อุ่ย..จากท่ีสะสมหลาย ๆ หมู่บ้านมาเป็นหลาย ๆ เมือง มาวันนี้ข้ามมณฑลเลย จากมณฑลเสฉวนมามณฑลยูนนานเลย ต้องขออภัยด้วยค่ะ นี่เวชค้างมาตั้งแต่เมืองสองพัน, ชินจิง, เฉินตู, … จนมาถึงคุนหมิง ตั้งเกือบเดือนเลยหรือเนี่ย ทำไมเวลามันผ่านไปเร็วเช่นนี้ ช่วงนี้วางแผนโน่นนี่จิปาถะ ยิ่งใกล้เมืองไทยยิ่งมีเรื่องให้ต้องคิดต้องทำมากขึ้น เลยยังไม่มีเวลาเขียนเล่าเรื่องให้อ่านกันสักเท่าไหร่ จะพยายามย่อ ๆ เล่าเรื่องจากภาพเสียส่วนใหญ่ละกันนะค่ะ
ค่ะท่ีเมืองสองพันช่วงเช้าเราเช็็คเส้นทางอีกที เพราะหลังจากได้คำเตือนจากลูกชายเจ้าของเกสต์เฮาส์เรื่องอุโมงค์ เราเลยไม่ค่อยแน่ใจ และต้องจองห้องท่ีเฉินตูด้วยเพราะเป็นช่วงอาทิตย์ท่ีคนจีนเขาหยุดกันยาว หลายท่ีเต็มกันไปหมดแต่มีท่ีหนึ่งท่ีว่างอยู่ 3 คืน ก็ยังดีแล้วค่อยเช็คอีกทีตอนท่ีเราอยู่ตรงนั้น กว่าจะออกจากท่ีพักเวลาเท่ียงเลยไปกินท่ี Emma’s kitchen ท่ีมีชื่อในหนังสือเดินทาง (Lonely Planet) คุยและแลกเปลี่ยนการ์ดกัน เหอะ ๆ ทำอย่างกับเป็นนักธุรกิจ 🙂 เอมม่า แนะนำให้มาพักท่ีเมืองไทปิง (Taiping) ห่างจากเมืองสองพันไปอีก 70 กม. ทางลงเขาเสียส่วนใหญ่ ปั่นเลียบน้ำ สวยมาก ผ่านหมู่บ้านมากมาย คนเริ่มมีอัธยาศัยทักทายกันมากขึ้น พอมาถึงคิดว่าจะกินข้าวแล้วไปหาท่ีกางเต้นท์ แต่เขามีท่ีพักด้วยเลยถามราคาดู 120 หยวนเราต่อเหลือ 80 ไม่รู้โหดเกินไปหรือเปล่า 🙂 เราอาบน้ำเสร็จ พอลงไปจะสั่งอาหาร เจ้าของเดินมาบอกอะไรสักอย่าง 8 โมง รู้แค่นั้น วุ่นวายนิดหน่อยจนกระทั่งมีคนหนึ่งเดินออกจากร้านไปและเดินกลับมาพร้อมผู้หญิงคนหนึ่ง ปรากฎว่าเขาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ เธอมาช่วยเป็นล่ามให้ เพิ่งเรียนจบและกลับมาเป็นครูท่ีโรงเรียนใกล้ ๆ หมู่บ้านตัวเอง เราเดินไปท่ีโรงเรียนกับครูสอนภาษาอังกฤษสาวคนนั้น เขาบอกว่าคงมีเวลาคุยกับเด็ก ๆ นิดนึงเพราะพวกเขาได้เวลาทานอาหารเย็นกัน เดินเข้าไปในชั้นเรียน เด็ก ๆ นั่งกันเรียบร้อยเชียว ว้าว…ได้กลับไปยืนท่ีหน้ากระดานดำอีกครั้งหนึ่ง ตื่นเต้นดีจังท่ีได้คุยดัง ๆ ทำท่าทำทาง เฮ้อ..นึกถึงนักเรียนม้งท่ีเคยสอนในค่ายผู้อพยพท่ีพนัสนิคมเราจังเลย เด็ก ๆ พวกนี้กินนอนท่ีโรงเรียน เสาร์อาทิตย์พ่อแม่ถึงจะมารับกลับบ้าน
