Category Archives: Posts in Thai / โพสต์ภาษาไทย

ตุรกี => จาก Vezirköprü (เวซีลคือพรึ) ไป Havza (ฮัฟซา)

ตอนอยู่ที่ซอนกูลดัค เราได้ดูบอลกับวอลคั่นและอืซเลม ก็เลยรู้เรื่องบอลนิดหน่อย พอพูดถึงชื่อทีมของตุรกี ดูเขาจะชอบใจ รู้นิด ๆ หน่อย ๆ พอมีอะไรคุยกันได้ เราผลัดกันไปห้องน้ำทีละคน เพื่ออยู่คุยกับเขา ครั้งนี้ไม่ลืมที่จะถามชื่อ Sabri = สา บริ เป็นชื่อเขา น่ารักมาก เติมชาให้ดื่มตลอด พอเราอาบน้ำเสร็จ นั่งคุยกันสักพัก เขาก็ชวนเรากินขนมปังและสลัดกับเขา เขาคงไม่ได้เตรียมมาเผื่อแต่ก็ยังอุตส่าห์ชวนเรา เมื่อคืนเป็นคืนแรกที่เรากางแต่เต้นท์ส่วนใน ส่วนนอกที่ทำหน้าที่กันฝนไม่ได้เอาออกมากาง เพราะฝนไม่ตกแน่นอน แต่เย็นนิดหน่อยกำลังสบาย
SONY DSC

เมื่อวานเราหยุดพักหนึ่งวันที่เมืองเวซีลคือพรึ เพราะปั่นกันมา 6 วันติดกันแล้วเริ่มล้านิดหน่อย เราออกไปเดินเล่นในเมือง ไปที่สวนมีคนนั่งคุยกันตามม้านั่ง พอเขาเห็นเราเอากล้องออกมาถ่ายรูป เขาก็ชี้โบ้ชี้เบ้ไปอีกทางหนึ่งและบอกเป็นภาษาเตอกิชว่าตรงนั้นสวย อะไรประมาณนั้น คุณเวชบางครั้งกลายเป็นหมอเดา พอเดินไปก็เห็นหอนาฬิกา สุเหร่า อืม..เราเดาเก่งเหมือนกัน หลังจากนั้นโจคิมแวะไปโกนหนวดด้วย ส่วนเราก็นั่งคุยกับคนที่อยู่ในร้าน ปนกันไปมั่วทั้งภาษาอังกฤษ เตอกิช 😉 เราคุยกันคนละภาษา งู ๆ ปลา ๆ ไป ก็ได้เจ้าสมุดโน๊ตเล่มน้อย ๆ ที่จดคำศัพท์ไม่กี่คำไว้ ช่วยได้บ้าง ทุกครั้งที่มีปัญหาเรื่องภาษาจะนึกถึงขนมปัง เอ๊ะ หรือหมากฝรั่งนะ ของโดราเอมอน ที่กินเข้าไปแล้วไม่ว่าจะเจอคนชาติไหนก็พูดภาษานั้นได้ จำกันได้มั้ยคะว่าอะไรกันแน่?

พจนานุกรมฉบับเฉพาะกิจ :)

พจนานุกรมฉบับเฉพาะกิจ 🙂

เด็กกับจักรยาน

เด็กกับจักรยาน


สวนสาธารณะที่เมืองเวซีลคือพรึ

สวนสาธารณะที่เมืองเวซีลคือพรึ


สุเหร่าในเมืองเวซีลคือพรึ

สุเหร่าในเมืองเวซีลคือพรึ


วิวจากหน้าต่างห้องพักที่เมืองเวซีลคือพรึ

วิวจากหน้าต่างห้องพักที่เมืองเวซีลคือพรึ


โจคิมโกนหนวด มีเสริฟชาด้วย

โจคิมโกนหนวด มีเสริฟชาด้วย


ตกเย็นเราออกไปนั่งกินอาหารที่ร้านที่อยู่ในสวนอีกแห่งหนึ่ง บรรยากาศดีมาก ถ้าเป็นที่เมืองไทย สงสัยคงจะขายเหล้าขายเบียร์กันเอิกเกริก แต่ที่นี่ไม่ค่อยเห็นใครนั่งดื่มเบียร์ตามที่สาธารณะเลย เพิ่งสังเกตุว่าเวลาโจคิมไปซื้อเบียร์ที่ร้านเขาจะใส่ถุงสีมืด ๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นว่าข้างในเป็นอะไร เราสั่งอาหารและสั่งโค้กหรือน้ำแทน ส่วนเบียร์ไปซื้อที่ร้านฝั่งตรงข้ามแล้วเอาไปกินที่ห้อง คนตุรกีน้อยคนที่จะพูดภาษาอังกฤษได้ โดยเฉพาะเวลาเรามาตามเมืองเล็ก ๆ คืนนี้โชคดีได้เจอแก้งส์พยาบาล เพิ่งเลิกงานและมาสังสรรค์รอเพื่อนกันที่ร้านนี้ มีคนหนึ่งที่พูดภาษาอังกฤษได้คล่องหน่อย ช่วยเราได้เยอะทีเดียว ส่วนใหญ่เขาไม่มีเมนูให้ดู คือเราอยากดูจะได้เลือกอาหารที่คิดว่าอร่อยและถูกหน่อย ใบเสร็จก็ไม่ค่อยได้ ที่อยากได้ใบเสร็จก็เพราะว่าเราจดบันทึกค่าใช้จ่ายประจำวันเพื่อดูว่าประเทศไหนใช้จ่ายไปเท่าไหร่ และอาจเป็นข้อมูลเผื่อนักปั่นคนอื่น ๆ ที่อยากจะมาปั่นในประเทศที่เราปั่นผ่าน ๆ มา จะได้รู้ว่าพักโรงแรมราคาประมาณเท่าไหร่ ณ เวลานี้
สาว ๆ พยาบาลมาสังสรรค์หลังเลิกงานคืนวันศุกร์

สาว ๆ พยาบาลมาสังสรรค์หลังเลิกงานคืนวันศุกร์


เช้านี้เราออกกันสายหน่อยจากเมืองเวซีลคือพรึ เช๊คเอาท์กันเลทหน่อย แพ๊คกระเป๋าเตรียมของเสร็จบ่ายโมงพอดี เลยไปหาอะไรกินกันก่อน กลายเป็นตัวประหลาดอีกแล้ว คนแห่เข้ามาดูเราดูจักรยาน มาทักว่าเราเป็นคนจีนอีกละ แต่เราไม่ยอม ฉันเป็นคนไทยย่ะ แล้วแม่ครัวก็หันมาด้วยความตะลึง เพราะลูกพี่ลูกน้องของเขาแต่งงานกับคนไทย เขาเลยมาขอถ่ายรูปกับเรา กินเสร็จเรียบร้อยก็ได้ฤกษ์ออกเดินทาง วันนี้ตั้งใจปั่นกันสั้น ๆ 30 กม.เพื่อย่นระยะทางที่จะไปอีกเมืองหนึ่งให้สั้นลง คือเมืองซัมซุน เส้นทางที่จะไปเมืองนี้มันค่อนข้างชันและยาวหลายกม.อยู่ พรุ่งนี้คงหนักหน่อยรวมแล้ว 84 กม. แต่หวังว่าไม่น่าเกินกำลัง 😉 30 กม.ที่ปั่นมาวันนี้ก็ไต่ขึ้นมาถึงระดับความสูงที่ 860 เมตรจากระดับน้ำทะเล พรุ่งนี้จะสูงกว่านี้
แม่ครัวคนนี้แหละที่มาขอถ่ายรูปกับเราและที่มีลูกพี่ลูกน้องแต่งงานกับคนไทย ท่าทางคืนนี้คงจะเม้าท์กันเรื่องเราแน่ ;-)

แม่ครัวคนนี้แหละที่มาขอถ่ายรูปกับเราและที่มีลูกพี่ลูกน้องแต่งงานกับคนไทย ท่าทางคืนนี้คงจะเม้าท์กันเรื่องเราแน่ 😉


ปั่นออกมาได้ประมาณ 10 กม. ฝนทำท่าจะตกฟ้าร้องครืน ๆ แล้วฝนก็ตามมาหยดแปะ ๆ ความที่อยากจะเอาแจ๊กเกตกันฝนขึ้นมาให้ทันก่อนที่จะตกหนักไปกว่านี้ เราเลยจอดโดยไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีคนอยู่แถวนั้น เพราะตลอด 10 กม.นี้ไม่ค่อยมีบ้านคน ยังไม่ทันได้หยิบเสื้อออกมาก็ได้ยินเสียงคนตะโกนมาจากอีกฝั่งหนึ่ง “ฮังโหล ชัย ๆ (ชา ชา)” ครั้งนี้เราต้องตอบปฏิเสธเพราะหนึ่งเราออกสายแล้ว สองฝนทำท่าจะตก จะปฏิเสธอย่างไรดี เขาอุตส่าห์เดินข้ามถนนมาหาเรา เราก็หาข้ออ้างว่าเราอิ่มแล้วบ้าง ไม่มีเวลาแล้วบ้าง ต้องขอโทษเขาที่ต้องรีบไป บางครั้งถ้าเราจอดทุกครั้งที่มีคนอยากจะเลี้ยงชาเรา เราคงไปไม่ถึงไหน เพราะก่อนหน้านี้ก็มีคนเลี้ยงวัว เรียกให้หยุดพัก คนนี้เรียกให้กินข้าวเลยแหละ ช่างใจดีอะไรอย่างนี้ คิดว่าเราใช้เวลาประมาณเกือบ 15 นาทีเพื่อปฏิเสธคำเชิญ ดูแกจะพยายามรั้งให้ดื่มชาให้ได้ หลุดจากคุณลุงมาได้ 500 เมตรมั้ง ฝนก็เริ่มตก และหนักขึ้นเรื่อย ๆ แต่มองไปอีกฝากหนึ่งเห็นเฆมดำปี๋และดูจะตกหนักกว่าทางเราเสียอีก ดีที่ไม่ใช่เส้นทางของเรา

ในที่สุดเราก็มาถึงเมืองที่เราตั้งใจ 30 กม.นี้ ใช้เวลาเกือบ 3 ชม. อย่างว่าเราไต่เขาขึ้นมานี่เนอะ เห็นความเร็วเฉลี่ยแล้วรู้สึกหดหู่ อาจจะเป็นเพราะมีแต่เขาหรือเปล่าไม่รู้เนอะ ทำให้เรารู้สึกเหนื่อยกว่าปกติ และความรู้สึกที่ว่าเราไม่ได้ขยับไปไหนไกลเลยเมื่อมองในแผนที่

