Visa struggle

I have mentioned in previous posts that central asia is the world’s epicenter of bureacrazy regarding visas. These countries used to be part of the Soviet union, but while the Soviet union is long gone, its bureacratic legacy remains unchanged. I think the ”stan-countries” actually are happy to recieve visitors who spend their money in their countries, but that they at the same time have difficulties to shrug off the Soviet bureacratic tradition. Visas are expensive and applications are processed slowly. Where and when the application will be quickest, simplest and cheapest is the given topic of conversation among travelers going into the area.

If the central asian states want us to come, but can’t get rid of their soviet heritage, China is very much the opposite. China doesn’t care about foreign money and is not too happy having western visitors in its troubled western regions. China also prefer travelers to apply for visa in their home country which causes problems to us since the visa’s validity would have run out by the time we arrive to the chinese border.

Applying for chinese visas in central asia has become much more difficult the last few years and all travelers have different ways to get the precious chinese visas. Our solution was to apply for an extra passport and leave it at home. When it was time to apply we had to present bookings for flights and hotels and in order not to create any suspicions we made it look like we were going to the normal tourist destinations in the eastern part of the country.

Our chinese visas were granted a few days ago and this was a great relief to us. My mother has now sent the passports with DHL courier service to Baku where we will continue by applying for visas to Uzbekistan and Kazakstan. The Uzbek visa is a bit of a hassle though since it will be valid only for 30 days set in the visa and not for 30 days during a for example two month period.

The ferry across the Caspian Sea remains very unreliable and we expect to have to wait for a week until we can board it. When we have landed on Kazakh soil we will have 8 days of ride through the dessert before reaching the border of Uzbekistan. Since Uzbekistan is 2000 km long we want to enter on day one of our visas validity and all this will require a very careful analysis before we set the date we would like to enter the country.

จอร์เจีย => Borjomi (โบรโจมิ) ไป Gori (โกริ) นั่งรถไฟต่อไป Tbilisi (ทบิลิซิ)

“ชัค” คนแคนาดามาเคาะประตูห้องแต่เช้า เขาคิดว่าเรากำลังแพ๊คกระเป๋าเพื่อออกเดินทาง เขาอยากจะถ่ายรูปเราพร้อมจักรยานที่โหลดกระเป๋าเต็มอัตรา แต่ขอโทษ…พวกเรายังไม่ได้กินอาหารเช้าอันเลิศรสจากแม่ของลีโอเลย จะไปได้อย่างไรกัน 😉 แต่ชัคเขาจะไปพิพิธภัณฑ์และไปเดินเทรคกิ้งบนเขาต่อ เราเลยบ๊ายบายกันตอนนั้น

บรรกายาศในเมืองโบรโจมิ

บรรกายาศในเมืองโบรโจมิ

เกือบเที่ยงกว่าพวกเราจะออกจากที่พัก ปั่นตามทางมาสบาย ๆ เรียบน้ำได้สักพัก ก็เห็นจักรยานแบกสัมภาระเหมือนเราจอดอยู่ข้างทาง ดีใจ ต้องจอดทักทายกันเสียหน่อย เขาเป็นนักปั่นจากสโลเวเนียชื่อ มาโก้ะ (Marko) เขาพักที่โบรโจมิเหมือนกัน เมื่อคืนเขามีไข้และเพิ่งดีขึ้นแต่ยังไม่ค่อยเต็มที่เท่าไหร่ เราเลยปั่นล่วงหน้าไปก่อน แต่แลกอีเมลย์กัน เพราะยังงัยก็คงไปเจอกันที่เมืองหลวงทบิลิซิ เพราะเขาต้องมาขอวีซ่าเข้าคาซัคสถานและอัซเซอร์ไบจานที่นั่น ปั้มน้ำมันที่จอร์เจียส่วนใหญ่ไม่ค่อยใหญ่โตเหมือนที่ตุรกี มีปั้มหนึ่งเราเข้าไปถามหาห้องน้ำ เขาบอกว่าไม่มี เป็นไปได้อย่างไร!! โจคิมเลยไปใช้บริการข้างทาง ขออนุญาติต้นหญ้าต้นไม้ข้างหน้าก็แล้วกัน เราเคยได้พบกับหมอคนหนึ่งที่บาทุมิ เขาแนะนำว่าถ้าจะขอกางเต้นท์หรือบริการที่ดีหน่อยให้เข้าปั้ม SOCAR (โซก้า) เพราะดีที่สุดในจอร์เจีย เพิ่งมารู้เมื่อวานนี้ว่ายี่ห้อนี้เป็นของอัซเซอร์ไบจาน และร้านขายของ Goodwill (กู้ดวิล) ก็เป็นของเขาด้วย

ปั้มน้ำมันโซก้าและร้านขายของกู้ดวิลที่เปิดตลอด 24 ชม. มีทั้งซุปเปอร์มาเกตและสวนอาหารเหมือนบ้านเราแบบชี้ ๆ เอาดูน่ากินไปหมด ตามเคย

ปั้มน้ำมันโซก้าและร้านขายของกู้ดวิลที่เปิดตลอด 24 ชม. มีทั้งซุปเปอร์มาเกตและสวนอาหารเหมือนบ้านเราแบบชี้ ๆ เอา ดูน่ากินไปหมด ตามเคย

สักบ่ายแก่ ๆ เราพักเอาแพนเค้กสอดไส้ชีสที่แพ๊คมาด้วยออกมากินกัน อืม..เข่าเริ่มปวด ๆ นิด ๆ แต่ก็ยังพอไหว เอายาหม่องออกมาทา ๆ ถู ๆ สักหน่อย เราเริ่มเข้าสู่ถนนใหญ่คือจะเข้าเส้นหลักล่ะ ไหล่ทางเริ่มแคบลง ๆ จนกระทั่่งไม่มี แทบจะตลอดทางต้องตะโกนและเป่านกหวีดให้สัญญาณกัน แต่บางทีเวชเป่าบอกไม่ทันหรือไม่ก็เบาเกิน และหลายครั้งโจคิมต้องหันกลับมามองเอง 🙁 เวชอยู่ข้างหลังเพราะมีกระจกส่องหลัง โจคิมก็อยากมี แต่ที่แฮนด์ไม่มีที่ติด เฮ้อ..และอีกหลายครั้งที่ถูกเบียดลงไปปั่นข้างทางที่มีแต่หินลอย แย่!! แต่ก็ดีกว่าไปเบียดกับสิบล้อ ปั่นบนทางที่ไม่เรียบมันกระเทือนเลยยิ่งรู้สึกแปลบ ๆ ที่เข่า ท่าจะไม่ดี เพราะทุกครั้งที่กดขาลงไปจะรู้สึกเจ็บ และจากตรงนั้นกว่าจะเข้าถึงเมืองโกริ (Gori สตาลินเกิดที่เมืองนี้ด้วยนะ) เกือบ 10 กม. พอดีเห็นป้ายอันใหญ่โตบอกว่าอีก 5 กม.จะถึงปั้มน้ำมันโซก้าและร้านกู้ดวิลแถมมีอินเตอร์เนตด้วย อืม…น่าสน กัดฟันปั่นต่อไป

พอมาถึงเราเช๊คสถานที่ เข้าไปซื้อขนมและสำรวจดู คิดว่าคืนนี้คงได้ฝากท้องอันหิวโหยของเราที่นี่แหละ เราลองปั่นไปที่ปั้ม คุยเล่นกับพวกเด็กปั้มและเจ้าหน้าที่นิดหน่อยแล้วค่อยถามเขาถึงเรื่องกางเต้นท์ อันนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโจคิม เขาให้กางเต้นท์นะแถมยังพาเดินไปตรงที่ที่เราสามารถกางได้ด้วย เกือบจะหน้าปั้มเลย เราจอดจักรยานฝากเขาแถว ๆ ปั้ม แล้วเดินไปหาอะไรกิน เช็คอินเตอร์เนตที่ร้านกู้ดวิล โจคิมรู้สึกเป็นห่วงจักรยานเลยลองเดินไปดู ปรากฎว่าเขาย้ายจักรยานเราไปจอดข้าง ๆ ตึก ขาตั้งของโจคิมหักไปเขาเลยตั้งไม่ได้ เลยเอาไปขี่เล่นเสียเลย แต่มันไม่สมดุลย์เพราะมีกระเป๋าใบหนึ่งเราเอาติดตัวไปที่ร้านเพราะเป็นกระเป๋าคอมฯ พอโจคิมเดินไป ก็เลยดึงกระเป๋าใบหนึ่งออกจากตะแกรงหน้ารถ เหลือสองใบที่ตะแกรงท้ายรถ พนักงานกะกลางวันได้ปั่นคนละรอบ ที่นี้จะล๊อครถก็ดูไม่ดีละ พอเริ่มจะมืด เราก็เลยรีบ ๆ ไปกางเต้นท์และย้ายจักรยานไปแอบ ๆ ข้างตึกและ ”ล๊อค” จักรยานทั้งสองคัน กะกลางคืนมาเข้างาน ซึ่งมีคนหนึ่งที่รู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เขาชอบพูดเรื่องเงิน และคนนี้แหละที่อยากลองปั่นจักรยานของโจคิม อยากมาก ๆ ด้วย ขอตั้งแต่เมื่อคืน แต่โจคิมทำเป็นไม่รู้เรื่องและเข้าไปนอนอ่านหนังสือในเต้นท์ ตรงนี้ชอบที่ตุรกีมากกว่า เพราะคนที่ปั้มให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า เขาไม่มายุ่งวุ่นวายหรือมาใกล้เต้นท์เราสักนิดเลย แต่ตรงนี้อาจจะเป็นเพราะเรากางเต้นท์ใกล้เขาก็ได้ มีคนหนึ่งเดินร้องเพลง ร้องอย่างเดียวไม่ว่าแต่พี่ท่านเล่นเดินไปทั่วแถมเดินเสียใกล้เต้นท์เรามากเลย ความอยากรู้อยากเห็นเขามีมาก กว่าจะนอนหลับได้

หน้าตาอาหารของเขาล่ะ อีกฝั่งหนึ่งเป็นของหวาน มันดูน่าชิมน่าหม่ำไปหมดเสียทุกอย่าง จริง ๆ ตอนนี้มีอะไรอร่อย ๆ ให้กินก็ควรจะกิน เพราะเมื่อข้ามไปปั่นในประเทศ...สถาน ทั้งหลาย มีหวังได้อดกันข้ามมื้อข้ามวันแน่เลย :-(

หน้าตาอาหารของเขาล่ะ อีกฝั่งหนึ่งเป็นของหวาน มันดูน่าชิมน่าหม่ำไปหมดเสียทุกอย่าง จริง ๆ ตอนนี้มีอะไรอร่อย ๆ ให้กินก็ควรจะกิน เพราะเมื่อข้ามไปปั่นในประเทศ…สถาน ทั้งหลาย มีหวังได้อดกันข้ามมื้อข้ามวันแน่เลย 🙁

พอเช้ามาเราเริ่มเก็บของ เจ้าคนที่ชอบพูดเรื่องเงินก็เดินตรงรี่เข้ามาเลย และขอปั่นจักรยานทันที เฮ้อ..ปฏิเสธเขามาแล้วครั้งหนึ่ง เช้านี้ก็เลยให้เขาลองปั่นดู เราก็รักของ ๆ เรานี่นา ดูท่าเขาปั่นแล้วเหมือนไม่ทะนุถนอมของเราเลย ดีนะที่ล๊อคไว้เมื่อคืน ไม่อย่างนั้นสภาพคงแย่แน่ สงสารจักรยาน ลูกของเรานะ อืม..จะท้าวถึงความหลังว่าทำไม — ตอนที่ออกไปปั่นซ้อมที่สวีเดนแต่เผอิญมีปัญหาอะไรสักอย่างต้องนั่งรถไฟกลับบ้าน คนขายตั๋วเขาแนะนำให้เราซื้อตั๋วแบบครอบครัว (พ่อ, แม่ ลูก 2 “คัน”:-) ซึ่งจะถูกกว่า ตั้งแต่นั้นมามันก็เลยกลายเป็นลูกเราไปโดยปริยาย 🙂

รีบเก็บเต้นท์เลยไม่มีภาพถ่ายจุดกางเต้นท์ นี่เป็นวิวจากอีกฝากถนนตรงจุดที่เรากางเต้นท์

รีบเก็บเต้นท์เลยไม่มีภาพถ่ายจุดกางเต้นท์ นี่เป็นวิวจากอีกฝากถนนตรงจุดที่เรากางเต้นท์