![เจ้าตัวนี้ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เขาล่ามมันไว้แล้วให้นักท่องเท่ียวขึ้นไปขี่แล้วถ่ายรูป เห็นเขาให้มันกินแอปเปิ้ลเป็นโล ๆ เลย](http://cyclinghome.nu/wp-content/uploads/2013/09/DSC01555.jpg)
เจ้าตัวนี้ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เขาล่ามมันไว้แล้วให้นักท่องเท่ียวขึ้นไปขี่แล้วถ่ายรูป เห็นเขาให้มันกินแอปเปิ้ลเป็นโล ๆ เลย
ออกจาก “ไทปิง” มาก็ลงเขาอย่างเดียว จากความสูงหลักพันกว่า ๆ ลงมาท่ีหลักร้อยต้น ๆ ปั่นลงมายาวแบบว่ายังไม่สุด ก็มาเจอคนจีนกลุ่มท่ีหน่ึงจำนวน 3 คนเรียนกฎหมายด้วยกัน เราหยุดคุยกันอยู่นาน คนจีนมีวันหยุดน้อยมาก เพราะฉนั้นพอได้หยุดหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ ต้องรีบฉวยโอกาสกัน ทางท่ีเราลงมาจากเมืองสองพันนั้นไม่ค่อยมีรถ เพราะส่วนใหญ่เขาจะเดินทางขึ้นเขา ไปเท่ียวในธรรมชาติกันมากกว่า สบายเรา ไม่ต้องมีรถมาตามบีบแตรไล่หลัง เราแวะกินข้าวร้านอาหารข้างทาง พอเรียกให้เขาคิดเงิน หา..เท่าไหร่นะ ว้าว…หมวยจีนหลอกกินเงินหมวยไทย เป็นมื้อท่ีแพงและน้อยท่ีสุดเลย เจ็บจายยย แต่ทำงัยได้ ลืมถามราคาก่อนอ่ะ พอเดินออกมาเราบ่น ๆ กันเป็นภาษาสวีดิช ก็มีผู้ชายคนหนึ่งหันมาพูดภาษาสวีดิชด้วย หง่า…คุยกันสักพัก ก็ได้ความว่าเขามาเรียนภาษาจีน ร่ำลากันไป เราก็ปั่นลงเขาต่อ
![ดีนะท่ีปั่นลง ถ้าปั่นขึ้นคงใช้เวลาหลายชั่วโมง แต่วันนั้นลมแรง ขนาดลงเขายังต้องปั่นอยู่เลย เราเอาภาพนี้ให้คนจีนสามคนนั้นดู ใจร้ายเนอะ เพราะเขาจะปั่นขึ้นไปกัน ;-)](http://cyclinghome.nu/wp-content/uploads/2013/10/DSC01560.jpg)
ดีนะท่ีปั่นลง ถ้าปั่นขึ้นคงใช้เวลาหลายชั่วโมง แต่วันนั้นลมแรง ขนาดลงเขายังต้องปั่นอยู่เลย เราเอาภาพนี้ให้คนจีนสามคนนั้นดู ใจร้ายเนอะ เพราะเขาจะปั่นขึ้นไปกัน 😉
