ช่วงที่อยู่ที่บาทุมิเราวุ่นอยู่กับการดำเนินการขอวีซ่าเข้าจีน ทางการจีนไม่ค่อยอยากต้อนรับนักปั่นเข้าจีนโดยเฉพาะทางด้านตะวันตก เพราะอาจจะเป็นการซอกแซกเข้าไปตามหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ได้ผลเกินไป ถ้าเราบินหรือใช้พาหนะอื่นเข้าเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวของจีน ไม่มีปัญหา แต่ยังงัยก็แล้วแต่ทุกคนที่ต้องการเข้าจีนต้องมีเอกสารพร้อม ว่าจะบินเข้า-ออกวันไหน อยู่โรงแรมไหน จะเดินทางไปไหน อยู่กี่วัน เรานั่งค้นหาข้อมูลที่พักที่เที่ยวของจีนอย่างละเอียดและเป็นประเทศแรกที่ศึกษาที่เที่ยวโดยที่จะไม่ไปสักทีที่ค้นกันมา คุ้ยข้อมูลจนกระทั่งอยากไปเที่ยวจริง ๆ เสียแล้วสิ 🙂 หลังจากเตรียมวีซ่าจีนก็ต่อด้วยวีซ่าอุซเบกิสถาน ซึ่งก็ต้องการเอกสารไปอีกอย่างหนึ่งก็ต้องรบกันอีกต่อไป กำลังแก้ปัญหากันอยู่ อาจจะต้องเปลี่ยนเส้นทางอีก หรืออะไรสักอย่าง ต้องคิดดูอีกที เฮ้อ… เมื่อคืนมีนักปั่นจากโปแลนด์เข้าพักที่โฮสเทลด้วย ได้คุยกันแลกเปลี่ยนอีเมลย์ เมื่อวานได้ข่าวว่าเขามีปัญหาว่าสถานฑูตอัซเซอร์ไบจานที่บาทุมิออกวีซ่าให้ไม่ได้เพราะสติ๊กเกอร์หมด
เวลาเกือบบ่ายสาม เราปั่นออกจากบาทุมิ เราเลือกเส้นทางผ่านเขาที่สูง 2025 เมตรจากระดับน้ำทะเล ป้ายบอกทางอยู่ดี ๆ ก็หายไปไหนไม่รู้ ปั่นวนหาทางอยู่นาน พอปั่นย้อนกลับมาถึงจะเห็นป้าย หาทางเจอแล้วก็เริ่มหิวหาร้านอาหารต่อ 😉 ตามร้านค้าเห็นเขาเอาป้ายรายการอาหารมาตั้งโชว์ไว้ ไม่มีอาหารและไม่ใช่ร้านอาหารด้วย งง??? ชักหิวเลยหยุดที่ปั้มแห่งหนึ่ง แต่ความที่เราไม่ได้ซื้ออะไรตุน นอกจากไข่ต้มที่ต้มไว้ตั้งแต่เมื่อวาน อืม..ดีกว่าปั่นแบบท้องว่าง ๆ เนอะ ไข่ต้มก็ยังดี ทางนี้แรก ๆ เรียบปั่นสบายร่มรื่น อาจจะเป็นเพราะยังอยู่ใกล้เมืองบาทุมิ ที่จอร์เจียจ่ายด้วยการ์ดเริ่มไม่ค่อยสะดวก บางร้านติดป้ายวีซ่ามาสเตอร์การ์ดแต่ไม่รับอยู่ดี เราเลยต้องหาตู้กดตังค์ก่อน ก่อนออกจากบาทุมิ เราถามพนักงานท่ีนั่น ว่าที่เมืองเคดา (Keda) เมืองถัดไปนี่จะมีที่พักมั้ย? เขาก็บอกว่ามี คำว่า “เกสเฮาส์” ของเขาตอนนี้ชักเริ่มสงสัยละ ว่ามันคือ “homestay” หรือเปล่า? คือเป็นอีกลักษณะหนึ่งของการท่องเที่ยว โดยที่ครอบครัวในท้องถิ่นนั้นเปิดห้องให้เช่า ส่วนใหญ่ผู้มาพักสามารถใช้เครื่องครัวและบางครั้งอาจจะได้เรียนภาษาท้องถิ่นนั้น ๆ ถ้าสนใจ เราก็ไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ ๆ คือไม่มีทั้งโรงแรมหรือเกสเฮาส์ เราไปซื้ออาหารเผื่อว่าต้องแมปิ้งคืนนี้ แต่พอเราเริ่มถามชาวบ้านเรื่องโรงแรม ทีนี้เหมือนไฟไหม้ฟางอย่างไรอย่างนั้นเลย ปากต่อปาก จนกระทั่งมีคนหนึ่งที่บ้านเขามีสมรรถภาพพอที่จะรับแขกได้ เราตามเขาไปเพราะเขาว่าที่บ้านมีอินเตอร์เนต เพราะเราต้องการเช๊คข้อมูลวีซ่าและกำลังรอคำตอบจากหลาย ๆ ทาง อ่า..เราเห็นสภาพบ้านจากภายนอก นึกไปถึงถุงนอน ว่าจะต้องเอาออกมาใช้หรือเปล่าน๊า??? แต่พอขึ้นบ้านไป อ้าว..งง บ้านหลังเดียวกันหรือเปล่าเนี่ย ด้านในเขาตกแต่งเสียอย่างดี เรียบร้อย มีห้องน้ำ น้ำอุ่น ส้วมทันสมัย ตอนนั้นก็เริ่มดึกแล้ว เราเลยนั่งทำแซนวิชไข่กินกันที่ระเบียง