เช้าวันนี้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเข่าที่ระบมอย่างที่คิดว่าไม่น่าจะปั่นเข้าทบิลิซิได้ เพราะตั้งแต่ล้มและรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ ไม่เคยมีวันไหนที่รู้สึกปวด ๆ เวลาเดิน เอ..ชักไม่ดี โจคิมเลยเขียนเมลย์ไปเช๊คกับเพื่อนคนหนึ่งเป็นหมอ อีกคนเป็นหมอกายภาพบำบัด เขาให้ความเห็นตรงกันว่าควรจะหยุดพักสัก 2-3 วัน เป็นไปได้ว่าตอนที่โดนกระแทกอาจมีเลือดออกซิบ ๆ ทำให้เจ็บที่จุดนั้น แต่เราก็ได้พักผ่อนหยุดพักตั้ง 3 วันแล้วที่โบรโจมิ แต่อาจจะเป็นเพราะเลือดคั่งนิด ๆ ในเข่าเลยทำให้ต้องใช้เวลามากขึ้น ระหว่างที่นั่งค้นหาข้อมูลว่าควรจะทำอย่างไรกับอาการและรอคำตอบจากเพื่อนหมอทั้งสองคนที่ส่งคำถามคุยกันไปมา เราเห็นจักรยานทัวร์ริ่งคันหนึ่งเข้ามาจอด ตามธรรมเนียมก็ต้องทักทายกันหน่อย ได้ความว่าเขาชื่อ ไซมอน เป็นคนนิวซีแลนด์ ไปพักที่กโลบุส โฮสต์เทล และพบกับหนุ่มโปแลนด์ ”บาเทค” ซึ่งเล่าให้ไซมอนฟังเกี่ยวกับเรา เขาบอกว่าเขาดีใจที่ได้เจอกับเรา เราก็รู้สึกว่าเรากับเขามีอะไรที่คล้าย ๆ กัน หนึ่งเรื่องอายุ น่าจะพอ ๆ กัน ไม่บ้าจี้เหมือนเจ้าทอมกับนิค (แต่ทอมกับนิคก็สามารถเรียกเสียงเฮและเสียงหัวเราะได้ตลอดทางเช่นกัน) สองเรื่องงบ เขาคงเตรียมตัวและเก็บออมเพื่อทริปนี้ คือ เขาก็มีงบพอสำหรับถ้าอยากนอนหรืออยากทำอะไรหรู ๆ สักครั้งสองครั้ง ซึ่งเราก็พอจะทำได้แต่ไม่ได้สุรุ่ยสุร่ายนะ

คุยกันจนกระทั่งเขาจัดการอาหารข้างหน้าเรียบร้อยและพร้อมที่จะเดินทางต่อ เลยบ๊ายบายกันและเช่นเดิมแลกเปลี่ยนอีเมลย์กัน เราไปซื้ออาหารกลางวันมากินและเช๊คหาข้อมูลต่อ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร เดินอุ่นเครื่องแล้วทั้งช้าและเร็วก็ยังรู้สึกแปลบ ๆ เลยคิดว่าปั่นเข้าเมืองโกริ แล้วนั่งรถไฟเข้าทบิลิซิเมืองหลวงเลยดีกว่า เพราะทอมและนิค เพื่อนชาวอังกฤษที่ปั่นมาล่วงหน้าอยู่ที่นั่นแล้ว ได้เจอกับพวกเขาอีกทีน่าจะสนุกกว่าที่จะอยู่พักดูอาการเข่าที่โกริ นี่เป็นครั้งแรกที่เราใช้พาหนะอื่นโดยนั่งรถไฟระยะทางช่วงนี้ประมาณ 80 กม. อืม..แต่เราก็ยังเดินทางบนบกอยู่นะ

เรามาถึงสถานีรถไฟประมาณบ่ายสามโมง รถไฟออกห้าโมงเย็น เรานั่งรอที่สถานีได้สักชม.นึง ฝนตก ฟ้าผ่า ฟ้าร้อง อึ๋ย..น่ากลัวมาก นึกถึงตอนที่ไปกางเต้นท์นอนที่โรมาเนียในหุบเขาที่นอนพร้อมเสื้อผ้าเตรียมพร้อมที่จะออกไปสู้กับฝนได้ทุกเมื่อแบบแทบไม่ได้นอนทั้งคืน

ขบวนนี้แหละที่เราจะนั่งไปด้วย มีเหตุการณ์ตื่นเต้นเล็กน้อย เรามองไม่ทัน ไม่เห็นว่าตู้ไหนเบอร์อะไรเลยต้องวิ่งกันหน่อย

ขบวนนี้แหละที่เราจะนั่งไปด้วย มีเหตุการณ์ตื่นเต้นเล็กน้อย เรามองไม่ทัน ไม่เห็นว่าตู้ไหนเบอร์อะไรเลยต้องวิ่งกันหน่อย

เวลาหกโมงเย็นเราก็มาถึงทบิลิซิ เมืองหลวงของจอร์เจีย รถราคับคั่ง เสียงแตรดังทั้งข้างหน้าและข้างหลัง ไม่รู้ว่าใครกดใส่ใคร ก่อนที่จะมาเราติดต่อกับทอมและรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เราเลยตามมาอยู่กับเขาสองคืน นั่งคุยกันสักถามอัพเดทเรื่องราวของแต่ละคน เย็นหน่อยเราเดินออกไปซื้ออาหารมาทำที่โฮสต์เทลแบบง่าย ๆ และนั่งคุยกันต่อจนดึก

ดีใจได้เจอกับพวกเขาอีก และหวังว่าจะเจอกันอีกที่บาคุ เมืองหลวงของอัซเซอร์ไบจาน

ดีใจได้เจอกับพวกเขาอีก และหวังว่าจะเจอกันอีกที่บาคุ เมืองหลวงของอัซเซอร์ไบจาน

จอร์เจีย => Akhaltsikhe (อัคฮาลซิคเฮอะ) ไป Borjomi (โบรโจมิ) แวะเที่ยว Vardzia (วาดเซีย)

คนโปแลนด์ที่เราเจอเขาที่โฮสเทสที่บาทุมิ เขาโชคไม่ดีที่สติ๊กเกอร์วีซ่าของอัซเซอร์ไบจานหมด เลยตัดสินใจปั่นไปทบิลิซิก่อนแล้วค่อยนั่งรถไฟกลับไปบาทุมิเพื่อทำวีซ่า เพราะที่นั่นไม่ต้องมีเอกสารอื่น ๆ นอกจากแบบฟอร์ม คุ้มที่จะนั่งรถไฟกลับไปทำ เราคงได้เจอเขาอีกทีที่ทบิลิซิ น่าจะเป็นการดีถ้าได้รอข้ามทะเลสาปแคสเปี้ยนพร้อมกับเขา เพราะเขาจะปั่นประมาณเส้นทางเดียวกันกับเราเลย แต่เขาจะปั่นต่อไปซิดนีย์ พอเราถึงกรุงเทพฯ ของเขาถึงแค่ครึ่งทาง 😉

บาเทค-หนุ่มโปแลนด์ที่จะปั่นไปซิดนีย์

บาเทค-หนุ่มโปแลนด์ที่จะปั่นไปซิดนีย์

หลายคนที่อยากจะเข้าเมืองหลวงเร็ว ๆ ก็จะปั่นกันบนทางหลวง แต่เราได้ยินจากคุณสว่างที่เจอกันที่บาทุมิ เขาว่าถนนจอร์เจียปั่นยากรถเยอะและไหล่ทางแทบจะไม่มี เราเลยเลือกปั่นทางเขาได้ยินเสียงนกเสียงน้ำไหล มีอารมณ์และเวลาชมวิวทิวทัศน์ข้างทาง ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง แต่ดันไปล้มเอาเข่ากระแทกกับหินนี่สิ มีช่วงที่มีน้ำตกไหลผ่าน ธรรมดาเขาจะวางท่อใต้พื้นถนนเพื่อไม่ให้มันไหลข้ามถนน แต่นี่มันทางบนเขาที่จอร์เจีย เขาคงไม่สนใจที่จะทำให้ดีมั้ง เฮ่อ…ตอนล้มไม่รู้สึกเจ็บนะ เลยไม่ได้ถู ๆ นวด ๆ มัน มารู้สึกเจ็บนิด ๆ ก็วันรุ่งขึ้น เริ่มเจ็บแปลบ ๆ นึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้นทันใด เอายาหม่องมาทาถูตั้งหลายครั้งยังไม่ดีขึ้น นี่ผ่านมาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ดีขึ้นเลย ชักเป็นห่วง แต่คิดว่ามันเป็นแผลฟกช้ำที่ถูกกดถูกตลอดเวลาเวลาเราปั่นจักรยาน ก็เลยรู้สึกเจ็บไม่หายสักที พักที่อัคฮาลซิเฮอะสองวัน และวันที่ปั่นมาโบรโจมิ (Borjomi) เริ่มเจ็บ เลยหยุดพักตั้งสามวันที่นี่ แต่ก็ยังเจ็บ ๆ อยู่ เฮ่อ…

สิ่งปรักหักพังข้างทาง มีเยอะมาก มีเวชอยู่ในภาพด้วยนะ เห็นกันมั้ย?

สิ่งปรักหักพังข้างทาง มีเยอะมาก มีเวชอยู่ในภาพด้วยนะ เห็นกันมั้ย?

ที่อัคฮาลซิเฮอะ เราพักที่โรงแรมจิ้งหรีดหนึ่งคืน หลังจากนั้นก็เข้าเมืองอยู่อีกคืนหนึ่ง เอ…ชักยืดยาดเอาเรื่องเหมือนกันนะพวกเรา 😉 ก็เรื่องวีซ่างัย การขอวีซ่าเข้าอุซเบกิสถานต้องใช้จดหมายเชิญ แล้วเราจะไปหาได้ที่ไหน นอกจากจะติดต่อกับบริษัทที่เข้าสามารถจัดการให้ได้คือ STANtours (นักปั่นข้ามทวีปรู้จักบริษัทนี้กันทุกคน) การจ่ายค่าจัดการเขาก็ใช้เวลา และหลังจากให้ข้อมูลเป็นตับแล้ว ชำระค่าป่วยการแล้ว ก็ต้องรอไปอีกหนึ่งอาทิตย์เพื่อทางเขาจะส่งจดหมายเชิญไปที่หน่วยอะไรสักอย่างเพื่อขออนุมัติขออนุญาติอะไรทำนองนั้น ระบบข้าราชการของเขายังติดหนึบอยู่กับระบบทางรัสเซียที่ต้องเช๊คต้องเรื่องมาก ประเทศเขาก็น่าเที่ยวแต่ไม่น่าทำให้วีซ่าเป็นเรื่องยุ่งยากเลย  การขอวีซ่าเข้าอุซเบฯ ต้องระบุวันที่แน่นอนว่าจะเข้าประเทศวันไหน กรอกไว้ว่าจะเข้าวันไหน วันนั้นก็เริ่มนับเป็นวันแรกของวีซ่าที่ได้ 30 วัน ก็ปวดหัวอีกเพราะไม่รู้ว่าจะได้ขึ้นเรือแฟรี่ไปเมืองอัคเทาที่ประเทศคาซัคสถานเมื่อไหร่ แล้วข้าพเจ้าจะบอกได้อย่างไร บอกเร็วไปก็ต้องปั่นกันหน้าตั้ง บอกช้าไปก็ต้องไปแหง่วอยู่ในคาซัคสถาน แฮ่… ไหน ๆ ก็มาเกือบจะถึงหน้าประตูบ้านเขาแล้ว ก็ต้องลุยต่อ ไม่มีเวลาก็โบกรถนั่งรถไฟเอาละกัน ใจจริงก็อยากปั่น แต่ถ้ามีปัญหาที่ทำให้ปั่นไปไม่ทัน เวชคิดว่าที่ง่ายที่สุดคือโบกรถหรือนั่งรถไฟ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าตอนนั้นเราจะอยู่ใกล้จุดที่มีรถไฟผ่านหรือไม่ หรือจะมีรถให้โบกหรือเปล่านี่สิ เอา..ช่างมันเหอะ แก้ปัญหาตรงนี้ก็เจอปัญหาตรงนั้น เอาไว้เจอก่อนละกันแล้วค่อยแก้ นี่เป็นวิธีเวชแต่โจคิมไม่อ่ะ เธอจะต้องหาทาง ป้องกัน แก้ไข แทบจะทุกจุด รอบคอบจริง ๆ

อัคฮาลซิเฮอะอยู่สูงเหมือนกัน นั่งในที่ร่มก็รู้สึกเย็น ๆ ออกมาพักผ่อนสมองหาอะไรกินกัน

อัคฮาลซิเฮอะอยู่สูงเหมือนกัน นั่งในที่ร่มก็รู้สึกเย็น ๆ ออกมาพักผ่อนสมองหาอะไรกินกัน