ตุรกี => จากเมืองสู่ขุนเขา เรียบไปตามเขื่อนของ Vezirköprü

Gökcebey ไป Safranbolu ไป Araç ไป Taşköprü ไป Boyabat สุดที่ Vezirköprü

ก่อนออกจากปั้มห้าดาว โจคิมเปลี่ยนโซ่ ประมาณทุก ๆ 800 กม.จะเปลี่ยนครั้งหนึ่ง แล้วแต่เวลาและสถานที่ เราหาซื้อแผนที่ที่มีรายละเอียดเส้นทางเล็ก ๆ ของตุรกีไม่ได้เลย เลยต้องปั่นไปบนทางหลวง ซึ่งบางครั้งค่อนข้างน่าเบื่อ ตรง ๆ ๆ ๆ เสียส่วนใหญ่ แต่ยังดีตรงที่ไม่ค่อยมีรถมากนัก พอใกล้ ๆ จะถึงทางแยกไปอีกเมืองหนึ่งก็นึกขึ้นได้ว่าคุณสว่างและเพื่อนที่ซอนกูลดัคเคยบอกว่าที่เมืองซัฟรันโบลูเป็นเมืองท่องเที่ยวและทางยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี 1994 เลยรู้สึกว่าต้องแวะเสียหน่อย

คนนี้อัธยาศัยดีมากเป็นคนชวนเราให้พักผ่อนที่ปั้มเขา

คนนี้อัธยาศัยดีมากเป็นคนชวนเราให้พักผ่อนที่ปั้มเขา

เมืองคาราพรึ

เมืองคาราพรึ

อุโมงค์

อุโมงค์

ถ้าไม่ปั่นเลียบทะเลดำก็ต้องลอดเข้าอุโมงค์ จากเมืองนี้ (คาราพรึ) ไปซัฟรันโบลูมีอุโมงค์ตั้ง 15 อู่ สั้นบ้างยาวบ้าง เปิดไฟตลอด ปั่นลอดอุโมงค์น่าหวาดเสียวตรงที่เสียงก้องไปทั่ว โดยเฉพาะถ้ารถบรรทุกเหมือนปั่นจักรยานอยู่ใต้ท้องเครื่องบินเลย
จุดหนึ่งในเมืองเก่าของซัฟรันโบลู

จุดหนึ่งในเมืองเก่าของซัฟรันโบลู


บางครั้งรู้สึกว่าเวลาเราปั่นบนทางหลวงจะหาของกินยาก มีเห็นป้ายร้านอาหารแต่ต้องเลี้ยวเข้าไปในซอยอีกตั้ง 1 กม. คิดแล้วคิดอีก ไม่เอาดีกว่า ไปหาเอาดาบหน้า 😉 แล้วก็มาเจอร้านหนึ่งเหมือนร้านข้าวแกงบ้านเราเลย คือเดินไปที่ตู้แล้วชี้ ๆ เอาว่าจะเอาอะไร อยากจะชี้ไปทุกถาดเลยเพราะดูน่ากินไปหมด ชอบเข้าร้านที่มีคนท้องถิ่นเขาเข้าไปกินกัน แต่จะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวประหลาด ทั้งหน้าตาและการแต่งกายแถมมอมแมมจากเหงื่อไคล พวกเขาจะคิดว่าเวชเป็นคนญี่ปุ่นมั่งจีนมั่ง (พูดถึงก็ใช่อยู่ อิอิ) ถ้าเขาสนใจก็จะพยายามอธิบายชีวประวัติย่อ ๆ ให้ฟัง 🙂

ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีปัญหาในการแวะปั้ม แต่มีปัญหานิดหนึ่งตรงที่ปั้มที่ตุรกีนี่บางทีเขามีอินเตอร์เนตแต่ล๊อคไว้ต้องถามรหัส หรือบางทีหัวหน้าไม่อยู่ลูกน้องไม่รู้รหัส อย่างที่เคยเล่าให้ฟังว่าที่ตุรกีอากาศเริ่มร้อน ช่วงกลางวันสักบ่ายโมงร้อนมาก ยิ่งถ้าลมไม่มีแถมปั่นขึ้นเขาอีก 2-3 วันนี้ลมก็พัดผิดทิศไปเยอะ เฮ้อ… เสร็จเลย มันทำให้เราหมดแรงและเหนื่อยง่ายกว่าปกติ เลยโด๊ปด้วยเป็บซี่และโค้กเสียส่วนใหญ่ ไม่ได้ซื้อเป็นกระป๋องแต่ซื้อเป็นลิตรเลยกินให้หายกระหายไปเลย มีวันหนึ่งเราแวะในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เด็ก ๆ วิ่งมาสวัสดีด้วย ฮัลโหล ๆ ๆ มาแต่ไกล my name is … what is your name? นึกถึงเด็กไทยบ้านเรา 😉 มีหลายคนอยากจะถ่ายรูปกับเรา

ร้านกาแฟข้างทาง ดูร่มรื่นดี นอนพักที่ม้านั่งยาวนั่นเลย

ร้านกาแฟข้างทาง ดูร่มรื่นดี นอนพักที่ม้านั่งยาวนั่นเลย


ส่วนใหญ่เวชจะปั่นอยู่ข้างหลัง หนึ่งเพราะเวชมีกระจกส่องหลัง สองหลบลม เหตุผลที่สองนี่น่าจะเป็นอันแรก 😉 แต่ก็มีบางครั้งที่เวชปั่นนำหน้าขึ้นไปกันลมให้โจคิมนะ เหมือนเราผลัดกันเหนื่อยอ่อนแรง เมื่อวันก่อนเป็นโจคิมที่หมดแรง แต่เมื่อวานเป็นเวช หมดตั้งแต่ตอน 80 กม.แล้ว พักที่ไหนก็ได้จริง ๆ แต่ขอให้ได้ล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาด ถ้าเราปั่นกันหลายวันติดต่อกัน รู้สึกสงสารก้นที่ต้องอุดอู้อยู่ในกางเกงจักรยาน และยังต้องนั่งบนอานเกือบ 5-6 ชม. พยายามยืนปั่นแล้วก็ช่วยได้บ้าง เดี๋ยวต้องหาหลาย ๆ วิธี มีวันหนึ่งเวชอยู่ข้างหลังเห็นว่าทำไมล้อหลังโจคิมมันดูแบน ๆ กำลังจะบอกโจคิมให้สูบลมตอนที่เราจะจอดพักครั้งต่อไป แต่เอ..มันแบนลง ๆ นะ ในที่สุดยางแบนอีกแล้วค้าบ อิอิ โจคิมยางแบนเป็นรอบที่ 3 แล้ว 3-0 เพราะล้อเวชยังดีอยู่ (จุ๊ๆๆ อย่าพูดเสียงดังไป) ซ่อมกำลังจะเสร็จฝนหยดแปะ ๆ แปะเย็น ๆ ด้วยขนลุก สักประเดี๋ยวเทลงมาเฉยเลย คงมาช่วยให้เรารีบ ๆ ไปอย่าชักช้า 😉
อิอิ หาจุดรั่วเจอแล้ว

อิอิ หาจุดรั่วเจอแล้ว

นี่ขนาดเลี่ยงที่จะไม่ปั่นไปทางเขาชันเลียบทะเลดำ แต่ตุรกีเป็นประเทศที่คงมีขุนเขาเยอะอีกประเทศหนึ่งมั้ง เราปั่นไปบนถนนเกือบจะเป็นเส้นขนานกับถนนเลียบทะเลดำ ซึ่งชันน้อยกว่า แต่ก็ยังทำให้เราทำเวลาและระยะทางได้ไม่ดีนัก ถ้าดูจากแผนที่มีความรู้สึกเหมือนเราไม่เคลื่อนที่ไปไหนเลย ไปทีละนิด เริ่มคิดกันแล้วว่าโครงการนี้จะรอดมั้ยเนี่ยถ้าคืบคลานกันไปทีละนิดอย่างนี้ สงสัยว่าคงจะปั่นช้าเกิน คือตอนปั่นขึ้นเขามีแมลงอะไรก็ไม่รู้อาจจะเป็นผึ้งตัวเล็ก ๆ ดันบินเข้าทางแขนเสื้อแล้วก็ปล่อยพิษมั้ง เจ็บแบบปั่นต่อไม่ได้ต้องหยุด เห็นว่าจราจรไม่เยอะเลยถอดเสื้อตัวข้างนอกเหลือแต่เสื้อชั้นในสปอร์ต ดีนะที่เอายาหม่องของแม่มาด้วย ให้โจคิมละเลงเลย เขียน ๆ อยู่ยังรู้สึกคันยิก ๆ เลย
กำลังยืนสมาธิพยายามไม่เกาตรงที่ถูกแมลงมาตอม รอให้ยาหม่องออกฤทธิ์

กำลังยืนสมาธิพยายามไม่เกาตรงที่ถูกแมลงมาตอม รอให้ยาหม่องออกฤทธิ์

ปั่นจนถึงยอดสูง 1230 ม. สูงที่สุดตั้งแต่ออกจากสวีเดน นึกว่าจะลงอย่างเดียวละ แต่...ฝันไปเต๊อะ :-p เมฆดูประหลาดดีนะเหมือนมีใครไปทิ้งอะตอมบอมบ์ตรงนั้นเลย

ปั่นจนถึงยอดสูง 1230 ม. สูงที่สุดตั้งแต่ออกจากสวีเดน นึกว่าจะลงอย่างเดียวละ แต่…ฝันไปเต๊อะ :-p เมฆดูประหลาดดีนะเหมือนมีใครไปทิ้งอะตอมบอมบ์ตรงนั้นเลย

ทางลงก็ยังพอมีบ้าง เวลาปั่นขึ้นนี่ยาวแต่ลงนี่มันช่างสั้นเหลือเกิน

ทางลงก็ยังพอมีบ้าง เวลาปั่นขึ้นนี่ยาวแต่ลงนี่มันช่างสั้นเหลือเกิน


วิวระหว่างทางช่วงนี้ทำให้นึกถึงตอนที่ไปปั่นที่ประเทศทาจิกิสถาน พื้นที่เป็นภูเขาเสียส่วนใหญ่และรูปร่างหน้าตาบางจุดมีต้นไม้เล็ก ๆ เตี้ย ๆ บางที่เป็นภูเขาทราย ครั้งหนึ่งที่ใกล้ ๆ อิสตันบูลตอนที่จักรยานของเวชมีปัญหาแล้วเราเจอกับเดนิซ เขาบอกว่าเราควรจะไปชิมกระเทียมที่อร่อยที่สุดในตุรกีที่เมืองทัชคือพรึ (Taşköprü) แล้วเย็นวันนั้นก่อนที่เราจะเข้าเมือง เราแวะเข้าไปถามปั้มแห่งหนึ่งถามเขาเรื่องกางเต้นท์โดยใช้กูเกิ้ลช่วยแปล เขาชี้ไปอีกฝากถนนหนึ่ง โจคิมเดินไปดู เห็นมีแต่โลงศพวางเรียงรายอยู่ เลยเดินกลับมาถามเขาว่าตรงนั้นเป็นสุสานหรือเปล่า? เขาตอบว่า “ยังไม่ได้ฝัง” จ้าก..อะไร กลับไปที่กูเกิ้ลอีกครั้งหนึ่ง ถามกลับไปว่า “โลงศพ?” หมอนั่นก็พยักหน้า “ศพ?” เอ้า..ไม่เข้าใจ เขียนใหม่ “ศพคนตาย?” คราวนี้หัวเราะเสียงดังเลยแล้วเขาก็เขียนในไอโฟนของโจคิมว่ามันเป็นโลงศพใหม่ เพราะตรงนั้นเป็นโรงงานทำโลงศพ เฮ้อ..กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง แต่จะให้ไปนอนตรงนั้น ถ้ากลางคืนอยากเข้าห้องน้ำออกมาเจอโลงศพคงได้ใช้ช๊อคตายแล้วใช้โลงนั่นเลยมั้ง ไม่เอาดีกว่า เลยอ้างกับเขาว่าเราจะปั่นเข้าเมือง ปั่นออกมาได้สัก 4-5 กม.เห็นมีที่หนึ่งที่น่าจะกางเต้นท์ได้ก็จอดเลย รีบทำอาหาร เอ่อ…ลืมไปเกลือหมด ต้มสปาเกตตี้แบบจืด ๆ ก็ยังดีกว่านอนหิวเนอะ

