Category Archives: Posts in Thai / โพสต์ภาษาไทย

เส้นทางที่เราเลือกและคำถามให้คิดกันเล่น ๆ ;-)

เมื่อสองอาทิตย์ก่อนที่เราอยู่ในช่วงที่ต้องเลือกทางระหว่างเส้นทางตอนเหนือหรือเส้นทางใต้ เนื่องด้วยมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่อิหร่านทำให้เราไม่สามารถขอวีซ่าเดินทางเข้าประเทศทางบกได้

แผนที่ทางเลือก

แผนที่ทางเลือก


มีน้องต้นบอกให้ไปคนละเส้น นี่ก็น่าสนใจนะถ้าน้องต้นจะมาร่วมด้วยกับพวกพี่ทั้งสองเส้น จะได้ช่วยกันเก็บข้อมูลงัย เก็บคนเดียวไม่ไหว 😉 ส่วนเพื่อนบุษเสนอเลือกทางเหนือครึ่งหนึ่งทางใต้ครึ่งหนึ่ง ข้อเลือกนี้ไม่น่าจะยาก แต่เราจะพลาดจอร์เจียและอาเซอร์ไบจานอาจใช้เวลา และแทนที่จะนั่งเรือแฟร์รี่จากบากูที่ประเทศอาเซอร์ไบจานไปขึ้นที่เมืองอัคเทาของประเทศคาซัคสถานก็ไปนั่งเรือที่เมืองทรับโซน (Trabzon) ที่ตุรกีไปขึ้นที่เมืองโซชิ (Sochi) ที่รัสเซียแทนแต่ปัญหาเรื่องวีซ่าก็ยังอยู่ ขอบคุณสำหรับข้อเสนอค่ะ

มาตอนนี้เราวางแผนเรียบร้อยแล้วว่าจะปั่นเข้าตุรกีและจอร์เจีย เหตุผลก็คือ

  1. ปัญหาในเรื่องขอวีซ่าเข้ารัสเซียหมดไป
  2. อาหารของทางตุรกีและจอร์เจีย ท่าทางน่าสนใจและน่าจะอร่อยกว่า
  3. เส้นทางตอนใต้มีภูเขามากกว่า คิดว่าน่าสนุกกว่าปั่นทางเรียบ ๆ ในธรรมชาติทุ่งหญ้าสเตปป์กว้างไกล ไม่มีต้นไม้
  4. ได้ทดลองนั่งเรือที่ขึ้นชื่อลือชาว่า ”ออกเมื่อไหร่เมื่อนั้น เดี๋ยวเอ็งก็รู้เอง ไปนอนเฝ้าที่ท่าเรือเลยนะ” เพราะมันไม่มีตารางที่แน่นอน นึกอยากขายตั๋วก็ขาย ไม่อยากขายก็บอกว่าหมด อันนี้อ่านจากประสบการณ์ของคนอื่น ไว้ไปเจอกับตัวเองแล้วจะมาเขียนบอกกันนะ

ส่วนคำถามที่จะให้ตอบกันเล่น ๆ คือ:-

ตอนที่เรากลับไปเริ่มต้นปั่นอีกครั้งที่บูคาเรสต์ เมื่อวันที่ 9 เมย.เราเริ่มใช้ยาสีฟันหลอดใหม่นำ้หนัก 160 กรัม อยากให้ลองเดากันเล่น ๆ ว่าเมื่อไหร่หลอดนี้จะหมด

หลอดที่เพิ่งเริ่มใช้ที่บูคาเรสต์ เขียนวันและสถานที่ไว้ด้วย ;-)

หลอดที่เพิ่งเริ่มใช้ที่บูคาเรสต์ เขียนวันและสถานที่ไว้ด้วย 😉

บอกใบ้ให้นิดหนึ่งก็ได้ว่า ก่อนที่เราจะออกเดินทางจากสวีเดน เวชเคยทดลองชั่งน้ำหนักหลอดที่เหลือที่บ้านว่าเราจะใช้กันประมาณเท่าไหร่ เริ่มชั่งเมื่อวันที่ 31 มค. ตอนนั้นหนัก 105 กรัม พอถึงวันที่ 13 กพ. เหลือ 76 กรัม ธรรมดาเราจะปั่นวันละ 70-120 กม. แล้วแต่อากาศ, เขาชันและสภาพถนน และพอเราถึงอิสตันบูล คิดว่าจะอยู่พักและเที่ยวกันสัก 3-4 วัน 😉 พอจะช่วยในคำนวณบ้างมั้ย?

ส่งคำตอบให้เราผ่านทางบล๊อคนะค่ะ ว่ายาสีฟันหลอดนี้จะหมดเกลี้ยงที่เมืองไหน??? เดี๋ยวเราเล่นด้วยดีกว่า 🙂 🙂