เช้าวันรุ่งขึ้น เราเริ่มเดินทางต่อ ร่ำลาเจ้าของบ้านเรียบร้อย ที่น่ีถ้าพูดภาษารัสเซียได้ช่วยได้เยอะเลย เราปั่นจนกระทั่งมาถึงเมืองคุโร (Khulo) ที่คิดว่าใหญ่กว่าเมืองเคดาหน่อย มีโรงแรม แต่เรามาถึงสักเที่ยงกว่า ๆ จะจอดอยู่ตรงนี้ก็เร็วเกิน แต่ก็น่าสนใจ เพราะมีคนหนึ่งเขาเคยเป็นนักมวยปล้ำรุ่น 68 กก.ไปแข่งที่เยอรมัน เลยได้ภาษามาด้วยคุยกับโจคิมรู้เรื่อง เขาช่วยเหลือหลายอย่าง ถึงขนาดขับรถพาโจคิมไปหาร้านเนตในเมือง แต่เพราะเผอิญเขาจะกลับบ้านไปเอาเบ๊ตตกปลาด้วยก็เลยอาสาพาไป ขนาดไปกับคนท้องถิ่นยังหาร้านไม่เจอเลย กินเสร็จก็ต่อ เรามีเสบียงติดตัวมาด้วย ปั่นจนเกือบมืด แต่ก็ยังทันได้นั่งทำอาหารบนเนินสูง ชมวิว
เส้นทางนี้สวยมาก เราจอดเกือบทุก ๆ ร้อยเมตรเพื่อเก็บภาพ จนกระทั่งแผ่นความจำของทั้งในกล้องและกล้องวีดีโอ GoPro เต็มหมด ปั่นเรียบแม่น้ำทำให้รู้สึกไม่ร้อนเท่าไหร่ระหว่างทางเห็นวัวตัวหนึ่งโชคร้ายถูกหินหล่นลงมา น่าจะหล่นใส่หัวนะ มันคงน๊อคสิ้นใจทันที เราเห็นก้อนใหญ่ ใหญ่แบบยกคนเดียวไม่น่าขึ้น แล้วมันหล่นลงมาใส่หัว จะไปเหลืออะไร ไปสู่ที่ชอบ ๆ นะเจ้าวัว เราจัดแจงซื้ออาหารตุน เพราะมวยปล้ำคนนั้นบอกว่าทางที่เราจะไปนั่นไม่มีอะไรเลย รึ? ก็เลยเข้าไปซื้อ พอป่นออกจากเมืองนี้ไม่เท่าไหร่ ทางก็เริ่มแย่ และหลังจากนั้นก็กระเด้งกระดอนไปตลอดทาง
ตอนเช้าตอนที่เวชเดินกลับขึ้นไปเช๊คอีกทีตรงที่เรากางเต้นท์ว่าเราลืมอะไรทิ้งไว้หรือเปล่า? มีนักท่องเที่ยวเยอรมันมาคุยด้วย เขามากันเป็นรถตู้เป็นนักศึกษาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ คุยกันได้พักใหญ่ ๆ พวกเขาจะขึ้นไปสำรวจบนเขา เขาเคยอยู่ที่ Globus hostel และจำเราได้ แต่เราจำเขาไม่ได้เลย จากคุโรปั่นลงเขาระยะหนึ่งก่อนแล้วค่อยขึ้นเรื่อย ๆ ตอนเช้ามีตนเดินผ่านตรงที่เรากางเต้นท์เยอะมาก นักเรียนและคนเลี้ยงวัว ระหว่างทางก็ยังเจอพวกเขาตลอดทาง คิดว่าน่าจะมีทางเดินตัดเขาขึ้นมา ทางขรุขระแย่มากตั้งแต่ออกจาก Khulo หลังจากที่เรากินข้าวเสร็จ กระเด้งกระดอนกันมาตลอดทาง พอมาถึงยอดที่ความสูง 2025 ที่ Goderdzi pass เจอคนเมาและมีคนมาชวนไปกินเหล้าด้วย นั่นบ่ายสองเองนะ เมากันขนาดนั้นแล้ว