เช้ามาเราปั่นเข้าเมือง แต่หากระเทียมไม่เจอ ปรากฎว่ายังไม่ถึงน่าเก็บเกี่ยวต้องมาเดือนกันยายน เขาจะจัดเทศกาลใหญ่โตเลย ดูน่าสนุก “เทศกาลกระเทียม” เห็นเขาว่าเป็นกระเทียมที่ส่งไปทั่วตุรกีด้วยนะ ช่วงที่ปั่นเข้าเมืองก็ได้กลิ่นจากทุ่งกระเทียมแล้ว ดูจากแผนที่เห็นว่าใกล้ ๆ นี่เองมีสถานที่สำคัญอย่างหนึ่ง ซึ่งเราไม่สามารถหาข้อมูลได้เพราะไม่มีอินเตอร์เนต เลยถามจากคนแถวนั้นเขาว่าดีให้ไปดู แค่ 1 กม.โอเค ชาวบ้านชี้ให้ปั่นขึ้นเขาไป กิโลเขาหรือ??? ไหน ๆ ตั้งใจจะมาแล้ว ขึ้นก็ขึ้น ไปถึงยอดแล้วนะ ทำไมไม่เห็นมีอะไรเลย คนเลี้ยงแกะมาบอกอีกว่าให้ปั่นอ้อมไปทางโน้นอีกหน่อย เอ้า..อ้อมไปอีกหน่อย ก็เห็นเขาทำรั้วปิดแถมปิดข้างในที่คิดว่าเขามาขุดเจอของโบราณกัน ขึ้นมาดูให้เห็นกับตาก็ยังดี

Pompeipolois ที่เมืองทัชคือพรึ

Pompeipolois ที่เมืองทัชคือพรึ

วนดูพอแล้วก็ปั่นลงมา สวนกับหนุ่มตุรกี เขาทำสัญญาณบอกให้เราหยุด ตอนแรกก็คิดว่าจะเก็บค่าเข้าหรือ? แต่ปรากฎว่าเขาเป็นพนักงานคนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ โชคดีของเรา เพราะเขาจะเปิดโกดังให้เข้าไปดูว่าเขาขุดได้อะไรขึ้นมาบ้าง แล้วก็นั่งคุยกันผ่านกูเกิ้ล 😉 อีกแล้ว 😉 เขาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับโครงการ หาแผ่นพับ โฆษณาของเมืองนี้และเขตนี้ให้ดู แถมยังชวนให้พักที่บ้าน ไม่รู้ว่าบ้านเขาหรือของโครงการ เสียดายตอนนั้นแค่เที่ยงเองเพิ่งจะเริ่มปั่น แถวนั้นเป็นเขามีทุ่งหญ้ากว้างขวาง มีคนเลี้ยงวัวเดินผ่านห้องทำงานของเขา เขาก็ชวนให้กินชา เลยคิดว่าเขาไม่ใช่แค่อัธยาศัยดีกับคนแปลกหน้าเท่านั้นแต่กับคนท้องถิ่นเขาก็ชวนกันดื่มชาด้วย เหมือนบ้านเราสมัยก่อนที่เรียกกันเข้ามากินน้ำเย็น ๆ ก่อนเนอะ สมัยนี้จะมีหรือเปล่าน้อ
ด้านในพิพิธภัณฑ์

ด้านในพิพิธภัณฑ์


เราเริ่มปั่นออกจากเมืองก็ขึ้นเขาทันที ระยะทางช่วงนี้แต่ละเมืองอยู่กันค่อนข้างไกลกัน เส้นทางน่าปั่นมากถ้าอากาศไม่ร้อนนัก ออกจากพิพิธภัณฑ์ค่อนข้างสาย แดดเริ่มร้อนลมเริ่มแรง ทำให้เรารู้สึกว่าหนทางทำไมมันช่างไกลเหลือเกิน มองดูไมล์วัดความเร็วมันไม่เร็วเหมือนชื่อเสียเลย
ทางสวย

ทางสวย

นาข้าวที่เมืองโบยาบัท (Boyabat)

นาข้าวที่เมืองโบยาบัท (Boyabat)


เมืองเวซีลคือพรึ (Vezirköprü) ออกเสียงยากจริง ๆ เวลาถามทางต้องนึกถึงตัวอักษรพวกนี้ แต่ยังง่ายกว่าที่บัลแกเรียนะ เพราะที่นั่นใช้ตัวอักษรภาษารัสเซียที่ไม่ได้อ่านออกเสียงเหมือนภาษาละติน เมื่อวานกว่าจะถึงเริ่มค่ำ เส้นทางนี้สวยมากปั่นเรียบเขื่อนที่ใหญ่มากลองเข้าไปดูใน Daily map นะค่ะ จะเห็นแผนที่ บางครั้งรู้สึกเหมือนปั่นอยู่ที่ฝรั่งเศสอยู่ช่วงหนึ่งเลย ทั้งอากาศและวิว
เขื่อนที่ใหญ่มาก

เขื่อนที่ใหญ่มาก

ตุรกี => จาก Zonguldak (ซอนกูลดัค) ไป Gökcebey (เกิ้กเจเบ)

เวลาที่ต้องลาจากเพื่อนที่เราเริ่มคุ้นเคยและสนิทสนมกันแล้วนี่รู้สึกหดหู่จัง สี่คืนที่ค้างบ้านอืซเลมและวอลคั่น เรามีเรื่องต่าง ๆ มากมายให้คุยกันได้ไม่ซ้ำแต่ละวัน จนล่าสุดเราลองเช๊คราคาตั๋วเครื่องบินดู บินกลับมาเที่ยวตุรกี และตั๋วสำหรับอืซเลมมาเที่ยวสวีเดน หวังว่าสักวันหนึ่งจะได้มีโอกาสต้อนรับพวกเขาบ้าง

ส่วนใหญ่วอลคั่นออกไปทำงานแต่เช้า เราเลยอยากจะกินอาหารเช้ากับเขาก่อน แต่กว่าเราจะกินกันเสร็จ เวลาก็ผ่านไปเป็นสิบโมง สักพักหนึ่งพ่อแม่ของวอลคั่น น้องสะใภ้และลูกก็เข้ามานั่งคุยด้วย เวชได้ผ้าพันคอจากแม่ของวอลคั่น สวยมากเลย ตอนแรกคิดว่าคงไม่ได้ใช้แน่ เพราะท่าทางอากาศน่าจะดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ตอนกลางคืนยังคงเย็น ๆ ถึงหนาวได้ เมื่อคืนเลยฉลองใช้ก่อนที่จะถูกส่งกลับสวีเดน 😉

เราเริ่มทยอยเอากระเป๋าลง วอลคั่นบอกว่าจะนำทางเราออกนอกเมือง แต่เราต้องแวะไปถ่ายรูปหน้าร้านของเขาก่อน เขามีกิจการขายโคมไฟ อุปกรณ์เกี่ยวกับไฟฟ้า และติดตั้งด้วย กว่าเราจะออกจากบ้านของเขาก็เป็นเวลาบ่ายสองโมง เราปั่นตามรถของวอลคั่น ซึ่งคิดว่าเขาคงไม่เคยขับรถช้าขนาดนี้มาก่อน (นักซิ่งคนหนึ่งเลยแหละ) จากบ้านลงมาตัวเมือง ไหลลงอย่างเดียว แถมยังต้องเบรค เพราะมันชันมาก รถก็เยอะ แต่เราก็มาถึงที่ร้านและถ่ายรูปกับพ่อวอลคั่น

ถ่ายรูปกับพ่อของวอลคั่นที่หน้าร้านของเขา

ถ่ายรูปกับพ่อของวอลคั่นที่หน้าร้านของเขา

หลังจากนั้นวอลคั่นขับนำเราช้า ๆ ออกนอกเมืองโดยมีแม่ของเขาและอืซเลมนั่งไปด้วย กำลังร่ำลากัน รถของน้องชายวอลคั่นก็เลี้ยวเข้ามาจอดข้าง ๆ เขาเตรียมน้ำมาด้วย นึกว่าจะมาเล่นสงกรานต์ 😉 อืซเลมว่าไม่ได้เอารดเราแต่เอามารดน้ำที่ถนน เป็นการอวยพรให้เรา ให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ วอลคั่นดูรักโจคิมมากเลย เขาคงคุยกันถูกคอเหมือนที่เวชคุยกับอืซเลมได้สนิทใจ เราต้องหาโอกาสกลับมาเยี่ยมพวกเขาอีก

ออกเดินทางเสียที ปั่นออกจากซอนกูลดัคมาได้ประมาณ 6-7 กม.ก็มีรถคันหนึ่งมีจักรยานแขวนอยู่ท้ายรถมาหยุดจอดข้างหน้าเรา แล้วผู้ชายสองคนก็ออกมาคุยกับเรา คนหนึ่งชื่ออูมิท และอีกคนชื่อรามาซาน เขาชอบปั่นทัวร์ริ่งเหมือนเราและยังเป็นสมาชิก Warmshowers อีกด้วย พวกเขาอยู่เมืองที่อยู่เลียบทะเลดำ ที่จริงเราเคยวางแผนว่าจะปั่นไปทางนั้น แต่จากประสบการณ์ที่ปั่นเลียบ ๆ ทะเลดำมานั้นมันไม่เรียบไม่ราบเลย ขึ้นลงขึ้นลงทั้งวัน แบบว่าขึ้นถึงจุดสูงสุดปุ๊บก็ลงทันที ลงถึงสุดปุ๊บก็ขึ้นทันที เฮ้อ..ไปไม่ถึงไหนเลย แต่ละวันปั่นได้ 50-60 กม.เท่านั้นเอง เลยเปลี่ยนเส้นทางปั่นเป็นเส้นเกือบจะขนานกับทะเลดำ