ใครส่งคำตอบที่ถูกต้องจะได้รับโปสการ์ดจากเมืองนั้น 😉 😉 😉

บัลแกเรีย Draganovo => Gurkovo

ตื่นเช้าขึ้นมา อ้าว…หยดน้ำเต็มไปหมด คืออากาศภายนอกแห้ง แต่มันเกิดจากอากาศภายในเต้นท์ระบายไม่ทัน คราวหน้าคงต้องเปิดซิปในเต้นท์เพื่อช่วยระบาย มีอะไรให้เรียนรู้ปรับปรุงไปเรื่อย เราไม่ได้ตุนอาหารเช้า พอแพ๊คของทุกอย่างเสร็จก็ออกเลย ปั่นไปเมืองถัดไปไม่กี่กิโล ก็เห็นคนนั่งกินกาแฟกัน นั่นก็แปลว่าที่นั่นมีกาแฟขาย จริงมะ 😉 เราก็เลยจอด ให้โจคิมเข้าไปซื้อ เพราะเขายังพออ่านตัวอักษรได้ เพราะภาษาบัลแกเรียใช้ตัวอักษรเหมือนรัสเซีย สักพักโจคิมออกมาพร้อมกับอาหารเต็มมือ นั่งกินกันได้สักพัก ก็เห็นคุณป้าที่เป็นเจ้าของร้านเดินมากับเด็กหนุ่มคนหนึ่งพร้อมขนมในมือ คุณป้าไปดึงตัวลูกค้ามาเป็นล่ามให้ ป้าว่าเอาขนมไปกินนะจะได้มีพลังปั่น เพราะคุณป้าเห็นพวกเราปั่นจักรยานกันมา น่ารักจริง ๆ แถมยังสนใจถามว่าเราจะปั่นไปไหน เมื่อไหร่ถึง อีกด้วย

ขนมเสริมพลังที่คุณป้าเดินเอามาให้

ขนมเสริมพลังที่คุณป้าเดินเอามาให้

แล้วเราก็มาถึงเมือง ที่จริงแล้วไม่ใช่ทางที่เราจะผ่าน แต่ในเมื่อคนท้องถิ่นแนะนำ เราก็ไม่ควรพลาด ไกลออกไปไม่มาก ถ้ามากก็ต้องขอคิดดูก่อนละค่ะ 😉 เมืองนี้ดูแล้วน่าจะเป็นเมืองท่องเที่ยวของคนในประเทศ จุดขายของที่ระลึก ร้านค้าร้านอาหารเพียบ เราเห็นเมืองตั้งแต่ระยะไกลเลย เพราะอยู่บนภูเขา เราแวะเข้าไปกินพิซซ่ากัน เพราะอย่างแรกคือถูก อย่างที่สองคือเราต้องการชาร์ตแบตฯคอมพิวเตอร์ด้วย เห็นในรูปคิดว่าเป็นพิซซ่าขนาดเล็ก แต่..ถาดเบ้อเร่อ กินเข้าไปหมดมีหวังได้นอนตีพุงอยู่ตรงนั้นเป็นหลายชม. เลยขอแพ๊คเอาไปด้วย กำลังจะปั่นออกไป เบรคของโจคิมเกิดขัดข้อง อ้าว…ยางเบรคมันหลุดหายไป เลยต้องเปิดกระเป๋าหายางเบรคมาใส่ ใส่เสร็จแล้วก็ปั่นต่อไป แต่ปั่นได้ไม่นาน อ้าว…ยางแบนครับ ของโจคิมอีก อยากจะให้รอดไปถึงอิสตันบูลสักหน่อย ไม่ได้โดนแก้วอะไรหรอกค่ะ แต่เป็นเพราะยางในแผลเก่าที่ปะไว้มันรั่ว เอ้า..รื้อกระเป๋าออกมาอีกรอบ
วันนี้เราปั่นขึ้นเขา บัลแกเรียก็ไม่เรียบเท่าไหร่ แต่คิดว่ามีเขาน้อยกว่าที่โรมาเนียหรือเราอาจจะไม่ได้ไปทางนั้น 😉 เราปั่นไต่ระยะถ้านับเป็นทางตรงประมาณ 350-400 เมตร ตอนปั่นขึ้นก็ร้อน อยากจะถอดหมวกออก แต่พอใกล้จะถึงยอด ฝนเริ่มลงเม็ด เราจอดใส่เสื้อกันฝนกันก่อน พอถึงยอดก็เห็นมีร้านค้าอยู่สองแห่ง พอดีเราต้องเติมน้ำอยู่แล้ว เลยเข้าไปสั่งโค้กและเติมน้ำเอาที่ก๊อกน้ำ นั่งดื่มได้แก้วหนึ่ง ฝนเทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ช่างโชคดีที่เรามาถึงตรงนั้น ไม่อย่างนั้นได้เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำแน่

ทางลงเขา

ทางลงเขา

พอฝนหยุด เราก็เริ่มไหลลงทันที สนุกมาก ถึงแม้ว่าฝนจะเพิ่งตกใหม่ ๆ แต่ถนนก็แห้งได้เร็วทันใจเช่นกัน เราผ่านรีสอร์ตที่หนึ่ง แต่ราคาแพงเกิน เราก็เลยต้องผ่านไป คิดว่าเมือง Gurkovo น่าจะมีโรงแรม แต่ผิดถนัด มีแต่ป้าย โรงแรมหามีไม่ เสร็จกัน ใกล้มืดแล้วด้วย เข้าไปถามเขา คนแรกเขาว่าปั่นไปอีก 10 กม. อ่า..ไม่ไหวมั้ง 🙁 อีกคนว่าเมืองข้างหน้าอีก 4 กม.จะมีโรงแรม สั้นกว่าน่าจะไหว แต่พอปั่นไปถึง ก็ได้ความว่าไม่มี ตอนที่ปั่นไปก็พยายามมองหาลู่ทางไปด้วยว่าถ้าไม่มีโรงแรม เราจะกางเต้นท์ได้ที่ไหน ก็เห็นมีที่เหมาะ ๆ อยู่ พอรู้ว่าไม่มีแน่นอน เราจึงปั่นกลับไปตรงจุดนั้น

