หลังจากได้สองพี่น้องตระกูลอัลทานพาลงมาที่ร้านอาหารที่นัดกับคนขับรถ เรานั่งกินข้าวกลางวันกัน ใจจริงอยากเลี้ยงเขา แต่ตัวเองยังไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าเป็นอย่างไร จึงต้องแค่แชร์กัน ซึ่งเขาก็เริ่มจ่ายของเขาครึ่งหนึ่งก่อน เลยรู้สึกสบายใจเล็กน้อย เราคุยกันว่าเขาน่าจะมาเที่ยวสวีเดน ไปปั่นจักรยานและกางเต้นท์นอน เพราะอย่างน้อยเดนิซชอบท่องเที่ยวแบบนี้อยู่แล้ว ไว้ตอนนั้นเราค่อยทำอะไรให้เขาน่าจะดีกว่า
เราไปที่สำนักงานขายตั๋วรถทัวร์เพื่อไปเอาจักรยานออกมา ตั้งใจว่าวันนี้น่าจะปั่นได้สัก 50 กม. แต่ปรากฎว่ายางแบนล้อหน้ามั้ง 😉 แบนบ่อยเลยจำไม่ได้ว่าล้อไหน รู้สึกมันจะแบนได้เท่ากันละ ก็เลยจอด และ ปะ ด้วยความที่ต้องการติดต่อคุณสว่างที่บาทุมิประเทศจอร์เจีย เราเลยต้องไปแถว ๆ โรงแรมที่เราขึ้นไปดริ้งบนดาดฟ้าเมื่อวาน เพราะเคยได้รหัสมา ฝั่งตรงข้ามของโรงแรมเป็นจัตุรัสของเมืองที่เขากำลังมีงานรื่นเริงพอดี เกี่ยวกับฟุตบอล ปะ ๆ อยู่คนที่อยู่ในงาน มานั่งดูโจคิมปะ ช่วยสูบลม สักพักเดินหายไป อ่า..ไปเอาน้ำมิรินด้ามาให้ อืม..สดชื่น อีกแป๊บเดินไปเอาหมวก ปากกา ที่ทับกระดาษและพวงกุญแจ เอ่อ..ข้าพเจ้าไม่อยากแบกหง่า อีกสักพัก เอาชามาให้ดื่มอีก นี่ถ้าไม่เคลื่อนย้ายไปไหน ไม่รู้พี่เขาจะชวนไปนอนบ้านด้วยหรือเปล่า 😉 คุยกันก็ไม่รู้เรื่อง อยู่ ๆ แกเดินมาสะกิด ชี้ไปบนเวที ทำมือทำไม้ว่าไปถ่ายรูปกัน เอ้า..เอาก็เอา เดินกันขึ้นไปถ่ายสักสองแช๊ะ แล้วก็บอกให้เรารอสัก 10 นาที รอทำอะไรล่ะค่ะ อ่ะ..รอก็รอ เพราะตอนนั้นเราตัดสินใจว่าคงต้องค้างที่ทรับซอนอีกวันเพราะตะวันคล้อยเต็มทีละ หลังจากนั้น 10 นาที คุณพี่ก็เดินเอารูปใส่กรอบเรียบร้อยมาให้เรา
จักรยานของโจคิมโดนเล่นงานบ่อยมาก เดี๋ยวยางแบน (ไม่รู้กี่ครั้งนับไม่ถ้วน 😉 เดี๋ยวก้านเกียร์หัก มาวันนี้ plug-in ที่ต่อเข้ากับไดนาโมล้อหน้าและสามารถชาร์ตแบตฯของจีพีเอสและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ผ่านยูเอสบี ก็มาเสียอีก เราสามารถติดต่อกับคุณสว่างได้แล้ว และถามเกี่ยวกับเรื่องเกียร์ fiction ที่หัก ก็ได้คำแนะนำจากคุณสว่างให้ลองไปดูร้านที่ทรับซอน เพราะใหญ่กว่าบาทุมิ ปะยางเสร็จและแพ๊คของที่ระลึกทั้งหลายลงกระเป๋า เราออกเดินตามหาร้านจักรยาน หายากนิดนึง เพราะร้านอยู่ในตัวอาคารเข้าไปอีกหน่อย วนไปวนมากว่าจะเจอ ที่เจอนี่เพราะถามเขาอีกเหมือนกัน คนนี้ก็น่ารักมาก ถามปุ๊บเขาเดินพาไปส่งถึงหน้าร้านเลย