เรามาถึงจุดจุดหนึ่งที่ต้องเลือกว่าจะไปเมืองที่พวกเขาอยู่หรือจะไปตามแผนที่เราเปลี่ยนแปลง สรุป เราเลือกป่ันตามเส้นทางที่เราวางไว้ และเพราะว่าเวลาไม่อำนวยด้วย ในขณะที่เราเลือกที่จะไม่ปั่นขึ้นลงเขา เราก็ต้องปั่นเข้าอุโมงค์ เส้นทางวันนี้มีอุโมงค์อยู่แค่ 2 ที่ พอออกจากที่ที่ 2 ก็เป็นทางลาดลง เรายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะกางเต้นท์หรือนอนโรงแรมดี แต่คิดว่าแวะปั้มก่อน ล้างหน้าล้างแขนก่อนก็ยังดี ปั้มนี้เล็ก ๆ เวชเริ่มหิวเลยงัดเอาผลไม้อบแห้งขึ้นมากิน เหมือนเราได้เรียนรู้ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จากคนตุรกี เลยเดินไปชวนเขากินด้วย เขาก็ขอบคุณและหยิบไปคนละหนึ่งชิ้นอย่างเกรงใจ รอโจคิมเข้าห้องน้ำด้วยเลยชวนเขาคุยไปเรื่อยเปื่อย รู้มั่งไม่รู้มั่งสนุกดี ได้คำศัพท์เพิ่มไปเรื่อย ๆ

เสร็จกิจธุระ เราปั่นเข้าเมืองเกิ้กเจเบ ตาก็คอยมองหาจุดกางเต้นท์ แต่พอเรามาถึงวงเวียนเห็นนักปั่นจักรยานอีกฝั่งหนึ่งของถนน ธรรมดาเราจะโบกมือให้กันแล้วต่างคนต่างปั่นไปตามทางตัวเอง เผอิญเราจอดดูแผนที่ เขาเลยเลี้ยวมาหาเราและเริ่มคุย ๆ ๆ เป็นภาษาตุรกี ไม่สามารถเข้าใจซึ่งกันและกันได้ น่าเสียดาย เพราะเขาก็กำลังปั่นเที่ยวอยู่ เราต้องตัดบทสนทนา เพราะเขาไม่ยอมเลิกคุยอีกอย่างคือมันเริ่มเย็นและเราต้องรีบหาที่พักก่อนมืดด้วย เลยต้องขอโทษและปั่นไปข้างหน้า โดยที่ไม่รู้ว่าจะมีที่พักหรือไม่ แต่โชคยังเข้าข้างเราอยู่ เราเห็นปั้มน้ำมันข้างหน้าดูแล้วใหญ่พอสมควรและมีเนื้อที่ ไม่ให้กางก็จะแอบกางล่ะ 😉 เราก็เลียบ ๆ เคียง ๆ คุยโน่นคุยนี่ เขาบอกว่า เอาเลย ชาฟรี ห้องน้ำฟรี อาบน้ำฟรี มี wifi โจคิมเลยต่อแล้วกางเต้นท์ฟรีมั้ย คำตอบคือ ตามสบายเลย สุดยอด แต่เราก็รักษามารยาทโดยการนั่งคุยกับเขาก่อน ดื่มชากัน เวลาสักประมาณทุ่ม เขาหันมาถามเราว่าชอบอาหารตุรกีมั้ย มื้อเย็นนี้อยากกินอะไร เราชอบทุกอย่าง เขาก็บอกว่า โอเค เดี๋ยวรอสักพัก คนของเขาจะไปทำอาหารมาให้พนักงานกินกันและจะทำเผื่อเราด้วย หา…ทุกอย่างฟรีแล้วยังมีอาหารให้อีก ปั้มนี้ให้ไปเลย 5 ดาว

คนทางซ้ายมือเป็นลูกของเจ้าของปั้ม (มารู้ทีหลัง) ส่วนคนตรงกลางเป็นคนไปนำอาหารมาให้พวกเรากินกันตอนค่ำ ส่วนคนทางขวา ;-)

คนทางซ้ายมือเป็นลูกของเจ้าของปั้ม (มารู้ทีหลัง) ส่วนคนตรงกลางเป็นคนไปนำอาหารมาให้พวกเรากินกันตอนค่ำ ส่วนคนทางขวา 😉

จุดกางเต้นท์ระดับ 5 ดาว

จุดกางเต้นท์ระดับ 5 ดาว

หลังจากที่เราอาบน้ำ กางเต้นท์เรียบร้อยก็ออกมานั่งใกล้ ๆ ร้านขายของเพราะมีเน๊ต นั่งได้สักพักก็มีรถคันหนึ่งเข้ามาจอด และคนที่เดินออกมาก็คือวอลคั่นและเพื่อนของเขาฮัสสันที่เราเคยเจอเขาที่บ้าน พวกเขากำลังเดินทางไปนอนที่บ้านของฮัสสันที่อีกเมืองหนึ่ง วอลคั่นเดาเอาว่าเราน่าจะอยู่แถวนั้นและเลยแวะดูตามปั้มด้วยมั้ง ลืมถามว่าแวะมากี่ปั้มก่อนที่จะเจอเรา ได้เจอวอลคั่นเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์มากและดีใจที่ได้เจอพวกเขาอีกครั้งหลังจากที่ลากันเมื่อตอนบ่าย ลากันอีกครั้งหนึ่ง เรานั่งเขียนอัพเดทบล๊อค แต่ไม่ค่อยได้เขียนมากเพราะพวกเขาอยากคุยด้วย เราก็คิดว่าคุยกับพวกเขาดีกว่าเพราะเขียนบล๊อคทำเมื่อไหร่ก็ได้เมื่อมีเวลา แต่พวกเขาอยู่ ณ ตอนนี้ ควรจะให้เวลากับเขามากกว่า

อีกสักพักมาสมทบอีกสองคน

อีกสักพักมาสมทบอีกสองคน

แล้วสักพักหนึ่งอาหารถาดใหญ่ก็มาวางอยู่ข้างหน้าพวกเรา ไม่มีช้อนส้อม ลงมือกันเลย สนุกดี ในภาพเห็นว่ามีผ้าพันคอ ผืนนั้นคือที่แม่วอลคั่นถักให้ ได้ใช้คืนนั้นเลย

ลงไม้ลงมือกันเลยค่ะ

ลงไม้ลงมือกันเลยค่ะ

ช่่วงเวลาพักผ่อนที่ซอนกูลดัค, ประเทศตุรกี

วันที่เรามาถึงบ้านเพื่อน แค่เย็นวันนั้นเท่านั้นเองที่อากาศดี หลังจากนั้นหมอกลงทุกวัน มองไม่เห็นทะเลดำ มันกลายเป็นทะเลขาวเพราะหมอกลงหนามาก วันรุ่งขึ้นเป็นวันเกิดของอืซเลม เราออกไปกินข้าวกันกับแม่ของวอลคั่น น้องสะใภ้และลูกสาวของเขาที่ห้างที่ใหญ่ที่สุดของเมืองนี้ พอเดินเข้าไปแล้วให้รู้สึกเหมือนเดินในห้างที่เมืองไทยเลย

ออกไปกินข้าวกันที่ห้าง

ออกไปกินข้าวกันที่ห้าง

ที่ชายหาดทะเลดำกับอืซเลมและลูกสาวของน้องชายวอลคั่น

ที่ชายหาดทะเลดำกับอืซเลมและลูกสาวของน้องชายวอลคั่น


กลับมาบ้านทำอหารเย็นเลี้ยงวันเกิดอืซเลม มีเพื่อน ๆ ของเขามาด้วย ฟังเขาไม่รู้เรื่อง แต่ดูท่าทางแล้วน่าสนุก แค่ได้ยินก็สนุกไปด้วย และในเย็นวันนั้นเอง มีน้าของอืซเลมมาด้วย เขาสนใจและอยากรู้ว่าเราจะไปทางไหนต่อ พอเล่าให้เขาฟัง เขาก็บอกว่าสามีเขามีญาติอยู่ที่เมืองโฮปาอยู่ติดชายแดนระหว่างตุรกีและจอร์เจีย ยังไม่ทันตอบตกลง เธอกดโทรศัพท์ไปหาญาติคนนั้นทันที คุยกันยาว เดากันว่าเขาคงคุยเรื่องเรา พอวางหูไป เขาบอกว่าญาติเขายินดีต้อนรับทุกเมื่อ มาเมื่อไหร่โทรบอก เขาน่ารักและอบอุ่นกันมาก
อาหารมื้อเย็นในวันเกิดของอืซเลม

อาหารมื้อเย็นในวันเกิดของอืซเลม

เค้กวันเกิดที่วอลคั่นไปแอบซื้อมา

เค้กวันเกิดที่วอลคั่นไปแอบซื้อมา

กาแฟสไตล์ตุรกี ต้องมีฟองนำหน้า โจคิมหัดทำกับอืซเลม

กาแฟสไตล์ตุรกี ต้องมีฟองนำหน้า โจคิมหัดทำกับอืซเลม

แก้งส์ร่วมมื้อเย็นวันเกิดอืซเลม

แก้งส์ร่วมมื้อเย็นวันเกิดอืซเลม

วันถัดมาพวกเขาพาเราไปเดินเล่นชมวิวบนเขาที่มีประภาคารเก่าสมัยโบราณ

วันถัดมาพวกเขาพาเราไปเดินเล่นชมวิวบนเขาที่มีประภาคารเก่าสมัยโบราณ

กาแฟเสริฟพร้อมขนม Turkisk delight อย่างหรู

กาแฟเสริฟพร้อมขนม Turkisk delight อย่างหรู


เราตั้งใจว่าพอมาถึงเมืองนี้จะจัดแพ๊คกระเป๋าใหม่และเลือกของ, เสื้อผ้า และเครื่องมือบางส่วนที่ไม่ใช้หรือไม่จำเป็นกลับไปสวีเดน แต่ในกล่องที่ส่งไปนั้นมีกล้องอันเล็กตัวหนึ่ง ที่อยู่ ๆ มันก็ไม่ยอมทำงาน เลยส่งกลับบ้านเสียเลย จะทิ้งก็เสียดาย เดี๋ยวลองหาทางช่วยชุบชีวิตอีกสักครั้งหนึ่ง รวบรวมได้ 3 กก.กว่า ๆ เพราะเราคงแคมปิ้งบ่อยขึ้น ต้องมีที่ว่างสำหรับตุนอาหารบ้าง ดีที่วอลคั่นช่วยพาเราไปไปรษณีย์ไม่อย่างนั้นคงคุยกันไม่รู้เรื่อง หรือไม่ก็คงไม่ได้ส่ง เขาจัดการของเขาคนเดียว คุยกับพนักงานแล้วก็วิ่งออกไป ก็ไม่รู้ว่าเขาวิ่งไปไหน แป๊บนึงกลับมามีกล่องติดมือมา พอจะกรอกที่อยู่ ก็ยกให้วอลคั่นใส่ที่อยู่ของเขาที่ตุรกีนี่ รู้สึกลนลานมาก