เราออกมาหาอะไรกินกัน ตอนสั่งก็หิวเนอะ เอาโน่นเอานี่ เอ..กินรออีกจานหนึ่ง ทำไมไม่มาสักที ปรากฎว่าเขาไม่ได้จดในรายการ โชคดีไปเพราะเริ่มอิ่มแล้ว ตอนที่นั่งกินอยู่ก็เห็นตึกฝั่งตรงข้าม มองจากข้างนอกก็ไม่เห็นมีใครสักเท่าไหร่ ตอนแรกนึกว่าเป็นอาคารสำนักงาน แต่ก็ไม่น่าใช่ เลยลองถามเด็กในร้าน ปรากฎว่าเป็นห้องสมุดประชาชนที่ย้ายมาเมื่อสองปีที่แล้วจากที่เก่า แหม..มาตั้งอยู่ตรงหน้าก็ต้องเข้าไปดูเสียหน่อย ด้านในดูสะอาดสะอ้านน่านั่ง ไม่ค่อยมีคนเข้ามาใช้ เด็ก ๆ นั่งอ่านหนังสือกัน และคนหนึ่งนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ เห็นบรรณารักษณ์ทั้งหลายนั่งคุยกันอยู่ที่เคาน์เตอร์ เลยขอเข้าไปสัมภาษณ์หน่อยว่าเกี่ยวกับห้องสมุดนิดหน่อย งบเขาคงมีไม่เยอะ เพราะหนังสือหลายเล่มอาจจะถูกทิ้งไปนานแล้วถ้ามันอยู่ที่ในห้องสมุดที่สวีเดน

บรรณารักษณ์ที่ห้องสมุดประชาชนมีทั้งหมด 8 คน

บรรณารักษณ์ที่ห้องสมุดประชาชนมีทั้งหมด 8 คน

หนังสือเขาเก่ามากเลย อาจจะกำลังจัดอยู่ก็เป็นได้หรืออาจจะไม่มีงบซื้อหนังสือใหม่ก็ต้องเก็บของเก่าไว้ก่อน

หนังสือเขาเก่ามากเลย อาจจะกำลังจัดอยู่ก็เป็นได้หรืออาจจะไม่มีงบซื้อหนังสือใหม่ก็ต้องเก็บของเก่าไว้ก่อน

เราตั้งใจปั่นสั้น ๆ ไปเมืองโบรโจมิ (Borjomi) เลยออกกันสายหน่อย ถนนสายนี้ก็ยังคงสวยและน่าปั่น จราจรไม่คับคั่ง ที่ยิ่งดีคือมันลาดลงนิด ๆ ด้วย ชอบๆๆ

ถนนทางไปเมืองโบรโจมิ ที่เรามารู้ทีหลังจากลีโอว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อนแถบนั้นเป็นภูเขาไฟ 

ถนนทางไปเมืองโบรโจมิ ที่เรามารู้ทีหลังจากลีโอว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อนแถบนั้นเป็นภูเขาไฟ

สิ่งปรักหักพังอีกที่หนึ่งที่ชัคและโจคิมเดินขึ้นไป เรารอที่รถละ

สิ่งปรักหักพังอีกที่หนึ่งที่ชัคและโจคิมเดินขึ้นไป เรารอที่รถละ

โบรโจมิเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีชื่อเรื่องน้ำแร่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวของคนในประเทศเสียส่วนใหญ่ แต่ก็มีเห็นคนอิสราเอลและโปแลนด์บ้าง เราปั่นมาถึงและหยุดตรงใจกลางเมือง เคยได้อ่านจากหนังสือท่องเที่ยวว่า ‘Leo’s Homestay’ น่าอยู่ ได้เจอลีโอโดยบังเอิญที่ถนนสายนั้น เราเลยตามเขาไปที่บ้าน และได้อยู่ในอพาร์ตเมนท์ที่เขาแบ่งเป็นห้อง ๆ ให้เช่า เราได้ห้องเตียงใหญ่แต่ไม่ค่อยมีพื้นที่มากนัก แต่ถือว่าดีที่สุดแล้ว เหมือนเป็นส่วนตัวในราคา 20 ลารีต่อคนแต่ถ้าเพ่ิมอีก 5 ลารีแม่ของลีโอจะทำอาหารเช้าให้ด้วย หลังจากที่เห็นอาหารเช้าแล้ว คิดว่า 5 ลารีนี่สุดคุ้ม กินกันจนอิ่มไปถึงเย็น 😉

ตอนปั่นเข้าโบรโจมิเริ่มรู้สึกเจ็บที่เข่าทุกครั้งที่กดบันไดลง เลยอยู่ต่ออีกสองวัน วันแรกลีโอแนะนำเราให้เดินเข้าไปในสวน 2 กม.ไปชิมน้ำแร่ ลองชิมดูแล้ว รสชาติไม่ค่อยอร่อย น้ำแร่อุ่น ๆ แถมมีรสซ่า ๆ ด้วย ดีนะที่ไม่ได้เอาขวดไปด้วยอย่างที่ลีโอแนะนำ เขาว่าน้ำแร่นี่ดีสำหรับท้อง อืม…ถ่ายสะดวกหรืองัย อุ๊บส์์..ขอโทษ 😉

รสชาติเป็นอย่างไรอ่านจากสีหน้าของโจคิมดูเอาเองนะค่ะ ;-)

รสชาติเป็นอย่างไรอ่านจากสีหน้าของโจคิมดูเอาเองนะค่ะ 😉

แล้วถ้าเดินต่อไปอีก 3 กม.ออกจากสวนเดินตามทางเข้าป่าไป จะมีสระน้ำคอนกรีตกลางแจ้ง อืม..น่าสน น้ำร้อนด้วยหรือ? อืม… เอาชุดว่ายน้ำไปด้วย ระหว่างทางที่เดินเข้าป่าไปดูร่มรื่น มีน้ำไหลผ่านตลอด

น้ำจากภูเขา

น้ำจากภูเขา

สระนำ้กลางแจ้งที่ไม่ค่อยร้อนอย่างที่คิด อยู่กลางแจ้งก็สกปรกนิดหน่อย แต่สามารถนอนเล่นพักผ่อนกันที่สนามหญ้าได้

สระนำ้กลางแจ้งที่ไม่ค่อยร้อนอย่างที่คิด อยู่กลางแจ้งก็สกปรกนิดหน่อย แต่สามารถนอนเล่นพักผ่อนกันที่สนามหญ้าได้

เราพักต่อวันหนึ่งลีโอมาถามว่าเราอยากจะไปเมืองถ้ำที่ห่างจากโบรโจมิไปอีก 120 กม.ด้วยมั้ย เพราะเขามีคนแคนาดาที่จะไปด้วย เราก็เดินเที่ยวในเมืองแล้ว เลยตัดสินใจไปกับเขา ได้เจอกับชัค (Chuck) เขามาที่จอร์เจียนี่เป็นครั้งแรก มาจัดสัมนาเกี่ยวกับฟาร์มไร้สารเคมีกับชาวนาที่จอร์เจีย พอเราเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับทริปของเรา เขาก็ตาโต เพราะเขาเองก็เป็นนักปั่นทัวร์ริ่งเหมือนกัน เขายังชวนให้เราปั่นไปเที่ยวบ้านเขาที่ออนโตริโอที่แคนาดาด้วย น่าสน!!!

วาดเซีย (Vardzia) ตั้งอยู่ในช่องแคบในหุบเขาที่สามารถมองเห็นพวกมองโกล คนเปอร์เซียและคนตุรกีบุกเข้ามา คนท้องถิ่นสมัยโน้นจึงขึ้นไปเจาะเขาให้เป็นถ้ำเพื่อหลบภัยจากผู้รุกราน ไม่รู้ว่าเขาอยู่กันนานแค่ไหน แต่มีการวางแผนเกี่ยวกับเรื่องน้ำ ลีโอชี้ให้ดูจากถนนถึงขีดที่เห็นไกล ๆ บนภูเขานั่นเป็นร่องที่เขาทำให้น้ำไหลมาเก็บไว้ใช้ เราดูไม่ออกว่าห้องไหนเป็นอะไร เดากันไปเรื่อย ลีโอว่ามีพระอยู่บนถ้ำนั่นด้วย 5 รูป

นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของถ้ำเท่านั้น

นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของถ้ำเท่านั้น

ด้านในถ้ำ

ด้านในถ้ำ

สงสัยว่าทริปเราไม่ควรจะเที่ยวที่ไหนโดยไม่ใช้จักรยาน เพราะทุกครั้งที่ต้องนั่งรถไป ฝนจะตก ฮึ่ม… แต่อาจจะเป็นเพราะว่าวิหารสุเมล่าที่ตุรกีและเมืองถ้ำวาดเซียที่จอร์เจียนี่อยู่บนเขาสูง อากาศคงชื้นเป็นธรรมดา ปลอบใจตัวเอง กลัวไม่ได้เที่ยว 😉 นั่นแหละพอเห็นถ้ำจากรถเท่านั้นฝนก็ตก แถมปนด้วยลูกเห็บ ลีโอต้องเอารถขับไปแอบอยู่ใต้ต้นไม้สักพัก แล้วเราก็เปียกอีกจนได้ แต่ไหน ๆ มาถึงแล้วก็ต้องขึ้น เดินขึ้นก็ได้นะ แต่ลีโอว่าถ้าจ่าย 1 ลีราสามารถนั่งรถตู้ขึ้นไปได้ แต่ขอลงมาด้วยได้มั้ย? ได้!! เดินอยู่ข้างบนชมถ้ำกัน มีแม้กระทั่งโบสถ์อยู่ข้างบน มีภาพวาดที่ยังคงสภาพดีอยู่ สวยมาก เนื่องจากฝนตกเราเลยเดินกันไม่ทั่วเท่าไหร่ เดินมารอรถตู้ แต่ไม่มาสักที ฝนตกฟ้าร้อง ไม่รู้จะไปหลบที่ไหนนอกจากในถ้ำ ชัคเขาไม่ชอบ เขากลัวฟ้าจะผ่าเพราะอยู่ในถ้ำเป็นอะไรที่ไม่ปลอดภัยมากที่สุด เราเลยต้องเดินลง เจ็บเข่าอีก เฮ่อ..

ลีโอบอกว่าทริปนี้เขาจะพาเราไปเล่นน้ำแร่ร้อน ๆ ที่นี่มีหลังคา เราเห็นเด็กเยอะแยะก็กลัวว่าคนจะเยอะ เลยบอกว่าไม่ไปละกัน ลีโอก็งงและค้านว่าเราควรจะไป เขาบอกว่าที่แห่งนี้ไม่มีในหนังสือท่องเที่ยวที่ไหน อ่ะๆๆ โอเค ไปก็ไป ไปดูก่อน ไม่ชอบใจก็ค่อยไปต่อ พอมาถึง ไม่มีใครสักคนมีแต่พวกเราสามคนที่ลงไปแช่น้ำ โห..สุดยอด ขอบใจลีโอที่่คะยั้นคะยอให้พวกเราไป น้ำน่าจะร้อนสัก 30 องศา ไม่ค่อยมีกลิ่นเหมือนไข่เน่าสักเท่าไหร่ หลังจากที่เดินชมถ้ำจนตัวเปียกฝนและเริ่มรู้สึกเย็น ๆ มาแช่น้ำตรงนี้แล้วรู้สึกสบาย ๆ ๆ

บ่อน้ำแร่ ร้อน 30 องศาได้

บ่อน้ำแร่ ร้อน 30 องศาได้

ถ้ามีใครจะมาเที่ยวโบรโจมิขอแนะนำที่โฮมสเตย์ของลีโอนะค่ะ

หน้าตึก เป็นบ้านเก่าสัก 60 ปีถ้าเข้าใจแม่ลีโอไม่ผิด ;-)

หน้าตึก เป็นบ้านเก่าสัก 60 ปีถ้าเข้าใจแม่ลีโอไม่ผิด 😉

แม่ของลีโอที่ทำอาหารเช้าได้อร่อยถูกปาก ไม่รู้ว่าจะปลื้มว่าเรากินจนหมดทุกอย่างหรือเปล่า ;-) ;-) กินหมดทุกจานเลย

แม่ของลีโอที่ทำอาหารเช้าได้อร่อยถูกปาก ไม่รู้ว่าจะปลื้มว่าเรากินจนหมดทุกอย่างหรือเปล่า 😉 😉 กินหมดทุกจานเลย

เห็นภาพแล้วยังหิวได้อีกอ่ะ

เห็นภาพแล้วยังหิวได้อีกอ่ะ

Day 62, Borjomi and Vardzia

It only took us two and a halft days to ride over the mountain pass and maybe it was a bit early for a rest day but we decided to stay one extra day in Akhaltsikhe to prepare our visa applications for the central asian states. Beside doing all administrative tasks we went out for a walk in the town and found the city library.

The exterior of the library

The exterior of the library

Wej couldn’t resist the temptation of visiting a Georgian library so we went in to have a look. It looked nice and there were quite a few visitors there.

Visitors reading newspapers

Visitors reading newspapers

Although being in a brand new library many of the books looked very old and worn and Wej said that that kind of books would have been replaced long ago in her library. The lack of resources is probably the reason for this but maybe some of the budget for the library building should have been allocated to the library’s content instead.