ที่ยอดเขามีร้านค้าเล็ก ๆ โจคิมเดินเข้าไปเห็นว่าไม่มีอะไรที่สามารถกินเป็นอาหารกลางวันได้นอกจากไข่สดซื้อไข่ในร้านขายของชำเล็ก ๆ ตอนแรกเขาไม่ยอมขายจะต้มให้ก่อน เราเลยต้องเอากระทะออกมาให้ดู เขาถึงเข้าใจว่าเราจะทำอะไร ได้มา 4 ฟองจัดการเอาเตาสนามออกมา เต๊าะไข่หั่นไส้กรอกที่เหลือเมื่อเช้าลงไปเจียว ๆ ปรุงด้วยพริกไทยดำและเกลือแค่นี้ก็เป็นอาหารยอดเขาที่เลิศแล้ว หลังจากนั้นก็ปล่อยไหลลงอย่างเดียว แต่ทางแย่เหมือนตอนขึ้น ก็ต้องเบรคกันตลอดทาง เฮ้อ..เบรคจนเมื่อยข้อมือไปหมด ลงมาถึงเมือง Adigeni (อาดิเกนี่) ว่าจะซื้ออาหารตุน พอลองถามเรื่องที่พัก เขาก็จัดการโทรหาคนที่เขารู้จัก คือพาไปนอนบ้านเขาแบบ homestay แต่เราไม่อยากเพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง เลยปั่นต่ออีก 30 กม. ไปเมืองที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย Akhaltsikhe (อัคฮาลสิคเฮอ) เวลาตอนนั้นทุ่มกว่า ๆ แล้ว เห็นป้ายโรงแรมสำหรับรถบรรทุก ลองเข้าไปถามราคา เขาบอก 20 ลารี ต่อคน เราลองต่อเหลือ สองคน 30 ได้มั้ย? เขาก็โอเค คุยไปคุยมา เล่าให้เขาฟังว่าปั่นผ่านตุรกีมา เขาก็บอกว่าเขาเป็นคนตุรกี น่าจะเป็นเจ้าของ เลยคุยและเฮกันได้นิดหน่อย
โรงแรมที่นอนเมื่อคืนน่าจะเปรียบได้กับโรงแรมจิ้งหรีด นอนเต้นท์ยังรู้สึกสบายกว่าอีก เตียงที่นอนอยู่ดี ๆ เหมือนแผ่นกระดานมันล่องหนหายไป เลยต้องนอนเบียดกันบนเตียงขนาดเล็กสำหรับนอนคนเดียว อบอุ่นดี 🙂 พอเช๊คเอาท์ออกมาเราลองปั่นเข้าเมืองเผื่อดูว่าจะสามารถหาอินเตอร์เนตได้มั้ย ก็มาเจอโรงแรมแห่งหนึ่ง ขอเขาใช้เน๊ตพอเช๊คทุกอย่างเรียบร้อย เวลาบ่ายพอดี เลยตัดสินใจพักอยู่ตรงนี้ติดต่อและหาข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่า เอากระเป๋าเก็บเรียบร้อย เราออกไปเดินหาของกิน เพราตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย เดิน ๆ ไปเห็นป้ายโฆษณา Rider’s Dream www.RidersDream.net เป็นร้านจักรยานนำเที่ยวทั้งทัวร์ริ่งและดาวน์ฮิล เดินเข้าไปคุยด้วยหน่อยกับเด็กคนหนึ่งเราบอกเขาว่าเราปั่นข้ามมาจากเมืองคูโร เขายกนิ้วให้ และบอกว่าเขาไม่ชอบขึ้นเขาชอบดาวน์ฮิลมากกว่า คงมีไม่กี่คนที่ชอบขึ้นเขา เราเองยังไม่ค่อยชอบแต่ได้ชมวิวจากที่สูง เห็นแล้วก็เหมือนเป็นรางวัลที่อุตส่าห์ปั่นขึ้นไป และอีกอย่างมีขึ้นก็ต้องมีลง \(^o^)/
ต้องใช้ความสามารถในหลาย ๆ ด้านเลยนะครับคุณเวช ต้องวางแผน ต้องสื่อสาร ต้องตุนเสบียง เฮ้อ หนักครับ…สู้สู้
ค่ะ..สื่อสารก็ใช้มือไม้นี่แหละค่ะ แต่ที่หนักคือเรื่องวีซ่าค่ะ จะสู้ๆๆ ต่อค่ะ ปั่นไม่ไหวก็โบกรถละค่ะ ถ้าจำเป็น 555
เวช เวช บ้านที่ข้างนอกกับข้างในเป็นแบบหน้ามือกับหลังมือน่ะ ให้ข่อยเบิงฮูปแน
เดี๋ยวจะลองดูนะ ทำไม่เป็นเดี๋ยวส่งให้ที่เมลย์ละกันนะ
Congratulations and welcome back home (Thailand)by bicycle kab.
to be continous
have a good trip kab
ขอบใจจ้าเบียร์ พี่โจคิมฝากสวัสดีด้วยจ้า แล้วเจอกันตอนสิ้นปีค่ะ ฝากตามใน Thaimtb ด้วยนะค่ะ