ต่อจากไปรษณีย์ก็ส่งโจคิมไปตัดผม เสียดายไม่ได้เอากล้องไปด้วย เพราะรีบไปไปรษณีย์กัน ช่างจัดการตัดผม โกนหนวด ตัดขนคิ้วเรียบร้อย ช่างหยิบกรรไกรออกมาจากเก๊ะ จุ่มอัลกอฮอล์แล้วจุดไฟแล้วแหย่เข้าไปในช่องหูเพื่อเผาขนเส้นเล็ก ๆ โจคิมได้กลิ่นไหม้ ๆ ด้วย ประสบการณ์ใหม่ 😉

มื้อเย็นมื้อสุดท้าย เพราะพรุ่งนี้เราจะออกเดินทางต่อ อืซเลมทำอาหารไว้เยอะมาก เพราะจะมีเพื่อนมาร่วมวงด้วย คือฟัทม่าและเลเวนท์ สองสามีภรรยา วอลคั่นและเลเวนท์ชอบดนตรีพื้นเมือง วอลคั่นเป็นทั้งนักร้องและมือกลอง ส่วนเลเวนท์เล่นเครื่องดนตรีเรียกว่า อุ๊ด (ud) และเป็นครูสอนดนตรีชนิดนี้ด้วย

เลเวนท์กับเครื่องดนตรีของเขา

เลเวนท์กับเครื่องดนตรีของเขา


แล้วเราก็ได้ชมการแสดงสดของสองคนนี้ที่ห้องครัวของอืซเลมและวอลคั่นนั่นเอง โชคดีของเราจริง ๆ
เมื่อพบกันก็ต้องมีวันลา และก็ถึงคราที่เราต้องก้าวออกจากความสะดวกสบาย ไปเผชิญกับสิ่งแปลกใหม่ประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ไม่สามารถหาได้ถ้าเราอยู่กับที่ เพราะฉนั้นอย่านิ่งเฉยกันนะค่ะ ออกไปแสวงหากัน

ตุรกี => จาก Alapli ไป Zonguldak

วันนี้เราคาดว่าจะปั่นไปถึงเมืองซอนกูลดัค (Zonguldak) เพราะ “บูรัค” เพื่อนที่เราเคยไปพักที่บ้านที่อิสตันบูล เขาชวนเราให้ไปเมืองบ้านเกิดของเขา บูรัคอยู่กับยายและเรียนอยู่มหาลัยที่อิสตันบูล พ่อและแม่เลยเดินทางไป ๆ มา ๆ ระหว่างอิสตันบูลกับซอนกูลดัค

เวลาเราพักที่โรงแรมส่วนใหญ่จะรวมอาหารเช้า ซึ่งดูน่ากินไปหมดไม่ว่าจะแยมหรือชี้ส ขนมปังอุ่น ๆ เลยรับประทานเข้าไปเสียเยอะ เลยต้องรอให้มันย่อยนานหน่อย กว่าล้อจะหมุนเกือบ 10 โมง ช่วงแรกทางยังเรียบไปถึงอีกเมืองหนึ่งใกล้ ๆ ชื่อ เอเรียลิ  เรามารู้ทีหลังจากเพื่อนอีกทีว่าเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องสตอร์เบอรี่เพราะปลูกและส่งทั่วตุรกีและยังมีอุตสาหกรรมเหล็ก ตอนเราปั่นผ่านวงเวียน เราเห็นสัญญลักษณ์ตรงกลางเป็นรูปสตอร์เบอรี่ทำด้วยเหล็ก และเพราะเป็นเมืองอุตสาหกรรม ทำให้มีรถบรรทุกมากมาย ตื่นเต้นอีกแล้วกับจราจร แฮ่… แต่พอพ้นจากเขตอุตสาหกรรมและออกนอกเมืองนี่ก็เจอเนินทันที หมอกเริ่มหนาขึ้น เพราะเป็นทางที่ด้านหนึ่งเป็นทะเลดำและอีกด้านเป็นภูเขาทำให้รู้สึกเย็นนิด ๆ แต่พอเริ่มปั่นไต่ขึ้นเรื่อย ๆ ไม่รู้สึกเย็นอีกต่อไป 😉 จากที่เช๊คในเน็ตเห็นว่าทางจะลาดขึ้นประมาณ 5% ระยะทาง 10 กม.กว่า ๆ เอาเรื่องเหมือนกัน ปั่นจนก้นชามือชาไปหมด โจคิมขาไม่แตะพื้นเลย แต่เวชแตะสองครั้ง 😉

เขาที่เราต้องข้ามไปหาอืซเลมและวอลคั่น

เขาที่เราต้องข้ามไปหาอืซเลมและวอลคั่น

ระหว่างทางเห็นเขาวางขายสตอร์เบอรี่หลายร้านเลย ล่อตาล่อใจมาก พอมาถึงจุดสูงสุดของเขาลูกนั้นเลยต้องขอชิมสักหน่อย อืม…ชื่นใจ

ขอชิมหน่อย

ขอชิมหน่อย

ตอนขาลงไม่สามารถปล่อยลงได้เร็วนัก เพราะพื้นถนนขรุขระอยู่ระหว่างซ่อมแซม พอมาถึงจุด ๆ หนึ่ง เห็นรถบรรทุกจอดขวางอยู่มีตำรวจยืนอยู่ที่นั่นและทำสัญญาณให้เราจอด สอบถามนายตำรวจคนนั้น เขาว่าจะมีการระเบิดภูเขาเพื่อทำอุโมงค์ ให้รอประมาณ 15-20 นาที เฮ้อ..นี่ถ้าเรามาก่อนสัก 5 นาทีคงได้ปั่นสบาย ๆ โดยที่ไม่มีรถมากวนใจข้างหลังเรา เพราะอีกสักพักก็มีรถมาจอดข้างหลังเรายาวเป็นกม.ได้มั้ง ตำรวจคนนั้นก็น่ารัก ยืนเป็นเพื่อนเราชวนคุยจนกระทั่งมีเสียงระเบิดเบิ้มดังสะท้อนกับภูเขา ควันโขมงเลย และอีกสักพัก เขาก็ปล่อยให้รถขับผ่านได้ เราอยู่ข้างหน้าสุดเลยคิดว่าให้รถพวกนั้นขับไปก่อน พอไปกันหมดแล้ว เราก็เตรียมตัวที่จะปั่นต่อ แปรากฎว่าล้อหน้าโจคิมแบน!! นี่ถ้ารู้ว่ามันแบนตั้งแต่ต้น คงได้นั่งซ่อมไปด้วยรอเขาระเบิดไปด้วย

รอให้เขาระเบิดและกวาดเอาเศษหินออกจากถนนก่อน

รอให้เขาระเบิดและกวาดเอาเศษหินออกจากถนนก่อน

แบนครั้งที่สองคราวนี้ล้อหน้า ;-)

แบนครั้งที่สองคราวนี้ล้อหน้า 😉

แต่ในที่สุด ซ่อมเสร็จเราก็สามารถปล่อยไหลเข้าเมืองได้ ตอนพักที่อิสตันบูลเราได้พบแม่ของบูรัค “อืซเลม” ที่มาเยี่ยมลูกชายและยาย เราได้ทำความรู้จักกันและสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว เหมือนรู้จักกันมานาน เราเลยตัดสินใจที่จะติดต่อกับอืซเลม เพื่อดูว่าเขาอยู่และสะดวกที่จะรับเราหรือไม่ และเราได้คำตอบว่าอยู่ที่ไหนให้โทรมาเดี๋ยวจะออกไปรับเลย 😉 และนัดเจอกับอืซเลมกับวอลคั่น (สามีของอืซเลม) เพื่อนของพวกเขาเห็นเราตอนอยู่ที่ปั้มนำ้มันเพื่อหาอินเตอร์เนตติดต่ออืซเลม แต่ไม่มีปั้มไหนมี เลยต้องส่ง sms พอเราได้เจอและทักทายกันแล้ว วอลคั่นบอกให้เราเอากระเป๋าและจักรยานขึ้นรถ เพราะบ้านเขาห่างจากตรงนั้นไม่ไกลแต่ต้องปั่นขึ้นเนินที่ชันมาก ๆ และมันชันจริง ๆ ขนาดนั่งอยู่บนรถยังมีความรู้สึกว่า ”ยังไม่ถึงอีกหรือ?” ทั้งโค้งทั้งชัน พอมาถึงบ้านพักเรามองเห็นจุดที่เรานัดเจอกันในเมือง ซึ่งจากข้างล่างมันเป็นห้างฯที่ใหญ่มาก แต่จากระเบียงบ้านอืซเลมและวอลคั่นมันกลายเป็นห้างฯขนาดจิ๋วไปทันที ใช่..ในที่สุดเราก็มาถึงบ้านและรู้สึกได้ถึงการต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นกันเองสุด ๆ

วิวจากระเบียงบ้านและจุดนัดพบไกล ๆ โน่น สูงมาก

วิวจากระเบียงบ้านและจุดนัดพบไกล ๆ โน่น สูงมาก

อืซเลมเตรียมอาหารมื้อเย็นด้วยแกะอบ สลัด และอีกหลาย ๆ อย่่่างที่อร่อยมาก

อาหารฝีมืออืซเลม

อาหารฝีมืออืซเลม

ตุรกี => จาก Karasu ไป Alapli

ไอค๊อกไอแค๊กอีกแล้ว เมื่อวานไม่น่าไปล้างหน้าสระผมที่ปั้มเลย นั่งพักคลายร้อนนานพอสมควรแล้วคิดว่าอุณหภูมิในร่างกายปรับได้แล้ว แต่ไม่เลย เช้านี้มารู้สึกเหมือนจะเป็นหวัด ปวดหัวนิด ๆ เมืองถัดไปตั้งใจว่าจะพักกันสักวันสองวันที่บ้านพ่อแม่ของเพื่อนที่เคยไปพักด้วยที่อิสตันบูล ไป ๆ มา ๆ สนิทกับพ่อแม่ของเขามากกว่า 🙂 หวังว่าระหว่างทางไม่น๊อคไปเสียก่อน เพราะเท่าที่เช๊คกราฟระดับความสูงใน bikeroutetoaster.com (เวบต์นี้เพื่อน ๆ นักปั่นน่าจะลองใช้นะค่ะ) จะเห็นว่าชันคิดว่า 5% ช่วงประมาณ 10 กว่ากม. แล้วจะเข้ามารายงานความคืบหน้าว่ารอดมาได้อย่างไร 😉 สองวันนี้เขาทั้งนั้น ปั่นกันจนปวดหลัง เวลาปั่นเหมือนเราจะใช้กำลังที่ขา แต่บางครั้งลืม เกร็งเกินไป แต่พอตั้งสติได้ก็ใช้ระบบดึงกด ทำให้รู้สึกผ่อนคลายนะค่ะ เหมือนทำสมาธิท่องในใจ ดึงกด ดึงกด น่องไม่ใหญ่ด้วย 🙂

