จีน => พัก 1 วันท่ี Korla (โคร์ลา) ต่อไป Yanqi (หยางจี๊)

ตื่นเช้าปั่นไปได้นิดหน่อยแค่ 400 เมตรมั้ง ยางโจคิมแบน ฉลองวันใหม่ด้วยการปะยางเลย โจคิมอารมณ์เสียแต่เช้า 🙁 ป่ันกันมากำลังเหนื่อย ๆ กำลังจะหมดแรงและหมดกำลังใจว่าจะมีท่ีพักหรือเปล่า ก็มาเจอที่จอดรถมีร้านอาหารพอดี เหมือนเคย!! ทุกร้านมีแต่รัคมาน (อาหาร “ประจำชาติ” ของคนอูกูร) ดีกว่าไม่มีอะไรกินเนาะ เส้นเขาอร่อยนะ ทำเองสด ๆ ไม่เคยเห็นมีขายที่ไหน ว่าจะลองขอซื้อเขามาสักหน่อยชักเบื่อกินเส้นมาม่าละ เราหาซื้อเส้นสปาเก็ตตี้ไม่ได้เลยทุกร้านมีแต่มาม่า แต่ท่ีนี่มาม่าห่อใหญ่กว่าบ้านเราเยอะนะ พอกินกันเสร็จจะจ่ายตังค์ โจคิมหันไปจะหยอดน้ำมันท่ีโซ่ ปรากฎว่ายางแบนอีกแล้ว สงสัยแบนตอนท่ีเลี้ยวเข้าร้าน เพราะแถวนั้นมีร้านซ่อมเปลี่ยนยางให้รถใหญ่ อย่างท่ีเคยบอกไว้เมื่อคราวท่ีแล้วว่าบนถนนไฮเวย์มักจะมีเศษเส้นลวดท่ีกระจายออกมาจากล้อของรถใหญ่ท่ีระเบิด ไว้เอารูปมาแปะให้ดูกันค่ะ ดีท่ีมาแบนตรงท่ีเรานั่งอยู่แล้ว ร่ม ๆ ปะ ๆ อยู่มีเด็กมานั่งมองนั่งเล่นหมุนล้อจักรยานเล่น

ปั่นมาได้ 21 กม. เวชสังเกตุว่าทำไมล้อหลังดูเหมือนไม่มีลม เลยหยุดเพื่อจะสูบลม แต่สูบยังงัยก็ไม่เห็นเต็มสักที อ้าว…แบนเหมือนกัน เอ้า…หยุด ปะ เสร็จแล้วก็ปั่น ปั่นไปได้ 99 กม. ล้อเวชแบนอีก เจอ 3 รู ไปซ่อมท่ีอุโมงค์ใต้ถนน เลยถือโอกาสเอาแคนตาลูปของลุงท่ีให้มาเมื่อวานมากินกันให้หายโมโห หลังจากนั้นเราเริ่มระวังมากขึ้น เพราะไม่อย่างนั้นไปไม่ถึงไหนแน่วันนี้ มัวแต่หยุด ๆ ปะ ๆ อยู่นี่ แต่อีกสักพักยางโจคิมดูแบน ๆ จนได้ เลยสูบลมเข้าไปก่อน แล้วรีบปั่นเข้าเมืองโคร์ลา