กางเต้นท์ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะเริ่มมืดแล้ว ถ้ายังไม่มืดเราจะกางเต้นท์เป็นอันดับสุดท้าย พอกางเสร็จปุ๊บ เข้าไปนั่งข้างในเต้นท์ได้สักพัก ฝนก็ตก และตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ใช่แค่ฝนอย่างเดียว ฟ้าร้อง ฟ้าแล่บ โครมครามเลย โจคิมก็นั่งมอง แสงมาก่อนเสียงคือดูแล้วไม่น่าจะใกล้เรานัก แต่ลมพัดแรงมาก ไม่ค่อยได้นอนกันเท่าไหร่ เพราะบางทีลมพัดเต้นท์ดังพึบพับเสียงดัง แถมบางครั้งรู้สึกเหมือนเต้นท์มันถูกลมพัดเสียบุ๋มเข้ามาถึงหน้า ก็ต้องช่วยกันพยุง จริง ๆ เต้นท์มันก็ต้านไหว แต่เราช่วยมันหน่อยก็ดี น่าตื่นเต้น หวาดเสียวดี ครั้งเดียวก็เกินพออ่ะ เช้าขึ้นมาถึงได้ถึงบางอ้อ เพราะเราอยู่ในแอ่งภูเขาล้อมรอบเลย

แคมปิ้งวันที่สอง

แคมปิ้งวันที่สอง

บัลแกเรีย Ruse => Draganovo

เราลงไปที่ห้องครัวทำอาหารเช้ากินกัน และก็เตรียมสำหรับไว้กินตอนกลางวันด้วย หลังจากนั้นปั่นออกมาตามทาง อากาศดีมากไร้เมฆ เราปั่นข้ามสะพานมา ตามที่จีพีเอสบอก เราจะไปเส้นทางเล็ก แต่เผอิญเจอผู้ชายสูงวัยกลุ่มหนึ่ง เขาว่าทางนั้นไปไม่ได้มันเสียหายเยอะ แล้วชี้ให้เราไปทางถนนใหญ่ เราพยายามบอกว่ามันน่าจะอันตรายนะ หนึ่งในจำนวนนั้นเลยอาสาขับรถนำหน้าเราไป ใจดีจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ขอและเขาก็ต้องอ้อมรถกลับมาที่จุดเดิม เราลากันตรงทางแยก เขาช่วยให้เราปั่นระยะทางสั้นลง ขอบคุณคุณลุงมา ณ ที่นี้ อืม..ตอนที่เราอยู่ที่เมืองรุซซี่ เราเข้าไปคุยกับการท่องเที่ยว เขาแนะนำทั้งเกสเฮ้าส์และสถานที่ที่เราไม่ควรพลาด หนึ่งในสถานที่นั้นคือ ”โบสถ์หิน” คือเขาสร้างตัวโบสถ์อยู่ในซอกหิน

โบสถ์สร้างอยู่ซอกเขา

โบสถ์สร้างอยู่ซอกเขา

ที่นั่งสวดมนต์ที่โบสถ์หิน

ที่นั่งสวดมนต์ที่โบสถ์หิน

ท่าเรือข้ามฝั่ง น่ารักน่านั่ง

ท่าเรือข้ามฝั่ง น่ารักน่านั่ง


และถนนต่อจากโบสถ์ตรงนั้นก็เป็นอะไรที่ดีที่สุดตอนนี้คือ เป็นถนนที่ปั่นสบายสภาพไม่ใช่ดีที่สุด แต่เราสามารถปั่นเคียงข้างกันคุยกันไปโดยที่ไม่ต้องตามหลังใครหรือตะโกนคุยกันแข่งกับเสียงจราจร

วันนี้เป็นวันแรกที่โจคิมเปลี่ยนมาใส่กางเกงขาสั้น แต่เวชยัง เพราะขี้เกียจทาครีมกันแดด ไว้รอจนทนร้อนไม่ไหวก่อน 😉 ตอนแรกเราคิดว่าจะปั่นไปถึงเมืองที่การท่องเที่ยวแนะนำคือ Veliko Tarnovo แต่ดูแล้วคาดว่าไม่น่าทัน เลยเตรียมตัวซื้อของกินตุนไว้ก่อน เผื่อว่าจะต้องกางเต้นท์ แล้วก็เป็นดังนั้น เพราะเมืองที่เราปั่นผ่านมา ไม่มีที่พัก แม้แต่โรงแรมจิ้งหรีด รู้สึกว่าที่บัลแกเรียนี่จะหาที่พักยากกว่าที่โรมาเนียแถมแพงกว่าอีกด้วย พอเราปั่นออกมาได้ 2 กม.เราเห็นสะพานข้ามแม่น้ำ ดูทำเลแล้วน่าจะกางเต้นท์ได้ เฮ้อ..โชคดีที่ซื้อสปาเก็ตตี้เตรียมไว้ หลังจากกินอาหารเย็นเรียบร้อย ตามธรรมเนียมต้องตามด้วยกาแฟ ต้มน้ำเรียบร้อย กาแฟเรียบร้อย แต่…ขาดถ้วยกาแฟ เป็นไปได้ยังงัยเนี่ย ลืมถ้วยกาแฟแค้มปิ้งที่บ้าน เฮ่อ…

