Monthly Archives: June 2013

Visa struggle

I have mentioned in previous posts that central asia is the world’s epicenter of bureacrazy regarding visas. These countries used to be part of the Soviet union, but while the Soviet union is long gone, its bureacratic legacy remains unchanged. I think the ”stan-countries” actually are happy to recieve visitors who spend their money in their countries, but that they at the same time have difficulties to shrug off the Soviet bureacratic tradition. Visas are expensive and applications are processed slowly. Where and when the application will be quickest, simplest and cheapest is the given topic of conversation among travelers going into the area.

If the central asian states want us to come, but can’t get rid of their soviet heritage, China is very much the opposite. China doesn’t care about foreign money and is not too happy having western visitors in its troubled western regions. China also prefer travelers to apply for visa in their home country which causes problems to us since the visa’s validity would have run out by the time we arrive to the chinese border.

Applying for chinese visas in central asia has become much more difficult the last few years and all travelers have different ways to get the precious chinese visas. Our solution was to apply for an extra passport and leave it at home. When it was time to apply we had to present bookings for flights and hotels and in order not to create any suspicions we made it look like we were going to the normal tourist destinations in the eastern part of the country.

Our chinese visas were granted a few days ago and this was a great relief to us. My mother has now sent the passports with DHL courier service to Baku where we will continue by applying for visas to Uzbekistan and Kazakstan. The Uzbek visa is a bit of a hassle though since it will be valid only for 30 days set in the visa and not for 30 days during a for example two month period.

The ferry across the Caspian Sea remains very unreliable and we expect to have to wait for a week until we can board it. When we have landed on Kazakh soil we will have 8 days of ride through the dessert before reaching the border of Uzbekistan. Since Uzbekistan is 2000 km long we want to enter on day one of our visas validity and all this will require a very careful analysis before we set the date we would like to enter the country.

จอร์เจีย => Borjomi (โบรโจมิ) ไป Gori (โกริ) นั่งรถไฟต่อไป Tbilisi (ทบิลิซิ)

“ชัค” คนแคนาดามาเคาะประตูห้องแต่เช้า เขาคิดว่าเรากำลังแพ๊คกระเป๋าเพื่อออกเดินทาง เขาอยากจะถ่ายรูปเราพร้อมจักรยานที่โหลดกระเป๋าเต็มอัตรา แต่ขอโทษ…พวกเรายังไม่ได้กินอาหารเช้าอันเลิศรสจากแม่ของลีโอเลย จะไปได้อย่างไรกัน 😉 แต่ชัคเขาจะไปพิพิธภัณฑ์และไปเดินเทรคกิ้งบนเขาต่อ เราเลยบ๊ายบายกันตอนนั้น

บรรกายาศในเมืองโบรโจมิ

บรรกายาศในเมืองโบรโจมิ

เกือบเที่ยงกว่าพวกเราจะออกจากที่พัก ปั่นตามทางมาสบาย ๆ เรียบน้ำได้สักพัก ก็เห็นจักรยานแบกสัมภาระเหมือนเราจอดอยู่ข้างทาง ดีใจ ต้องจอดทักทายกันเสียหน่อย เขาเป็นนักปั่นจากสโลเวเนียชื่อ มาโก้ะ (Marko) เขาพักที่โบรโจมิเหมือนกัน เมื่อคืนเขามีไข้และเพิ่งดีขึ้นแต่ยังไม่ค่อยเต็มที่เท่าไหร่ เราเลยปั่นล่วงหน้าไปก่อน แต่แลกอีเมลย์กัน เพราะยังงัยก็คงไปเจอกันที่เมืองหลวงทบิลิซิ เพราะเขาต้องมาขอวีซ่าเข้าคาซัคสถานและอัซเซอร์ไบจานที่นั่น ปั้มน้ำมันที่จอร์เจียส่วนใหญ่ไม่ค่อยใหญ่โตเหมือนที่ตุรกี มีปั้มหนึ่งเราเข้าไปถามหาห้องน้ำ เขาบอกว่าไม่มี เป็นไปได้อย่างไร!! โจคิมเลยไปใช้บริการข้างทาง ขออนุญาติต้นหญ้าต้นไม้ข้างหน้าก็แล้วกัน เราเคยได้พบกับหมอคนหนึ่งที่บาทุมิ เขาแนะนำว่าถ้าจะขอกางเต้นท์หรือบริการที่ดีหน่อยให้เข้าปั้ม SOCAR (โซก้า) เพราะดีที่สุดในจอร์เจีย เพิ่งมารู้เมื่อวานนี้ว่ายี่ห้อนี้เป็นของอัซเซอร์ไบจาน และร้านขายของ Goodwill (กู้ดวิล) ก็เป็นของเขาด้วย

ปั้มน้ำมันโซก้าและร้านขายของกู้ดวิลที่เปิดตลอด 24 ชม. มีทั้งซุปเปอร์มาเกตและสวนอาหารเหมือนบ้านเราแบบชี้ ๆ เอาดูน่ากินไปหมด ตามเคย

ปั้มน้ำมันโซก้าและร้านขายของกู้ดวิลที่เปิดตลอด 24 ชม. มีทั้งซุปเปอร์มาเกตและสวนอาหารเหมือนบ้านเราแบบชี้ ๆ เอา ดูน่ากินไปหมด ตามเคย

