เมื่อคืนพอจัดแจงกางเต้นท์ อาบน้ำ เอ่อ..ห้องน้ำที่ตุรกีเป็นแบบนั่งยอง ๆ เหมือนบ้านเรา นั่นก็ทำให้เราสามารถอาบน้ำได้โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าห้องน้ำเขาจะเปียก แต่อีกสามคนไม่อาบกัน เขาคิดว่ากระบวยตักน้ำสกปรก แต่เวชกะโจคิมคิดว่าเราสกปรกกว่าถ้าไม่อาบต่างคนต่างความคิด ดีที่ไม่ได้นอนเต้นท์เดียวกัน แฮ่ๆๆ ชำระร่างกายกันแล้ว เราก็เริ่มทำอาหารกินกัน เริ่มด้วยทอมหมักปลาด้วยเครื่องเทศสารพัดที่เขาขนมา ซึ่งใส่ในขวดแก้ว ขนาดเวชจะเอายาหม่องของแม่มาด้วย ยังอุตส่าห์แคะมันออกมาใส่ในกระปุกพลาสติคแทน นี่พี่ทอมแพ๊คมาแบบครึ่งโหลเลยอ่ะ นับถือ!! แต่ให้เราถือมาด้วยคงต้องคิดดูอีกหลายตลบ ขนาดถุงเท้าเรายังชั่งดูว่าคู่ไหนหนักกว่ากันเลย คงไม่ต้องคิดว่าจะแบกกระปุกแก้วมาด้วยแน่ ทอมน่ารักมาก เขาทำอาหารให้พวกเรากินกันก่อนและของเขาทำทีหลัง มื้อนี้พิเศษหน่อยคือมีทอมมาทำให้กิน ได้กินปลาที่ได้รับการปรุงอย่างดี เสร็จภารกิจแล้วทุกคนก็เข้านอน เท่านั้นเอง ก็ได้ยินเสียงฝนแปะ ๆ ๆ ๆ มาเรื่อย ตอนนั้นก็นอนจินตนาการไปไกลแล้วว่าถ้ามันตกหนัก ๆ นี่น้ำจะท่วมเข้าเต้นท์หรือเปล่าน้อ ที่คิดอย่างนี้เพราะเรากางเต้นท์กันบนพื้นกระเบื้อง ซึ่งน้ำจะไม่ซึมแต่จะนองแทน แต่ด้วยความเหนื่อยก็ปล่อยให้ความคิดล่องลอยเลือนหายไป มารู้สึกตัวอีกทีก็โจคิมมาสะกิด “เก็บถุงนอนดีกว่า” เพราะมันเป็นขนเป็ดที่ไม่ควรเปียก ของทุกอย่างย้ายไปย้ายมา แต่มีใบหนึ่งจะมีแต่เสื้อผ้าของใช้ที่เปียก ของเรายังเก็บทัน แต่เห็นนิคเอาถุงนอนออกมาบีบน้ำได้เลย แล้วเราก็เลยสรุปกันว่าคืนนี้ควรจะเช็คอิน นอนโรงแรมหรือเกสเฮาส์ถูก ๆ แล้วหาที่ตากอุปกรณ์เครื่องนอน เพราะของเราก็ไม่ใช่ว่าแห้งสะทีเดียว
เราเก็บข้าวของเสร็จแล้ว แต่พวกเขายังอีกสักพัก เลยขอตัวออกไปก่อน เพราะรู้สึกว่าพวกเขาปั่นกันเร็วกว่าเรานิดนึง มาเช็คทีหลังเห็นว่าความเร็วต่างกันแค่ 1 กม. เขาปั่น 27 ส่วนเรา 26 กม./ชม. และอีกอย่างคือปั่นกัน 5 คนมันเยอะเกิน มีครั้งหนึ่ง อาเธอร์ซ่าไปนิด ริจะดูดตามหลังรถบรรทุก ปรากฎว่าล้มค้าบบบ เพราะขณะที่เขาเอื้อมมือจะไปจับท้ายรถ เสียหลักเลยล้มกลิ้งไป ดีที่เจ็บไม่มากและจักรยานก็ไม่มีปัญหา จัดโซ่หน่อยก็ไปกันต่อ ประมาณ 10 กม.