ที่พักตุรกีค่อนข้างแพงนิดหน่อย เวลาเราออกทัวร์ไกล ๆ นาน ๆ แบบนี้ก็ไม่อยากใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย สู้เก็บเงินไว้กินอาหารของเขาดีกว่า ลำบากตรงที่เราอาจจะทำความสะอาดร่างกายได้ไม่สะดวก ที่เราคิด ๆ กันไว้คือ ถ้าเราจะกางเต้นท์ จะแวะเข้าปั้มชำระร่างกายส่วนใหญ่ก่อน และพกน้ำ เราสามารถพกน้ำได้อย่างมาก 10 ลิตร เมื่อคืนรีบทำอาหาร รีบกินและรีบกางเต้นท์ เพราะหนึ่งเริ่มมืด สองโดนยุงรุมกินโต๊ะ ตัวใหญ่มาก กัดทะลุกางเกง ถุงมือ เลยต้องงัดเอาเสื้อแจ๊กเกตออกมาใส่ สวมฮู้ดด้วย เฮ้อ…

จุดกางเต้นท์เมื่อคืน ยุงเยอะและตัวใหญ่มากด้วย

จุดกางเต้นท์เมื่อคืน ยุงเยอะและตัวใหญ่มากด้วย


2 วันมานี่เราซื้อมะเขือเทศ 2 ลูก หัวหอม 1 ลูก = 1.50 TL (เงินตุรกี=ลีล่า) รู้สึกว่ามันแพงหน่อย จุดที่เรากางเต้นท์ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7-8 กม. ถ้าใกล้เมืองเกินไปอาจจะเป็นจุดสนใจ เมื่อวานเราเลยตัดสินใจว่าเก็บเต้นท์แล้วปั่นไปหาอาหารเช้ากินระหว่างทางดีกว่า ประหยัดเวลาด้วย เพราะถ้าเราออกสาย อากาศก็ยิ่งร้อนขึ้น จะลองออกเช้า ๆ แล้วพักกลางวันนานหน่อยน่าจะดีกว่า ปั่นเข้ามาใกล้ ๆ เมืองก็เห็นร้านทำขนมปังมีเตาอบอันเบ้อเริ่ม เราซื้อขนมปัง 1 ก้อนยังอุ่น ๆ อยู่เลย แต่กินแค่ขนมปังคงจะแห้งน่าดู มีอีกร้านใกล้ ๆ กันเป็นร้านขายของชำ เลยซื้อชี้สและถามว่าเขามีกาแฟมั้ย คำตอบ ”มี” ยังอุตส่าห์ถามด้วยนะว่ากาแฟใส่นมหรือน้ำตาลมั้ย พอเราจะจ่ายเงินค่าอาหาร เขากลับคิดแค่ชี้สและน้ำส้ม และขอเลี้ยงกาแฟเรา ประทับใจความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนตุรกีจริง ๆ
คนทำขนมปังและเตาอบของเขา

คนทำขนมปังและเตาอบของเขา

อาหารเช้า

อาหารเช้า


อยู่่ตุรกีนี่เราแวะปั้มเพื่อหลบร้อน ต่างจากตอนที่ปั่นที่ประเทศแรก ๆ ที่ต้องแสวงหาฮีตเตอร์ วันนี้เราแวะปั้ม หยุดที่ปั้มนี้ค่อนข้างนาน เพราะต้องการใช้อินเตอร์เน๊ตอัพโหลดรูปและบล๊อค ก่อนอื่นเราซื้อไอศครีม 2 แท่งแล้วเราก็ผลัดกันใช้คอมฯ อัพเดทบล๊อคของตัวเอง สักพักก็ซื้อสไปรท์ขวด 2 ลิตรเพราะมันเข้ากับที่ใส่ขวดน้ำใบใหญ่ของโจคิม และก่อนจะปั่นต่อก็ซื้อช๊อคโกแลต 2 แท่ง เขาคงไม่ว่าอะไรถ้าเราไม่ซื้อแต่เรารู้สึกเกรงใจเขา

วันนี้ถนนหนทางดีมากทั้งเรียบและราบ เป็นถนนเลียบทะเลดำ มีขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่มากนัก เห็นบ้านตามชนบทหลายหลังติดตั้งโซล่าเซลล์ใช้พลังงานแสงอาทิตย์อุ่นน้ำไว้ใช้ในห้องน้ำห้องครัวเพื่อลดค่าใช้จ่าย เขาว่าค่าไฟที่นี่แพงอยู่เหมือนกัน

แผ่นสะสมพลังงานแสงอาทิตย์.

แผ่นสะสมพลังงานแสงอาทิตย์


วันนี้อากาศค่อนข้างดี น้ำทะเลน่าจะไม่เย็นเท่าไหร่ ไหน ๆ มาถึงทะเลดำแล้วก็เลยลองลงไปลุยน้ำนิดนึง อึ๋ย..เย็นเหมือนกัน จ้างให้ลงไปเล่นก็ไม่เอาหรอก แต่อยากชิมหน่อยว่าเค็มมากน้อยแค่ไหน อืม..เค็มนะแต่ไม่มาก
ลองเอาเท้าจุ่มน้ำในทะเลดำ

ลองเอาเท้าจุ่มน้ำในทะเลดำ


และจักรยานบนชายหาดของทะเลดำ ก่อนหน้านั้นเคยถ่ายกับทะเลบอลติคและทะเลมาร์มาร่า ถัดไปคงได้ถ่ายกับทะเลแคสเปี้ยน
บนชายหาดทะเลดำ

บนชายหาดทะเลดำ


เมืองเลียบทะเลดำส่วนใหญ่จะเป็นเมืองท่องเที่ยว เรานั่งพักกินอาหารเที่ยงกันเป็นขนมปังปิ้งใส่ไส้แฮมกับชี้ส นั่งข้างนอกสามารถมองเห็นทะเลดำ ลมพัดมาเอื่อย ๆ ทำให้ง่วงนอนจริง ๆ ที่จริงเราวางแผนจะแคมปิ้งคืนนี้ด้วย แต่ดูแล้วคงเป็นไปไม่ได้ เพราะฝั่งหนึ่งเป็นทะเล อีกฝั่งหนึ่งเป็นเขาชัน และด้วยเหตุนี้เองตอนเช้าถึงสายจึงมีหมอกลงจัด เย็นนิดหน่อย มีถนนช่วงนี้แหละที่เรียบไปกับทะเลดำ ได้ปั่นชมวิวกันบ้างและเพื่อให้ถนนราบเลียบไปกับทะเลดำ เขาต้องสร้างอุโมงค์ ปั่นในอุโมงค์น่ากลัวนิดหน่อย เพราะหนึ่งเสียงมันกระฮึ่มมากเวลามีรถวิ่งผ่านไป สองมืดมัว สามถ้าเป็นทางโค้งรถจะมองเห็นเราได้ยาก สี่ไม่มีไหล่ทาง เราก็เลยต้องเปิดไฟท้าย อย่างน้อยเตือนคนขับรถหน่อยก็ยังดี วันนี้ปั่นเข้าอุโมงค์ท่าทางจะ 10 แห่งได้มั้ง

พอพ้นออกมาจากอุโมงค์เราก็ปั่นชมวิวกันต่อจนกระทั่งมาถึงเมืองอาลัปลึ (Alapli เมืองนี้สะกดด้วยตัว i ที่ไม่มีจุดข้างบนและออกเสียง i แต่ไม่มีจุดข้างบนนี้เป็นสระอึ) ที่จริงเรามีเวลาพอที่จะปั่นไปเมืองถัดจากอาลัปลึ ซึ่งห่างออกไปอีกประมาณ 10 กม. แต่เราคิดว่าเมืองนี้เล็กกว่าและท่าทางน่าอยู่กว่า และอีกอย่างคือเราไม่อยากเริ่มต้นการเดินทางด้วยการปั่นขึ้นเขาในทันที
ถนนราบเรียบที่ไม่ค่อยเห็นที่ตุรกีนักคือถนนทางไปเมืองอาลัปลี

ถนนราบเรียบที่ไม่ค่อยเห็นที่ตุรกีนักคือถนนทางไปเมืองอาลัปลี


คอกลับมาเจ็บอีกครั้งหนึ่ง เลยตัดสินใจมองหาที่พัก แต่หามีไม่ หันไปเห็นตำรวจยืนคุยกันหน้าสถานี เลยปั่นเข้าไปถาม คุยกันไม่รู้เรื่อง เขาไม่สามารถอธิบายบอกทางให้กับเราได้ ตำรวจสองนายเลยทำสัญญาณให้เราปั่นตามรถตำรวจไป เปิดไฟหวอสีฟ้าด้วยอ่ะ ตื่นเต้นมีรถตำรวจนำ 😉 แต่พ่อเจ้าประคุณขับเสียเร็ว เกือบตามไม่ทัน ถึงตรงทางแยกตำรวจจอดรถและชี้ให้ดูว่าโรงแรมอยู่ตรงไหน เขาขอดูพาสปอร์ตเรา คิดว่าเขาคงอยากเห็นพาสปอร์ตสวีเดนมากกว่ามั้งว่าหน้าตาเป็นงัย

ตำรวจนำทางและขอดูพาสปอร์ต

ตำรวจนำทางและขอดูพาสปอร์ต

พอมาถึงหน้าโรงแรม เห็นสามดาว เตรียมใจไว้ก่อนว่าน่าจะแพง แต่โจคิมคิดว่าเราน่าจะลองต่อราคาดูเพราะเราเริ่มคุยกันกับหนุ่มน้อยคนหนึ่ง (มารู้ทีหลังว่าเป็นลูกเจ้าของโรงแรม) และพนักงานต้อนรับที่ดูเป็นกันเอง ราคาห้องจริง ๆ 90 ลีล่า รวมอาหารเช้า เราพยายามต่อเหลือ 80 แต่ต่อไปต่อมาจนกลายเป็น 90 ลีล่ารวมอาหารเย็นและเช้าเลย

มื้อเย็นที่เราสามารถต่อให้รวมอยู่ในราคาห้อง ;-)

มื้อเย็นที่เราสามารถต่อให้รวมอยู่ในราคาห้อง 😉

ที่จริงเราต่อสนุก ๆ ได้ก็ดี พอต่อได้แล้วถึงได้รู้ว่าเมืองนี้มีโรงแรมที่นี่แห่งเดียวเท่านั้น เอ่อ..ดีนะที่มันไม่แพงมากไปกว่า 90 ลีลา พอเราเอาสัมภาระขึ้นไปบนห้อง เราสามารถเห็นวิวของทะเลดำจากหน้าต่างห้องเราเลย