สักบ่ายแก่ ๆ เราพักเอาแพนเค้กสอดไส้ชีสที่แพ๊คมาด้วยออกมากินกัน อืม..เข่าเริ่มปวด ๆ นิด ๆ แต่ก็ยังพอไหว เอายาหม่องออกมาทา ๆ ถู ๆ สักหน่อย เราเริ่มเข้าสู่ถนนใหญ่คือจะเข้าเส้นหลักล่ะ ไหล่ทางเริ่มแคบลง ๆ จนกระทั่่งไม่มี แทบจะตลอดทางต้องตะโกนและเป่านกหวีดให้สัญญาณกัน แต่บางทีเวชเป่าบอกไม่ทันหรือไม่ก็เบาเกิน และหลายครั้งโจคิมต้องหันกลับมามองเอง 🙁 เวชอยู่ข้างหลังเพราะมีกระจกส่องหลัง โจคิมก็อยากมี แต่ที่แฮนด์ไม่มีที่ติด เฮ้อ..และอีกหลายครั้งที่ถูกเบียดลงไปปั่นข้างทางที่มีแต่หินลอย แย่!! แต่ก็ดีกว่าไปเบียดกับสิบล้อ ปั่นบนทางที่ไม่เรียบมันกระเทือนเลยยิ่งรู้สึกแปลบ ๆ ที่เข่า ท่าจะไม่ดี เพราะทุกครั้งที่กดขาลงไปจะรู้สึกเจ็บ และจากตรงนั้นกว่าจะเข้าถึงเมืองโกริ (Gori สตาลินเกิดที่เมืองนี้ด้วยนะ) เกือบ 10 กม. พอดีเห็นป้ายอันใหญ่โตบอกว่าอีก 5 กม.จะถึงปั้มน้ำมันโซก้าและร้านกู้ดวิลแถมมีอินเตอร์เนตด้วย อืม…น่าสน กัดฟันปั่นต่อไป

พอมาถึงเราเช๊คสถานที่ เข้าไปซื้อขนมและสำรวจดู คิดว่าคืนนี้คงได้ฝากท้องอันหิวโหยของเราที่นี่แหละ เราลองปั่นไปที่ปั้ม คุยเล่นกับพวกเด็กปั้มและเจ้าหน้าที่นิดหน่อยแล้วค่อยถามเขาถึงเรื่องกางเต้นท์ อันนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโจคิม เขาให้กางเต้นท์นะแถมยังพาเดินไปตรงที่ที่เราสามารถกางได้ด้วย เกือบจะหน้าปั้มเลย เราจอดจักรยานฝากเขาแถว ๆ ปั้ม แล้วเดินไปหาอะไรกิน เช็คอินเตอร์เนตที่ร้านกู้ดวิล โจคิมรู้สึกเป็นห่วงจักรยานเลยลองเดินไปดู ปรากฎว่าเขาย้ายจักรยานเราไปจอดข้าง ๆ ตึก ขาตั้งของโจคิมหักไปเขาเลยตั้งไม่ได้ เลยเอาไปขี่เล่นเสียเลย แต่มันไม่สมดุลย์เพราะมีกระเป๋าใบหนึ่งเราเอาติดตัวไปที่ร้านเพราะเป็นกระเป๋าคอมฯ พอโจคิมเดินไป ก็เลยดึงกระเป๋าใบหนึ่งออกจากตะแกรงหน้ารถ เหลือสองใบที่ตะแกรงท้ายรถ พนักงานกะกลางวันได้ปั่นคนละรอบ ที่นี้จะล๊อครถก็ดูไม่ดีละ พอเริ่มจะมืด เราก็เลยรีบ ๆ ไปกางเต้นท์และย้ายจักรยานไปแอบ ๆ ข้างตึกและ ”ล๊อค” จักรยานทั้งสองคัน กะกลางคืนมาเข้างาน ซึ่งมีคนหนึ่งที่รู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เขาชอบพูดเรื่องเงิน และคนนี้แหละที่อยากลองปั่นจักรยานของโจคิม อยากมาก ๆ ด้วย ขอตั้งแต่เมื่อคืน แต่โจคิมทำเป็นไม่รู้เรื่องและเข้าไปนอนอ่านหนังสือในเต้นท์ ตรงนี้ชอบที่ตุรกีมากกว่า เพราะคนที่ปั้มให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า เขาไม่มายุ่งวุ่นวายหรือมาใกล้เต้นท์เราสักนิดเลย แต่ตรงนี้อาจจะเป็นเพราะเรากางเต้นท์ใกล้เขาก็ได้ มีคนหนึ่งเดินร้องเพลง ร้องอย่างเดียวไม่ว่าแต่พี่ท่านเล่นเดินไปทั่วแถมเดินเสียใกล้เต้นท์เรามากเลย ความอยากรู้อยากเห็นเขามีมาก กว่าจะนอนหลับได้

หน้าตาอาหารของเขาล่ะ อีกฝั่งหนึ่งเป็นของหวาน มันดูน่าชิมน่าหม่ำไปหมดเสียทุกอย่าง จริง ๆ ตอนนี้มีอะไรอร่อย ๆ ให้กินก็ควรจะกิน เพราะเมื่อข้ามไปปั่นในประเทศ...สถาน ทั้งหลาย มีหวังได้อดกันข้ามมื้อข้ามวันแน่เลย :-(

หน้าตาอาหารของเขาล่ะ อีกฝั่งหนึ่งเป็นของหวาน มันดูน่าชิมน่าหม่ำไปหมดเสียทุกอย่าง จริง ๆ ตอนนี้มีอะไรอร่อย ๆ ให้กินก็ควรจะกิน เพราะเมื่อข้ามไปปั่นในประเทศ…สถาน ทั้งหลาย มีหวังได้อดกันข้ามมื้อข้ามวันแน่เลย 🙁

พอเช้ามาเราเริ่มเก็บของ เจ้าคนที่ชอบพูดเรื่องเงินก็เดินตรงรี่เข้ามาเลย และขอปั่นจักรยานทันที เฮ้อ..ปฏิเสธเขามาแล้วครั้งหนึ่ง เช้านี้ก็เลยให้เขาลองปั่นดู เราก็รักของ ๆ เรานี่นา ดูท่าเขาปั่นแล้วเหมือนไม่ทะนุถนอมของเราเลย ดีนะที่ล๊อคไว้เมื่อคืน ไม่อย่างนั้นสภาพคงแย่แน่ สงสารจักรยาน ลูกของเรานะ อืม..จะท้าวถึงความหลังว่าทำไม — ตอนที่ออกไปปั่นซ้อมที่สวีเดนแต่เผอิญมีปัญหาอะไรสักอย่างต้องนั่งรถไฟกลับบ้าน คนขายตั๋วเขาแนะนำให้เราซื้อตั๋วแบบครอบครัว (พ่อ, แม่ ลูก 2 “คัน”:-) ซึ่งจะถูกกว่า ตั้งแต่นั้นมามันก็เลยกลายเป็นลูกเราไปโดยปริยาย 🙂