Old and well used book

Old and well used book

I would like to borrow a book about bicycle repair. Is this the right shelf??? 😉

Am I at the right section?

Bicycle section?

The library has a staff of 8 people and we met a couple of them at a counter. One of them spoke very good English and Wej interviewed her about the library.

Visiting collegues in a foreign country

Visiting collegues in a foreign country

Many people ask as what kind of tools and spare parts we carry. My answer is only the things that are most necessary or hardest to find in remote places. We will always be able to find shops like this where we could get an extra tire or pedal if needed. Shops like this don’t sell high quality parts but we could probably get hold of stuff that will at least take us to the next shop selling parts with higher quality.

Store selling anything from toys and kitchen utensils to simple bicycle parts.

Store selling anything from toys and kitchen utensils to simple bicycle parts.

The following day we were going to cycle the 50 km from Akhaltsikhe to Bojormi. The road is of good quality, slightly downhill and going through a beautiful area so it was a quick ride.

View from the road between Akhatsikhe and Bojormi

View from the road between Akhatsikhe and Bojormi

Bojormi is an small town known for its mineral water and it has been a tourist attraction for almost a century. At the main street we ran into Leo who is the owner of one of the homestays recommended by the Lonely Planet guidebook. We followed Leo home and got a small little room in an apartment that had been turned into a guesthouse.

The following morning Leo’s mother cooked breakfast for us and we are lucky to be cycling since nobody who isn’t doing a lot of physical work during the days could eat that huge amount of food. Fried potatoes, huge pancakes, salad, fried eggplants, fried eggs, lots of bread, tea, coffee and some cake as dessert. That is the kind of breakfast a touring cyclist likes…. 🙂

Breakfast at Leo's...

Breakfast at Leo’s…

As mentioned Borjomi is famous for its mineral water and in the city there is a park with wells where people can fill up their bottles for free. Empty bottles are conveniently sold almost everywhere.
When we went to the park I had to try the well with warm mineral water and I must say I didn’t really like the taste. It was too salty…..

Not too impressed of the taste of warm mineral water

Not too impressed of the taste of warm mineral water

Leo had recommended us to pay a visit to a local swimming pool with hot mineral water. It was a 3 km long walk along a trail into the forest behind the park. The pool was very simple and there were some other people there too. The water was not super hot and the pool was not well kept and being outside there were lots of leaves and algea in the water. The place was quiet and I enjoyed sitting in the shadow of a tree reading the only book I carry with me.

Community outdoor pool with warm mineral water

Community outdoor pool with warm mineral water

Wej fell and hurt her knee when passing a creek on the mountain a few days ago and since the pain hasn’t gone away completely we decided to stay one more day in Bojormi. We can’t enter Azerbadjan before June 6 which is the first day of our visa validity so by staying here for extra days we only cut our time in Tbilisi shorter.

We needed something to do during our extra day off the bikes and Leo offered to drive us to the ancient rock city of Vardzia some 120 km south east of Bojormi. We got company on the tour by Chuck who works with organic farming in Canada and who is in Georgia to hold seminars and training with local organic farmers. Chuck is also a touring cyclist and has done many tours in north america and we had plenty of topics to discuss.

Wej and Chuck at Vardzia

Wej and Chuck at Vardzia

Leo knows his part of the country very well and we stopped at many places along the way and he told the stories behind them.

Vardzia is located in a narrow valley that has seen invading mongol, persian and turk armies pass by and the local people built the rock city to hide in during times of unrest. The place ias absolutely amazing and there are hundreds of rooms and chambers carved into the rock and even a working monastery with residing monks.

A part of the rock city at Vardzia

A part of the rock city at Vardzia

Inside one of the caves

Inside one of the caves

Unfortunately it started to rain when we went up to the caves so we cut our visit short. Leo then insisted that we should go to the nearby pool with hot mineral water. This pool was also a very simple concrete pool but it was inside and a there was nothing around it. We were alone there and quickly changed into our swimsuits and slowly slowly went into the water that was extremely warm. We soaked in the water for a while and then started the long drive back to Bojormi.

The pool with very hot mineral water. Super nice :-)

The pool with very hot mineral water. Super nice 🙂

Toothpaste quiz

Do you remember our toothpaste quiz?

On April 10 in Bukarest we opened a new toothpaste tube and raised the question where we would be when it gets empty. The closest guess will get a postcard from that place.

Here are the guesses:

Iain                    Samsun
Heiko                 Batumi
John                  Tbilisi
Elisabeth            Baku
Danne                Middle of Caspian Sea
Mum we             Aqtau
Kalle                   Beyneau
Micke                 Turtkul
Ryszard             Samarkand
Nutth                 Osh
Michael&Jodie   Lake Vakhsh
Cousin Marie     New Dehli or 15 June
Bootsabong       Uzbekistan or 77days which is on July 14.
Jesper&Emma  17 August
Hednoi              Thaiman….

On a map it will look like this. The guesses that are dates can’t be put on the map.
Skärmavbild 2013-06-01 kl. 01.19.54

This is how our toothpaste tube looks right now and we are about 150 km from Georgias capital Tbilisi.
bild-14
Iain and Heiko are already out of the game – should we let them have a second chance?

We ourselves are guessing too, but not where we will run out of toothpaste but who will be the winner and if there will be any postcard to buy at that place….

คำถามทายเล่น ๆ กับยาสีฟัน

วันที่ 10 เมษายน เราเปิดใช้ยาสีฟันหลอดใหม่ที่บูคาเรสต์เลยคิดกันเล่น ๆ ว่าหลอดนี้มันจะหมดที่ไหน วันไหน และลองให้เพื่อน ๆ เข้ามาช่วยกันเดา และถ้าเพื่อนคนไหนที่เดาได้ใกล้เคียงมากที่สุด จะได้รับโปสการ์ดจากที่นั้น

นี่คือที่เพื่อน ๆ เดากันเข้ามา :-

Iain (เอียน) Samsun (ซัมซุน)
Heiko (ไฮคุ) Batumi (บาทุมิ)
John (จอห์น) Tbilisi (ทิบลิซิ)
Elisabeth (อลิซาเบธ) Baku (บาคุ)
Danne (ดันเน่) Middle of Caspian Sea (กลางทะเลสาปแคสเปี้ยน)
Mum we (แม่โจคิม) Aqtau (อัคเทา)
Kalle (คัลเล่อ) Beyneu (เบนิว)
Micke (มิคเกอะ) Turtkul (ทูรท์คูล)
Ryszard (ริซาด) Samarkand (ซามาร์คันด์)
Nutth (นัท) Osh (ออช)
Michael & Jodie (ไมเคิล+จูดี้) Lake Vakhsh (ทะเลสาปวัคช์)
Cousin Marie (มารี) New Dehli or 15 June (นิวเดลลี หรือ 15 มิย.)
Bootsabong (บุษบง) Uzbekistan or 77days (อุซเบฯ หรือ 77 วันคือ 14 กค)
Jesper & Emma (เยสเปอร์+เอมม่า) 17 August (17 สค.)
Hednoi (เห็ดน้อย) Thaiman… ไทยแลนด์

ดูจากแผนที่ข้างล่างนี้ บางคนเดาเป็นวันที่เราเลยไม่สามารถแปะลงไปในแผนที่ได้

Skärmavbild 2013-06-01 kl. 01.19.54

เอียนและไฮคุตกรอบไปแล้ว แต่ถ้าคิดว่าอยากจะเล่นต่อหรือเพื่อนบางคนที่อยากจะอัพเดท ต้องไปทำความดีอะไรสักอย่างก่อนนะคะ

เราก็ร่วมเดาด้วยค่ะแต่ไม่ใช่ว่ายาสีฟันจะหมดเมื่อไหร่ แค่กลัวว่าพอไปถึงเมืองนั้นและยาสีฟันหมด เขาจะมีขายโปสการ์ดหรือเปล่าเท่านั้นเอง 😉 ลองดูนะค่ะว่าหลอดยาสีฟันตอนนี้ดูเป็นอย่างไร และเราต้องปั่นอีก 150 กม.ไปเมืองหลวงของจอร์เจียคือทิบลิซิ

bild-14

จอร์เจีย => Batumi (บาทุมิ) ปั่นขึ้นยอดเขา Goderdzi pass พักที่ Akhaltsikhe (อัคฮาลท์สิเฮอะ)

ช่วงที่อยู่ที่บาทุมิเราวุ่นอยู่กับการดำเนินการขอวีซ่าเข้าจีน ทางการจีนไม่ค่อยอยากต้อนรับนักปั่นเข้าจีนโดยเฉพาะทางด้านตะวันตก เพราะอาจจะเป็นการซอกแซกเข้าไปตามหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ได้ผลเกินไป ถ้าเราบินหรือใช้พาหนะอื่นเข้าเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวของจีน ไม่มีปัญหา แต่ยังงัยก็แล้วแต่ทุกคนที่ต้องการเข้าจีนต้องมีเอกสารพร้อม ว่าจะบินเข้า-ออกวันไหน อยู่โรงแรมไหน จะเดินทางไปไหน อยู่กี่วัน เรานั่งค้นหาข้อมูลที่พักที่เที่ยวของจีนอย่างละเอียดและเป็นประเทศแรกที่ศึกษาที่เที่ยวโดยที่จะไม่ไปสักทีที่ค้นกันมา คุ้ยข้อมูลจนกระทั่งอยากไปเที่ยวจริง ๆ เสียแล้วสิ 🙂 หลังจากเตรียมวีซ่าจีนก็ต่อด้วยวีซ่าอุซเบกิสถาน ซึ่งก็ต้องการเอกสารไปอีกอย่างหนึ่งก็ต้องรบกันอีกต่อไป กำลังแก้ปัญหากันอยู่ อาจจะต้องเปลี่ยนเส้นทางอีก หรืออะไรสักอย่าง ต้องคิดดูอีกที เฮ้อ… เมื่อคืนมีนักปั่นจากโปแลนด์เข้าพักที่โฮสเทลด้วย ได้คุยกันแลกเปลี่ยนอีเมลย์ เมื่อวานได้ข่าวว่าเขามีปัญหาว่าสถานฑูตอัซเซอร์ไบจานที่บาทุมิออกวีซ่าให้ไม่ได้เพราะสติ๊กเกอร์หมด

ลาก่อนทะเลดำ กว่าจะเจอทะเลอีกทีคงเป็นทะเลสาบแคสเปี้ยนที่อัซเซอร์ไบจาน

ลาก่อนทะเลดำ กว่าจะเจอทะเลอีกทีคงเป็นทะเลสาบแคสเปี้ยนที่อัซเซอร์ไบจาน

เวลาเกือบบ่ายสาม เราปั่นออกจากบาทุมิ เราเลือกเส้นทางผ่านเขาที่สูง 2025 เมตรจากระดับน้ำทะเล ป้ายบอกทางอยู่ดี ๆ ก็หายไปไหนไม่รู้ ปั่นวนหาทางอยู่นาน พอปั่นย้อนกลับมาถึงจะเห็นป้าย หาทางเจอแล้วก็เริ่มหิวหาร้านอาหารต่อ 😉 ตามร้านค้าเห็นเขาเอาป้ายรายการอาหารมาตั้งโชว์ไว้ ไม่มีอาหารและไม่ใช่ร้านอาหารด้วย งง??? ชักหิวเลยหยุดที่ปั้มแห่งหนึ่ง แต่ความที่เราไม่ได้ซื้ออะไรตุน นอกจากไข่ต้มที่ต้มไว้ตั้งแต่เมื่อวาน อืม..ดีกว่าปั่นแบบท้องว่าง ๆ เนอะ ไข่ต้มก็ยังดี ทางนี้แรก ๆ เรียบปั่นสบายร่มรื่น อาจจะเป็นเพราะยังอยู่ใกล้เมืองบาทุมิ ที่จอร์เจียจ่ายด้วยการ์ดเริ่มไม่ค่อยสะดวก บางร้านติดป้ายวีซ่ามาสเตอร์การ์ดแต่ไม่รับอยู่ดี เราเลยต้องหาตู้กดตังค์ก่อน ก่อนออกจากบาทุมิ เราถามพนักงานท่ีนั่น ว่าที่เมืองเคดา (Keda) เมืองถัดไปนี่จะมีที่พักมั้ย? เขาก็บอกว่ามี คำว่า “เกสเฮาส์” ของเขาตอนนี้ชักเริ่มสงสัยละ ว่ามันคือ “homestay” หรือเปล่า? คือเป็นอีกลักษณะหนึ่งของการท่องเที่ยว โดยที่ครอบครัวในท้องถิ่นนั้นเปิดห้องให้เช่า ส่วนใหญ่ผู้มาพักสามารถใช้เครื่องครัวและบางครั้งอาจจะได้เรียนภาษาท้องถิ่นนั้น ๆ ถ้าสนใจ เราก็ไม่แน่ใจว่าเขาหมายถึงอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ ๆ คือไม่มีทั้งโรงแรมหรือเกสเฮาส์ เราไปซื้ออาหารเผื่อว่าต้องแมปิ้งคืนนี้ แต่พอเราเริ่มถามชาวบ้านเรื่องโรงแรม ทีนี้เหมือนไฟไหม้ฟางอย่างไรอย่างนั้นเลย ปากต่อปาก จนกระทั่งมีคนหนึ่งที่บ้านเขามีสมรรถภาพพอที่จะรับแขกได้ เราตามเขาไปเพราะเขาว่าที่บ้านมีอินเตอร์เนต เพราะเราต้องการเช๊คข้อมูลวีซ่าและกำลังรอคำตอบจากหลาย ๆ ทาง อ่า..เราเห็นสภาพบ้านจากภายนอก นึกไปถึงถุงนอน ว่าจะต้องเอาออกมาใช้หรือเปล่าน๊า??? แต่พอขึ้นบ้านไป อ้าว..งง บ้านหลังเดียวกันหรือเปล่าเนี่ย ด้านในเขาตกแต่งเสียอย่างดี เรียบร้อย มีห้องน้ำ น้ำอุ่น ส้วมทันสมัย ตอนนั้นก็เริ่มดึกแล้ว เราเลยนั่งทำแซนวิชไข่กินกันที่ระเบียง