Black Sea sunset seen from the window in our hotel room

Black Sea sunset seen from the window in our hotel room

ตุรกี Agva => Karasu

หลังจากที่เก็บเต้นท์ เรากลับเข้าสู่เส้นทางไปเมืองต่อไปคือคานดิรา (Kandira) วันนี้เราพยายามตื่นเช้าหน่อย แต่กว่าจะล้อหมุนตะวันสายโด่งอีกอยู่ดี เราคิดไม่ถึงว่าเขาสูง ๆ ต่ำ ๆ จากเมืองนี้อาวา (Agva จี ในภาษาตุรกี ออกเสียงเหมือน ”อ”) เพราะแค่จากจุดกางเต้นท์ที่เราไหลลงมาจากเนินเขา และหลังจากนั้นก็ขึ้น ๆ ลง ๆ จริง ขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่มีทางเรียบตรงไหนเลย มิน่าเขาถึงไม่ค่อยปั่นจักรยานกัน แต่เราได้กำลังใจจากผู้คนทั้งบนท้องถนนและคนขับรถ คนที่นี่เขาอัธยาศัยดีมาก บางครั้งโบกมือไม่ทันแค่ผงกหัวโค้งให้เขาก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มหรือไม่ก็ทักทายเราก่อนเสียอีก อากาศเริ่มร้อนเหมือนเมืองไทย สักประมาณบ่ายโมง เริ่มทรมาน เฮ้อ..หนาวก็บ่นร้อนก็บ่นเนอะ คนเรา 😉 ช่วงนี้เราแวะเข้าปั้ม ไม่ได้ไปขอไออุ่นแต่ขอหลบแดด ที่ตุรกีนี่เขามักจะล๊อคอินเตอร์เนตคือต้องใส่รหัส เราก็ต้องไปถามและบางทีเด็กปั้มไม่รู้บ้างจำรหัสไม่ได้บ้าง ถ้าไม่มีเน๊ตเราก็ไม่อยู่นาน 🙂

ทางคดเคี้ยวไปเรื่อย เส้นทางเล็ก ๆ แต่รถบรรทุกค่อนข้างเยอะ แต่ไม่มากมาคันสองคันแล้วก็หายไปนาน อาจจะเป็นเพราะใกล้ ๆ นั้นเขามีโรงงานผลิตท่อแก๊ซ ใหญ่มาก รถบรรทุกคันหนึ่งสามารถบรรทุกได้อันเดียวเท่านั้น ส่วนใหญ่เราจะได้แรงเชียร์จากพี่รถใหญ่นี่แหละ น่ารักมาก ปั่น ๆ ไปเห็นเต่าค่อย ๆ ต้วมเตี้ยมขึ้นมาจากถนน แถวนั้นรถไม่ค่อยเยอะ แต่เรากลัวว่ามันจะไปไม่ทันฝั่งตรงข้ามก็จะแบนเสียก่อน ก็เลยคิดแทนมันและส่งมันไปอีกฝั่งหนึ่ง แต่ดู ๆ แล้วอีกฝั่งหนึ่งไม่เห็นมีน้ำเหมือนฝั่งตรงข้ามที่มันข้ามมา เลยส่งมันกลับไปที่เดิม สาธุ !!! ขอให้มันไปได้ตลอดรอดฝั่งด้วยเถิด

สาธุ!!! ขอให้เต่าน้อยปลอดภัยตลอดรอดฝั่งเถิด

สาธุ!!! ขอให้เต่าน้อยปลอดภัยตลอดรอดฝั่งเถิด


พอส่งเจ้าเต่ากลับข้างถนนเสร็จ เราก็กลับไปเล่นรถไฟเหาะต่อ ดีที่ไม่ได้ตีลังกาด้วย บางทีรู้สึกไม่อยากไหลลงเลย เพราะรู้ว่าพอลงสุด ๆ แล้ว มันจะขึ้นทันที แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ บริเวณนี้มีหมู่บ้านอยู่กันถี่ ๆ อ่านจากสายตาเขานะ คิดว่าเขาคงจะทึ่งเรา (เข้าข้างตัวเองไว้ก่อน 😉 เมื่อคืนเรานอนเต้นท์ก็เลยไม่สามารถชาร์ตอะไรได้สักอย่าง ช่วงนี้ที่ปั่นในตุรกี เราแวะปั้มเข้าห้องน้ำ เพราะดื่มน้ำเยอะและชาที่พวกเขาตั้งใจมาเสริฟให้ แต่ถ้าคืนไหนนอนเต้นท์ก็ต้องอาศัยปั้มขอชาร์ตแบตฯด้วย ส่วนใหญ่เราเลือกชาร์ตจีพีเอส เพราะสำคัญกว่าอุปกรณ์อื่น ๆ
มีหนุ่มน้อยมาชงกาแฟให้ดื่มด้วย

มีหนุ่มน้อยมาชงกาแฟให้ดื่มด้วย

กาน้ำชาอยู่ด้านบน ส่วนก๊อกข้างล่างเป็นน้ำเดือด เขาใส่น้ำชาครึ่งหนึ่งลงในแก้วแล้วผสมน้ำร้อนอีกครึ่งหนึ่ง

กาน้ำชาอยู่ด้านบน ส่วนก๊อกข้างล่างเป็นน้ำเดือด เขาใส่น้ำชาครึ่งหนึ่งลงในแก้วแล้วผสมน้ำร้อนอีกครึ่งหนึ่ง

ที่ปั้มนี้ เราเข้าไปถามว่าเขามีกาแฟมั้ย เขาบอกมี พอเราถามว่าเท่าไหร่ คำตอบคือ ”ไม่เป็นไร” ขนาดสั่งเอากาแฟยังไม่ต้องจ่ายเงินเลย ความใจดีของเขาคงไม่มีขีดจำกัดนะเนี่ย เห็นในร้านเขาดูโทรม ๆ เลยคิดว่าห้องน้ำคงจะดูแย่แน่นอน แต่เราจำเป็นต้องเข้า แต่พอเข้าไปกลับดูดีกว่าที่คิดยังกะอยู่คนละปั้มกันเลย ห้องน้ำที่ตุรกีเป็นแบบนั่งยอง ๆ เหมือนบ้านเรา ส่วนใหญ่ห้องน้ำผู้ชายจะเป็นแบบยอง ๆ ห้องน้ำผู้หญิงมีให้เลือกทั้งนั่งโถและยอง ๆ มีครั้งหนึ่งโจคิมเห็นว่าไม่มีผู้หญิงที่ปั้ม เดินเข้าไปใช้ห้องน้ำหญิงเฉยเลย 🙂

ปั่นต่อค่ะปั่นต่อ จอดนานเดี๋ยวเครื่องดับ วันนี้ออกเช้าหน่อยเลยทำระยะทางได้ดีกว่าวันแรก ๆ ที่ออกจากอิสตันบูล พักที่อิสตันบูลนานไปหน่อย กิจวัตรที่เคยทำเป็นประจำเลยเลอะเลือน 😉 คือถ้าเรานอนเต้นท์ส่วนใหญ่เราจะหาซื้ออาหารเช้าเช่น ขนมปัง, โยเกิร์ตและของสดเพื่อทำกินที่เต้นท์ และช่วงกลางวันเรากินได้ไม่มาก กินเยอะก็ง่วงและคงจุกด้วยถ้าไม่ได้พักสักหน่อย

อาหารกลางวันเบา ๆ จานนี้เรียกว่า กืซเลอเม่ Gözelme คือขนมปังแผ่นบาง ๆ ใส่ไส้มันฝรั่งหรือชีส

อาหารกลางวันเบา ๆ จานนี้เรียกว่า กืซเลอเม่ Gözelme คือขนมปังแผ่นบาง ๆ ใส่ไส้มันฝรั่งหรือชีส

อาหารเย็นที่ทำกันเอง สีสรรใช้ได้นะ

อาหารเย็นที่ทำกันเอง สีสรรใช้ได้นะ

พนักงานที่ร้านที่เมืองคานดิร่า ตอนพักเที่ยง คนข้างหลังเขาสนใจจักรยานมาก เดินออกไปดูหลายเที่ยว

พนักงานที่ร้านที่เมืองคานดิร่า ตอนพักเที่ยง คนข้างหลังเขาสนใจจักรยานมาก เดินออกไปดูหลายเที่ยว


หลังจากกินเที่ยงแบบเรียบง่าย พนักงานที่ร้านเข้ามาคุยด้วย สนใจว่าเรากำลังจะไปไหนต่อ พอเราบอกว่าจะปั่นไปกรุงเทพฯ เขาคงทึ่งเราอีกตามเคย 😉 พอออกจากร้านมาตรงจัตุรัสกลางเมืองเขา เห็นว่ามีก๊อกน้ำอยู่ เลยเข้าไปล้างหน้าและขยี้ถุงแขน ถุงมือ หมวก และทำให้มันเปียกแฉะ ๆ เพื่อคลายร้อน ใช้ได้ทีเดียว แต่ความร้อนช่วงกลางวันทำให้มันแห้งเร็วมาก อ้อ..มีอีกกิจกรรมหนึ่งที่ต้องทำที่ปั้มถ้านอนเต้นท์คือพกยาสระผมไปด้วย เข้าปั้มแล้วขอสระผมหน่อยที่ก๊อกน้ำแหละค่ะ

ตุรกี => มุ่งสู่ Sile ต่อไป Agva เลียบทะเลดำ

เมื่อวานได้ซ่อมจักรยานและพักผ่อนด้วยเพราะเวชเริ่มรู้สึกเจ็บคอ ตอนเช้าที่บ้านเดนิซกินยาเลย ธรรมดาจะปล่อยให้มันหายเอง แต่มาเที่ยวเนอะ ต้องรีบหาย หลังจากเช๊คอินที่โรงแรมแล้ว เอากระเป๋าวางไว้ที่ห้อง เราปั่นไปร้านจักรยาน หาอยู่่ตั้งนาน คนเยอะมากด้วยเพราะเขามีแข่งฟุตบอลกัน

แฟนคลับฟุตบอล

แฟนคลับฟุตบอล


พอหาเจอ เวชเข็นจักรยานเข้าไปในร้าน ส่วนโจคิมจอดอยู่หน้าร้าน เพราะในร้านไม่มีที่จอด เขาก็เลยคิดว่าล๊อคแล้วจอดไว้ข้างนอกก็ได้ แต่พอกดล๊อคดังคลิ๊ก ก็นึกขึ้นได้ว่า เฮ้ย..ไม่ได้เอากุญแจมาด้วย ปวดหมองเลย คิดไปคิดมา จะนั่งรถเมล์กลับไปเอากุญแจหรือจะตัดล๊อคทิ้งแล้วซื้อใหม่ ชักขี้เกียจนั่งรถไป ๆ มา ๆ เลยคิดว่าจะตัดล๊อคทิ้งแต่ก่อนที่จะทำอะไร พอดีเจ้าของร้านซึ่งเราเริ่มสนิทกับเขา โทรมาและให้คำแนะนำว่าเอาจักรยานของที่ร้านเขาปั่นกลับไปโรงแรมแล้วพรุ่งนี้ค่อยปั่นมาเปลี่ยน เฮ้อ..โล่งอกไป ล๊อคที่มีอยู่ก็ดีกว่าที่เขามีขาย