รีบเก็บเต้นท์เลยไม่มีภาพถ่ายจุดกางเต้นท์ นี่เป็นวิวจากอีกฝากถนนตรงจุดที่เรากางเต้นท์

รีบเก็บเต้นท์เลยไม่มีภาพถ่ายจุดกางเต้นท์ นี่เป็นวิวจากอีกฝากถนนตรงจุดที่เรากางเต้นท์

เช้าวันนี้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเข่าที่ระบมอย่างที่คิดว่าไม่น่าจะปั่นเข้าทบิลิซิได้ เพราะตั้งแต่ล้มและรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ ไม่เคยมีวันไหนที่รู้สึกปวด ๆ เวลาเดิน เอ..ชักไม่ดี โจคิมเลยเขียนเมลย์ไปเช๊คกับเพื่อนคนหนึ่งเป็นหมอ อีกคนเป็นหมอกายภาพบำบัด เขาให้ความเห็นตรงกันว่าควรจะหยุดพักสัก 2-3 วัน เป็นไปได้ว่าตอนที่โดนกระแทกอาจมีเลือดออกซิบ ๆ ทำให้เจ็บที่จุดนั้น แต่เราก็ได้พักผ่อนหยุดพักตั้ง 3 วันแล้วที่โบรโจมิ แต่อาจจะเป็นเพราะเลือดคั่งนิด ๆ ในเข่าเลยทำให้ต้องใช้เวลามากขึ้น ระหว่างที่นั่งค้นหาข้อมูลว่าควรจะทำอย่างไรกับอาการและรอคำตอบจากเพื่อนหมอทั้งสองคนที่ส่งคำถามคุยกันไปมา เราเห็นจักรยานทัวร์ริ่งคันหนึ่งเข้ามาจอด ตามธรรมเนียมก็ต้องทักทายกันหน่อย ได้ความว่าเขาชื่อ ไซมอน เป็นคนนิวซีแลนด์ ไปพักที่กโลบุส โฮสต์เทล และพบกับหนุ่มโปแลนด์ ”บาเทค” ซึ่งเล่าให้ไซมอนฟังเกี่ยวกับเรา เขาบอกว่าเขาดีใจที่ได้เจอกับเรา เราก็รู้สึกว่าเรากับเขามีอะไรที่คล้าย ๆ กัน หนึ่งเรื่องอายุ น่าจะพอ ๆ กัน ไม่บ้าจี้เหมือนเจ้าทอมกับนิค (แต่ทอมกับนิคก็สามารถเรียกเสียงเฮและเสียงหัวเราะได้ตลอดทางเช่นกัน) สองเรื่องงบ เขาคงเตรียมตัวและเก็บออมเพื่อทริปนี้ คือ เขาก็มีงบพอสำหรับถ้าอยากนอนหรืออยากทำอะไรหรู ๆ สักครั้งสองครั้ง ซึ่งเราก็พอจะทำได้แต่ไม่ได้สุรุ่ยสุร่ายนะ

คุยกันจนกระทั่งเขาจัดการอาหารข้างหน้าเรียบร้อยและพร้อมที่จะเดินทางต่อ เลยบ๊ายบายกันและเช่นเดิมแลกเปลี่ยนอีเมลย์กัน เราไปซื้ออาหารกลางวันมากินและเช๊คหาข้อมูลต่อ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร เดินอุ่นเครื่องแล้วทั้งช้าและเร็วก็ยังรู้สึกแปลบ ๆ เลยคิดว่าปั่นเข้าเมืองโกริ แล้วนั่งรถไฟเข้าทบิลิซิเมืองหลวงเลยดีกว่า เพราะทอมและนิค เพื่อนชาวอังกฤษที่ปั่นมาล่วงหน้าอยู่ที่นั่นแล้ว ได้เจอกับพวกเขาอีกทีน่าจะสนุกกว่าที่จะอยู่พักดูอาการเข่าที่โกริ นี่เป็นครั้งแรกที่เราใช้พาหนะอื่นโดยนั่งรถไฟระยะทางช่วงนี้ประมาณ 80 กม. อืม..แต่เราก็ยังเดินทางบนบกอยู่นะ

เรามาถึงสถานีรถไฟประมาณบ่ายสามโมง รถไฟออกห้าโมงเย็น เรานั่งรอที่สถานีได้สักชม.นึง ฝนตก ฟ้าผ่า ฟ้าร้อง อึ๋ย..น่ากลัวมาก นึกถึงตอนที่ไปกางเต้นท์นอนที่โรมาเนียในหุบเขาที่นอนพร้อมเสื้อผ้าเตรียมพร้อมที่จะออกไปสู้กับฝนได้ทุกเมื่อแบบแทบไม่ได้นอนทั้งคืน

ขบวนนี้แหละที่เราจะนั่งไปด้วย มีเหตุการณ์ตื่นเต้นเล็กน้อย เรามองไม่ทัน ไม่เห็นว่าตู้ไหนเบอร์อะไรเลยต้องวิ่งกันหน่อย

ขบวนนี้แหละที่เราจะนั่งไปด้วย มีเหตุการณ์ตื่นเต้นเล็กน้อย เรามองไม่ทัน ไม่เห็นว่าตู้ไหนเบอร์อะไรเลยต้องวิ่งกันหน่อย

