คืนท่ี “หยงฉาง” และลูกชายแวะมาบ๊ายบายเรา เขาถามว่าเรามีท่ีอยู่ท่ีกัวจูหรือยัง? เราคิดว่าอาจจะไม่พักท่ีเมืองนั้นเพราะรถทัวร์จะถึงตอนบ่ายโมง แต่เขาเขียนในกูเกิ้ลว่าเขาจองให้เรียบร้อยแล้ว เป็นโรงแรมของเพื่อนเขา ถ้าอยากอยู่เขียนข้อความไปบอกเขา และยังบอกด้วยว่า “free of charge” เอ่อ…หมายความว่าอยู่แบบไม่ต้องจ่ายตังค์เลยงั้ยรึ? เป็นไปได้รึ? เขาเขียนภาษาจีนยาว ๆ ในกูเกิ้ลช่วยแปล และบอกว่าถ้าไปถึงโรงแรมให้เอาโน๊ตนั้นแสดงให้พนักงานดู แต่ตอนนั้นเราตั้งใจอย่างมากท่ีจะปั่นหลังจากท่ีมาถึงเมืองกัวจูเลยไม่ค่อยได้ใส่ใจ
หลังจากท่ีร่ำลากับ “หยงฉาง” รถทัวร์ก็ยังไม่ออกจนกระทั่ง 20 นาทีผ่านไป วิวระหว่างทางดูไม่น่าสนใจ น่าเบื่อมาก เลยนั่งเขียนบล๊อคบนรถทัวร์ มาถึงท่ีจุดพักรถรถทัวร์จอดให้เข้าห้องน้ำ แต่ไม่มีใครไปท่ีห้องน้ำ คงเดากันออกนะค่ะ เขาทำธุระกันรอบ ๆ ห้องน้ำนั่นแหละค่ะ ดีท่ีให้โจคิมลงไปทำธุระก่อน เพราะรถไหลไปหาท่ีจอดข้างหน้าซ่ึงมีมุมมิดชิดกว่าหน่อย 🙂 เรามาถึงเมืองกัวจูสายกว่าท่ีเขาเคยบอกไว้ เกือบสามโมงแทนท่ีจะเป็นบ่ายโมง หลังจากท่ีเจอบาเทคท่ีโรงแรมท่ีเขานอนเมื่อคืน เราตัดสินใจติดต่อกับ “หยงฉาง” เกี่ยวกับโรงแรมท่ีเพื่อนเขาเป็นเจ้าของ หากันอยู่นาน ถามคนแรกบอกให้เลี้ยวขวาท่ีส่ีแยก เลี้ยวไปหามีไม่ ถามอีกคนบอกให้เลี้ยวกลับไปไม่ค่อยอยากเชื่อเลยต้องถามอีกหลาย ๆ คน รวมทั้ง “หยงฉาง” และน้องสาวของเขาก็ช่วยโดยการโทรมาคุยทางโทรศัพท์ เพราะเขาพูดภาษาอังกฤษได้ ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะเจอ พอเจอก็ไม่แน่ใจว่าข้อความท่ีหยงฉางเขียนไว้จะใช้ได้หรือเปล่า เพราะโรงแรมนั้นระดับ 4 ดาว ดูหรูและใหญ่โตมากแล้วเขาจะให้เราอยู่ฟรี ๆ รึ? มาถึงแล้วก็ต้องลองดูกันล่ะ โห…ใช้ได้ เราไม่ต้องแนะนำตัวเลย เขาจัดการเรียบร้อย หยิบกุญแจห้องมาให้ตรงหน้าเลย และพอบอกว่ามีเพื่อนมาด้วยอีกหนึ่งคน เขาก็หันไปคุยกัน แล้วก็ยื่นกุญแจมาให้อีกอัน รู้สึกเกรงใจเป็นอย่างยิ่ง