เข้าไปในร้านพูดไปชี้ไป รู้มั่งไม่รู้มั่ง พอดีมีลูกค้าคนหนึ่งเข้ามาดูจักรยาน เขาพูดภาษาเยอรมันได้ เลยพยายามสื่อเยอรมันแทน ดีนะที่โจคิมรู้ภาษาเยอรมันบ้าง ไม่อย่างนั้นก็คงใช้เวลาอีกนาน แต่ในที่สุดหลังจากที่เดินดูไปทั่วร้านก็เห็นเกียร์ที่สามารถใช้แทนกันได้ คุณภาพอาจจะไม่ดีเท่าแต่ทดแทนกันได้ก็ดีที่สุดแล้ว ไหน ๆ อยู่ที่ร้านแล้วก็ให้เขาเปลี่ยนซี่ล้อไปด้วยเลย ที่มันงอจากที่ซัมซุน ทำให้เสร็จ จะได้ไม่ต้องลุยเอง พอจ่ายตังค์ถึงรู้ว่าคุ้มจริง ๆ ที่ให้เขาทำให้ ค่าเซอร์วิสถูกมาก ที่นี่คิดแค่ 10TL ที่อิสตันบูลคิดตั้ง 50TL
แล้วก็ถึงเวลาตระเวณหาที่พักต่อ กลับไปโรงแรมตรงที่เราปะล้อละกัน ว่าจะเข้าไปต่อค่าห้องเขาหน่อย แต่ไม่ต้องเพราะเต็ม :-O แต่ความที่เป็นคนตุรกี เขาจับโทรศัพท์หมุนไปโรงแรมเพื่อนบ้าน เช๊คให้ว่ามีห้องว่างมั้ย ราคาเท่าไหร่ หันมาบอกเราว่าได้ราคานี้ พอถามเขาว่าไปยังงัย เขาทำมือเหมือนกับว่ารอก่อน อืม..รออะไรหว่า สักพักเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาส่งภาษาเตอร์กิชกัน แล้วหันมาส่งสัญญาณให้เราตามเขาไป เป็นเซอร์วิสหรือเขากลัวว่าเราจะหลงไปโรงแรมอื่น หาทราบไม่ เอาเป็นว่าบริการของเขาละกันสบายใจดี
รวมอาหารเช้าด้วย โรงแรมนี้มีไข่ต้มเราเลยขอไข่ติดตัวไปด้วยคนละฟอง แยมคนละ 2-3 แพ๊ค สำหรับมื้อกลางวัน เพราะหนึ่งอยากจะประหยัด สองเราก็ไม่อยากกินอะไรเยอะ แค่แวะซื้อขนมปังกินกับแยม แล้วค่อยหนักตอนเย็นทีเดียว ช่วงที่ปั่น ๆ มาก็เห็นป้ายเขาโฆษณาขนมปังทรับซอน เขาว่ามันมีขนาดที่ใหญ่กว่าปกติ สามารถเก็บได้นานกว่าขนมปังทั่วไปและมีรสชาติออกเค็ม ๆ นิด ๆ หลังจากที่ซื้อมาชิมดูแล้วก็รู้สึกว่าเนื้อขนมปังจะแน่นกว่าธรรมดา มินาล่ะมันถึงได้แพงกว่าตั้งสองเท่า ตัดใจซื้อนะนั่น เพราะอยากรู้ว่ามันพิเศษอย่างไร เห็นโฆษณาตั้งแต่อยู่บ้านเพื่อนที่ซอนกูลดัคละ และตอนที่แวะปั้มกินขนมปังทรับซอน เราก็นั่งกินกันแอบ ๆ หน่อย เพราะไม่ได้ซื้ออะไรจากปั้มก็ไม่อยากไปนั่งเกะกะ พอดีเขาเดินผ่านเราก็ชวนเขา ”เป็นพิธี” เขาทำท่าเหมือนบอกว่าเขาอิ่มแล้วและขอบคุณ หลังจากนั้นไม่นาน เขาคนเดิมเดินกลับมาถามว่า … ทายออกมั้ยว่าเขาถามว่าอะไร …. ”ชัย???” = เอาชามั้ย? ลุทเฟ่น = ค่ะ เอาค่ะ จะไปขอชาเขาก็เกรงใจ เลยแกล้งทำเป็นชวนเขา เผื่อเขาจะเข้าใจว่าเรารอชาอยู่ 😉