เวลาหกโมงเย็นเราก็มาถึงทบิลิซิ เมืองหลวงของจอร์เจีย รถราคับคั่ง เสียงแตรดังทั้งข้างหน้าและข้างหลัง ไม่รู้ว่าใครกดใส่ใคร ก่อนที่จะมาเราติดต่อกับทอมและรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เราเลยตามมาอยู่กับเขาสองคืน นั่งคุยกันสักถามอัพเดทเรื่องราวของแต่ละคน เย็นหน่อยเราเดินออกไปซื้ออาหารมาทำที่โฮสต์เทลแบบง่าย ๆ และนั่งคุยกันต่อจนดึก

ดีใจได้เจอกับพวกเขาอีก และหวังว่าจะเจอกันอีกที่บาคุ เมืองหลวงของอัซเซอร์ไบจาน

ดีใจได้เจอกับพวกเขาอีก และหวังว่าจะเจอกันอีกที่บาคุ เมืองหลวงของอัซเซอร์ไบจาน

จอร์เจีย => Akhaltsikhe (อัคฮาลซิคเฮอะ) ไป Borjomi (โบรโจมิ) แวะเที่ยว Vardzia (วาดเซีย)

คนโปแลนด์ที่เราเจอเขาที่โฮสเทสที่บาทุมิ เขาโชคไม่ดีที่สติ๊กเกอร์วีซ่าของอัซเซอร์ไบจานหมด เลยตัดสินใจปั่นไปทบิลิซิก่อนแล้วค่อยนั่งรถไฟกลับไปบาทุมิเพื่อทำวีซ่า เพราะที่นั่นไม่ต้องมีเอกสารอื่น ๆ นอกจากแบบฟอร์ม คุ้มที่จะนั่งรถไฟกลับไปทำ เราคงได้เจอเขาอีกทีที่ทบิลิซิ น่าจะเป็นการดีถ้าได้รอข้ามทะเลสาปแคสเปี้ยนพร้อมกับเขา เพราะเขาจะปั่นประมาณเส้นทางเดียวกันกับเราเลย แต่เขาจะปั่นต่อไปซิดนีย์ พอเราถึงกรุงเทพฯ ของเขาถึงแค่ครึ่งทาง 😉

บาเทค-หนุ่มโปแลนด์ที่จะปั่นไปซิดนีย์

บาเทค-หนุ่มโปแลนด์ที่จะปั่นไปซิดนีย์

หลายคนที่อยากจะเข้าเมืองหลวงเร็ว ๆ ก็จะปั่นกันบนทางหลวง แต่เราได้ยินจากคุณสว่างที่เจอกันที่บาทุมิ เขาว่าถนนจอร์เจียปั่นยากรถเยอะและไหล่ทางแทบจะไม่มี เราเลยเลือกปั่นทางเขาได้ยินเสียงนกเสียงน้ำไหล มีอารมณ์และเวลาชมวิวทิวทัศน์ข้างทาง ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง แต่ดันไปล้มเอาเข่ากระแทกกับหินนี่สิ มีช่วงที่มีน้ำตกไหลผ่าน ธรรมดาเขาจะวางท่อใต้พื้นถนนเพื่อไม่ให้มันไหลข้ามถนน แต่นี่มันทางบนเขาที่จอร์เจีย เขาคงไม่สนใจที่จะทำให้ดีมั้ง เฮ่อ…ตอนล้มไม่รู้สึกเจ็บนะ เลยไม่ได้ถู ๆ นวด ๆ มัน มารู้สึกเจ็บนิด ๆ ก็วันรุ่งขึ้น เริ่มเจ็บแปลบ ๆ นึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้นทันใด เอายาหม่องมาทาถูตั้งหลายครั้งยังไม่ดีขึ้น นี่ผ่านมาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ดีขึ้นเลย ชักเป็นห่วง แต่คิดว่ามันเป็นแผลฟกช้ำที่ถูกกดถูกตลอดเวลาเวลาเราปั่นจักรยาน ก็เลยรู้สึกเจ็บไม่หายสักที พักที่อัคฮาลซิเฮอะสองวัน และวันที่ปั่นมาโบรโจมิ (Borjomi) เริ่มเจ็บ เลยหยุดพักตั้งสามวันที่นี่ แต่ก็ยังเจ็บ ๆ อยู่ เฮ่อ…

สิ่งปรักหักพังข้างทาง มีเยอะมาก มีเวชอยู่ในภาพด้วยนะ เห็นกันมั้ย?

สิ่งปรักหักพังข้างทาง มีเยอะมาก มีเวชอยู่ในภาพด้วยนะ เห็นกันมั้ย?