วิวจากระเบียงที่พักที่โฮมสเตย์

วิวจากระเบียงที่พักที่โฮมสเตย์

เช้าวันรุ่งขึ้น เราเริ่มเดินทางต่อ ร่ำลาเจ้าของบ้านเรียบร้อย ที่น่ีถ้าพูดภาษารัสเซียได้ช่วยได้เยอะเลย เราปั่นจนกระทั่งมาถึงเมืองคุโร (Khulo) ที่คิดว่าใหญ่กว่าเมืองเคดาหน่อย มีโรงแรม แต่เรามาถึงสักเที่ยงกว่า ๆ จะจอดอยู่ตรงนี้ก็เร็วเกิน แต่ก็น่าสนใจ เพราะมีคนหนึ่งเขาเคยเป็นนักมวยปล้ำรุ่น 68 กก.ไปแข่งที่เยอรมัน เลยได้ภาษามาด้วยคุยกับโจคิมรู้เรื่อง เขาช่วยเหลือหลายอย่าง ถึงขนาดขับรถพาโจคิมไปหาร้านเนตในเมือง แต่เพราะเผอิญเขาจะกลับบ้านไปเอาเบ๊ตตกปลาด้วยก็เลยอาสาพาไป ขนาดไปกับคนท้องถิ่นยังหาร้านไม่เจอเลย กินเสร็จก็ต่อ เรามีเสบียงติดตัวมาด้วย ปั่นจนเกือบมืด แต่ก็ยังทันได้นั่งทำอาหารบนเนินสูง ชมวิว

วิวจากเนินสูงจากตรงที่ตั้งแคมป์ อุตส่าห์ปีนขึ้นไปทำถึงบนโน้น ไม่น่าจะมีใครสนใจเงยขึ้นมามองเรา

วิวจากเนินสูงจากตรงที่ตั้งแคมป์ อุตส่าห์ปีนขึ้นไปทำถึงบนโน้น ไม่น่าจะมีใครสนใจเงยขึ้นมามองเรา

เส้นทางนี้สวยมาก เราจอดเกือบทุก ๆ ร้อยเมตรเพื่อเก็บภาพ จนกระทั่งแผ่นความจำของทั้งในกล้องและกล้องวีดีโอ GoPro เต็มหมด ปั่นเรียบแม่น้ำทำให้รู้สึกไม่ร้อนเท่าไหร่ระหว่างทางเห็นวัวตัวหนึ่งโชคร้ายถูกหินหล่นลงมา น่าจะหล่นใส่หัวนะ มันคงน๊อคสิ้นใจทันที เราเห็นก้อนใหญ่ ใหญ่แบบยกคนเดียวไม่น่าขึ้น แล้วมันหล่นลงมาใส่หัว จะไปเหลืออะไร ไปสู่ที่ชอบ ๆ นะเจ้าวัว เราจัดแจงซื้ออาหารตุน เพราะมวยปล้ำคนนั้นบอกว่าทางที่เราจะไปนั่นไม่มีอะไรเลย รึ? ก็เลยเข้าไปซื้อ พอป่นออกจากเมืองนี้ไม่เท่าไหร่ ทางก็เริ่มแย่ และหลังจากนั้นก็กระเด้งกระดอนไปตลอดทาง

ภาพจากถนนขรุขระระหว่างทางจากเมืองคุโร

ภาพจากถนนขรุขระระหว่างทางจากเมืองคุโร

ตอนเช้าตอนที่เวชเดินกลับขึ้นไปเช๊คอีกทีตรงที่เรากางเต้นท์ว่าเราลืมอะไรทิ้งไว้หรือเปล่า? มีนักท่องเที่ยวเยอรมันมาคุยด้วย เขามากันเป็นรถตู้เป็นนักศึกษาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ คุยกันได้พักใหญ่ ๆ พวกเขาจะขึ้นไปสำรวจบนเขา เขาเคยอยู่ที่ Globus hostel และจำเราได้ แต่เราจำเขาไม่ได้เลย จากคุโรปั่นลงเขาระยะหนึ่งก่อนแล้วค่อยขึ้นเรื่อย ๆ ตอนเช้ามีตนเดินผ่านตรงที่เรากางเต้นท์เยอะมาก นักเรียนและคนเลี้ยงวัว ระหว่างทางก็ยังเจอพวกเขาตลอดทาง คิดว่าน่าจะมีทางเดินตัดเขาขึ้นมา ทางขรุขระแย่มากตั้งแต่ออกจาก Khulo หลังจากที่เรากินข้าวเสร็จ กระเด้งกระดอนกันมาตลอดทาง พอมาถึงยอดที่ความสูง 2025 ที่ Goderdzi pass เจอคนเมาและมีคนมาชวนไปกินเหล้าด้วย นั่นบ่ายสองเองนะ เมากันขนาดนั้นแล้ว

วิวระหว่างทางที่เราเก็บภาพจนแบตฯหมดเมมเต็ม

วิวระหว่างทางที่เราเก็บภาพจนแบตฯหมดเมมเต็ม

ยังมีหิมะเปียก ๆ ที่กำลังละลายที่ความสูงประมาณ 1900 เมตรจากระดับน้ำทะเล

ยังมีหิมะเปียก ๆ ที่กำลังละลายที่ความสูงประมาณ 1900 เมตรจากระดับน้ำทะเล

ขอถ่ายด้วยคน สงสัยจะเมาได้ที่แล้วมั้ง ;-)

ขอถ่ายด้วยคน สงสัยจะเมาได้ที่แล้วมั้ง 😉

ที่ยอดเขามีร้านค้าเล็ก ๆ โจคิมเดินเข้าไปเห็นว่าไม่มีอะไรที่สามารถกินเป็นอาหารกลางวันได้นอกจากไข่สดซื้อไข่ในร้านขายของชำเล็ก ๆ ตอนแรกเขาไม่ยอมขายจะต้มให้ก่อน เราเลยต้องเอากระทะออกมาให้ดู เขาถึงเข้าใจว่าเราจะทำอะไร ได้มา 4 ฟองจัดการเอาเตาสนามออกมา เต๊าะไข่หั่นไส้กรอกที่เหลือเมื่อเช้าลงไปเจียว ๆ ปรุงด้วยพริกไทยดำและเกลือแค่นี้ก็เป็นอาหารยอดเขาที่เลิศแล้ว หลังจากนั้นก็ปล่อยไหลลงอย่างเดียว แต่ทางแย่เหมือนตอนขึ้น ก็ต้องเบรคกันตลอดทาง เฮ้อ..เบรคจนเมื่อยข้อมือไปหมด ลงมาถึงเมือง Adigeni (อาดิเกนี่) ว่าจะซื้ออาหารตุน พอลองถามเรื่องที่พัก เขาก็จัดการโทรหาคนที่เขารู้จัก คือพาไปนอนบ้านเขาแบบ homestay แต่เราไม่อยากเพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง เลยปั่นต่ออีก 30 กม. ไปเมืองที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย Akhaltsikhe (อัคฮาลสิคเฮอ) เวลาตอนนั้นทุ่มกว่า ๆ แล้ว เห็นป้ายโรงแรมสำหรับรถบรรทุก ลองเข้าไปถามราคา เขาบอก 20 ลารี ต่อคน เราลองต่อเหลือ สองคน 30 ได้มั้ย? เขาก็โอเค คุยไปคุยมา เล่าให้เขาฟังว่าปั่นผ่านตุรกีมา เขาก็บอกว่าเขาเป็นคนตุรกี น่าจะเป็นเจ้าของ เลยคุยและเฮกันได้นิดหน่อย

ร้านค้าเล็ก ๆ บนยอดเขา

ร้านค้าเล็ก ๆ บนยอดเขา

โรงแรมที่นอนเมื่อคืนน่าจะเปรียบได้กับโรงแรมจิ้งหรีด นอนเต้นท์ยังรู้สึกสบายกว่าอีก เตียงที่นอนอยู่ดี ๆ เหมือนแผ่นกระดานมันล่องหนหายไป เลยต้องนอนเบียดกันบนเตียงขนาดเล็กสำหรับนอนคนเดียว อบอุ่นดี 🙂 พอเช๊คเอาท์ออกมาเราลองปั่นเข้าเมืองเผื่อดูว่าจะสามารถหาอินเตอร์เนตได้มั้ย ก็มาเจอโรงแรมแห่งหนึ่ง ขอเขาใช้เน๊ตพอเช๊คทุกอย่างเรียบร้อย เวลาบ่ายพอดี เลยตัดสินใจพักอยู่ตรงนี้ติดต่อและหาข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่า เอากระเป๋าเก็บเรียบร้อย เราออกไปเดินหาของกิน เพราตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย เดิน ๆ ไปเห็นป้ายโฆษณา Rider’s Dream www.RidersDream.net เป็นร้านจักรยานนำเที่ยวทั้งทัวร์ริ่งและดาวน์ฮิล เดินเข้าไปคุยด้วยหน่อยกับเด็กคนหนึ่งเราบอกเขาว่าเราปั่นข้ามมาจากเมืองคูโร เขายกนิ้วให้ และบอกว่าเขาไม่ชอบขึ้นเขาชอบดาวน์ฮิลมากกว่า คงมีไม่กี่คนที่ชอบขึ้นเขา เราเองยังไม่ค่อยชอบแต่ได้ชมวิวจากที่สูง เห็นแล้วก็เหมือนเป็นรางวัลที่อุตส่าห์ปั่นขึ้นไป และอีกอย่างมีขึ้นก็ต้องมีลง \(^o^)/

วิวบนยอดเขา คุ้มที่พยายามปั่นขึ้นมา

วิวบนยอดเขา คุ้มที่พยายามปั่นขึ้นมา

Day 59-61 (Batumi – Akhaltsikhe)

We are not able to update as frequently as before so this is a long post about three days:

Day 59 (Batumi – Keda)

We stayed in Batumi not only one but two days longer than planned and the reason was that we needed more time to take care of our bikes and to do administrative issues such as preparing visa applications for Uzbekistan and China. I have read blogs from other cyclists telling about these preparations taking a lot of time and I then had problems understanding why – now I do understand why….

The evening before we left a Polish cyclist arrived. He is on his way to Sydney and will take just the same route as we so we had a long conversation with him regarding routes, visa applications etc. He will wait a few days in Batumi for his brother who is hitch hiking there, but I think we will see Bartek again since he seem to ride quicker than we do.

Saying farwell to the Black Sea

Saying farwell to the Black Sea

When we finally left the gueshouse it was already 2 PM but since we only planned to ride 40 km to the village of Keda it didn’t really matter. We are waiting for an important e-mail and need to pay for our letter of invitation to Uzbekistan so we needed to find internet somewhere. The receptionist at our hostel said there are guesthouses at Keda so we planned to go stay at one of them and do all our internet business there.

Batumi isn’t big but we got lost on our way out. After asking a couple of people we finally found the road that leads up to the mountains. Georgia, and especially its hinterland, is cash country and to be on the safe side we stopped to get some more local currency at an ATM before leaving the last suburb.

Keda sits at 200 meters altitude and the road there was very good. It was never steep and there was not much traffic, but best of all was the surroundings that were wonderful. The road was in a valley with a little river in its midst and on both sides were farms growing wine. The steep hills on booth sides were covered with a lush forest with lots of oak trees and since there were so little traffic we could hear birds singing and bells from the cattle all the time.

There are several old bridges in the valley, all signposted as "historical bridge"

There are several old bridges in the valley, all signposted as “historical bridge”

Keda is straight to the east from Batumi and since we started late we had the sun in our backs and the during the late afternoon the sunshine made the valley look even more beautiful.