กลางวันทานน้อยก็ไม่ต้องรอให้อาหารย่อย ดื่มชากันเสร็จก็ออกเดินทางต่อ ช่วงนี้ทำเวลาหน่อยเพราะอยากเข้าบาทุมิเพื่อไปเจอกับคุณสว่าง ติดต่อกันมานาน รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เจอคนไทยในต่างแดน รู้จากเสือออย – ศิรินทร์ คุ้มวงศ์ นักปั่นสาวไทยอีกคนที่ไปไหนไปกัน ว่าคุณสว่างมาพักอยู่ที่ทิบลิซิ ทำให้มีจุดมุ่งหมายและกำหนดเวลา ดีค่ะ ไม่อย่างนั้นก็เรื่อยเปื่อย คุณสว่างจะเดินทางขึ้นเขาและจะเข้ามาพัก 5-6 ที่เมืองบาทุมิ แต่จากทรับซอนปั่นวันเดียวไม่ถึงแน่ เราเลยปั่นให้ได้ระยะทางมากที่สุดเท่าที่แสงอาทิตย์เอื้ออำนวย พอเริ่มจะมืดเราเริ่มมองหาที่พัก เห็นป้ายเกสเฮาส์อยู่หลายป้าย แต่เงินตุรกีเหลือน้อยเต็มที ถ้าเขารับบัตรก็ดีไป แต่ไปถามที่ปั้มข้างหน้าดีกว่า แล้วเราก็มาจอดอยู่ที่ปั้มแห่งหนึ่ง ตามแผนคือเวชเข้าไปเช๊คห้องน้ำ พอเดินออกมาเห็นโจคิมกำลังเม้าท์อยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่มารู้ทีหลังว่าชื่อ ”ฮัคคั่น” เขาไม่ได้ทำงานที่ปั้มแต่มีเพื่อนหลายคนทำงานที่นั่น คิดว่าทุกเย็นเขาคงมานั่งเม้าท์กับเพื่อน โชคดีของเราที่วันนั้นเขามาอยู่ตรงนั้นและตอนนั้น เขาเริ่มคุยกับโจคิม อาจจะเป็นเพราะเขาทำงานด้านการท่องเที่ยว ทำให้รู้สึกสนใจการเดินทางของเราด้วยมั้ง เราถามเขาเรื่องขอกางเต้นท์เขาก็พาเราไปดูที่ทางทันที เสร็จแล้วก็ถามว่าเรากินข้าวหรือยัง? เอ่อ..พวกเรามีสปาเก็ตตี้กับปลากระป๋อง เขาเลยบอกว่าไม่ต้องทำหรอก ไปกินบ้านฉันละกัน อ่า..ลุทเฟ่น yes please !! แล้วเราก็นั่งรถเขาไปอพาร์ตเมนท์ซึ่งภรรยาของเขาเตรียมอาหารไว้แล้ว สุดยอด กินกันเสร็จแล้ว เขาก็ขับรถมาส่งเราที่ปั้ม
วันนี้เราตื่นกันเช้าเพราะอยากเข้าบาทุมิกัน ฮัคคั่นมาที่ปั้มแต่เช้าเพื่อมาร่ำลากัน เรานั่งกินอาหารเช้ากันก่อน หลังจากนั้นก็ปั่นกันค่อนข้างสบาย ตามลมนิด ๆ มาถึงที่เมืองที่ติดชายแดน พักกินข้าวกัน แต่ก่อนที่จะสั่งอะไร ต้องถามก่อนว่าจานละเท่าไหร่ กลัวมีตังค์ไม่พอจ่าย เราสั่งข้าวกับกับข้าวหนึ่งอย่าง เขาบอก 12 TL โอเค เอาอย่างนั้นแหละ แบ่งกันกิน พอจะไปจ่ายตังค์ เวชหยิบเงินออกมา เขาดึงแต่แบงค์ 10 ไปและบอกว่าโอเค เอ่อ..ขอบคุณค่ะ คงเห็นว่าเราเดินทางด้วยจักรยานคงไม่มีเงิน น่าสงสาร อืม..ยอม สงสารฉันเถอะ 😉
อีก 10 กว่ากิโลจะถึงจุดผ่านแดน มีอุโมงค์เยอะแยะ แต่อุโมงค์สุดท้ายทำเราประหลาดใจ เพราะพอโผล่ออกมาปุ๊บก็เป็นทางผ่านเข้าจอร์เจียเลย อ้าว..ยังไม่ได้ใช้เงินตุรกีที่เหลือเลย เห็นมีร้านขายของชำอยู่เลยไปดูว่าเงินที่เหลืออยู่เท่านี้จะซื้ออะไรได้บ้าง สรุปว่าได้โค้ก 1.5 ลิตร ขนมปัง ช๊อคโกแลต 2 อัน