ที่อัคฮาลซิเฮอะ เราพักที่โรงแรมจิ้งหรีดหนึ่งคืน หลังจากนั้นก็เข้าเมืองอยู่อีกคืนหนึ่ง เอ…ชักยืดยาดเอาเรื่องเหมือนกันนะพวกเรา 😉 ก็เรื่องวีซ่างัย การขอวีซ่าเข้าอุซเบกิสถานต้องใช้จดหมายเชิญ แล้วเราจะไปหาได้ที่ไหน นอกจากจะติดต่อกับบริษัทที่เข้าสามารถจัดการให้ได้คือ STANtours (นักปั่นข้ามทวีปรู้จักบริษัทนี้กันทุกคน) การจ่ายค่าจัดการเขาก็ใช้เวลา และหลังจากให้ข้อมูลเป็นตับแล้ว ชำระค่าป่วยการแล้ว ก็ต้องรอไปอีกหนึ่งอาทิตย์เพื่อทางเขาจะส่งจดหมายเชิญไปที่หน่วยอะไรสักอย่างเพื่อขออนุมัติขออนุญาติอะไรทำนองนั้น ระบบข้าราชการของเขายังติดหนึบอยู่กับระบบทางรัสเซียที่ต้องเช๊คต้องเรื่องมาก ประเทศเขาก็น่าเที่ยวแต่ไม่น่าทำให้วีซ่าเป็นเรื่องยุ่งยากเลย  การขอวีซ่าเข้าอุซเบฯ ต้องระบุวันที่แน่นอนว่าจะเข้าประเทศวันไหน กรอกไว้ว่าจะเข้าวันไหน วันนั้นก็เริ่มนับเป็นวันแรกของวีซ่าที่ได้ 30 วัน ก็ปวดหัวอีกเพราะไม่รู้ว่าจะได้ขึ้นเรือแฟรี่ไปเมืองอัคเทาที่ประเทศคาซัคสถานเมื่อไหร่ แล้วข้าพเจ้าจะบอกได้อย่างไร บอกเร็วไปก็ต้องปั่นกันหน้าตั้ง บอกช้าไปก็ต้องไปแหง่วอยู่ในคาซัคสถาน แฮ่… ไหน ๆ ก็มาเกือบจะถึงหน้าประตูบ้านเขาแล้ว ก็ต้องลุยต่อ ไม่มีเวลาก็โบกรถนั่งรถไฟเอาละกัน ใจจริงก็อยากปั่น แต่ถ้ามีปัญหาที่ทำให้ปั่นไปไม่ทัน เวชคิดว่าที่ง่ายที่สุดคือโบกรถหรือนั่งรถไฟ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าตอนนั้นเราจะอยู่ใกล้จุดที่มีรถไฟผ่านหรือไม่ หรือจะมีรถให้โบกหรือเปล่านี่สิ เอา..ช่างมันเหอะ แก้ปัญหาตรงนี้ก็เจอปัญหาตรงนั้น เอาไว้เจอก่อนละกันแล้วค่อยแก้ นี่เป็นวิธีเวชแต่โจคิมไม่อ่ะ เธอจะต้องหาทาง ป้องกัน แก้ไข แทบจะทุกจุด รอบคอบจริง ๆ

อัคฮาลซิเฮอะอยู่สูงเหมือนกัน นั่งในที่ร่มก็รู้สึกเย็น ๆ ออกมาพักผ่อนสมองหาอะไรกินกัน

อัคฮาลซิเฮอะอยู่สูงเหมือนกัน นั่งในที่ร่มก็รู้สึกเย็น ๆ ออกมาพักผ่อนสมองหาอะไรกินกัน

เราออกมาหาอะไรกินกัน ตอนสั่งก็หิวเนอะ เอาโน่นเอานี่ เอ..กินรออีกจานหนึ่ง ทำไมไม่มาสักที ปรากฎว่าเขาไม่ได้จดในรายการ โชคดีไปเพราะเริ่มอิ่มแล้ว ตอนที่นั่งกินอยู่ก็เห็นตึกฝั่งตรงข้าม มองจากข้างนอกก็ไม่เห็นมีใครสักเท่าไหร่ ตอนแรกนึกว่าเป็นอาคารสำนักงาน แต่ก็ไม่น่าใช่ เลยลองถามเด็กในร้าน ปรากฎว่าเป็นห้องสมุดประชาชนที่ย้ายมาเมื่อสองปีที่แล้วจากที่เก่า แหม..มาตั้งอยู่ตรงหน้าก็ต้องเข้าไปดูเสียหน่อย ด้านในดูสะอาดสะอ้านน่านั่ง ไม่ค่อยมีคนเข้ามาใช้ เด็ก ๆ นั่งอ่านหนังสือกัน และคนหนึ่งนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ เห็นบรรณารักษณ์ทั้งหลายนั่งคุยกันอยู่ที่เคาน์เตอร์ เลยขอเข้าไปสัมภาษณ์หน่อยว่าเกี่ยวกับห้องสมุดนิดหน่อย งบเขาคงมีไม่เยอะ เพราะหนังสือหลายเล่มอาจจะถูกทิ้งไปนานแล้วถ้ามันอยู่ที่ในห้องสมุดที่สวีเดน

บรรณารักษณ์ที่ห้องสมุดประชาชนมีทั้งหมด 8 คน

บรรณารักษณ์ที่ห้องสมุดประชาชนมีทั้งหมด 8 คน

หนังสือเขาเก่ามากเลย อาจจะกำลังจัดอยู่ก็เป็นได้หรืออาจจะไม่มีงบซื้อหนังสือใหม่ก็ต้องเก็บของเก่าไว้ก่อน

หนังสือเขาเก่ามากเลย อาจจะกำลังจัดอยู่ก็เป็นได้หรืออาจจะไม่มีงบซื้อหนังสือใหม่ก็ต้องเก็บของเก่าไว้ก่อน

เราตั้งใจปั่นสั้น ๆ ไปเมืองโบรโจมิ (Borjomi) เลยออกกันสายหน่อย ถนนสายนี้ก็ยังคงสวยและน่าปั่น จราจรไม่คับคั่ง ที่ยิ่งดีคือมันลาดลงนิด ๆ ด้วย ชอบๆๆ

ถนนทางไปเมืองโบรโจมิ ที่เรามารู้ทีหลังจากลีโอว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อนแถบนั้นเป็นภูเขาไฟ 

ถนนทางไปเมืองโบรโจมิ ที่เรามารู้ทีหลังจากลีโอว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อนแถบนั้นเป็นภูเขาไฟ

สิ่งปรักหักพังอีกที่หนึ่งที่ชัคและโจคิมเดินขึ้นไป เรารอที่รถละ

สิ่งปรักหักพังอีกที่หนึ่งที่ชัคและโจคิมเดินขึ้นไป เรารอที่รถละ

โบรโจมิเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีชื่อเรื่องน้ำแร่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวของคนในประเทศเสียส่วนใหญ่ แต่ก็มีเห็นคนอิสราเอลและโปแลนด์บ้าง เราปั่นมาถึงและหยุดตรงใจกลางเมือง เคยได้อ่านจากหนังสือท่องเที่ยวว่า ‘Leo’s Homestay’ น่าอยู่ ได้เจอลีโอโดยบังเอิญที่ถนนสายนั้น เราเลยตามเขาไปที่บ้าน และได้อยู่ในอพาร์ตเมนท์ที่เขาแบ่งเป็นห้อง ๆ ให้เช่า เราได้ห้องเตียงใหญ่แต่ไม่ค่อยมีพื้นที่มากนัก แต่ถือว่าดีที่สุดแล้ว เหมือนเป็นส่วนตัวในราคา 20 ลารีต่อคนแต่ถ้าเพ่ิมอีก 5 ลารีแม่ของลีโอจะทำอาหารเช้าให้ด้วย หลังจากที่เห็นอาหารเช้าแล้ว คิดว่า 5 ลารีนี่สุดคุ้ม กินกันจนอิ่มไปถึงเย็น 😉