Right before Keda we stopped at a gas station. When we asked the staff where the guesthouses were they told us there weren’t any in Keda. That was bad news since we needed to find internet and for a while we considered to do the Turkish trick, i.e. to camp at the gas station but we decided to go on into the village center.

Keda was a small village, but big enough to have a roundabout in its center. We stopped there and I asked a police officer where the hotel was. He pointed at a pink house 50 meters away and we went there to ask at the restaurant on first floor. I tried to use my poor russian to ask if this was a hotel and the lady working there said ”no”….

The roundabout in Keda. It doubles as the village's gathering spot...

The roundabout in Keda. It doubles as the village’s gathering spot…

The only reason we wanted to stay at a guesthouse was to get to an internet connection but since there seemed to be no hotel or guesthouse in town we decided to camp and went to a grocery store next to the roundabout to buy some supplies. A rule of thumb is to always doublecheck any information and the lady in the store also she pointed at the pink house. When I told her we had been there but got a negative answer, she sent someone over to ask again. The runner soon came back and told us it was closed for some reason I never understood.

The whole town seemed to be engaged in our struggle to find a guesthouse and when we had already given up a man came walking and told us we could stay at a private homestay for 10 GEL each (40 SEK, 4.5 €). Since we only needed to check our e-mail and make a payment we asked if the homestay had an internet connection and he said yes.

Deal….

We walked to the homestay with the guy and he introduced us to the family and then left. An older man showed us to our room and where the bathroom was. He then said that we needed to pay 2 GEL each for showering. I didn’t feel a shower was necessary and I thought it was a bit expensive so we tried to negotiate and got it down to 1 GEL each.

Cooking at the balcony

Cooking at the balcony

When we had settled in our room we asked how to connect to internet. The man then turned on the large TV….. Not really our definition of internet. When two 10 year old girls (probably grand daughters arrived) they also said there was no internet and the computer they were playing games on was also not connected.
SONY DSC

So much fuss for nothing. But at least is was a cheap place to stay at and the view from the balcony was outstanding. We didn’t know if dinner was included so we fried the few eggs we had together with some salami at the balcony. Dogs are usually the biggest problem for cyclists, but cats can be a nuisance too. One cat bit off our computer cable and now the one in this house was feasting on our expensive salami that I left on a table in the room for a minute while cooking at the balcony.

Day 60 (Keda – camp at 1360 meters altitude)
Our breakfast consisted of coffe prepared at the balcony, youghurt and some sandwhiches with salami. The cat only ate a little part of it and we cut off a large chunk between where it had eaten before having what remained ourselves.

Saying good bye to our hosts

Saying good bye to our hosts

The family’s house was at about 220 meters altitude and the mountain pass some 75 km east is 2025 meters above the sea level. Our plan was to ride as high as possible during the day. We knew the road up to the last village would be good but from there everyone we talked to said it would be in bad connection.

The lower part of the valley is frequently visited by tourists.

The lower part of the valley is frequently visited by tourists.

The ride between Keda and Khulo was wonderful. In the beginning it was not steep at all – only slowly going upward. The scenery was breathtaking and we stopped many times to take photos and vide clips. The road was now no longer in the middle of the valley but on the side of the steep mountain surrounding it.

Soviet relics are present everywhere.

Soviet relics are present everywhere.

Somewhere between the two villages was a little chapel that had been restored and that nowadays is often used for weddings.

The renovated chapel

The renovated chapel

The large crucifix inside showed that our saviour had a very well developed 6-pack.

Schwarzenegger would be jelous of that 6-pack

Schwarzenegger would be jelous of that 6-pack

We don’t have a proper road map – we only use a simple one from the tourist information that we got second hand from someone at the hostel in Batumi. On our map Khulo is the last village before the pass and we decided to stay there to have lunch. Just as usual when we stop at the centre of a small village we were soon surrounded by curious men. One of them spoke very good German and he invited us to his restaurant.

Lunch at the wrestler's restaurant

Lunch at the wrestler’s restaurant

After taking our order he sat down to talk to us and we got the reason why he spoke so good German. He used to be a professional Greco-Roman wrestler and had competed for Stuttgart for 6 years in the Bundesliga.

The wonderful valley

The wonderful valley

When we left Khulo the road immediately got a lot worse. It was unsealed, full of potholes, fist size rocks and sometimes it was crossed by small creeks. It was still as beautiful as before and the cycling was very fun. We like to ride on this kind of roads and slowly climb towards higher altitudes.

View from where we cooked our dinner.

View from where we cooked our dinner.

What was the last village on our map was not the last village in reality. It seemed to be one very long village with houses along that road where ever it was flat enough to build one. This meant it was hard for us to find a spot to pitch our tent but we finally found a good spot. In order to not draw any attention we hid our bikes and luggage behind some trees and took our food and cooking gear and climbed up a hill where we could enjoy the sunset in the valley while cooking and eating our dinner.

Good night...

Good night…

Day 61 Camp at 1360 meters – Akhaltshike
When we woke up there was already some traffic on the little road below us. Children walked to school in the village further down and people leading their cattle out to the nearby fields. They all waved and smiled and used sign language to ask if we were going up our down.

Good morning...

Good morning…

When we started to roll it took us another 5-6 km of slowly climbing the poor road until we left the last settlements behind us. We were now at about 1700 meters altitude and the road got a little bit better.

Water is important….

Filling our water bottles at a tap outside someone's house.

Filling our water bottles at a tap outside someone’s house.

But sometimes it easier to find beer and vodka in places like this little stall…

One for the road....

One for the road….

Close to the pass we saw big constructions of a skiresort going on. Skilifts were already built and now they were building hotels and a better road. We wondered if it wouldn’t have been smarter to start by building a good road so that all material and equipment could be brought up much easier.

Skilifts ready before the road to bring up the tourists

Skilifts ready before the road to bring up the tourists

An old russian truck loaded with cows standing tight to each other overtook us slowly. 10 minutes later we overtook it when the driver had parked and were pooring water on the overheated engine. It then overtook us slowly again only to not long after see us overtake it again when the engine once again had gone too hot. This happened a few times and we felt we were racing to the top of the pass with this old truck and felt pity for the cows. It can’t be easy to stand up when the truck bumps into all those potholes.

The russian truck...

The russian truck…

The pass was above the tree line and as we got closer we found lots of snow that hadn’t yet melted.

Hopefully our last encounter with snow on this trip.

Hopefully our last encounter with snow on this trip.

At the top of the pass there were lots of activity going on. A group of men invited me to come and have vodka with them and I declined as politely as I could. There was also a little magazin (shop in russian) where we bought some eggs to make a lunch omelette. While we sat eating there 2-3 old drunk men kept coming to us and we think they asked for money. We are happy to make a contribution but not when it is obvious that the money quickly will be used to buy more vodka.

The sign showing the highest spot of this road

The sign showing the highest spot of this road

During more than a month in Turkey we only once saw someone who was obviously the local alcoholic and here in Georgia we a few everytime we stop in a village. Turkey is a secular society and people can drink if the wish to but maybe the religion has created a tradition of drinking less. If so, it is a good tradition because I think the number of people constantly unsober can’t be good for society.

A cute little boy who stood watching us throwing snowballs at each other just below the pass

A cute little boy who stood watching us throwing snowballs at each other just below the pass

Interior of the shop at the pass.

Interior of the shop at the pass.

It was now time to roll down the 20-25 km to the next larger village. The road was only slightly better on the other side and only for some parts. Normally riding down is easy but although we didn’t have to pedal it was hard work of constantly applying the breaks while balancing down the rocky road. After a while I started to get blisters in the fold between my thumb and index finger due to all the breaking.

A cow having a sniff at my front pannier

A cow having a sniff at my front pannier

Eventhough we like riding on poor roads we always it is always a nice feeling to get back to a smooth paved road again. The good road started at an altitude of about 1400 meters and from there we cycled the remaining 35 km to Akhaltshike in about 1.5 hours. Quite a different speed than we had got used to the last couple of days.

Wej on the way down from the pass

Wej on the way down from the pass

ตุรกี => จาก Trabzon (ทรับซอน) ไป Batumi (บาทุมิ) ประเทศจอร์เจีย

หลังจากได้สองพี่น้องตระกูลอัลทานพาลงมาที่ร้านอาหารที่นัดกับคนขับรถ เรานั่งกินข้าวกลางวันกัน ใจจริงอยากเลี้ยงเขา แต่ตัวเองยังไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าเป็นอย่างไร จึงต้องแค่แชร์กัน ซึ่งเขาก็เริ่มจ่ายของเขาครึ่งหนึ่งก่อน เลยรู้สึกสบายใจเล็กน้อย เราคุยกันว่าเขาน่าจะมาเที่ยวสวีเดน ไปปั่นจักรยานและกางเต้นท์นอน เพราะอย่างน้อยเดนิซชอบท่องเที่ยวแบบนี้อยู่แล้ว ไว้ตอนนั้นเราค่อยทำอะไรให้เขาน่าจะดีกว่า

เราไปที่สำนักงานขายตั๋วรถทัวร์เพื่อไปเอาจักรยานออกมา ตั้งใจว่าวันนี้น่าจะปั่นได้สัก 50 กม. แต่ปรากฎว่ายางแบนล้อหน้ามั้ง 😉 แบนบ่อยเลยจำไม่ได้ว่าล้อไหน รู้สึกมันจะแบนได้เท่ากันละ ก็เลยจอด และ ปะ ด้วยความที่ต้องการติดต่อคุณสว่างที่บาทุมิประเทศจอร์เจีย เราเลยต้องไปแถว ๆ โรงแรมที่เราขึ้นไปดริ้งบนดาดฟ้าเมื่อวาน เพราะเคยได้รหัสมา ฝั่งตรงข้ามของโรงแรมเป็นจัตุรัสของเมืองที่เขากำลังมีงานรื่นเริงพอดี เกี่ยวกับฟุตบอล ปะ ๆ อยู่คนที่อยู่ในงาน มานั่งดูโจคิมปะ ช่วยสูบลม สักพักเดินหายไป อ่า..ไปเอาน้ำมิรินด้ามาให้ อืม..สดชื่น อีกแป๊บเดินไปเอาหมวก ปากกา ที่ทับกระดาษและพวงกุญแจ เอ่อ..ข้าพเจ้าไม่อยากแบกหง่า อีกสักพัก เอาชามาให้ดื่มอีก นี่ถ้าไม่เคลื่อนย้ายไปไหน ไม่รู้พี่เขาจะชวนไปนอนบ้านด้วยหรือเปล่า 😉 คุยกันก็ไม่รู้เรื่อง อยู่ ๆ แกเดินมาสะกิด ชี้ไปบนเวที ทำมือทำไม้ว่าไปถ่ายรูปกัน เอ้า..เอาก็เอา เดินกันขึ้นไปถ่ายสักสองแช๊ะ แล้วก็บอกให้เรารอสัก 10 นาที รอทำอะไรล่ะค่ะ อ่ะ..รอก็รอ เพราะตอนนั้นเราตัดสินใจว่าคงต้องค้างที่ทรับซอนอีกวันเพราะตะวันคล้อยเต็มทีละ หลังจากนั้น 10 นาที คุณพี่ก็เดินเอารูปใส่กรอบเรียบร้อยมาให้เรา

5-1 = โจคิมแบนไปแล้ว 5 ครั้ง ยางที่ปะไม่ดี มันรั่วจากรูเดิมที่เคยปะเมื่อคราวที่แล้ว แต่เราก็นับ นับทุกครั้งที่แบน ;-)

5-1 = โจคิมแบนไปแล้ว 5 ครั้ง ยางที่ปะไม่ดี มันรั่วจากรูเดิมที่เคยปะเมื่อคราวที่แล้ว แต่เราก็นับ นับทุกครั้งที่แบน 😉

เวทีนั่นแหละที่เขามาสะกิดให้ขึ้นไปถ่ายรูปกัน

เวทีนั่นแหละที่เขามาสะกิดให้ขึ้นไปถ่ายรูปกัน

จักรยานของโจคิมโดนเล่นงานบ่อยมาก เดี๋ยวยางแบน (ไม่รู้กี่ครั้งนับไม่ถ้วน 😉 เดี๋ยวก้านเกียร์หัก มาวันนี้ plug-in ที่ต่อเข้ากับไดนาโมล้อหน้าและสามารถชาร์ตแบตฯของจีพีเอสและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ผ่านยูเอสบี ก็มาเสียอีก เราสามารถติดต่อกับคุณสว่างได้แล้ว และถามเกี่ยวกับเรื่องเกียร์ fiction ที่หัก ก็ได้คำแนะนำจากคุณสว่างให้ลองไปดูร้านที่ทรับซอน เพราะใหญ่กว่าบาทุมิ ปะยางเสร็จและแพ๊คของที่ระลึกทั้งหลายลงกระเป๋า เราออกเดินตามหาร้านจักรยาน หายากนิดนึง เพราะร้านอยู่ในตัวอาคารเข้าไปอีกหน่อย วนไปวนมากว่าจะเจอ ที่เจอนี่เพราะถามเขาอีกเหมือนกัน คนนี้ก็น่ารักมาก ถามปุ๊บเขาเดินพาไปส่งถึงหน้าร้านเลย