แคมปิ้งครั้งแรกที่บัลแกเรีย

แคมปิ้งครั้งแรกที่บัลแกเรีย

โรมาเนีย เมือง Giurgiu => บัลแกเรีย เมือง Ruse

อีกแล้วออกสายอีกแล้ว 🙂 กว่าจะทำอะไรเสร็จ ความชำนาญในการแพ๊คมันหายไป ต้องเทรนกันใหม่ 🙂 เมื่อคืนฝนคงจะตกเพราะถนนดูชื้น ๆ เลยออกกันสายหน่อยรอให้ถนนแห้ง 🙂 หาข้ออ้าง หลังจากที่เราจ่ายค่าห้องพักและค่าอาหารเมื่อคืน เรายังมีเงิน Ron ของโรมาเนียเหลืออยู่ประมาณ 4 โรนกว่า ๆ คงพอค่ากาแฟ พอเราปั่นไปได้ 2 กม.ก็เห็นปั้มน้ำมันเลยเข้าไปดูว่าเราจะซื้ออะไรได้บ้างกับเงินที่เหลือ ปรากฎว่าได้ช๊อคโกแลตและขนมขบเคี้ยวมากินเล่น เทเหรียญทั้งหมดที่มีอยู่ให้เขาไปเลย เก็บไว้ก็หนักเปล่า ๆ

หลังจากนั้นเราปั่นข้ามสะพานมิตรภาพโรมาเนีย-บัลแกเรียข้ามแม่น้ำดานูบ เขากำลังซ่อมสะพานจึงวิ่งได้แค่ทางเดียว มีเจ้าหน้าที่คอยโบก พอเขาเห็นเราปั่นจักรยานมาก็เชียร์ให้เราประมาณว่า “เอ้า..ปั่นเร็ว ๆ” 🙂

สะพานมิตรภาพโรมาเนีย-บัลแกเรีย

สะพานมิตรภาพโรมาเนีย-บัลแกเรีย

พอมาถึงป้ายก็ต้องถ่ายรูปกันหน่อย ผ่านเข้ามาประเทศที่ 6 แล้ว พอผ่านป้ายมาก็เจอปั้มน้ำมันเลยเข้าไปดูว่าเขามีแผนที่ขายมั้ย มีแถมมีอินเตอร์เน๊ตด้วย ล้ำหน้าสวีเดนไปเยอะเลย เพราะตามปั้มที่สวีเดนไม่เคยเห็นมีเน๊ตเลย

ป้ายประเทศบัลแกเรีย ไม่ค่อยหรูหราเท่าไหร่

ป้ายประเทศบัลแกเรีย

หลังจากถามทางปั่นเข้าเมืองกับเจ้าของปั้มแล้ว เราก็เลี้ยวออกมา ในเมืองเราเริ่มเห็นดอกไม้เริ่มผลิต้นไม้เริ่มเป็นสีเขียวดูสดชื่นมาก เราพยายามจะเลี้ยวไปทางที่จีพีเอสบอกแต่ไปติดที่วงเวียนและไม่อยากไปเบียดกับรถยนต์ เราเลยต้องเลี้ยวไปอีกทางและแวะดูแผนที่ จนมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาทักและบอกว่า “ฉันก็เคยเดินทางไกลด้วยจักรยานเหมือนพวกเธอนะ แต่ตอนนี้เขาขายจักรยานไปแล้วเพราะไม่มีเวลาเหมือนตอนโน้น แต่เราแค่หวังว่าเราคงไม่เบื่อปั่นหรือขายจักรยานก่อนถึงเมืองไทย 🙂 การที่เราถูกรถเบียดให้เลี้ยวไปอีกทางทำให้เราได้เจอกับสาวน้อยคนนี้ แถมมีความสนใจในสิ่งเดียวกันอีก

ทุกครั้งที่เราผ่านจากประเทศหนึ่งเข้าอีกประเทศหนึ่ง สิ่งที่ต้องทำคือ กดเงินซื้อแผนที่และเช๊คว่าค่าครองชีพของประเทศนั้นเป็นอย่างไร การกดเงินแต่ละครั้ง เราต้องเสียค่าธรรมเนียมให้กับธนาคารที่สวีเดน แต่เราคิดว่าเสียค่าธรรมเนียมดีกว่ามีเงินเหลือแล้วต้องแลกคืน ซึ่งอาจจะเสียมากกว่าก็ได้

ตอนแรกก็คิดว่าหาที่กินข้าวเที่ยงแล้วปั่นต่อ แต่พอนั่งที่ร้านอาหารปรากฎว่าเวลาตอนนั้นบ่ายสองกว่าแล้ว เห็นป้ายสำนักงานบริการนักท่องเที่ยว ใช้เวลาอยู่เหมือนกันแต่เขาให้รายละเอียดที่ดีมาก เกี่ยวกับสถานที่ที่เราควรจะแวะและไม่ควรพลาด ในเมื่อเรามีเวลาทำไมเราถึงจะไม่หยุดเพื่อชมเมืองบ้างละจริงมั้ย? เลยตัดสินใจพักที่เมืองนี้แล้วค่อยปั่นแต่เช้าวันรุ่งขึ้น

ต้นไม้เริ่มเป็นสีเขียว ดอกไม้เริ่มผลิบาน

ต้นไม้เริ่มเป็นสีเขียว ดอกไม้เริ่มผลิบาน

โรมาเนีย :- Bukarest => Giurgiu

เกสเฮาส์ที่บูคาเรสต์ไม่ค่อยน่าอยู่อาจจะเป็นเพราะราคาถูกละมั้ง แต่เจ้าของดูแลดี เขาคุยให้ฟังว่าเขาพยายามที่จะบอกเพื่อน ๆ และคนรู้จักให้ทำตามเขา คือทำกิจการแบบเขา ดีกว่าไปทำงานให้คนอื่น ได้เงินเดือน ๆ ละ 200 โรน (Ron คือค่าเงินของเขา) มีแค่ 4-5 คนที่เขาสามารถโน้มน้าวได้ น่ารักเนอะ ทั้ง ๆ ที่อาจจะเป็นผลเสียแก่เขา เพราะจะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น