พอเข้ามาได้สักพักก็มีพนักงานโรงแรมมาเคาะประตูพร้อมยื่นถาดผักและผลไม้มาให้ โห…เหมือนแขกวีไอพีเลย หลังจากนั้นเราออกไปหาตลาดกินมื้อเย็น ไปเจอท่ีหนึ่งคล้ายศูนย์อาหารบ้านเราเลย มีโต๊ะเก้าอี้อยู่ตรงกลาง ร้านอาหารอยู่ข้าง ๆ ตื่นตาตื่นใจไปหน่อยเลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย อาหารทางนี้ยังไม่ค่อยมันเท่าไหร่ ทำให้นึกถึงอาหารไทยบ้านเรา
ตอนเดินไปกินอาหารเช้า ท่ีเราไม่แน่ใจว่าจะรวมอยู่ด้วยแต่ก็ได้กินกัน เป็นอาหารเช้าท่ีดีท่ีสุดตั้งแต่อยู่ท่ีเมืองจีนนี่ เราเพิ่งมาเห็นว่ามีสวนท่ีน่านั่งอยู่ด้านในโรงแรม อยากอยู่ต่ออีกสักวันจะนั่งพักผ่อนให้สบายตรงนั้นแหละ เช้ามาแทบไม่อยากเช็คเอาท์ไป แต่การเดินทางต้องดำเนินต่อไป เห็นวิวข้างทางแล้วทำให้คิดว่าดีแล้วท่ีนั่งรถบัสย่นระยะทางไปหน่อย เพราะยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงดูน่าเบื่ออยู่เช่นเดิม เราไปถึงท่ีเมือง Qiaowan เข้าทางท่ีมีคนเปิดไว้ข้างทางด่วน ตอนแรกหาอะไรไม่เจอ ตำรวจบอกว่าร้านอยู่ด้านข้างพิพิธภัณฑ์ มันดูเหมือนโรงอาหารมากกว่า กินท่ีนี่มีเติมได้ด้วยเป็นถาดหลุม เรานั่งกินท่ีพื้นข้างนอกเพราะไม่อยากทิ้งจักรยานไว้ นั่งกินกันไป ตบยุงกันไป เอ…ไม่ใช่สิแค่เวชเท่านั้นท่ีต้องตบต้องคันยิก ๆ เพราะมันไม่ไปแตะโจคิมเลย มีอะไรดีแน่ ๆ 🙂 ยุงไม่ได้แค่ตอมเราเท่านั้น หันไปท่ีกระเป๋าเห็นตอมกันให้พรึ่บไปหมด ด้านนอกมีนักท่องเท่ียวจีนจากรถบัสทั้ง 3 คันมามุงดูเราเหมือนเราเป็นตัวประหลาด ชักเริ่มชินละ อยากมองก็มองไป เรากินและขอเขาอาบน้ำเพราะคิดว่าคืนนี้คงได้กางเต้นท์นอนแน่ รอจนบาเทคมา เขากินท่ีนี่ด้วยเลย ปั่นออกจากโรงอาหารง่าย ๆ นั่นท้องฟ้าเริ่มมืดละ หันไปเห็นปั้มน้ำมันฝั่งตรงข้ามเลยปั่นเข้าไปถามเขาดู ยุงเพียบเลย เขียนคุยกันไปมือก็โบกปัดยุงไปด้วย กัดจนหน้าเป็นตุ่มเล็กตุ่มน้อยไปหมด เพราะแค่ท่ีหน้าท่ียุงสามารถมาเจาะเลือดเราได้ เขาว่านอนตรงนั้นไม่ต่อยปลอดภัยเพราะเป็นท่ีท่ีเขามาเติมก๊าซธรรมชาติกัน เขาพาเราเดินกลับไปท่ีร้านอาหารถามให้เราแต่ไม่ได้ เดินเลยไปท่ีพิพิธภัณฑ์คุยกันนิดหน่อย เขาขอให้เราช่วยออกค่าใช้จ่ายนิดหน่อยเข้าพิพิธภัณฑ์ โอเค..