ปะกันเป็นว่าเล่น ไม่สนุกเลย

ปะกันเป็นว่าเล่น ไม่สนุกเลย

ทางเข้าเมืองโคร์ลาดูไม่ออกเลยว่าจะเป็นเมืองใหญ่ขนาดนี้ เพราะมันใหญ่พอ ๆ กับเมืองโกเธนเบิร์กที่เป็นเมืองที่สองของสวีเดน ก่อนจะถึงโรงแรมเราคอยมองหาร้านจักรยาน เห็นร้านไจแอนท์อยู่ฝั่งตรงกันข้าม จอดทันทีเพราะต้องการให้เขาจัดสมดุลย์ล้อให้ใหม่และซื้ออุปกรณ์ปะยาง เราข้ามไปคุย แต่คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เด็กท่ีร้านเลยโทรไปหาลูกค้าคนหนึ่งท่ีพูดภาษาอังกฤษได้ เราไปเช็คอินที่โรงแรมก่อนแล้วปั่นกลับไปท่ีร้าน พอกลับมาอีกทีได้คุยกับเขา แต่ท่ีร้านไม่มีอะไหล่ท่ีต้องการ เลยต้องไปอีกสาขาหนึ่ง ซึ่งเพื่อนคนนั้นนำไป เด็กคนนั้นก็ปั่นมาด้วย แต่เผอิญยางแบนตอนที่เพิ่งออกจากร้านมาเลยแยกกันตรงนั้น ตอนปั่นไปอีกร้านหนึ่ง เราผ่านห้างเล็กใหญ่สารพัด ผ่านสวนสาธารณะที่เขามาออกกำลังกายกัน นึกถึงสวนลุมบ้านเรา 🙂 มีทางจักรยานที่กว้างมาก แต่จราจรที่นี่แย่มาก ขับขี่กันสวนกันแบบไม่ค่อยมีระเบียบ คืนนั้นเราทิ้งจักรยานไว้ที่ร้านให้เขาเปลี่ยนโซ่และเกียร์ทั้งสองคัน เพราะเริ่มขี้เกียจถอดโซ่ออกมาล้างที่สำคัญคือไม่ต้องแบกโซ่ด้วย เราพยายามลดน้ำหนักกระเป๋า รู้สึกดีที่มาถึงจีนที่ที่มีทุกอย่าง ไม่เหมือนตอนที่อยู่ที่ประเทศสถาน ๆ ทั้งหลายที่เราต้องพกทุกอย่างทั้งท่ีจำเป็นและที่ควรจะมี แต่ท่ีจีนเมื่อไหร่ท่ีเราเข้ามาในเมืองท่ีใหญ่หน่อยท่ีนั่นจะมีทุกอย่างแถมมียี่ห้อด้วย คนนำทางบอกว่าปั่นไปแค่ 2 กม. แต่คิดว่าไกลกว่านั้นนะ เราต้องเรียกแท๊กซี่กับโรงแรม ให้เขาเขียนชื่อโรงแรมให้ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะบอกคนขับอย่างไร แท๊กซี่ท่ีนี่ไม่แพงนะ ราคาเริ่มต้นท่ี 5 หยวน ขับจะถึงท่ีอยู่ล่ะยังขึ้นไม่ถึง 6 หยวนเลย คงได้ใช้บริการอีกแน่ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นท่ี 5 หยวนเหมือนกันทั้งประเทศหรือเปล่านะสิ

ภาพที่ร้านไจแอนท์ร้านแรกร้านเล็กกว่าร้านที่เราไปทิ้งจักรยานไว้ แต่ไม่ได่ถ่ายรูปมา

ภาพที่ร้านไจแอนท์ร้านแรกร้านเล็กกว่าร้านที่เราไปทิ้งจักรยานไว้ แต่ไม่ได่ถ่ายรูปมา

ภาพในเมืองโคร์ลา

ภาพในเมืองโคร์ลา

ภาพในเมืองโคร์ลา

ภาพในเมืองโคร์ลา

ท่าทางเราต้องหาวิธีศึกษาภาษาจีนเสียแล้ว เพราะพอเขาเห็นหน้าเราเขาก็พ่นภาษาจีนใส่ ก็หน้าหมวยขนาดนั้น เวชต้องออกตัวก่อนทุกครั้งว่า “ฉันเป็นคนไทย = ไทกั๋วเหยิน และ รุยเดี่ยนเหยิน = คนสวีเดน” อืม… ก่อนหน้านี้มักจะบอกว่า “ฉันเกิดที่ไทย แต่จริง ๆ ฉันเป็นคนจีน” พร้อมกับเอานิ้วดึงหางตาชี้ขึ้น แต่ที่นี่ ท่ีเมืองจีนเคยทำครั้งหนึ่งแล้วรู้สึกเสียมารยาทยังงัยไม่รู้ มีครั้งหนึ่งไปท่ีร้านขายยา คนขายเขาวาดมือทั้งสองข้างจากหน้าผากลงมาท่ีคาง (อ๋อ…เขาทำอย่างนี้กันท่ีนี่ละมั้ง) และพูดทำนองว่าหน้าตาเราเหมือนคนจีน เราเลยต้องอธิบายไปว่าเราเป็นจีนท่ีเกิดท่ีเมืองไทย เฮ้อ…คงต้องหัดพูดประโยคนี้เป็นภาษาจีน หรือไม่อย่างนั้นก็เขียนใส่แผ่นกระดาษเสียเลย 🙂 ตามเส้นทางจากชายแดนระหว่างคีร์ซกิสถานและจีนถึงตรงนี้ ยังไม่ค่อยเจอใครท่ีพูดภาษาอังกฤษได้ จนมาถึงโรงแรมท่ีนี่ มีผู้จัดการสาวคนหนึ่งพูดได้คล่องและช่วยเหลือดีมาก แถมยังให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ด้วยเผื่อมีอะไรให้ช่วย