กว่าเราจะออกจากเกสเฮาส์ก็เกือบบ่ายสอง เพราะต้องเช๊คและติดอะไรหลายอย่างที่จักรยาน เช่น ล๊อคและกระจกส่องหลัง ส่วนโจคิมติดกระดิ่งและที่สูบลมอันใหม่ อันเก่าใช้ไม่ได้เอากลับไปสวีเดนไปเปลี่ยนที่ร้านที่เราซื้อมา กระจกส่องหลังดีมาก ๆ เลย ไม่ต้องหันไปดูให้จักรยานเสียหลัก

วันนี้เราปั่น 70 กว่ากิโลไปเมือง Giurgiu (ออกเสียงยากมาก ขนาดถามเขาแล้วยังจำไม่ได้เลย) เป็นเมืองติดชายแดนระหว่างโรมาเนียกับบัลแกเรีย ทางมันช่างน่าเบื่อจริง ๆ เพราะเราไม่สามารถหาทางเล็ก ๆ เพราะเอาแผนที่ไปทิ้งไว้ที่สวีเดนแล้ว อากาศมันช่างแตกต่างจากตอนที่เราปั่นมาบูคาเรสต์ ที่หนาว, มีพายุหิมะ, และต้องใส่เสื้อผ้าหลายชั้น ใส่หมวกกันลมเพิ่มก่อนใส่หมวกกันน๊อค แต่วันนี้เราใส่แค่เสื้อแขนสั้นและแจ๊กเก๊ตกันลมเท่านั้นเอง กลางวันยาวขึ้นด้วยทำให้มืดช้าลง เราถึงเมืองนี้ตอนทุ่มหนึ่งก็ยังสว่างอยู่ ปั่นผ่านเข้าเมืองก็มีหนุ่มน้อยคนนึงโบกมือให้ เราเลยให้เขาช่วยหาเกสเฮาส์ถูก ๆ เสียเลย 🙂 คุยเก่ง เขาชอบเดินเทรคกิ้ง เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้ วันนี้เป็นวันแรกที่ออกไปนั่งทานข้าวเย็นกันด้านนอก เย็นนิดหน่อยแต่ดีกว่านั่งรมควันบุหรี่ในห้องอาหาร เพราะคนที่นี่เขาสูบกันเยอะมาก

กลับเข้าทางจักรยานต่อ :)

หยุดไป 9 วันนี้มีค่าจริง ๆ ไหนจะได้ไปพักผ่อน ได้พบเพื่อน ๆ ได้โทรหาหม่าม๊าที่เมืองไทย และญาติ ๆ ทางโจคิม เพราะวันที่เราเดินทางออกจากเยอตาบอย เราไม่มีเวลาร่ำลาใครนัก ทั้ง 9 วันนี้ไม่ได้อยู่นิ่ง ๆ เฉย ๆ เลยสักวัน ทำให้รู้สึกว่ามันผ่านไปเร็วมากจนเริ่มรู้สึกขี้เกียจ 🙂 แต่เมื่อถึงเวลาความกระตือรือร้นอยากจะเดินทางต่อก็มาเองโดยอัตโนมัติเช่นกัน หยุดไปนาน รวม 2 วันที่บูคาเรสต์ก็เป็น 11 วันที่ไม่ได้ปั่นจักรยานเลย มาวันนี้ (9 เมย.) หลังจากนั่งรถบัสจากสนามบินเข้าเมืองเราก็ตรงไปหาพี่ภัทเพื่อไปรับเจ้าเพื่อนยากและสัมภาระที่ฝากไว้ ได้คุยกับพี่ภัทนิดหน่อยเพราะมีแขก ร่ำลากันเรียบร้อย เราก็ขนของกลับไปเกสเฮาส์ใกล้ ๆ นั่นเป็นการอุ่นเครื่องจริง ๆ ด้วยระยะทาง ประมาณ 3-400 เมตร 🙂

ไว้เอาภาพมาลงให้ดูหลาย ๆ ภาพทีเดียวละกันนะค่ะ

จะไปทางไหนดี???

เราเริ่มคิดกันเล่น ๆ ว่าจะปั่นจักรยานกลับบ้านที่กรุงเทพฯ มาได้ 2-3 ปี และตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะปั่นก็เมื่อปลาย ๆ หน้าร้อนปี 2555 หลังจากนั้นก็เริ่มวางแผนเส้นทางว่าจะปั่นผ่านประเทศอะไรบ้าง มีอยู่ 4 เส้นทางที่เราทำไว้ และทางที่เราเลือกก็คือเส้นทางที่ดิ่งลงใต้เพื่อที่จะได้อากาศอบอุ่น (แต่เราไม่ได้ดังหวัง เพราะถ้าเพื่อน ๆ ได้อ่านจากในบล๊อคแล้ว เราโดนพายุหิมะเล่นงานอยู่หลายรอบทีเดียว) ในเส้นทางนี้จากบูคาเรสต์จะปั่นผ่านตุรกีและอิหร่านเข้าเอเชียกลาง จีน ลาวและไทย