พอปั่นลงมาถึงเมืองเหมาเชียน (Maoxian) ท่ีเมืองนี้แหละท่ีเขาเตือนว่ามีอุโมงค์หลายอู่และยาวหลายกิโลเมตรด้วย เลยตัดสินใจนั่งรถบัสลอดอุโมงค์ไปท่ีเมืองดูจางเย้ท่ีใกล้เฉินตูเข้ามาหน่อย ขึ้นรถนี่มันยุ่งยากกว่าปั่นไปอีกน๊า เพราะเราจะต้องหันแฮนด์ให้ขนานกับเฟรมจักรยาน มีครั้งหนึ่งต้องเอาเบาะของโจคิมออกด้วย ไหนจะกระเป๋าอีกทั้ง 8 ใบ ครั้งนี้จักรยานถูกกว่าเรา แต่ค่าจักรยานไม่รวมอยู่ในตั๋วนะ คนขับเก็บใส่เป๋าตัวเอง นั่งไป 3 ชม. และก็ลุ้นดูอุโมงค์ไปเรื่อย มันดูไม่น่าจะปั่นยาก แต่ท่าทางอากาศภายในแย่มาก บางครั้งเห็นรถแซงกันมาแบบไม่ระวังกันเลย เลยรู้สึกว่าคิดถูกล่ะท่ีนั่งรถลอดอุโมงค์มา
และในท่ีสุดเราก็ดิ้นรนจนมาถึงเมืองเฉินตู เมืองใหญ่พอ ๆ กับกรุงเทพฯ เลย ตอนแรกคิดว่าน่าจะปั่นเข้ายาก แต่ท่ีจีนเขามีทางจักรยานที่กว้างมากแถมมีสิ่งกีดขวางไม่ให้รถยนต์เข้ามาใช้ด้วย ดีมากเลยปั่นกันสบาย ๆ เราอยู่ท่ีเฉินตูนานเพราะเป็นวันหยุดของคนจีนทั้งอาทิตย์และต้องรอให้ถึงเวลาเพื่อไปทำเรื่องต่อวีซ่าท่ีอีกเมืองหนึ่ง เลยถือโอกาสพักผ่อน เซอร์วิสรถ ออกไปเดินหาซื้อของใช้ มีเย็นวันหนึ่งนั่งกินข้าวท่ีเกสต์เฮาส์ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเพลง เอ๊ะ..เพลงนี้มันฟังคุ้น ๆ นะภาษาไทยนี่นา หันไปหันมาเห็นวัยรุ่นจีนนั่งกันเป็นวงกลมเปิดคอมฯ ร้องเพลงคาราโอเกะเพลงไทยอ่ะ ตลกดี เฉินตูเป็นเมืองท่ีนักท่องเท่ียวจะมาชมหมีแพนด้ากัน แต่เราไปไม่ถึงเพราะไม่อยากไปผจญกับฝูงชนนักท่องเท่ียวชาวจีน เราไปเดินเล่นชมวัดแถว ๆ ท่ีพักแทน เห็นพระรูปหนึ่งเดินผ่านผู้หญิงคนหนึ่ง ก็ได้ยินผู้หญิงคนนั้นทักทายพระว่า “อมิตตพุธ” เอ่อ…ได้ยินของจริงสด ๆ ไม่ได้ออกมาจากทีวี เพราะทุกครั้งจะได้ยินจากหนังจีนในทีวีเสียมากกว่า และพอมาเห็นว่าคนจีนเองก็นั่งดูหนังฮ่องเต้ จักร ๆ วงศ์ ๆ เหมือนอย่างท่ีเขาเอามาฉายท่ีบ้านเรา ก็รู้สึกแปลก ๆ ดี อีกอย่างหนึ่งท่ีน่าขันคือ เวลาเราจอดพักหรือดูแผนท่ี บางครั้งมีคนเข้ามาถาม พอเราบอกไปว่าเราปั่นมาจากไหนจะไปไหนเขาร้อง “ไอ้หย๋า” เหอะ ๆ ๆ เวลาเราร้องคำนี้ออกมา เราจะนึกสนุก ๆ เท่านั้นเอง แต่สำหรับคนจีนเวลาเขาใช้คำนี้มันหมายความว่าหนักหนาเอาการกว่าท่่ีเราร้องกันเล่น ๆ มากกว่าเยอะเลย 🙂