ผู้จัดการสาวท่ีโรงแรม

ผู้จัดการสาวท่ีโรงแรม

วันต่อมาเราเดินชมเมืองและไปรับจักรยาน เผอิญเดินผ่านร้านจักรยานอีกร้านหนึ่งชื่อ UCC มีขายทั้งเสือภูเขา เสือหมอบ ทัวร์ริ่ง คิดว่าน่าจะขายอย่างเดียว ไม่เหมือนร้านไจแอนท์ท่ีมีรับซ่อมและขายอะไหล่ด้วย เราลองเดินเข้าไปดู ๆ เขาเข้ามาทัก แน่นอนเป็นภาษาจีนและก็แน่นอนท่ีเราบอกเขาอย่างท่ีเขียนไว้ข้างบนนี่ เฮ่อ…แค่คิดนี่ก็เหนื่อยแล้ว ว่านี่ฉันต้องพูดอธิบายทุกอย่างไปอีกสามเดือนข้างหน้าหรือเนี่ย :-O แต่ผู้หญิงคนนี้เขาน่ารัก ชวนให้นั่งก่อน เอากาแฟมาเสริฟและยังถามอีกด้วยว่าใส่น้ำตาลมั้ย? ครีมมั้ย? ธรรมดาโจคิมสั่งกาแฟดำยังได้น้ำตาลใส่มาด้วยทั้ง ๆ ท่ีบอกว่าเอาแต่กาแฟ เธอพยายามตั้งใจฟังและพยายามที่จะเข้าใจและบอกเล่าให้เพื่อนร่วมงานฟังด้วย ท่ีนี่ดีอย่างคือเวลาเราบอกคนหนึ่งไปแล้ว เขาก็จะเล่าต่อให้คนอื่น ๆ ฟัง แต่สงสัยว่าทำไมฟังดูประโยคยาวกว่าท่ีเราบอกไปหว่า 🙂 เขาคงแต่งเติมบ้างละมั้ง พวกเขาคงเริ่มสนใจว่าเราไปมาอย่างไรถึงมาถึงเมืองนี้ได้ เราเลยให้นามบัตรกับเขาและเปิดดูบล๊อคด้วยกัน

ที่ร้าน UCC กับพนักงานและลูกค้า

ที่ร้าน UCC กับพนักงานและลูกค้า

เราเดินต่อไปท่ีร้านไจแอนท์ ซื้อของเพิ่มเติมเช่นน้ำมันหยอดโซ่ ที่สูบลม และที่สำคัญคือแผ่นปะยางคราวนี้ซื้อยก 4 โหลเลย 48 อัน แบนบ่อยเหลือเกิน แถมเหลือบไปเห็นยางในที่หนาหน่อยกันหนามทิ่มได้ดีขึ้น เอาค่ะ สองเส้นเลยค่ะ ไหน ๆ อยู่ท่ีร้านละก็ขอยืมเครื่องมือเขาเปลี่ยนยางเสียเลย หมดเรื่องหมดราว พอปั่นกลับมาท่ีโรงแรมก็เริ่มทำการปะยางมาราธอนกันเลย มียางในทั้งหมด 6 เส้นรั่วหมดเลย บางเส้นมีรอยปะหลายอันละ ถ้าปะอีกสัก 4-5 ครั้งคงจะรอบยางพอดี ทีนี้คงไม่แบนเพราะมีเกราะคุ้มกันเกือบรอบยาง 🙂

นั่งปะยางท่ีโรงแรมสี่ดาว ก่อนจะไปหาซื้อท่ีปะยางเรามีเหลืออยู่แค่ 1 อันเท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ เพียบ!!!