เข้าไปในร้านพูดไปชี้ไป รู้มั่งไม่รู้มั่ง พอดีมีลูกค้าคนหนึ่งเข้ามาดูจักรยาน เขาพูดภาษาเยอรมันได้ เลยพยายามสื่อเยอรมันแทน ดีนะที่โจคิมรู้ภาษาเยอรมันบ้าง ไม่อย่างนั้นก็คงใช้เวลาอีกนาน แต่ในที่สุดหลังจากที่เดินดูไปทั่วร้านก็เห็นเกียร์ที่สามารถใช้แทนกันได้ คุณภาพอาจจะไม่ดีเท่าแต่ทดแทนกันได้ก็ดีที่สุดแล้ว ไหน ๆ อยู่ที่ร้านแล้วก็ให้เขาเปลี่ยนซี่ล้อไปด้วยเลย ที่มันงอจากที่ซัมซุน ทำให้เสร็จ จะได้ไม่ต้องลุยเอง พอจ่ายตังค์ถึงรู้ว่าคุ้มจริง ๆ ที่ให้เขาทำให้ ค่าเซอร์วิสถูกมาก ที่นี่คิดแค่ 10TL ที่อิสตันบูลคิดตั้ง 50TL

คนใส่เสื้อลายสก๊อตเป็นลูกค้าที่คุยภาษาเยอรมันได้ พากันรุมจักรยานโจคิม

คนใส่เสื้อลายสก๊อตเป็นลูกค้าที่คุยภาษาเยอรมันได้ พากันรุมจักรยานโจคิม

แล้วก็ถึงเวลาตระเวณหาที่พักต่อ กลับไปโรงแรมตรงที่เราปะล้อละกัน ว่าจะเข้าไปต่อค่าห้องเขาหน่อย แต่ไม่ต้องเพราะเต็ม :-O แต่ความที่เป็นคนตุรกี เขาจับโทรศัพท์หมุนไปโรงแรมเพื่อนบ้าน เช๊คให้ว่ามีห้องว่างมั้ย ราคาเท่าไหร่ หันมาบอกเราว่าได้ราคานี้ พอถามเขาว่าไปยังงัย เขาทำมือเหมือนกับว่ารอก่อน อืม..รออะไรหว่า สักพักเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาส่งภาษาเตอร์กิชกัน แล้วหันมาส่งสัญญาณให้เราตามเขาไป เป็นเซอร์วิสหรือเขากลัวว่าเราจะหลงไปโรงแรมอื่น หาทราบไม่ เอาเป็นว่าบริการของเขาละกันสบายใจดี

รวมอาหารเช้าด้วย โรงแรมนี้มีไข่ต้มเราเลยขอไข่ติดตัวไปด้วยคนละฟอง แยมคนละ 2-3 แพ๊ค สำหรับมื้อกลางวัน เพราะหนึ่งอยากจะประหยัด สองเราก็ไม่อยากกินอะไรเยอะ แค่แวะซื้อขนมปังกินกับแยม แล้วค่อยหนักตอนเย็นทีเดียว ช่วงที่ปั่น ๆ มาก็เห็นป้ายเขาโฆษณาขนมปังทรับซอน เขาว่ามันมีขนาดที่ใหญ่กว่าปกติ สามารถเก็บได้นานกว่าขนมปังทั่วไปและมีรสชาติออกเค็ม ๆ นิด ๆ หลังจากที่ซื้อมาชิมดูแล้วก็รู้สึกว่าเนื้อขนมปังจะแน่นกว่าธรรมดา มินาล่ะมันถึงได้แพงกว่าตั้งสองเท่า ตัดใจซื้อนะนั่น เพราะอยากรู้ว่ามันพิเศษอย่างไร เห็นโฆษณาตั้งแต่อยู่บ้านเพื่อนที่ซอนกูลดัคละ และตอนที่แวะปั้มกินขนมปังทรับซอน เราก็นั่งกินกันแอบ ๆ หน่อย เพราะไม่ได้ซื้ออะไรจากปั้มก็ไม่อยากไปนั่งเกะกะ พอดีเขาเดินผ่านเราก็ชวนเขา ”เป็นพิธี” เขาทำท่าเหมือนบอกว่าเขาอิ่มแล้วและขอบคุณ หลังจากนั้นไม่นาน เขาคนเดิมเดินกลับมาถามว่า … ทายออกมั้ยว่าเขาถามว่าอะไร …. ”ชัย???” = เอาชามั้ย? ลุทเฟ่น = ค่ะ เอาค่ะ จะไปขอชาเขาก็เกรงใจ เลยแกล้งทำเป็นชวนเขา เผื่อเขาจะเข้าใจว่าเรารอชาอยู่ 😉

ขนมปังของทรับซอนและแยมจากโรงงแรมพร้อมชาแก้วใหญ่กว่าธรรมดา

ขนมปังของทรับซอนและแยมจากโรงงแรมพร้อมชาแก้วใหญ่กว่าธรรมดา

กลางวันทานน้อยก็ไม่ต้องรอให้อาหารย่อย ดื่มชากันเสร็จก็ออกเดินทางต่อ ช่วงนี้ทำเวลาหน่อยเพราะอยากเข้าบาทุมิเพื่อไปเจอกับคุณสว่าง ติดต่อกันมานาน รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เจอคนไทยในต่างแดน รู้จากเสือออย – ศิรินทร์ คุ้มวงศ์ นักปั่นสาวไทยอีกคนที่ไปไหนไปกัน ว่าคุณสว่างมาพักอยู่ที่ทิบลิซิ ทำให้มีจุดมุ่งหมายและกำหนดเวลา ดีค่ะ ไม่อย่างนั้นก็เรื่อยเปื่อย คุณสว่างจะเดินทางขึ้นเขาและจะเข้ามาพัก 5-6 ที่เมืองบาทุมิ แต่จากทรับซอนปั่นวันเดียวไม่ถึงแน่ เราเลยปั่นให้ได้ระยะทางมากที่สุดเท่าที่แสงอาทิตย์เอื้ออำนวย พอเริ่มจะมืดเราเริ่มมองหาที่พัก เห็นป้ายเกสเฮาส์อยู่หลายป้าย แต่เงินตุรกีเหลือน้อยเต็มที ถ้าเขารับบัตรก็ดีไป แต่ไปถามที่ปั้มข้างหน้าดีกว่า แล้วเราก็มาจอดอยู่ที่ปั้มแห่งหนึ่ง ตามแผนคือเวชเข้าไปเช๊คห้องน้ำ พอเดินออกมาเห็นโจคิมกำลังเม้าท์อยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่มารู้ทีหลังว่าชื่อ ”ฮัคคั่น” เขาไม่ได้ทำงานที่ปั้มแต่มีเพื่อนหลายคนทำงานที่นั่น คิดว่าทุกเย็นเขาคงมานั่งเม้าท์กับเพื่อน โชคดีของเราที่วันนั้นเขามาอยู่ตรงนั้นและตอนนั้น เขาเริ่มคุยกับโจคิม อาจจะเป็นเพราะเขาทำงานด้านการท่องเที่ยว ทำให้รู้สึกสนใจการเดินทางของเราด้วยมั้ง เราถามเขาเรื่องขอกางเต้นท์เขาก็พาเราไปดูที่ทางทันที เสร็จแล้วก็ถามว่าเรากินข้าวหรือยัง? เอ่อ..พวกเรามีสปาเก็ตตี้กับปลากระป๋อง เขาเลยบอกว่าไม่ต้องทำหรอก ไปกินบ้านฉันละกัน อ่า..ลุทเฟ่น yes please !! แล้วเราก็นั่งรถเขาไปอพาร์ตเมนท์ซึ่งภรรยาของเขาเตรียมอาหารไว้แล้ว สุดยอด กินกันเสร็จแล้ว เขาก็ขับรถมาส่งเราที่ปั้ม

จุดกางเต้นท์ใต้บ้านโบราณอายุราวร้อยปี เคยเป็นที่เก็บข้าวโพด แต่ตอนนี้กลายเป็นที่สวดมนต์สำหรับลูกค้าและคนทั่วไป

จุดกางเต้นท์ใต้บ้านโบราณอายุราวร้อยปี เคยเป็นที่เก็บข้าวโพด แต่ตอนนี้กลายเป็นที่สวดมนต์สำหรับลูกค้าและคนทั่วไป

มื้อเย็นที่บ้านฮัคคั่น จานนี้แค่เริ่มต้น หลังจากนั้นถ่ายไม่ทันค่ะ หมดเสียก่อน

มื้อเย็นที่บ้านฮัคคั่น จานนี้แค่เริ่มต้น หลังจากนั้นถ่ายไม่ทันค่ะ หมดเสียก่อน

นั่งกินอาหารเช้าที่ปั้ม อืม..เหมือนมื้อกลางวันเมื่อวานเลย จุ๊ๆๆ เสื้อผ้าก็ชุดเดียวกัน ;-) หากินเองเลยไม่ค่อยหรูหราเท่าไหร่

นั่งกินอาหารเช้าที่ปั้ม อืม..เหมือนมื้อกลางวันเมื่อวานเลย จุ๊ๆๆ เสื้อผ้าก็ชุดเดียวกัน 😉 หากินเองเลยไม่ค่อยหรูหราเท่าไหร่

วันนี้เราตื่นกันเช้าเพราะอยากเข้าบาทุมิกัน ฮัคคั่นมาที่ปั้มแต่เช้าเพื่อมาร่ำลากัน เรานั่งกินอาหารเช้ากันก่อน หลังจากนั้นก็ปั่นกันค่อนข้างสบาย ตามลมนิด ๆ มาถึงที่เมืองที่ติดชายแดน พักกินข้าวกัน แต่ก่อนที่จะสั่งอะไร ต้องถามก่อนว่าจานละเท่าไหร่ กลัวมีตังค์ไม่พอจ่าย เราสั่งข้าวกับกับข้าวหนึ่งอย่าง เขาบอก 12 TL โอเค เอาอย่างนั้นแหละ แบ่งกันกิน พอจะไปจ่ายตังค์ เวชหยิบเงินออกมา เขาดึงแต่แบงค์ 10 ไปและบอกว่าโอเค เอ่อ..ขอบคุณค่ะ คงเห็นว่าเราเดินทางด้วยจักรยานคงไม่มีเงิน น่าสงสาร อืม..ยอม สงสารฉันเถอะ 😉

อาหารกลางวันที่เมืองใกล้ ๆ ชายแดนระหว่างตุรกีกับจอร์เจีย

อาหารกลางวันที่เมืองใกล้ ๆ ชายแดนระหว่างตุรกีกับจอร์เจีย

อีก 10 กว่ากิโลจะถึงจุดผ่านแดน มีอุโมงค์เยอะแยะ แต่อุโมงค์สุดท้ายทำเราประหลาดใจ เพราะพอโผล่ออกมาปุ๊บก็เป็นทางผ่านเข้าจอร์เจียเลย อ้าว..ยังไม่ได้ใช้เงินตุรกีที่เหลือเลย เห็นมีร้านขายของชำอยู่เลยไปดูว่าเงินที่เหลืออยู่เท่านี้จะซื้ออะไรได้บ้าง สรุปว่าได้โค้ก 1.5 ลิตร ขนมปัง ช๊อคโกแลต 2 อัน

เดินไปซื้อด้วยเงินตุรกีทั้งหมดที่มีอยู่ เทให้หมดกระเป๋าเลย แล้วก็มานั่งพักกันตรงนี้ก่อน ชมวิว

เดินไปซื้อด้วยเงินตุรกีทั้งหมดที่มีอยู่ เทให้หมดกระเป๋าเลย แล้วก็มานั่งพักกันตรงนี้ก่อน ชมวิว

