอ้า…วิ่งตามมา ตามให้ทันนะ ทั้งวิ่งทั้งเห่า ท่าทางมันคงไม่ไหวกัน อยากรู้ว่ามีวิธีไหนที่ทำให้มันตกใจได้บ้างน๊า
โรมาเนีย Calinesti -> Bucharest
เราคิดว่ายังมีเวลาอีกนิดหน่อย ลองสอบถามคนแถวนั้นดูว่าถ้าออกไปอีกหน่อยเนี่ยจะมีที่พักมั้ย? ภาษามือไปเรื่อย ก็ตกลงว่ามีแต่อีก 10 กม. ไม่เป็นไร ขอให้ได้ระยะทางอีกหน่อยก็ยังดี เพราะวันรุ่งขึ้นจะได้ใกล้บูคาเรสต์เข้ามาอีก ปั่นไปก็มองหาไปป้ายที่พักไปเรื่อยจนกระทั่งเจอ Pensiunea Kometa 2 ดาว จอดตรงนี้แหละ เช็คอินเรียบร้อย ทำธุระแล้วเราก็ลงมาทานอาหารเย็นกัน และวันนี้นี่เองที่เรารู้จักอีกด้านหนึ่งของโรมาเนีย คือ สถานที่นี้เป็นแหล่งบันเทิงของเหล่าคุณผู้ชายทั้งหลาย และครั้งแรกของพวกเราที่ถูกโกงซึ่ง ๆ หน้าถึงสองครั้ง ครั้งแรกคือมื้อเย็น หล่อนสาวเสริฟทอนเงินแบบปัดเศษ โดยที่ไม่พูดอะไร ตอนนั้นยังงง ๆ อยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ลองนั่งรอ แต่ไม่เห็นวี่แววว่าหล่อนจะเดินกลับมา เหนื่อยละเลยขี้เกียจโว้งเว้งด้วย ครั้งที่สอง มื้อกลางวันระหว่างทางมาบูคาเรสต์ ร้านก็ดูดี เอาเมนูมาให้ดู ส่วนใหญ่จะชอบดูราคาของอาหารก่อนสั่ง เพราะไม่อยากสุรุ่ยสุร่ายนัก พอเรียกเช๊คบิล เห็นบิลแล้วเกิดอาการ เรียกมันกลับมาและเอาเมนูมาด้วย ราคาอะไรจาก 14 RON เป็น 20 RON จาก 12 RON เป็น 18 RON
ตอนแรกคิดว่าจะพักที่เมืองนี้ Tito แต่มาโดนไอ่ร้านนี้มาโกงซึ่ง ๆ หน้าก็เลยหมั่นไส้ อีกอย่างเรายังมีเวลาอีกหลายชม.ที่สามารถปั่นได้และเมืองนี้ถ้าหยุดเร็วก็ไม่มีอะไรให้ดูเพราะเป็นเมืองเล็ก ๆ เลยฮึดปั่นต่อไป ลมก็ยังพัดสะบัดตามเดิม มีอยู่หลายช่วงที่สองข้างทางเป็นทุ่งนา กว้างจรดสุดลูกหูลูกตา ลมก็ยิ่งพัดสนั่นหวั่นไหว มาข้าง ๆ บ้าง ด้านหน้าบ้าง บางทีมาแบบวูบแรง ๆ ต้องเอียงตัวต้านไว้ คนที่ปั่นด้านหลังต้องคอยมองว่ามีรถใหญ่มั้ย ถ้ามี ไม่ใช่ว่าให้บอก แต่ต้องตะโกนเพราะลมแรง ขนาดเวชตะโกน โจคิมยังไม่ได้ยินเลย เวชเลยขอปั่นข้างหน้าละกัน กันลมให้ เหนื่อยค่ะ ไม่ว่าจะปั่นข้างหน้าหรือข้างหลัง