เวลาผ่านเข้าแต่ละประเทศ เราจะปั่นจักรยานเข้าทางที่รถยนต์บุคคลเขาขับกัน แต่ที่จอร์เจียนี่เขาให้เราเข้าไปทางที่คนจะเดินกัน มันไม่มีคนเนอะ เราเลยปั่นจักรยานช้า ๆ เข้าไป หลังจากที่ได้ประทับตราและผ่านด่านของจอร์เจียเข้ามาแล้วก็เห็นความแตกต่างว่าถนนในจอร์เจียแคบกว่าที่ตุรกีเยอะมาก เป็นธรรมดาเพราะตุรกีเจริญกว่าเยอะ ปั่นเข้ามาได้หน่อยก็เห็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งสมัยโบราณ เสียดายที่เขาปิดพอดี เลยปั่นต่อไปบาทุมิ เราปั่นตรงไปที่กโลบุส โฮสเทล ตามที่คุณสว่างเคยส่งลิ้งค์มาให้ คุยกันผ่านอินเตอร์เนตมาตั้งนานในที่สุดก็ได้พบกัน เรานั่งสนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลข้อคิดเห็นกันเกือบสองวันเต็ม เสียดายที่เรามาช้าไปหน่อยเพราะคุณสว่างจะเดินทางกลับไปทิบลิซิ แต่ก่อนแยกย้ายกันไป เราไปทานอาหารจอร์เจียกัน ได้รสชาติมากและอร่อยกว่าธรรมดาในเมื่อได้เพื่อนคุยสนุกเต็มไปด้วยเนื้อหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับเราในเส้นทางข้างหน้า และหวังว่าวันข้างหน้าเราจะได้ปั่นกับคุณสว่างไม่เส้นทางใดก็เส้นทางหนึ่งละนะ
ที่จอร์เจียนี่เราไม่ต้องขอวีซ่า แต่หลังจากประเทศนี้ไปเรื่องวีซ่าจะเป็นหัวข้อหลักที่ทำให้เราปวดหัว ต้องนั่งคิดนั่งวางแผนโดยเฉพาะวีซ่าเข้าจีน แทบจะทุกคนที่เดินทางด้วยจักรยานต้องแสร้งทำจองตั๋วเครื่องบิน ห้องพักโรงแรมเพื่อให้ได้วีซ่า หลังจากได้วีซ่าก็จะยกเลิกทุกอย่างที่จองไว้ เมื่อวันก่อนเราเพิ่งได้วีซ่าของประเทศอัซเซอร์ไบจาน สะดวกมากเพราะที่นี่เขาไม่ต้องการเอกสารอะไรมาก นอกจากแบบฟอร์มก็มีสำเนาพาสปอร์ตและรูปถ่ายตามปกติ
หลังจากคุณสว่างออกเดินทางกลับทิบลิซิแล้ว เราก็วุ่นอยู่กับการกรอกแบบฟอร์มขอวีซ่าเข้าจีน ช่างน่าปวดหัว แต่หลังจากที่เรากรอกและส่งพาสปอร์ตไปแล้ว รู้สึกโล่งไปนิด นิดนึงเท่านั้นเอง เพราะจะให้โล่งจริง ๆ ก็ตอนที่ได้วีซ่าอยู่ในมือนั่นแหละ
เราไปรับวีซ่าของอัซเซอร์ไบจานแล้วก็เดินต่อไปเล่นน้ำฉลองกันที่ชายหาด ชายหาดที่นี่เป็นหินก้อนค่อนข้างโต วันนั้นแดดแรงมาก แต่ในน้ำยังเย็นนิด ๆ พอขึ้นจากน้ำยังไม่ทันได้นั่งลงตัวก็เกือบแห้งล่ะ ดีที่ไปเล่นน้ำกันวันนั้นเพราะวันต่อมาลมแรง เหมือนเป็นพายุ และวันนี้ฝนก็ตกและคาดว่าพรุ่งนี้ก็จะตกตอนที่เราจะปั่นไปทิบลิซิ ก็ดีที่ได้อยู่ในเมืองตอนที่มีอากาศดี ๆ
ถ้าอยากดูภาพในเมืองอีกหน่อยลองเข้าไปดูในบล๊อคโจคิมที่เป็นภาษาอังกฤษนะค่ะ
อะ หน้านี้อุดมด้วยลูกเล่น กร๊าาาก
สักนิด หนุก ๆ เพราะเดี๋ยวจะมีแต่เรื่องปวดหัวละ วีซ่างัย 🙂