แต่เมื่อไม่นานมานี้ เราได้ข่าวมาว่าที่อิหร่านจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งก็จะมีเหตุการณ์จลาจล และด้วยเหตุนี้เองทางการอิหร่านจึงไม่ออกวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวอิสระ แต่ให้ได้ถ้ามาเป็นกรุ๊ปหรือเข้าประเทศทางอากาศ เพราะฉนั้นการปั่นจักรยานเข้าจึงหมดสิทธิ์ โชคยังดีที่รู้ก่อนล่วงหน้านานทำให้เรามีเวลาเตรียมตัวและเตรียมใจ 😉 เราต้องเลือกเส้นทางใหม่ มีอยู่ 2 ทางให้เลือก คือ

1. เส้นทางด้านเหนือคือ บูคาเรสต์ => แหลมไครเมียในยูเครน => ทางใต้ของรัสเซีย => ปั่นขึ้นด้านเหนือของทะเลแคสเปียน

2. เส้นทางด้านใต้คือ บูคาเรสต์ => อิสตันบูล ปั่นผ่านตุรกีไป => จอร์เจีย => กรุงบากูประเทศอาเซอร์ไบจาน และจากกรุงบากูเราต้องเดินทางต่อด้วยเรือแฟร์รี่ข้ามทะเลแคสเปียนไป => เมืองอัคเทาประเทศคาซัคสถาน => หลังจากนั้นปั่นต่อไปทางตะวันออกและไปเชื่อมต่อกับแผนเส้นทางที่เคยวางไว้ที่อุซเบกิสถาน ตามภาพข้างล่าง!image

ข้อดี

ทางเหนือ – เราสามารถไปเที่ยวแหลมไครเมียที่เราเคยคิดอยากไปเที่ยวตอนที่นั่งวางแผนกัน อากาศอาจจะยังเย็นกว่าเส้นทางใต้

ทางใต้ – ใกล้เคียงกับแผนดั้งเดิมของเรา ตุรกีและจอร์เจียเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยอาหารและไวน์ (ไวน์สำหรับโจคิม ส่วนเวช อาหาร) และภูเขามากหน่อย

ข้อเสีย

ทางเหนือ – ขอวีซ่าเข้ารัสเซียค่อนข้างยาก ใช้เวลาและธรรมชาติทุ่งหญ้าสเตปป์คือลักษณะที่ประกอบด้วยที่ราบที่เป็นทุ่งหญ้ากว้างที่ไม่มีต้นไม้

ทางใต้ – เราอาจจะต้องรอเรือแฟร์รี่ข้ามทะเลแคสเปียนซึ่งไม่มีตารางที่แน่นอน คืออาจต้องรอเป็นอาทิตย์หรือเต็มถึงจะออก

อืม…คิดว่าทางเขาหรือทางเรียบดีค่ะ ที่จริงทางเขาน่าสนใจกว่า แต่มาติดขัดเรือแฟร์รี่นี่เท่านั้นเองที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เลยไม่รู้ว่าเราจะต้องเสียเวลานั่งรอนอนรออยู่ที่กรุงบากูกี่วันกี่อาทิตย์ และนั่นอาจจะทำให้เราเสี่ยงต่อการขอวีซ่าเข้าประเทศต่อไป เช่นจีนเป็นต้น ไม่ว่าชีวิตการทำงานหรือชีวิตนักท่องเที่ยวจะต้องมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งมาให้เราเลือก เลือกถูกก็รอดตัวไป เลือกผิดก็แก้ไขกันต่อไป สนุกดีนะค่ะ ลองเข้ามาร่วมด้วยช่วยพวกเราเลือกหน่อยนะค่ะ ดูสิว่าเราจะใจตรงกันมั้ย 😉

โรมาเนีย – บูคาเรสต์

ขณะที่นั่งเขียนบล๊อคนี้เวชอยู่ที่บ้านแม่โจคิมค่ะ ไม่ได้เข้ามาเยื่ยมเยืยนมาเกือบอาทิตย์ วันนี้เลยอยากเอารูปที่ไปเดินเที่ยวในเมืองบูคาเรสต์มาให้ชมกัน พี่ภัทที่น่ารักต้อนรับเราอย่างดี

P1090929

ทำอาหารให้ทานทุกมื้อ รวมทั้งผัดเห็ดหมื่นปีที่ขึ้นชื่อลือชาจากแขกชุดที่แล้ว และขาหมูที่กรอบนอกนุ่มใน

ผัดเห็ดหมื่นปีและขาหมูลือชื่อ

ผัดเห็ดหมื่นปีและขาหมูลือชื่อ

ส่วนข้างล่างนี่เป็นภาพเก็บตกจากการออกไปชมพิพิธภัณฑ์และเดินเล่นในเมืองค่ะ

โบสถ์ในพิพิธภัณฑ์วิลล่าในบูคาเรสต์

โบสถ์ในพิพิธภัณฑ์วิลล่าในบูคาเรสต์

P1090971

P1090970

Skärmavbild 2013-04-04 kl. 11.49.39

P1090989

We will take a break เราจะหยุดพักช่วงสั้น ๆ

We left our home on February 16 and although the weather has not been the best, we have enjoyed our trip so far and met lots of nice people. We do look forward to the remaining 13.000 km of cycling.

Before we started cycling we nurtured the idea of taking a break from our cycling trip and go to Sweden during the Eastern vacation. We have now decided to do that and we will fly home tomorrow (29 March) and return to Bucharest on April 9, when we start the long ride towards Bangkok.