เราได้นอนกันคนละห้อง เป็นห้องง่าย ๆ มีเตียงกับโต๊ะตัวหนึ่ง เปิดประตูแล้วต้องรีบปิด เพราะไม่อย่างนั้นมีหวังได้แขกท่ีไม่ได้รับเชิญมานอนด้วยแน่
ตามจุดจอดพักรถส่วนใหญ่จะมีน้านอาหารและซุปเปอร์มาเกต มีร้านอาหารนี้และอีกท่ีหน่ึงท่ีเราผ่านมา เขาให้เราจ่ายตังค์ใส่บัตรก่อนหมือนท่ีเมืองไทยเลย รู้สึกคุ้นเคย อิอิ อีกร้านหนึ่งไปจ่ายท่ีเคาน์เตอร์ ได้ใบเสร็จมาก็เอาไปให้คนตักอาหาร เขาจะหยิบถาดยื่นมาแล้วเราก็ชี้ ๆ ว่าจะเอาอะไรบ้าง ถาดหลุมเหมือนกัน แต่ท่ีนี่ไม่กล้าเข้าไปเติม ไปเติมแต่น้ำแกงจืด มีแต่น้ำจริง ๆ หลังจากนั้นเราต้องปั่นไปอีก ประมาณ 70 โลได้ เพื่อไปให้ถึงจุดจอดรถถัดไป นี่คือข้อเสียอีกข้อหนึ่งท่ีปั่นอยู่บนทางด่วนนอกจากจะทำให้ยางแบนบ่อย ๆ แล้ว เรายังต้องพึ่งจุดจอดรถเพื่อเติมน้ำเติมพลัง ตามจุดพวกนี้มักมีบริการร้านอาหารเครื่องดื่ม ซุปเปอร์มาเกตเหมือนกันทั้งสองฝั่งถนน แต่ฝั่งท่ีเราปั่นมาถึง มันดูเงียบ ๆ ไม่มีรถไม่มีคน มีคนแก่หนึ่งคนนั่งอยู่หน้าห้องน้ำ ทักทายแกกี่ครั้ง ๆ แกก็ไม่ทักกลับ ไม่เปงลาย ท่าทางอารมณ์่บ่จอย เราอุตส่าห์มาถึงจุดจอดรถท่ีสองนี่ก็ตั้งใจว่าจะนอนท่ีนั่น แต่ฝั่งท่ีเราจอดไม่มีน้ำ โจคิมลองเดินลอดอุโมงค์ไปเช็คอีกฝั่ง ปรากฎว่ามีโรงแรมและน้ำท่ีจำกัด ในห้องมีแค่เตียง ห้องน้ำท่ีไม่มีน้ำเป็นห้องน้ำรวมอยู่ด้านนอก เจ้าของเขาน่ารักนะ อุตส่าห์ลองน้ำใส่กระถังให้ เวชอาบก่อนได้น้ำอุ่นเพราะน้ำร้อนหมดก่อนท่ีจะอาบเสร็จเสียอีกนี่ขนาดอาบอย่างประหยัดแล้ว คิดว่าอาบได้สะอาดหมดจดแล้วนะ ยุงยังมาตอม นอนไม่ได้เลยทั้งคืน ใส่แจ๊กเก๊ตมันมากัดท่ีมือ พอเอามือไปแอบในถุงนอนผ้าใหมบาง ๆ มันกัดทะลุเลยทั้งท่ีขาและท่ีมือ หงุดหงิดมาก เช้าขึ้นมา “บาเทค” ก็โดนกัดเหมือนกัน ถ้าได้รู้จะได้คุยกันแล้วลุกขึ้นมาจัดการกับเจ้ายุงวายร้าย โธ่..