ข้างหน้า เราจะแยกทางกันแต่ก็ไปเจอกันข้างหน้า เพราะทางที่เราเลือกนั้นเป็นทางเรียบต้องลอดอุโมงค์ที่ยาวที่สุดในตุรกีคือ 3 กม.แต่ก่อนที่จะลอดเข้าอุโมงค์ที่ยาวที่สุด ล้อหลังโจคิมแบน อีกแล้ว ครั้งที่สี่ เอ..ถ้าแบนเพราะที่เคยปะไว้ไม่ดีจะนับมั้ยนะ? ควรจะนับเนอะ เราจะได้ชนะโจคิมขาดลอย 🙂 4-0
ช่วงนี้ไม่ค่อยถ่ายรูปกัน เพราะทางเรียบถนนใหญ่อยากไปกันเร็ว ๆ จะหยุดก็เฉพาะตอนที่ต้องเข้าอุโมงค์ เพราะต้องเปิดไฟท้าย ถ้าอุโมงค์ยาวเป็นกิโลก็จะใส่เสื้อสะท้อนแสงอีกตัว รู้สึกปลอดภัยดียอมร้อน หลัง ๆ มานี่ในอุโมงค์มักจะมี เฮ้อ…เขาเรียกไรหว่า ที่มันเป็นก้อน ๆ สี่เหลี่ยมบ้างกลม ๆ บ้าง ตรงใกล้ ๆ ฟุตบาธ เหมือนเตือนพวกรถยนต์ว่าขับใกล้ฟุตบาธเกินไปแล้ว มันใหญ่ประมาณเท่ากำมือ แค่เห็นก็หนาว ต้องพยายามไม่ปั่นไปแตะมัน อาจเสียหลักได้ ตื่นเต้นน่าตกใจดี แฮ่..
เวลาเราแวะปั้มต่างคนต่างวิ่งไปหาซื้อของกิน เห็นทอมยืนรออะไรยู่ที่หน้าตู้ขายอาหาร เลยไปดู อ่า..เขารอซื้อชี้คคืฟเตอะ มันคือถั่วชนิดหนึ่งเอามาบด ใส่เครื่องเทศแล้วนวด ๆ ให้เข้ากัน ดูในกาละมังน้อย ๆ ของเขาแล้วนึกถึงถาดขายเครื่องแกงบ้านเรา แต่ที่ตุรกีนี่เขาเอามาใส่ในในขนมปังแผ่นบาง ๆ วางเป็นก้อน ๆ แลวเอาผักวางม้วนยาว ๆ เหมือนโรตี เลยซื้อมากินมั่ง เราปั่นออกมาก่อนตามเคย แต่เราก็นัดกันว่าจะปั่นกันประมาณกี่กิโลและกี่โมงถึงจะหยุด เรามาหยุดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่คิดมาสะดวกกับเขาที่จะเห็นเราและจอดจักรยานได้ง่าย เราสั่ง “พิเด้” มันคือเตอร์กิชพิซซ่ามาแบ่งกันกิน เพราะเที่ยงกินเยอะไม่ไหวจะหลับเอา
วันนี้ตามลมปั่นสบาย ๆ ได้ระยะทาง และที่ปั้มสุดท้ายนี่เองที่เรารอพวกเขาทั้งสามคนแล้วปั่นเข้าเมืองพร้อมกัน เมื่อวานเราตัดสินใจว่าจะนอนตามเกสเฮาส์ เพราะฉนั้นก็ควรจะเช็คหาที่พักก่อนที่จะเข้าเมือง ตอนที่กำลังมอง ๆ หาที่พักกันอยู่ อ้าว..ล้อหน้าเวชฟีบ ๆ แบน ๆ ไปเสียแล้ว โจคิมตีไข่แตกแล้ว 4-1 เราเลยอยู่เฝ้าจักรยานและปะล้อไปด้วย พวกเขาเดินหาที่พักได้ราคาคนละ 25TL ใช้ได้ถูกดี ห้องก็โอเค มีที่จอดรถจักรยานและยังสามารถกางเต้นท์ที่เปียก ๆ ให้แห้งได้ด้วย