เวลาผ่านเข้าแต่ละประเทศ เราจะปั่นจักรยานเข้าทางที่รถยนต์บุคคลเขาขับกัน แต่ที่จอร์เจียนี่เขาให้เราเข้าไปทางที่คนจะเดินกัน มันไม่มีคนเนอะ เราเลยปั่นจักรยานช้า ๆ เข้าไป หลังจากที่ได้ประทับตราและผ่านด่านของจอร์เจียเข้ามาแล้วก็เห็นความแตกต่างว่าถนนในจอร์เจียแคบกว่าที่ตุรกีเยอะมาก เป็นธรรมดาเพราะตุรกีเจริญกว่าเยอะ ปั่นเข้ามาได้หน่อยก็เห็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งสมัยโบราณ เสียดายที่เขาปิดพอดี เลยปั่นต่อไปบาทุมิ เราปั่นตรงไปที่กโลบุส โฮสเทล ตามที่คุณสว่างเคยส่งลิ้งค์มาให้ คุยกันผ่านอินเตอร์เนตมาตั้งนานในที่สุดก็ได้พบกัน เรานั่งสนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลข้อคิดเห็นกันเกือบสองวันเต็ม เสียดายที่เรามาช้าไปหน่อยเพราะคุณสว่างจะเดินทางกลับไปทิบลิซิ แต่ก่อนแยกย้ายกันไป เราไปทานอาหารจอร์เจียกัน ได้รสชาติมากและอร่อยกว่าธรรมดาในเมื่อได้เพื่อนคุยสนุกเต็มไปด้วยเนื้อหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับเราในเส้นทางข้างหน้า และหวังว่าวันข้างหน้าเราจะได้ปั่นกับคุณสว่างไม่เส้นทางใดก็เส้นทางหนึ่งละนะ

หนุกหนานกันขนาดไหนดูจากภาพเอาละกันนะค่ะ

หนุกหนานกันขนาดไหนดูจากภาพเอาละกันนะค่ะ

ที่จอร์เจียนี่เราไม่ต้องขอวีซ่า แต่หลังจากประเทศนี้ไปเรื่องวีซ่าจะเป็นหัวข้อหลักที่ทำให้เราปวดหัว ต้องนั่งคิดนั่งวางแผนโดยเฉพาะวีซ่าเข้าจีน แทบจะทุกคนที่เดินทางด้วยจักรยานต้องแสร้งทำจองตั๋วเครื่องบิน ห้องพักโรงแรมเพื่อให้ได้วีซ่า หลังจากได้วีซ่าก็จะยกเลิกทุกอย่างที่จองไว้ เมื่อวันก่อนเราเพิ่งได้วีซ่าของประเทศอัซเซอร์ไบจาน สะดวกมากเพราะที่นี่เขาไม่ต้องการเอกสารอะไรมาก นอกจากแบบฟอร์มก็มีสำเนาพาสปอร์ตและรูปถ่ายตามปกติ

หลังจากคุณสว่างออกเดินทางกลับทิบลิซิแล้ว เราก็วุ่นอยู่กับการกรอกแบบฟอร์มขอวีซ่าเข้าจีน ช่างน่าปวดหัว แต่หลังจากที่เรากรอกและส่งพาสปอร์ตไปแล้ว รู้สึกโล่งไปนิด นิดนึงเท่านั้นเอง เพราะจะให้โล่งจริง ๆ ก็ตอนที่ได้วีซ่าอยู่ในมือนั่นแหละ

เราไปรับวีซ่าของอัซเซอร์ไบจานแล้วก็เดินต่อไปเล่นน้ำฉลองกันที่ชายหาด ชายหาดที่นี่เป็นหินก้อนค่อนข้างโต วันนั้นแดดแรงมาก แต่ในน้ำยังเย็นนิด ๆ พอขึ้นจากน้ำยังไม่ทันได้นั่งลงตัวก็เกือบแห้งล่ะ ดีที่ไปเล่นน้ำกันวันนั้นเพราะวันต่อมาลมแรง เหมือนเป็นพายุ และวันนี้ฝนก็ตกและคาดว่าพรุ่งนี้ก็จะตกตอนที่เราจะปั่นไปทิบลิซิ ก็ดีที่ได้อยู่ในเมืองตอนที่มีอากาศดี ๆ

เล่นน้ำเสร็จแล้วไปเดินเล่นในเมืองต่อ

เล่นน้ำเสร็จแล้วไปเดินเล่นในเมืองต่อ

ถ้าอยากดูภาพในเมืองอีกหน่อยลองเข้าไปดูในบล๊อคโจคิมที่เป็นภาษาอังกฤษนะค่ะ

Day 57-58 Trabzon – Batumi

Access to internet is becoming increasingly scarce so you shouldn’t count on daily updates anymore. We will update as soon as we have a chance. Tomorrow (Sunday)) we will leave Batumi and cycle towards Batumi over the mountains which will take about five days.

Exit Turkey and entering Georgia – country number 8 on this trip
We were slightly behind schedule due to that we spent the previous afternoon after visiting Sümela to look for a bike shop and fix my spoke and shifter. With a steady tailwind and flat road we decided we wanted to go for Hopa almost 170 km away. Our friends in Zonguldak have relatives there who had promised to host us.

When we went down to the hotel’s garage to pick up our bikes we found that my tyre was flat again. I now know why – useless glueless patches – and I quickly changed to a new innertube and will repair the old one as soon as I have got hold on some proper old style patches.

By cycling along the turkish Black Sea coast we have learnt by using our own eyes what products come from what part of the country. We have passed the garlic capital in Tasköpru, the brick factories at Boyabat, the rice growing areas around Duragan, the hazelnut zone around Trabzon and as we went further east we entered an area where which supply most of Turkey with tea. The steep hills were covered by tea plants and trucks that overtook us were loaded with tea and on the road we could see tea leaves that had fallen off those trucks.

Tea plantations

Tea plantations

Bread is called ”ekmek” in Turkish and we have started to call it that when we speak to each other. ”Please pass me some ekmek” or ”do we need to buy any ekmek?” are phrases we use among ourselves. Ever since we left Istanbul we have passed bakeries with signs telling that they sell ”Trabzon Ekmek”. It must be something special and when we were in Trabzon we finally found out what it was. Trabzon bread is a huge round loaf of bread that is as big as at least 5 normal loaves. Since we couldn’t eat that much ourselves and thus never bought any. We were however told it has a slightly sour taste and stays fresh longer than normal bread. Maybe it’s made of sourdough…

The ride east from Trabzon was very smooth and we proceeded at high speed and when we found a bakery that sold small size Trabzon breads we immediately stopped to buy some. We couldn’t leave Trabzon without having tried the famous Trabzon Ekmek… 🙂

Whenever we stay at a hotel we stock up on those little jam, butter and hazelnut packages that are usually provided at the breakfast buffets. They are perfect for our needs since they are (1) free, (2) portion size, (3) hard to break and (4) if one breaks only a little jam is spread around in our luggage.

A small size Trabzon bread and jam from the hotel

A small size Trabzon bread and jam from the hotel

After having ridden for a few hours we decided it was time for lunch and stopped at a gas station. We sat down outside and started to eat our Trabzon bread with butter and jam from the hotel when the gas station attendant saw us and hurried to serve us some tea. This kind of generosity and hospitality is something we will always associate Turkey with.

Just like elsewhere in the world there are often exercise equipments placed in Turkish parks and public places. When riding east on the big Black Sea highway we bumped into this place. Not a park and only a two different training equipment, but with a nice view of the Black Sea.

Mini gym with seaview

Mini gym with seaview

In central Europe most gas stations had a open wifi network without password for visitors to use. In Turkey they also have wifi internet, but the staff at the gas stations rarely know the password. We wanted to get in touch with our friends in Zonguldak to arrange for our arrival to Hopa, but we had problems finding any internet connection. The sms text messages we sent didn’t seem to get through either so we decided to try to find a camping spot instead.

Gas station staff

Gas station staff

We went in to a gas station some 35 km short of Hopa in hope of finding a spot to pitch our tent. We were soon surrounded by staff and some hangarounds and a few minutes later we had a glass of tea each in our hands. One of the guys spoke very good english and he asked us where we were going and where we would stay tonight. We said we wanted to pitch our tent and asked if it was possible somewhere around the station. A few minutes later the manager came out and showed us where we could put it.

Gas station at night

Gas station at night

Most gas stations in Turkey have a room for prayer and so did this one, but here it was a rather unusual place. The station had brought in an more than 100 year old barn from the mountains that used to a corn storage.

Old corn barn turned into room for prayer. Note our tent under it.

Old corn barn turned into room for prayer. Note our tent under it. Wej is sitting inside it.

The century old barn on pillars with beautiful details carved into the old wood had now been turned into a room for prayer and we were told to camp under it.

Camping under the to prayer room turned corn barn

Camping under the to prayer room turned corn barn

We were then asked if we had eaten any dinner yet and when we replied no, Hakan (the guy who spoke English) invited us to his home for dinner. We all jumped into his car and went to his house to have a wonderful dinner that his wife had prepared. Turkish hospitality again…… 🙂

Detail from the corn barn

Detail from the corn barn

The following morning we had the what was left of our Trabzon ekmek for breakfast and headed east. Since we couldn’t get in touch with our friends’ friend in Hopa we decided to continue towards Batumi in Georgia.

Turkish desserts are wonderful and when we saw a cafe we stopped to have a last taste of it before leaving Turkey. Next to the cafe was a bakery that was run by the same owner who invited us to come and take a look.

The owner of the bakery took us on a tour around his bakery

The owner of the bakery took us on a tour around his bakery

It was now time to leave Turkey which is a country we have started to like very much and that we certainly will return to both to visit friends and travel. We have liked the people, the hospitality we have received, the food and the interesting sights we have seen.

The variation that makes Turkey rich. A minaret and a beer shop side by side.

The variation that makes Turkey rich. A minaret and a beer shop side by side.

The border area to Georgia looked like an airport terminal and we stopped to buy some chocolate to finish our remaining turkish currency.

Interesting architecture at the Georgian border control

Interesting architecture at the Georgian border control


Normally when we pass a border we choose the lane the cars go rather than the lane for trucks. This time we were told to through the corridor where the bus passengers walk. There was hardly anybody there so we cycled through it. See the short video clip below.

Batumi was only 16 km from the border and it was a quick ride on a road that was a lot smaller and not as well maintained as the one we had been riding on in Turkey. Only a few kilometers after the border we passed Gonyo which is a millenium old Roman fortification. It looked very well preserved and resembled any any of the roman forts in the Asterix cartons. Unfortunately it was closed so we continued towards Batumi city.

Where are Asterix and Obelix???

Where are Asterix and Obelix???

We aimed straight for the Globus Hostel in the city center where we knew Sawang Thongdee who is another thai cyclist was staying. After checking in to a 20 bed dormitory we went out to have dinner with Sawang and it was very nice to meet someone from Thailand again.

Sawang is an experienced cyclist and has cycled the Karakhoram Highway, Iran, China, Pakistan, Centralasia, Turkey, Armenia and many more countries we dream about and now he was spending two months to dig deep into Georgia.

Sawang Thongdee is an experienced touring cyclists

Sawang Thongdee is an experienced touring cyclists

Sawang had already been in town for a couple of days after a side tour up to the great Caukasus mountains and he brought us to a nearby restaurant where we could have some interesting local Georgian food. For Wej it was great to sit down to talk to someone from her own home country and although I am not Thai, when meeting Sawang I got the feeling as when running into a countryman at a far away place overseas.

Georgian sallads. Tasted wonderful and we hope will have more soon.

Georgian sallads. Tasted wonderful and we hope will have more soon.

Pork is not eaten in Turkey, but in Georgia there is plenty of it and the georgians know how to cook it….

"Shaslyk" (barbecued) pork

“Shaslyk” (barbecued) pork

We have now entered the visa hassle zone. The number one discussion topic among fellow travelers is how and where to obtain visas. We haven’t needed any visas so far, but we we would need one for Azerbadjan which has tightened its visa policy during the last few years. However, the rumours said that getting a visa at the consulate in Batumi would be easy and the following morning we went to the consulate to try our luck.

The guy at the consulate was very laid back. He sat smoking and playing computer games in his little office when we arrived. When asked what documentation we needed he told us, 1 photo, 1 passport copy, the application form and 150 GEL (approx. 65 €). He told us to come back on Friday and we asked if we could get it on Thursday instead and then he replied ”sure”.

When picking up the visa he didn’t even look at our application forms. He asked what day we wanted to go, filled in the sticker and put it in our passports. Simple and no need of expensive and hard to get letters of invitation.

We have then spent two days relaxing and discovering Batumi which is filled of hotels and resorts. Now it is a bit empty, but when the summer season starts it will be very crowded. I don’t like swimming in cold water and when we stepped into the Black Sea in Sile a few weeks ago the water was definately too cold to swim in. Now it had got better and I went into the water of the Black Sea for the first time ever.

The beach in Batumi consists of small round stones. Many people prefer sand but I prefer these stones because you won’t get any sand between your toes or into your ears 🙂 They were however very hot to lay on during the mid day heat.

On the beach in Batumi

On the beach in Batumi

Wej cooling down in the water of the Black Sea

Wej cooling down in the water of the Black Sea

Between the city center and the beach is a long park called "Boulevard". There are restaurants and a chess club

Between the city center and the beach is a long park called “Boulevard”. There are restaurants and a chess club

A skyskraper not far from the beach.

A skyskraper not far from the beach.

A sculpture in the Boulevard park.

We are not the only ones who have come here by bicycle. Statue in the Boulevard park.

Colorful buildings in the center

Colorful buildings in the center

Designer garbage bin...

Designer garbage bin…

A Batumi street at dusk

A Batumi street at dusk