During these 9 days our bikes will be safely parked at our Thai friendʼs house in Bucharest while we will meet friends and relatives who we wonʼt see for a year.

When in Sweden, we will write some summaries, and add pictures and other material on this blog so please check it regularly.

เมื่อวันที่ 16 กพ.เราเริ่มปั่นออกจากบ้านที่โกเธนเบิร์ก และถึงแม้ว่าช่วงแรกนี้อากาศจะไม่ค่อยอำนวย
แก่เราเท่าไหร่แต่เราก็ยังสนุกกับการเดินทางนี้อยู่ ได้พบเพื่อนใหม่ที่น่ารักมากมาย และจะกลับมาปั่น
ระยะทางที่เหลืออีก 13,000 กม.ต่อ

ตอนที่เราวางแผนที่จะปั่นจักรยานท่องเที่ยว เคยคิดว่าจะกลับบ้านช่วงอีสเตอร์ ตอนนี้เราตัดสินใจว่าจะ
บินกลับสวีเดนพรุ่งนี้วันที่ 29 มีนาคมและจะกลับมาที่บูคาเรสต์อีกครั้งวันที่ 9 เมษายนและจะเริ่มเดิน
ทางมุ่งไปกรุงเทพฯ ช่วงเวลา 9 วันที่เราหยุดนี้ จักรยานเราจอดอยู่ในที่ปลอดภัยที่บ้านพี่ภัทที่เรามาพัก
อยู่ด้วยที่บูคาเรสต์

ที่สวีเดนเราจะเขียนสรุปทริป เพิ่มรูปถ่ายและอื่น ๆ ที่บล๊อค เข้ามาติดตามพวกเราต่อนะค่ะ

โรมาเนีย Calinesti -> Bucharest

เราคิดว่ายังมีเวลาอีกนิดหน่อย ลองสอบถามคนแถวนั้นดูว่าถ้าออกไปอีกหน่อยเนี่ยจะมีที่พักมั้ย? ภาษามือไปเรื่อย ก็ตกลงว่ามีแต่อีก 10 กม. ไม่เป็นไร ขอให้ได้ระยะทางอีกหน่อยก็ยังดี เพราะวันรุ่งขึ้นจะได้ใกล้บูคาเรสต์เข้ามาอีก ปั่นไปก็มองหาไปป้ายที่พักไปเรื่อยจนกระทั่งเจอ Pensiunea Kometa 2 ดาว จอดตรงนี้แหละ เช็คอินเรียบร้อย ทำธุระแล้วเราก็ลงมาทานอาหารเย็นกัน และวันนี้นี่เองที่เรารู้จักอีกด้านหนึ่งของโรมาเนีย คือ สถานที่นี้เป็นแหล่งบันเทิงของเหล่าคุณผู้ชายทั้งหลาย และครั้งแรกของพวกเราที่ถูกโกงซึ่ง ๆ หน้าถึงสองครั้ง ครั้งแรกคือมื้อเย็น หล่อนสาวเสริฟทอนเงินแบบปัดเศษ โดยที่ไม่พูดอะไร ตอนนั้นยังงง ๆ อยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ลองนั่งรอ แต่ไม่เห็นวี่แววว่าหล่อนจะเดินกลับมา เหนื่อยละเลยขี้เกียจโว้งเว้งด้วย ครั้งที่สอง มื้อกลางวันระหว่างทางมาบูคาเรสต์ ร้านก็ดูดี เอาเมนูมาให้ดู ส่วนใหญ่จะชอบดูราคาของอาหารก่อนสั่ง เพราะไม่อยากสุรุ่ยสุร่ายนัก พอเรียกเช๊คบิล เห็นบิลแล้วเกิดอาการ เรียกมันกลับมาและเอาเมนูมาด้วย ราคาอะไรจาก 14 RON เป็น 20 RON จาก 12 RON เป็น 18 RON

ตอนแรกคิดว่าจะพักที่เมืองนี้ Tito แต่มาโดนไอ่ร้านนี้มาโกงซึ่ง ๆ หน้าก็เลยหมั่นไส้ อีกอย่างเรายังมีเวลาอีกหลายชม.ที่สามารถปั่นได้และเมืองนี้ถ้าหยุดเร็วก็ไม่มีอะไรให้ดูเพราะเป็นเมืองเล็ก ๆ เลยฮึดปั่นต่อไป ลมก็ยังพัดสะบัดตามเดิม มีอยู่หลายช่วงที่สองข้างทางเป็นทุ่งนา กว้างจรดสุดลูกหูลูกตา ลมก็ยิ่งพัดสนั่นหวั่นไหว มาข้าง ๆ บ้าง ด้านหน้าบ้าง บางทีมาแบบวูบแรง ๆ ต้องเอียงตัวต้านไว้ คนที่ปั่นด้านหลังต้องคอยมองว่ามีรถใหญ่มั้ย ถ้ามี ไม่ใช่ว่าให้บอก แต่ต้องตะโกนเพราะลมแรง ขนาดเวชตะโกน โจคิมยังไม่ได้ยินเลย เวชเลยขอปั่นข้างหน้าละกัน กันลมให้ เหนื่อยค่ะ ไม่ว่าจะปั่นข้างหน้าหรือข้างหลัง เรายังมีโชคอยู่บ้างเพราะทางการของที่นี่เขาเตือนประชาชนเขาว่าไม่ควรออกมาข้างนอก แต่นักปั่นอย่างเรารึ! ไม่ใช่ไม่ฟังแต่ฟังไม่ออกค่ะ 😉 ได้ข่าวจากพี่ภัทว่าเขาประกาศปิดโรงเรียนที่บูคาเรสต์ และข่าวอีกทางจากพนักงานที่โมเต็ลว่าเขาปิดถนนไฮเวย์ด้วย ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าพนักงานคนนี้รู้แน่หรือเปล่า แต่อย่างไรนี่เป็นโชคดีของเราคือรถไม่มากเหมือนปกติ ทำให้ปั่นได้สบายขึ้นมาหน่อยถึงแม้ลมจะแรง แต่ก็ยังต้องคอยมองจราจรด้านหลังเราอยู่ดีหิมะตามท้องถนนเริ่มละลาย และทุกครั้งที่มีรถแซงเราไปก็จะสาดหิมะเปียก ๆ ใส่เรา ทำให้รองเท้าเปียกและเย็น รู้สึกว่าเราจะหยุดทุก ๆ 10 กม. วันนี้น่าจะเป็นสถิติที่เราแวะปั้มบ่อยที่สุด ที่แรกคิดว่าน่าจะนานที่สุด เพราะมีลูกค้าแถวนั้นมานั่งคุยเล่นกันอยู่ ปั้มแถวนี้เป็นปั้มเล็ก ๆ ไม่ได้มีสาขาที่ไหน ดูเหมือนว่าถ้าใครตกงานก็จะไปเปิดปั้มน้ำมันกัน