ตอนปั่นเข้าโบรโจมิเริ่มรู้สึกเจ็บที่เข่าทุกครั้งที่กดบันไดลง เลยอยู่ต่ออีกสองวัน วันแรกลีโอแนะนำเราให้เดินเข้าไปในสวน 2 กม.ไปชิมน้ำแร่ ลองชิมดูแล้ว รสชาติไม่ค่อยอร่อย น้ำแร่อุ่น ๆ แถมมีรสซ่า ๆ ด้วย ดีนะที่ไม่ได้เอาขวดไปด้วยอย่างที่ลีโอแนะนำ เขาว่าน้ำแร่นี่ดีสำหรับท้อง อืม…ถ่ายสะดวกหรืองัย อุ๊บส์์..ขอโทษ 😉

รสชาติเป็นอย่างไรอ่านจากสีหน้าของโจคิมดูเอาเองนะค่ะ ;-)

รสชาติเป็นอย่างไรอ่านจากสีหน้าของโจคิมดูเอาเองนะค่ะ 😉

แล้วถ้าเดินต่อไปอีก 3 กม.ออกจากสวนเดินตามทางเข้าป่าไป จะมีสระน้ำคอนกรีตกลางแจ้ง อืม..น่าสน น้ำร้อนด้วยหรือ? อืม… เอาชุดว่ายน้ำไปด้วย ระหว่างทางที่เดินเข้าป่าไปดูร่มรื่น มีน้ำไหลผ่านตลอด

น้ำจากภูเขา

น้ำจากภูเขา

สระนำ้กลางแจ้งที่ไม่ค่อยร้อนอย่างที่คิด อยู่กลางแจ้งก็สกปรกนิดหน่อย แต่สามารถนอนเล่นพักผ่อนกันที่สนามหญ้าได้

สระนำ้กลางแจ้งที่ไม่ค่อยร้อนอย่างที่คิด อยู่กลางแจ้งก็สกปรกนิดหน่อย แต่สามารถนอนเล่นพักผ่อนกันที่สนามหญ้าได้

เราพักต่อวันหนึ่งลีโอมาถามว่าเราอยากจะไปเมืองถ้ำที่ห่างจากโบรโจมิไปอีก 120 กม.ด้วยมั้ย เพราะเขามีคนแคนาดาที่จะไปด้วย เราก็เดินเที่ยวในเมืองแล้ว เลยตัดสินใจไปกับเขา ได้เจอกับชัค (Chuck) เขามาที่จอร์เจียนี่เป็นครั้งแรก มาจัดสัมนาเกี่ยวกับฟาร์มไร้สารเคมีกับชาวนาที่จอร์เจีย พอเราเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับทริปของเรา เขาก็ตาโต เพราะเขาเองก็เป็นนักปั่นทัวร์ริ่งเหมือนกัน เขายังชวนให้เราปั่นไปเที่ยวบ้านเขาที่ออนโตริโอที่แคนาดาด้วย น่าสน!!!

วาดเซีย (Vardzia) ตั้งอยู่ในช่องแคบในหุบเขาที่สามารถมองเห็นพวกมองโกล คนเปอร์เซียและคนตุรกีบุกเข้ามา คนท้องถิ่นสมัยโน้นจึงขึ้นไปเจาะเขาให้เป็นถ้ำเพื่อหลบภัยจากผู้รุกราน ไม่รู้ว่าเขาอยู่กันนานแค่ไหน แต่มีการวางแผนเกี่ยวกับเรื่องน้ำ ลีโอชี้ให้ดูจากถนนถึงขีดที่เห็นไกล ๆ บนภูเขานั่นเป็นร่องที่เขาทำให้น้ำไหลมาเก็บไว้ใช้ เราดูไม่ออกว่าห้องไหนเป็นอะไร เดากันไปเรื่อย ลีโอว่ามีพระอยู่บนถ้ำนั่นด้วย 5 รูป

นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของถ้ำเท่านั้น

นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของถ้ำเท่านั้น

ด้านในถ้ำ

ด้านในถ้ำ

สงสัยว่าทริปเราไม่ควรจะเที่ยวที่ไหนโดยไม่ใช้จักรยาน เพราะทุกครั้งที่ต้องนั่งรถไป ฝนจะตก ฮึ่ม… แต่อาจจะเป็นเพราะว่าวิหารสุเมล่าที่ตุรกีและเมืองถ้ำวาดเซียที่จอร์เจียนี่อยู่บนเขาสูง อากาศคงชื้นเป็นธรรมดา ปลอบใจตัวเอง กลัวไม่ได้เที่ยว 😉 นั่นแหละพอเห็นถ้ำจากรถเท่านั้นฝนก็ตก แถมปนด้วยลูกเห็บ ลีโอต้องเอารถขับไปแอบอยู่ใต้ต้นไม้สักพัก แล้วเราก็เปียกอีกจนได้ แต่ไหน ๆ มาถึงแล้วก็ต้องขึ้น เดินขึ้นก็ได้นะ แต่ลีโอว่าถ้าจ่าย 1 ลีราสามารถนั่งรถตู้ขึ้นไปได้ แต่ขอลงมาด้วยได้มั้ย? ได้!! เดินอยู่ข้างบนชมถ้ำกัน มีแม้กระทั่งโบสถ์อยู่ข้างบน มีภาพวาดที่ยังคงสภาพดีอยู่ สวยมาก เนื่องจากฝนตกเราเลยเดินกันไม่ทั่วเท่าไหร่ เดินมารอรถตู้ แต่ไม่มาสักที ฝนตกฟ้าร้อง ไม่รู้จะไปหลบที่ไหนนอกจากในถ้ำ ชัคเขาไม่ชอบ เขากลัวฟ้าจะผ่าเพราะอยู่ในถ้ำเป็นอะไรที่ไม่ปลอดภัยมากที่สุด เราเลยต้องเดินลง เจ็บเข่าอีก เฮ่อ..