เช้าออกมาเย็นนิดหน่อย ตามลม ถนนเลียบทะเลทรายโกบี เห็นเขาท่ีมีหิมะปกคลุม ข้างทางเริ่มเขียวชอุ่มไปด้วยไร่นาและสวนดอกไม้ บ่าย ๆ ฝนเริ่มตกสักประมาณชม.นึง เปียกแต่ก็ทันแห้งก่อนเข้าเมือง วันนี้รู้สึกเหนื่อยมาก จนกระทั่งเห็นสวนสาธารณะตะโกนบอกให้โจคิมกางเต้นท์เลย กดบันไดจักรยานไม่ลงเลย อ่ะ..อีกนิดนึง ทนเอาหน่อย 2 กม.เข้ามาถึงในตัวเมือง เห็นป้ายเขียนว่าโรงแรมอยู่ฝั่งตรงข้าม เดินเข้าไปถาม เขาบอกเลยว่ารับเราไม่ได้ แต่เดี๋ยวลองโทรหาตำรวจท้องถิ่นให้ เขาให้เราเอาจักรยานและกระเป๋าไปเก็บ แต่เราต้องรอบาเทคก่อน เลยไปอาบน้ำ ซักผ้ารอ พอบาเทคมาเขาขับรถพาเราไปท่ีสถานีตำรวจเพื่อไปลงทะเบียน แปลกตรงท่ีสถานีตำรวจอยู่ค่อนข้างไกลออกไปจากใจกลางเมือง เรากลับมากินข้าว ยังไม่ทันเสร็จดี ฝนเริ่มลงเม็ดแล้วมันก็ตกทั้งคืนเลย อากาศเย็นลงทันที เพราะตรงนั้นท่ีคิงชุย (Qingshui) สูงประมาณ 1600 เมตรจากระดับน้ำทะเล
วันท่ีปั่นเข้าเมืองจ๋างเย่อรู้สึกสบาย เพราะตามลมแถมทางลาดลงด้วย มีขึ้นบ้างนิดหน่อยแต่ปั่นสบาย พอมาถึงทางเข้าเมืองโรงแรมเล็ก ๆ ท่ีเราคิดว่าจะพักนั้นไม่มีอยู่ในแผนท่ีของกูเกิ้ล ขี้เกียจหา หันไปเห็นตำรวจพอดีเลยถาม เขาพยายามอธิบายว่าให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา เราก็พยายามเข้าใจเหมือนกัน แต่พอถามซ้ำอีกทีคุณตำรวจเลยบอกว่า “ไป ตามฉันมา” แล้วเราก็เดินกันไปจนกระทั่งมาถึงหน้าโรงแรมเล็ก ๆ นั่นเลย น่ารักจังดูแลแม้แต่พลเมืองต่างชาติหน้าหมวย 😉
เช๊คอินอาบน้ำซักผ้าเรียบร้อยแต่ยังไม่เห็นเงาของบาเทคเลย เขาปั่นช้าค่อย ๆ ไป ทำไปทำมา อ้าว..ฝนตกลมแรง เสร็จแน่บาเทคจะรอดจากฝนมั้ยเนี่ย สักพักเราได้ข้อความจากเขา บอกว่า “หาโรงแรมไม่เจอ” เขียนกันไปเขียนกันมา เวชตัดสินใจออกไปยืนรอ อึ๋ย..หนาวอ่ะ ยืนได้สัก 15 นาที กลับขึ้นไปเอาเสื้อแจ็กเกตมาใส่ แต่ดันลืมเปลี่ยนรองเท้าใส่รองเท้าฟองน้ำลงไป ขี้เกียจขึ้นมาเปลี่ยนเนอะและคิดว่าคงไม่ใช้เวลานาน ได้ข้อความอีกอันบอกว่า “ยืนรออยู่ท่ีหอคอย คาดว่าน่าจะเป็นอันท่ีเลื่องชื่อของเมืองนี้” อ้าว..เราก็ยืนอยู่ท่ีหอคอยทำไมไม่เจอ เลยเดินไปถามน้องผู้หญิง 2 คน ตอนแรกเขาก็ไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษเท่าไหร่ นาน ๆ ไปก็เริ่มพูดมากขึ้น เพราะเขาพาเวชเดินไปโน่นรู้สึกไกลมาก แถมทำท่าทำทางว่าไม่่ค่อยแน่ใจอีก เวชก็เป็นประเภทท่ีว่าหาทางกลับบ้านไม่ค่อยถูกอยู่ด้วย สองคนคุยกันไปคุยกันมาแล้วหันมาบอกเราว่านั่งแท๊กซี่ไปเถอะ จ้าก…ข้าพเจ้าไม่มีตังค์ติดตัวออกมาสักแดงเดียว เขาบอกว่าไม่เป็นไรฉันมี เกรงใจอ่ะ เขาพยายามช่วยอย่างมาก พอไปถึงท่ีท่ีคิดว่าบาเทคน่าจะอยู่ตรงนั้น ทั้งสองคนถามว่าบาเทคหน้าตาเป็นอย่างไร ผิวสีอะไร สูงแค่ไหน เพราะเขาจะช่วยมองหา สองคนเดินควงแขนขนาบข้างเวชเลยเพราะเราเริ่มสั่น เดินหาได้สักพัก ได้ข้อความจากบาเทคว่า “อยู่ท่ีโรงแรมแล้ว” ฮึ่ม… เราทั้งสามคนฟุดฟิดขึ้นมาทันที อ้าว..เดินกลับ