The guys at the gas station. The guy wearing a coat wants to be a sumo wrestler

The guys at the gas station. The guy wearing a coat wants to be a sumo wrestler

ปั่นมาได้ 70 กม.เรามาถึงเมือง ๆ หนึ่ง แต่ดูท่าทางแล้วคงไม่มีที่พักแน่นอน เช๊คจากจีพีเอส ก็ปรากฎว่าอีกเกือบ 8 กม. ถ้าไม่ไหวแล้วจะไปนอนที่ไหนก็เลยจำเป็นต้องไหว เริ่มปั่นต่อ ระหว่างทางที่ปั่นลมก็เริ่มผ่อนลง ไหล่ทางก็เริ่มกว้างขึ้น คือเราไม่ต้องตะโกน เพราะรู้แน่นอนว่ารถเยอะ ตอนที่ปั่นอยู่ก็คิดว่าเมื่อไหร่จะถึง แต่พอปั่นกำลังมันส์เครื่องร้อนเข้าที่ โจคิมทำสัญญาณบอกให้หยุด อ้าว..ถึงแล้วหรือ??? และขณะนั้นไมล์แสดงบนหน้าจอว่าเราปั่นมารวมแล้ว 80 กม.นิด ๆ ส่วนบูคาเรสต์อีก 20 กม.ถ้าเป็นเพื่อน ๆ อยากจะอยู่ที่โรงแรมนี้หรือจะปั่นต่ออีกสัก 1 ชม.แล้วก็ถึงเลย…อากาศมันมาลวงเวชมั้ง เพราะลม หิมะเปียก ๆ มันเริ่มซาลง เอาก็
เอา..ฮึดอีกนึด เลยส่งข้อความไปหาพี่ภัทว่าจะพยายามเข้าบูคาเรสต์เย็นนี้เลย ตอนนั้นเวลา 17:30 น. แต่พอพ้นเขตที่มีต้นไม้
ทั้งสองข้างทาง ก็เปิดโล่งอีกแล้ว ลมพัดสะบัดอีกรอบ กลับไปอยู่ในสถานการณ์เหมือนช่วงแรกอีก คือต้องตะโกนเตือนกันเรื่องรถ โชคยังดีที่เป็นช่วงสั้น ๆ เวชไม่มองไมล์วัดระยะทางเลย เพราะยิ่งมองยิ่งหมดกำลังใจ มันเพิ่มช้ามาก เลยตะบี้ตะบันปั่นตามหลังโจคิมมาเรื่อย ในที่สุดก็เข้าเมือง รถเยอะมาก เป็นธรรมดาของเมืองหลวงและก็มาจอดอยู่หน้าประตูที่พักของพี่ภัท พวกเราล้างรถจักรยานที่
หน้าตึกก่อน เพราะไม่อย่างนั้นบ้านพี่ภัทมีหวังเลอะเทอะหมดแน่ เวชขึ้นไปหาพี่ภัทก่อนและแบกกระป๋องและกะละมังที่เต็มไปด้วยน้ำอุ่นลงไปเพื่อล้างจักรยานและกระเป๋าจักรยานทั้ง 8 ใบจนเกือบจะสะอาดกว่าตอนที่เราปั่นออกจากบ้านเสียอีก และตอนนี้จักรยานของ
เราจอดอยู่ที่ระเบียงตรงห้องที่เรานอนพัก ซึ่งรู้สึกดีเพราะไม่ทำให้เกะกะภายในห้อง เดี๋ยวเราจะหาที่แอบกระเป๋าทั้ง 8 ใบ น่าจะหลัง
โซฟาท่าจะดี

Bikes in diplomatic custody at P'Pat's balcony... :-)

Bikes in diplomatic custody at P’Pat’s balcony… 🙂


หลังจากที่ชิมอาหารโรมาเนียมาตลอดทาง เย็นนี้พี่ภัททำปอเปี๊ยะสดและข้าวไข่เจียวให้กิน แค่นี้ก็หรูสุด ๆ ให้บรรยากาศไทย ๆ มาก ยังรู้สึกดีใจที่ตัดสินใจปั่นเข้าบูคาเรสต์วันนี้