ได้เวลาออกเดินทางต่อ จากเฉินตูไปเลอชันเพื่อไปต่ออายุวีซ่า เราค่อนข้างเกร็งนิดหน่อย เพราะวีซ่าจะหมดอายุอีก 3 วันข้างหน้า แต่ไม่มีปัญหา วันนี้เรายื่นเขาบอกให้เรามารับอีกวันรุ่งขึ้น เราได้เจอนักปั่นจากเยอรมัน 3 คน เขารู้จักเราผ่านนักปั่นชาวสวิสฯ ท่ีเจอกันท่ีซาร์มาคัน แต่เขาไปเจอกันท่ีประเทศทาจิกิสถาน เรากินข้าวด้วยกันหลายมื้อและนั่งคุยกันเรื่องเส้นทาง อะไร ๆ อีกหลายเรื่อง แต่พวกเขาอยู่เกินอายุของวีซ่าเลยได้ต่อแค่ 7 วันเพื่อเดินทางออกจากเมืองจีน วันท่ีเราจะออกจากเลอชัน ล้อหลังเวชรู้สึกแปลก ๆ อีกแล้ว หลังจากท่ีเปลี่ยนอะไหล่ตัวหนึ่งท่ีมณฑลซินเจียง พอโยก ๆ ล้อดูก็รู้สึกได้ว่ามันหลวม ๆ เลยต้องตระเวณหาร้านจักรยาน กว่าจะทำอะไรเสร็จก็เย็นมากแล้ว เลยปั่นกลับไปเช็คอินเข้าพักท่ีเดิม และท่ีเลอชันนี่เองท่ีเพื่อนร่วมทางท่ีติดสอยห้อยตามมาตั้งแต่เมืองทรับซอน ประเทศตุรกีก็อันตรธานหายไปไหนก็ไม่รู้ หวังว่ามันจะได้เพื่อนใหม่ท่ีดูแลมันได้ดีกว่าเรา 🙁 เช้าวันต่อมาแพ๊คกระเป๋า พอจะใส่หมวกกันน๊อค เอ่อ…หมวกแก๊ปเราไปไหนหว่า หาไปหามา ไม่เจอ โทรไปท่ีร้านจักรยานเขาก็บอกว่าไม่มี เป็นอันว่าหล่นหายอีกแล้ว ข้าพเจ้าทำไมเป็นคนขี้หลงขี้ลืมสะเพร่าเช่นนี้ เฮ่อ..
![ไปร้าน Giant ก่อนเขาซ่อมให้ไม่ได้ เลยไปอีกร้านหนึ่งชื่อ UCC เป็นของไต้หวัน และอีกอย่างเจ้าของร้านพูดภาษาอังกฤษได้ เฮ่อ..ค่อยยังชั่วหน่อย](http://cyclinghome.nu/wp-content/uploads/2013/10/DSC01679.jpg)
ไปร้าน Giant ก่อนเขาซ่อมให้ไม่ได้ เลยไปอีกร้านหนึ่งชื่อ UCC เป็นของไต้หวัน และอีกอย่างเจ้าของร้านพูดภาษาอังกฤษได้ เฮ่อ..ค่อยยังชั่วหน่อย
จากเลอชันเราปั่นผ่านเมืองเวินฉวนท่ีเคยประสบอุทกภัยแผ่นดินไหวขั้นรุนแรงเมื่อปี 2008 แต่ร่องรอยของความเสียหายยังมีให้เห็นอยู่ทั่วไป บ้านเรือนยังกำลังสร้างกันอยู่ ถนนไม่ต้องพูดถึง รถใหญ่ก็เยอะ ท่าทางคงเละอยู่อย่างนั้นอีกนาน ดูจากสถาพแล้วน่ากลัวมากเลย
วันรุ่งขึ้นเราออกจากเมืองเล็ก ๆ นั้น แล้วก็มาจอดสนิทตรงทางแยกหนึ่ง ไปทางไหนดีหว่า… ซ้ายมือข้ามสะพานไปก็เข้าเมืองไม่น่าจะใช่ ขวามือน่าจะใช่แต่..ถนนมันแย่มากเลย สงสัยอยู่นานว่ามันจะดีขึ้นหรือเปล่า หวังไปเองว่าเขาคงกำลังซ่อมแซมถนนไปเรื่อย ๆ เพราะอุทกภัยแผ่นดินไหวนั้นทำให้เสียหายกระจายไปหลายกม.อยู่ เอ้า..ลองดู ปรากฎว่าสภาพถนนเป็นอย่างในภาพข้างล่างนี่เป็นเวลาเกือบ 2 วัน แต่ก็สนุกดี