ลีโอบอกว่าทริปนี้เขาจะพาเราไปเล่นน้ำแร่ร้อน ๆ ที่นี่มีหลังคา เราเห็นเด็กเยอะแยะก็กลัวว่าคนจะเยอะ เลยบอกว่าไม่ไปละกัน ลีโอก็งงและค้านว่าเราควรจะไป เขาบอกว่าที่แห่งนี้ไม่มีในหนังสือท่องเที่ยวที่ไหน อ่ะๆๆ โอเค ไปก็ไป ไปดูก่อน ไม่ชอบใจก็ค่อยไปต่อ พอมาถึง ไม่มีใครสักคนมีแต่พวกเราสามคนที่ลงไปแช่น้ำ โห..สุดยอด ขอบใจลีโอที่่คะยั้นคะยอให้พวกเราไป น้ำน่าจะร้อนสัก 30 องศา ไม่ค่อยมีกลิ่นเหมือนไข่เน่าสักเท่าไหร่ หลังจากที่เดินชมถ้ำจนตัวเปียกฝนและเริ่มรู้สึกเย็น ๆ มาแช่น้ำตรงนี้แล้วรู้สึกสบาย ๆ ๆ

บ่อน้ำแร่ ร้อน 30 องศาได้

บ่อน้ำแร่ ร้อน 30 องศาได้

ถ้ามีใครจะมาเที่ยวโบรโจมิขอแนะนำที่โฮมสเตย์ของลีโอนะค่ะ

หน้าตึก เป็นบ้านเก่าสัก 60 ปีถ้าเข้าใจแม่ลีโอไม่ผิด ;-)

หน้าตึก เป็นบ้านเก่าสัก 60 ปีถ้าเข้าใจแม่ลีโอไม่ผิด 😉

แม่ของลีโอที่ทำอาหารเช้าได้อร่อยถูกปาก ไม่รู้ว่าจะปลื้มว่าเรากินจนหมดทุกอย่างหรือเปล่า ;-) ;-) กินหมดทุกจานเลย

แม่ของลีโอที่ทำอาหารเช้าได้อร่อยถูกปาก ไม่รู้ว่าจะปลื้มว่าเรากินจนหมดทุกอย่างหรือเปล่า 😉 😉 กินหมดทุกจานเลย

เห็นภาพแล้วยังหิวได้อีกอ่ะ

เห็นภาพแล้วยังหิวได้อีกอ่ะ

Day 62, Borjomi and Vardzia

It only took us two and a halft days to ride over the mountain pass and maybe it was a bit early for a rest day but we decided to stay one extra day in Akhaltsikhe to prepare our visa applications for the central asian states. Beside doing all administrative tasks we went out for a walk in the town and found the city library.

The exterior of the library

The exterior of the library

Wej couldn’t resist the temptation of visiting a Georgian library so we went in to have a look. It looked nice and there were quite a few visitors there.

Visitors reading newspapers

Visitors reading newspapers

Although being in a brand new library many of the books looked very old and worn and Wej said that that kind of books would have been replaced long ago in her library. The lack of resources is probably the reason for this but maybe some of the budget for the library building should have been allocated to the library’s content instead.

Old and well used book

Old and well used book

I would like to borrow a book about bicycle repair. Is this the right shelf??? 😉

Am I at the right section?

Bicycle section?

The library has a staff of 8 people and we met a couple of them at a counter. One of them spoke very good English and Wej interviewed her about the library.

Visiting collegues in a foreign country

Visiting collegues in a foreign country

Many people ask as what kind of tools and spare parts we carry. My answer is only the things that are most necessary or hardest to find in remote places. We will always be able to find shops like this where we could get an extra tire or pedal if needed. Shops like this don’t sell high quality parts but we could probably get hold of stuff that will at least take us to the next shop selling parts with higher quality.

Store selling anything from toys and kitchen utensils to simple bicycle parts.

Store selling anything from toys and kitchen utensils to simple bicycle parts.

The following day we were going to cycle the 50 km from Akhaltsikhe to Bojormi. The road is of good quality, slightly downhill and going through a beautiful area so it was a quick ride.

View from the road between Akhatsikhe and Bojormi

View from the road between Akhatsikhe and Bojormi

Bojormi is an small town known for its mineral water and it has been a tourist attraction for almost a century. At the main street we ran into Leo who is the owner of one of the homestays recommended by the Lonely Planet guidebook. We followed Leo home and got a small little room in an apartment that had been turned into a guesthouse.

The following morning Leo’s mother cooked breakfast for us and we are lucky to be cycling since nobody who isn’t doing a lot of physical work during the days could eat that huge amount of food. Fried potatoes, huge pancakes, salad, fried eggplants, fried eggs, lots of bread, tea, coffee and some cake as dessert. That is the kind of breakfast a touring cyclist likes…. 🙂

Breakfast at Leo's...

Breakfast at Leo’s…

As mentioned Borjomi is famous for its mineral water and in the city there is a park with wells where people can fill up their bottles for free. Empty bottles are conveniently sold almost everywhere.
When we went to the park I had to try the well with warm mineral water and I must say I didn’t really like the taste. It was too salty…..

Not too impressed of the taste of warm mineral water

Not too impressed of the taste of warm mineral water

Leo had recommended us to pay a visit to a local swimming pool with hot mineral water. It was a 3 km long walk along a trail into the forest behind the park. The pool was very simple and there were some other people there too. The water was not super hot and the pool was not well kept and being outside there were lots of leaves and algea in the water. The place was quiet and I enjoyed sitting in the shadow of a tree reading the only book I carry with me.