เรายังมีโชคอยู่บ้างเพราะทางการของที่นี่เขาเตือนประชาชนเขาว่าไม่ควรออกมาข้างนอก แต่นักปั่นอย่างเรารึ! ไม่ใช่ไม่ฟังแต่ฟังไม่ออกค่ะ 😉 ได้ข่าวจากพี่ภัทว่าเขาประกาศปิดโรงเรียนที่บูคาเรสต์ และข่าวอีกทางจากพนักงานที่โมเต็ลว่าเขาปิดถนนไฮเวย์ด้วย ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าพนักงานคนนี้รู้แน่หรือเปล่า แต่อย่างไรนี่เป็นโชคดีของเราคือรถไม่มากเหมือนปกติ ทำให้ปั่นได้สบายขึ้นมาหน่อยถึงแม้ลมจะแรง แต่ก็ยังต้องคอยมองจราจรด้านหลังเราอยู่ดีหิมะตามท้องถนนเริ่มละลาย และทุกครั้งที่มีรถแซงเราไปก็จะสาดหิมะเปียก ๆ ใส่เรา ทำให้รองเท้าเปียกและเย็น รู้สึกว่าเราจะหยุดทุก ๆ 10 กม. วันนี้น่าจะเป็นสถิติที่เราแวะปั้มบ่อยที่สุด ที่แรกคิดว่าน่าจะนานที่สุด เพราะมีลูกค้าแถวนั้นมานั่งคุยเล่นกันอยู่ ปั้มแถวนี้เป็นปั้มเล็ก ๆ ไม่ได้มีสาขาที่ไหน ดูเหมือนว่าถ้าใครตกงานก็จะไปเปิดปั้มน้ำมันกัน
ปั่นมาได้ 70 กม.เรามาถึงเมือง ๆ หนึ่ง แต่ดูท่าทางแล้วคงไม่มีที่พักแน่นอน เช๊คจากจีพีเอส ก็ปรากฎว่าอีกเกือบ 8 กม. ถ้าไม่ไหวแล้วจะไปนอนที่ไหนก็เลยจำเป็นต้องไหว เริ่มปั่นต่อ ระหว่างทางที่ปั่นลมก็เริ่มผ่อนลง ไหล่ทางก็เริ่มกว้างขึ้น คือเราไม่ต้องตะโกน เพราะรู้แน่นอนว่ารถเยอะ ตอนที่ปั่นอยู่ก็คิดว่าเมื่อไหร่จะถึง แต่พอปั่นกำลังมันส์เครื่องร้อนเข้าที่ โจคิมทำสัญญาณบอกให้หยุด อ้าว..ถึงแล้วหรือ??? และขณะนั้นไมล์แสดงบนหน้าจอว่าเราปั่นมารวมแล้ว 80 กม.นิด ๆ ส่วนบูคาเรสต์อีก 20 กม.ถ้าเป็นเพื่อน ๆ อยากจะอยู่ที่โรงแรมนี้หรือจะปั่นต่ออีกสัก 1 ชม.แล้วก็ถึงเลย…อากาศมันมาลวงเวชมั้ง เพราะลม หิมะเปียก ๆ มันเริ่มซาลง เอาก็
เอา..ฮึดอีกนึด เลยส่งข้อความไปหาพี่ภัทว่าจะพยายามเข้าบูคาเรสต์เย็นนี้เลย ตอนนั้นเวลา 17:30 น. แต่พอพ้นเขตที่มีต้นไม้
ทั้งสองข้างทาง ก็เปิดโล่งอีกแล้ว ลมพัดสะบัดอีกรอบ กลับไปอยู่ในสถานการณ์เหมือนช่วงแรกอีก คือต้องตะโกนเตือนกันเรื่องรถ โชคยังดีที่เป็นช่วงสั้น ๆ เวชไม่มองไมล์วัดระยะทางเลย เพราะยิ่งมองยิ่งหมดกำลังใจ มันเพิ่มช้ามาก เลยตะบี้ตะบันปั่นตามหลังโจคิมมาเรื่อย ในที่สุดก็เข้าเมือง รถเยอะมาก เป็นธรรมดาของเมืองหลวงและก็มาจอดอยู่หน้าประตูที่พักของพี่ภัท พวกเราล้างรถจักรยานที่