![เส้นทางท่ีเราเลี้ยวเข้ามา ตอนแรกรู้สึกผิดหวัง เพราะอยากจะถึงคุนหมิงเร็ว ๆ แต่ไป ๆ มา ๆ รู้สึกสนุกดี ได้ใกล้ชิดคนในหมู่บ้านมากขึ้น](http://cyclinghome.nu/wp-content/uploads/2013/10/DSC01738.jpg)
เส้นทางท่ีเราเลี้ยวเข้ามา ตอนแรกรู้สึกผิดหวัง เพราะอยากจะถึงคุนหมิงเร็ว ๆ แต่ไป ๆ มา ๆ รู้สึกสนุกดี ได้ใกล้ชิดคนในหมู่บ้านมากขึ้น
![รถใหญ่เขาขนอิฐขึ้นมา แล้วเขาก็กองเอาไว้อย่างนั้นให้ชาวบ้านมาขนกันไปเอง อันนี้เดาเอานะค่ะ เพราะเห็นหลายกอง และก็เห็นชาวบ้านมาขนย้ายกันไป](http://cyclinghome.nu/wp-content/uploads/2013/10/DSC01784.jpg)
รถใหญ่เขาขนอิฐขึ้นมา แล้วเขาก็กองเอาไว้อย่างนั้นให้ชาวบ้านมาขนกันไปเอง อันนี้เดาเอานะค่ะ เพราะเห็นหลายกอง และก็เห็นชาวบ้านมาขนย้ายกันไป
![เย็นวันนั้นลงจากเขา อากาศมัวซัว น่าเบื่อ เลยจอดหาโรงแรมในเมืองเล็ก ๆ นี่ เฮ้อ..แทนท่ีจะได้พักกันตั้งแต่สี่โมงเย็น แต่ต้องควานหาโรงแรมจนถึงหกโมงได้มั้ง น่าเบื่อจริง ๆ](http://cyclinghome.nu/wp-content/uploads/2013/10/DSC01818.jpg)
เย็นวันนั้นลงจากเขา อากาศมัวซัว น่าเบื่อ เลยจอดหาโรงแรมในเมืองเล็ก ๆ นี่ เฮ้อ..แทนท่ีจะได้พักกันตั้งแต่สี่โมงเย็น แต่ต้องควานหาโรงแรมจนถึงหกโมงได้มั้ง น่าเบื่อจริง ๆ
ระหว่างทางท่ีปั่นเข้าคุนหมิงทางเป็นเขาเสียส่วนใหญ่ เมื่อก่อนไม่ชอบอุโมงค์เพราะเสียงมันฟังดูน่าหวาดกลัวบางครั้งมืดมองอะไรไม่เห็น แต่ครั้งนี้ พอเห็นป้ายอุโมงค์แล้วดีใจเพราะเราไม่ต้องปั่นข้ามเขากันอุโมงค์ช่วยได้มากทีเดียว ไม่อย่างนั้นคงยังไม่ถึงคุนหมิงล่ะค่ะ ฝนตกเสียส่วนใหญ่ มีครึ่งวันของสามวันท่ีเราปั่นเข้ามานี่เห็นแดดแว่บ ๆ ออกมา แต่พอบ่ายแก่ ๆ ก็หายไปเสียเฉย ๆ หลังจากนั้นก็เปียกแฉะกันมาตลอดทาง จนขณะนี้ถึงเมืองคุนหมิงฝนก็ยังไม่หยุดตก ผ้าท่ีซักและตากไว้สองวันแล้วยังไม่แห้งเลย อากาศก็เย็น อยากถึงเมืองไทยเร็ว ๆ เสียแล้วสิ