นั่งปะยางท่ีโรงแรมสี่ดาว ก่อนจะไปหาซื้อท่ีปะยางเรามีเหลืออยู่แค่ 1 อันเท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ เพียบ!!!

วันรุ่งขึ้นได้เวลาออกเดินทางต่อ เป้าหมายจริง ๆ คือเมืองฮ้อคซุด (Hoxud) แต่ตอนเช้าได้ยินเสียงลมแล้วหดหู่มาก เราอยู่ชั้น 9 ลมกระแทกตึกเสียงดังน่ากลัวมาก เห็นต้นไม้ข้างล่างไหวเอียงแล้วขอรอก่อนอีกหน่อย ออกไปผจญกับลมแรง ๆ เสียพลังงานเปล่า ๆ ดีท่ีโรงแรมเขาให้เช็คเอาท์บ่ายสอง แต่กว่าเราจะออกนอกเมืองได้ก็เย็นละ ตอนนั้นลมยังแรงอยู่ เราเลือกท่ีจะปั่นบนเส้นทางสายเก่าก่อนแล้วค่อยขึ้นทางด่วนข้างหน้า ทางเริ่มชันและขรุขระแถมลมยังพัดแรงอยู่ ชักใจเสีย เอางัยดีหนทางยังอีกยาวไกล ปั่น ๆ กันไปละกัน เอ..ทำไมไม่เห็นมีรถเลยหว่า มีแต่มอเตอร์ไซค์และรถบรรทุกบ้างเท่านั้นเอง ทางชันขึ้นอย่างเดียว แต่เอ… ในแผนที่มันว่าเราจะปั่นบนทางสายเก่าด้านขวามือ แต่ทำไมเรามาอยู่ทางซ้าย ขึ้นมาถึงยอดละ ไหลลงไปก่อนละกัน จนมาเจอบันไดทางขึ้นไปทางด่วนท่ีมีคนมาแอบเปิดไว้แล้ว คือถ้าเรายังคงอยู่ท่ีเส้นทางเก่าคงจะใช้เวลานานน่าดูกว่าจะถึงเมืองถัดไปคือหยางจี๊ (Yanqi) เปลี่ยนเป้าหมายเพราะไปไม่ถึงฮ้อคซุดแน่นอนวันนี้ เอ้า…แบกกันขึ้นบันไดไป โจคิมเอาจักรยานขึ้น ส่วนเวชแบกกระเป๋าขึ้นกันไปทีละคัน และนั่นเป็นการตัดสินใจท่ีดีเพราะการไหลลงบนทางด่วนย่อมเร็วกว่าบนทางขรุขระ วันนั้นเลยปั่นได้แค่ 60 กว่าโล

Riding behind Wej

Riding behind Wej

ถึงเมืองหยางจี๊ก็เย็น ๆ ละ ตั้งใจว่าจะพักท่ีโรแรมใกล้ ๆ ทางด่วนจะได้รีบพักและออกเช้าหน่อย แต่…. ครั้งนี้เป็นครั้งแรกท่ีมีปัญหาเรื่องท่ีพักท่ีเขาไม่สามารถรับแขกชาวต่างชาติ ท่ีนี่เป็นโรงแรมใหญ่หน่อยเขาถึงทำตามกฎ ไม่เหมือนโรงเตี้ยมท่ีเคยไปนอนท่ีอูฐาน อืม…พูดถึงโรงเตี้ยมนั่น ตอนนอน อยู่ดี ๆ ดันไปนึกถึงหนังผีสะงั้น บ้าจริงแต่บรรยากาศมันให้นะ 😉 เข้าเรื่องต่อ โรงแรมสองท่ีแรกบอกให้ไปอีกโรงแรมหนึ่ง เราเกือบจะปั่นออกไปหาท่ีกางเต้นท์แล้ว พอดีมีคนหนึ่งอยู่ในเหตุการณ์ตอนท่ีเราถามหาโรงแรมท่ีโรงแรมท่ีสอง เขาบอกเราประมาณว่าปั่นไปเรื่อย ๆ อยู่ข้างหน้านี่ละ เดาเก่งมากเลย 🙂 เราเห็นตึกหนึ่งอยู่ตรงหัวมุม พอเข้าไปถาม เขาก็อ้าแขนต้อนรับเรา อิอิ

SONY DSC

Leave a Reply