กว่าทุกคนจะอาบน้ำและพร้อมที่จะออกไปกินข้าวกันก็ดึกอีกแล้ว แต่ร้านอาหารที่ตุรกีเปิดค่อนข้างดึก เราสั่งอาหารง่าย ๆ กินกัน ที่เรากางเต้นท์เมื่อคืนทอมซื้อไอศครีมฝากทุกคน กินกันหลังอาหารเย็น และอีกปั้มหนึ่งอาเธอร์ก็เอาไอติมมาแจกทุกคนอีก คืนนี้หลังอาหาร พวกเราเลยขอเลี้ยงขนมหวานตุรกีเขา อิ่มกันไป มันเจริญอาหารเนอะ เวลาที่ได้นั่งกินไปด้วยคุยกันไปด้วย เวลามันผ่านไปอย่างรวดเร็ว เช๊คบิลเรียบร้อยแล้ว ออกไปเดินเล่นกันนิดหน่อย เจอร้านขายขนมหวานอีกแล้ว อาเธอร์กับเวชเหมือนกันตรงที่เห็นของหวานไม่ได้ อิ่มแล้วแต่ขอเข้าไปดม ๆ หน่อยก็ยังดี เขาก็เชียร์ให้ซื้อ ร้านแรกอดใจได้ ร้านที่สอง เอ้า..ลองสักสองชิ้นถึงแม้จะบอกเขาว่าเราอิ้มอิ่ม พอจะจ่ายตังค์เขาว่าเอาไปชิมละกันฉันให้ โห้ย..อะไรจะใจดีขนาด นี่ของขายนะยังมีการให้กินกันฟรี ๆ อีก อาจจะเป็นเพราะว่ามันดึกแล้วก็ได้นะ
เช้าวันรุ่งขึ้นนิคกับอาเธอร์เดินทางต่อ เพราะอาเธอร์มีเวลาน้อย อีกอย่างพวกเขาอยากปั่นขึ้นเขาตามเส้นทางที่คุณสว่างเคยส่งลิ้งค์มาให้พวกเราคือขึ้นเขาเมสเทีย ยังไม่ได้ข่าวจากเขา ไม่รู้ปั่นขึ้นไปได้หรือเปล่า ส่วนเราแยกกับทอมเพราะเราอยากขึ้นไปชมวิหารสุเมล่า อ่านรายละเอียดตามลิ้งค์นี้ได้ค่ะ วิหารสุเมล่า มีรถเที่ยวเดียวตอน 10 โมงเช้าและกลับเข้าเมืองตอนบ่ายสาม กว่าเราจะออกจากที่พักหารถตู้เข้าเมือง สายไปแล้ว ตอนแรกคิดว่าอาจจะหารถนั่งกันไปเอง แต่ท่าทางจะใช้เวลานานกว่ารถทัวร์ เลยไปเดินเล่นแทน อากาศร้อนพอสมควร มองไปมองมาเห็นมีคนนั่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงแรมใกล้ ๆ เลยขึ้นไปนั่งดริ้งชมวิวกัน
ได้เวลากลับที่พักนอกเมืองละ เดินมาได้หน่อย ได้ยินเสียงเขาเล่นดนตรีเลยเดินตามเสียงไป ก็เห็นว่าเขามีนิทรรศกาลแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับประเทศเพื่อนบ้านแถบนั้น เราเห็นบูธของจอร์เจียกับอัซเซอร์ไบจานก่อน พอได้ข้อมูลและแผนที่ก็ไปจ๊ะเอ๋กับธงไทย เดินไปถึงน้องผู้หญิงยิ้มให้ แต่ยังติดพันกับคนที่มาถามรายละเอียดอยู่ แต่ยิ้มนั้นรู้สึกได้ว่าน้องเป็นคนไทยแน่ เป็นยิ้มสยามแท้ ๆ พอน้องว่างเราได้ทักทายสวัสดีกัน ได้คุยกันนิดหน่อยเพราะน้องต้องทำหน้าที่เผยแพร่วัฒนธรรมบ้านเรากับผู้สนใจ แต่ก็ได้ความว่าน้องทั้งสองคนได้ทุนมาเรียนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ตุรกีนี่ เพิ่งมาได้แค่ 6 เดือนแต่เห็นน้องสามารถให้้ข้อมูลต่าง ๆ เป็นภาษาเตอร์กิชอย่างคล่องเลย เก่งมาก เราแลกเปลีื่ยนอีเมลย์กัน จากนั้นเราเดินไปหารถตู้กลับที่พัก เช้าวันต่อมาเราตื่นกันแต่เช้าเพราะต้องการปั่นเข้าเมืองให้ทันรถทัวร์ขึ้นไปเยี่ยมชมวิหารสุเมล่า ก่อนขึ้นรถเวชถามคนขายตั๋วว่าต้องเอาเสื้อกันหนาวหรือกันฝนไปด้วยมั้ย เขาบอกว่าไม่ต้อง ควรจะเชื่อคนท้องถิ่นใช่มะ แต่ครั้งนี้รู้สึกว่าเขาจะไม่เคยขึ้นไปเลยละมั้ง เพราะพอรถจอดให้ลงปุ๊บฝนก็ตกแปะ ๆ ทันที มารู้ทีหลังว่าที่สุเมล่าฝนตกปีละ 300 วัน ถ้าวันนั้นฝนไม่ตกนี่คงเป็นอะไรที่โชคดีเกินคาด อีกอย่างเป็นวันเสาร์แถมเป็น long weekend ของตุรกีอีกต่างหาก เพราะวันจันทร์เป็นวันหยุดชดเชย เหมือนบ้านเราอีกแล้วที่ถ้าวันหยุดไปอยู่วันเสาร์หรืออาทิตย์จะได้ชดเชยวันนั้น เมื่อวันอาทิตย์นั้นเป็นวันที่ 19 พค. เป็นวันสำคัญเพราะเมื่อปี 1919 วันนั้นเป็นวันที่อตาเติร์กขึ้นฝั่งที่เมืองซัมซุน จำภาพที่เวชเคยลงก่อนหน้านี้ได้มั้ยคะ? นั่นคือเขาและทหารข้างกายที่ได้รับคำสั่งจากสุลต่านให้ไปตามเมืองต่างเพื่อปลดระวางยอมแพ้ แต่อตาเติร์กกลับไปรวบรวมกำลังทหารและปฏิวัติแยกตุรกีออกจากจักรวรรดิออโตมันเป็นเวลา 4 ปีกว่าจะมาเป็นประเทศตุรกีได้ คนตุรกีนับถืออตาเติร์กดั่งพ่อของประเทศของเขา นี่คือที่มาว่าทำไมสุเมล่าถึงได้มีคนมากมาย จากตรงที่รถจอดให้เราเดินไปนั้น เป็นทางแคบแบบเดินไปข้างหนึ่งเดินมาอีกข้างหนึ่ง แซงกันแทบจะไม่ได้
รอดูเรื่องราวในจอร์เจียและอาเซอร์ไบจาน รวมถึงการข้ามฝากของทะเลสาปแคสเปียนอยู่นะครับ
ค่ะน้าเป็ด จากตรงนี้ที่บาทุมิ ถ้าเราเลือกที่จะปั่นขึ้นเขา คาดว่าคงไม่มีเน๊ตใช้ แต่ถ้าไปตามทางหลวงอาจจะมียังๆม่ทราบ เดี๋ยวจะลองถามคุณสว่าง ผู้ช่ำชองในจอร์เจีย เรือแฟรี่นั่นก็หวังว่าไม่ต้องรอนานนัก จะพยายามอัพเดทนะค่ะ