หน้าตึกก่อน เพราะไม่อย่างนั้นบ้านพี่ภัทมีหวังเลอะเทอะหมดแน่ เวชขึ้นไปหาพี่ภัทก่อนและแบกกระป๋องและกะละมังที่เต็มไปด้วยน้ำอุ่นลงไปเพื่อล้างจักรยานและกระเป๋าจักรยานทั้ง 8 ใบจนเกือบจะสะอาดกว่าตอนที่เราปั่นออกจากบ้านเสียอีก และตอนนี้จักรยานของ
เราจอดอยู่ที่ระเบียงตรงห้องที่เรานอนพัก ซึ่งรู้สึกดีเพราะไม่ทำให้เกะกะภายในห้อง เดี๋ยวเราจะหาที่แอบกระเป๋าทั้ง 8 ใบ น่าจะหลัง
โซฟาท่าจะดี
หลังจากที่ชิมอาหารโรมาเนียมาตลอดทาง เย็นนี้พี่ภัททำปอเปี๊ยะสดและข้าวไข่เจียวให้กิน แค่นี้ก็หรูสุด ๆ ให้บรรยากาศไทย ๆ มาก ยังรู้สึกดีใจที่ตัดสินใจปั่นเข้าบูคาเรสต์วันนี้
We will take a break เราจะหยุดพักช่วงสั้น ๆ
เมื่อวันที่ 16 กพ.เราเริ่มปั่นออกจากบ้านที่โกเธนเบิร์ก และถึงแม้ว่าช่วงแรกนี้อากาศจะไม่ค่อยอำนวย
แก่เราเท่าไหร่แต่เราก็ยังสนุกกับการเดินทางนี้อยู่ ได้พบเพื่อนใหม่ที่น่ารักมากมาย และจะกลับมาปั่น
ระยะทางที่เหลืออีก 13,000 กม.ต่อ
ตอนที่เราวางแผนที่จะปั่นจักรยานท่องเที่ยว เคยคิดว่าจะกลับบ้านช่วงอีสเตอร์ ตอนนี้เราตัดสินใจว่าจะ
บินกลับสวีเดนพรุ่งนี้วันที่ 29 มีนาคมและจะกลับมาที่บูคาเรสต์อีกครั้งวันที่ 9 เมษายนและจะเริ่มเดิน
ทางมุ่งไปกรุงเทพฯ ช่วงเวลา 9 วันที่เราหยุดนี้ จักรยานเราจอดอยู่ในที่ปลอดภัยที่บ้านพี่ภัทที่เรามาพัก
อยู่ด้วยที่บูคาเรสต์
ที่สวีเดนเราจะเขียนสรุปทริป เพิ่มรูปถ่ายและอื่น ๆ ที่บล๊อค เข้ามาติดตามพวกเราต่อนะค่ะ
โรมาเนีย – บูคาเรสต์
ขณะที่นั่งเขียนบล๊อคนี้เวชอยู่ที่บ้านแม่โจคิมค่ะ ไม่ได้เข้ามาเยื่ยมเยืยนมาเกือบอาทิตย์ วันนี้เลยอยากเอารูปที่ไปเดินเที่ยวในเมืองบูคาเรสต์มาให้ชมกัน พี่ภัทที่น่ารักต้อนรับเราอย่างดี
ทำอาหารให้ทานทุกมื้อ รวมทั้งผัดเห็ดหมื่นปีที่ขึ้นชื่อลือชาจากแขกชุดที่แล้ว และขาหมูที่กรอบนอกนุ่มใน
ส่วนข้างล่างนี่เป็นภาพเก็บตกจากการออกไปชมพิพิธภัณฑ์และเดินเล่นในเมืองค่ะ