Community outdoor pool with warm mineral water

Community outdoor pool with warm mineral water

Wej fell and hurt her knee when passing a creek on the mountain a few days ago and since the pain hasn’t gone away completely we decided to stay one more day in Bojormi. We can’t enter Azerbadjan before June 6 which is the first day of our visa validity so by staying here for extra days we only cut our time in Tbilisi shorter.

We needed something to do during our extra day off the bikes and Leo offered to drive us to the ancient rock city of Vardzia some 120 km south east of Bojormi. We got company on the tour by Chuck who works with organic farming in Canada and who is in Georgia to hold seminars and training with local organic farmers. Chuck is also a touring cyclist and has done many tours in north america and we had plenty of topics to discuss.

Wej and Chuck at Vardzia

Wej and Chuck at Vardzia

Leo knows his part of the country very well and we stopped at many places along the way and he told the stories behind them.

Vardzia is located in a narrow valley that has seen invading mongol, persian and turk armies pass by and the local people built the rock city to hide in during times of unrest. The place ias absolutely amazing and there are hundreds of rooms and chambers carved into the rock and even a working monastery with residing monks.

A part of the rock city at Vardzia

A part of the rock city at Vardzia

Inside one of the caves

Inside one of the caves

Unfortunately it started to rain when we went up to the caves so we cut our visit short. Leo then insisted that we should go to the nearby pool with hot mineral water. This pool was also a very simple concrete pool but it was inside and a there was nothing around it. We were alone there and quickly changed into our swimsuits and slowly slowly went into the water that was extremely warm. We soaked in the water for a while and then started the long drive back to Bojormi.

The pool with very hot mineral water. Super nice :-)

The pool with very hot mineral water. Super nice 🙂

Toothpaste quiz

Do you remember our toothpaste quiz?

On April 10 in Bukarest we opened a new toothpaste tube and raised the question where we would be when it gets empty. The closest guess will get a postcard from that place.

Here are the guesses:

Iain                    Samsun
Heiko                 Batumi
John                  Tbilisi
Elisabeth            Baku
Danne                Middle of Caspian Sea
Mum we             Aqtau
Kalle                   Beyneau
Micke                 Turtkul
Ryszard             Samarkand
Nutth                 Osh
Michael&Jodie   Lake Vakhsh
Cousin Marie     New Dehli or 15 June
Bootsabong       Uzbekistan or 77days which is on July 14.
Jesper&Emma  17 August
Hednoi              Thaiman….

On a map it will look like this. The guesses that are dates can’t be put on the map.
Skärmavbild 2013-06-01 kl. 01.19.54

This is how our toothpaste tube looks right now and we are about 150 km from Georgias capital Tbilisi.
bild-14
Iain and Heiko are already out of the game – should we let them have a second chance?

We ourselves are guessing too, but not where we will run out of toothpaste but who will be the winner and if there will be any postcard to buy at that place….

คำถามทายเล่น ๆ กับยาสีฟัน

วันที่ 10 เมษายน เราเปิดใช้ยาสีฟันหลอดใหม่ที่บูคาเรสต์เลยคิดกันเล่น ๆ ว่าหลอดนี้มันจะหมดที่ไหน วันไหน และลองให้เพื่อน ๆ เข้ามาช่วยกันเดา และถ้าเพื่อนคนไหนที่เดาได้ใกล้เคียงมากที่สุด จะได้รับโปสการ์ดจากที่นั้น

นี่คือที่เพื่อน ๆ เดากันเข้ามา :-

Iain (เอียน) Samsun (ซัมซุน)
Heiko (ไฮคุ) Batumi (บาทุมิ)
John (จอห์น) Tbilisi (ทิบลิซิ)
Elisabeth (อลิซาเบธ) Baku (บาคุ)
Danne (ดันเน่) Middle of Caspian Sea (กลางทะเลสาปแคสเปี้ยน)
Mum we (แม่โจคิม) Aqtau (อัคเทา)
Kalle (คัลเล่อ) Beyneu (เบนิว)
Micke (มิคเกอะ) Turtkul (ทูรท์คูล)
Ryszard (ริซาด) Samarkand (ซามาร์คันด์)
Nutth (นัท) Osh (ออช)
Michael & Jodie (ไมเคิล+จูดี้) Lake Vakhsh (ทะเลสาปวัคช์)
Cousin Marie (มารี) New Dehli or 15 June (นิวเดลลี หรือ 15 มิย.)
Bootsabong (บุษบง) Uzbekistan or 77days (อุซเบฯ หรือ 77 วันคือ 14 กค)
Jesper & Emma (เยสเปอร์+เอมม่า) 17 August (17 สค.)
Hednoi (เห็ดน้อย) Thaiman… ไทยแลนด์

ดูจากแผนที่ข้างล่างนี้ บางคนเดาเป็นวันที่เราเลยไม่สามารถแปะลงไปในแผนที่ได้

Skärmavbild 2013-06-01 kl. 01.19.54

เอียนและไฮคุตกรอบไปแล้ว แต่ถ้าคิดว่าอยากจะเล่นต่อหรือเพื่อนบางคนที่อยากจะอัพเดท ต้องไปทำความดีอะไรสักอย่างก่อนนะคะ

เราก็ร่วมเดาด้วยค่ะแต่ไม่ใช่ว่ายาสีฟันจะหมดเมื่อไหร่ แค่กลัวว่าพอไปถึงเมืองนั้นและยาสีฟันหมด เขาจะมีขายโปสการ์ดหรือเปล่าเท่านั้นเอง 😉 ลองดูนะค่ะว่าหลอดยาสีฟันตอนนี้ดูเป็นอย่างไร และเราต้องปั่นอีก 150 กม.ไปเมืองหลวงของจอร์เจียคือทิบลิซิ

bild-14