โรงแรมที่เราพักค่อนข้างดี มีเซาว์น่า สระว่ายน้ำ ที่ออกกำลังกาย แต่ก็ไม่มีเวลาลงไปใช้ เพราะกว่าจะกลับจากร้านจักรยานก็เย็นมาก เฮ้อ..เสียดาย

เช้าวันรุ่งขึ้นเราออกปั่นไปบนเส้นทางนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว เลยไม่ค่อยสนใจที่จะถ่ายรูปสักเท่าไหร่ อีกอย่างจราจรก็คับคั่ง อากาศเริ่มร้อนเหมือนเมืองไทย วันนี้ขึ้นเขาชันตั้ง 4 ตั้ง เมื่อยดี ประเทศตุรกีมีแต่เขา หาทางเรียบไม่ค่อยได้ ตอนที่เราปั่นขึ้นเขามาก็เห็นทะเลดำอยู่ไกล ๆ ชิเล่เป็นเมืองแรกที่ติดกับทะเลดำ ห่างจากอิสตันบูลประมาณ 70 กม. แล้วแต่ว่าอยู่ส่วนไหนของอิสตันบูลด้วย เพราะเมืองกว้าง 100 กว่ากม. ชิเล่อาจจะเปรียบเทียบกับชะอำหรือบางแสนบ้านเราที่ใกล้กรุงเทพฯ ก็ได้

เราออกสายมากเกือบบ่ายสามปั่นมาถึงชิเล่ก็มืดพอดี ห้องพักแพงเพราะเป็นเมืองตากอากาศของคนตุรกี และใกล้อิสตันบูลด้วยมั้ง แต่ก็ยังพอหาได้ ราคาแพงพอ ๆ กันกับที่โปแลนด์ เราเคยชินกับท่ีโรมาเนียและบัลแกเรียที่ราคาถูกพอใช้ เกือบได้กางเต้นท์ที่ชายหาดแล้ว ปั่นไปเจอวัยรุ่นสองคนพอดี ถามเขาว่ามีเกสเฮาส์อยู่แถวนี้มั้ย เขาบอกมีแต่ต้องขึ้นเขาไป เอ่อ..มันชันอยู่เหมือนกันเน้อ ถ้าปั่นขึ้นมีหวังยกล้อแน่ เลยเข็นกันขึ้นไป วัยรุ่นสองคนนั้นเขาคงสงสารเรา เลยเดินย้อนลงมาช่วยกันดันและเข็น ต่างคนต่างหอบ แถมยังช่วยถามคนแถวนั้นให้ช่วยติดต่อหาเจ้าของเกสเฮาส์ด้วย ใจดีจริง ๆ ที่แรกเต็มแต่เจ้าของพาเดินไปหาอีกที่หนึ่ง ก็ได้ที่นั่น คนที่นี่เขาพูดภาษาเยอรมันกันด้วยนะ ท่าทางคนเยอรมันจะมาเที่ยวกันเยอะ เพราะเห็นทางออกจากเมืองมีคำว่าลาก่อนเป็นภาษาเยอรมันด้วย ทุกทีไม่เคยเห็น

วิวจากห้องพัก เห็นทะเลดำไกล ๆ

วิวจากห้องพัก เห็นทะเลดำไกล ๆ


เราออกไปหาอาหารมื้อเย็นกัน และช้อปสำหรับทำกินตอนเช้า ได้ฝึกภาษา 😉 นิดหน่อย

เช้าวันรุ่งขึ้นเราต้มไข่ในห้องกินกันตอนเช้า เสร็จแล้วก็ออกเดินทางต่อ อากาศตอนเช้าค่อนข้างเย็น แต่พอโดนแดดก็อุ่น ๆ กำลังสบาย เจ้าของห้องพักแนะนำว่าอย่าไปทางเรียบทะเลดำ เพราะทางขึ้นลงเขาเพียบ เวชคิดไปเองว่าอีกทางหนึ่งเรียบละสิ หาใช่ไม่ ก็ขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนกันแต่อาจจะไม่โหดเท่าก็ได้มั้ง เส้นทางนี้สวยมาก ทางขึ้นเขาชัน ชมวิว มีร้านอาหารร้านกาแฟเป็นระยะ ๆ เหมือนเมืองไทยอีกแล้ว นี่ถ้ามีเวลาและงบประมาณแบบไม่อั้นละก็อยากจะแวะไปเสียทุกร้านเลย เพราะทุกที่มีเอกลักษณ์ของเขาเอง

ทางเขาระหว่างชิเล่กับอัควา เขียวชอุ่มอยู่ช่วงหนึ่ง

ทางเขาระหว่างชิเล่กับอัควา เขียวชอุ่มอยู่ช่วงหนึ่ง

ร่มรื่น

ร่มรื่น

มีต้นโอ๊คด้วย

มีต้นโอ๊คด้วย


วันนี้เราคุยกันว่าจะปั่นไม่ไกล กะว่าจะหยุดที่เมืองถัดไปคือ อัควา พอมาถึงอีก 500 เมตรก่อนจะเข้าเมืองเราแวะปั้ม ลองถามหาแผนที่ ที่เราถามทุกปั้มมาตลอดทาง แต่ก็ไม่มีขายและก็ยังไม่มีอีกเช่นเคย เวชลองถามเขาเรื่องกางเต้นท์ที่เมืองนี้ แต่คนขายของเขาไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ พอดีมีีชายหนุ่มนักบิดมอเตอร์ไซค์เข้ามาซื้อเครื่องดื่ม เขาเข้ามาคุยด้วยและอธิบายว่าเราควรจะไปทางไหน ปรากฎว่า ไอ่น้องนี้เคยไปทำงานกับบริษัทยาที่เดนมาร์ก เคยไปเรียนที่อังกฤษ น้องชายยังเรียนอยู่ที่นั่น เราคุยกันอยู่นาน เขาแนะนำเราเรื่องอาหารว่าควรจะสั่งอะไรกินถ้าไปถึงเมืองนั้นเมืองนี้
Berk และครูสอนขี่มอเตอร์ไซค์ที่ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนเที่ยว

Berk และครูสอนขี่มอเตอร์ไซค์ที่ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนเที่ยว

Berk ขี้เล่นมาก เห็นเราตั้งกล้อง เขาก็โดดเข้ามานั่งให้ถ่ายรูป ;-)

Berk ขี้เล่นมาก เห็นเราตั้งกล้อง เขาก็โดดเข้ามานั่งให้ถ่ายรูป 😉

เราคิดว่าน่าจะหาที่พักที่เมืองนี้ได้ (ถูก) ก็เลยชะล่าใจ ปรากฎอยู่ไม่ไหว รู้สึกแพงไปหน่อย เลยปั่นย้อนออกจากเมืองแวะปั้มเดิม เติมน้ำล้างหน้า ซื้ออาหารและเครื่องดื่มและปั่นต่ออีกนิดหน่อยห่างเมืองออกไป หาที่กางเต้นท์แทน เราหาที่ได้ไม่ยาก เพราะเริ่มออกมาชานเมือง ได้กางบนเนินสูง วิวสุดยอด กำลังกางเต้นท์อยู่ เห็นนกกระสาบินกลับรังเป็นฝูงใหญ่ เราอยู่สูงอยู่แล้วเลยรู้สึกว่ามันบินอยู่บนหัวเรานี่เอง
จุดกางเต้นท์ของเรา วิวสวยแบบพาโนรามา

จุดกางเต้นท์ของเรา วิวสวยแบบพาโนรามา

และรังของนกกระสาอยู่ด้านหลังเขาที่เราไปกางเต้นท์

และรังของนกกระสาอยู่ด้านหลังเขาที่เราไปกางเต้นท์

ตุรกี – อิสตันบูล

เราเช๊คอินที่โรงแรมที่เพื่อนชาวตุรกีช่วยจองให้ อยู่ใจกลางเมืองเดินเที่ยวได้สบาย วันแรกเราเดินเล่นไปที่ Galata bridge แหล่งที่เขายืนตกปลากันเป็นแถว ช่วงเช้าที่เราเดินผ่านเขาจะตกปลาตัวเล็ก ๆ แต่พอตกเย็นจะเป็นปลาตัวเรียว ๆ ยาว ๆ

ใส่สูทตกปลา เท่มะ :-)

ใส่สูทตกปลา เท่มะ 🙂

สะพานกาลาต้า ด้านล่างเป็นร้านอาหารยาวทั้งสองด้าน และที่เด่น ๆ คือแซนวิชปลา

สะพานกาลาต้า ด้านล่างเป็นร้านอาหารยาวทั้งสองด้าน และที่เด่น ๆ คือแซนวิชปลา

เราเดินเที่ยวตามถนนซอกซอยตามกระแสคนไป แทบไม่ต้องเดิน เอาว่าลอยตามฝูงชนไปน่าจะดีกว่า บาร์ซาเขาเหมือนสำเพ็งประตูน้ำบ้านเราเลย เข็นกันให้จ้าละหวั่น รถเยอะแยะ ยังดีที่ไม่ค่อยมีมอเตอร์ไซค์มากมายเหมือนบ้านเรา

ภาพฝูงชนใต้สะพานกาลาต้า

ภาพฝูงชนใต้สะพานกาลาต้า

ด้านในสุเหร่าสีนำ้เงิน

เพดานด้านในสุเหร่าสีน้ำเงิน

สุเหร่าสีนำ้เงิน

สุเหร่าสีนำ้เงิน

ด้านนอกสุเหร่าสีนำ้เงิน ดอกไม้เริ่มมีสีสรรมากขึ้น ดูสดชื่น

ด้านนอกสุเหร่าสีนำ้เงิน ดอกไม้เริ่มมีสีสรรมากขึ้น ดูสดชื่น

ด้านในของพิพิธภัณฑ์ Aya Sofya ดูพื้นที่ถูกขัดด้วยรองเท้าของผู้คนทั้งสมัยโน้นและสมัยนี้ ขัดจนมันจนเป็นคลื่นเลย

ด้านในของพิพิธภัณฑ์ Ayasofya ดูพื้นที่ถูกขัดด้วยรองเท้าของผู้คนทั้งสมัยโน้นและสมัยนี้ ขัดจนมันจนเป็นคลื่นเลย

เดิมเคยเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกส์ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์

รถรางสมัยโบราณ ใช้แค่เส้นทางสั้น ๆ บนถนนอิสติคลาล = ถนนอิสระภาพ เป็นถนนที่มีชื่อเสียงของตุรกี ยาวประมาณ 3 กม. สถาปัตยกรรมเก่าแก่สมัยจักรวรรดิออตโตมัน

รถรางสมัยโบราณ ใช้แค่เส้นทางสั้น ๆ บนถนนอิสติคลาล = ถนนอิสระภาพ เป็นถนนที่มีชื่อเสียงของตุรกี ยาวประมาณ 3 กม. สถาปัตยกรรมเก่าแก่สมัยจักรวรรดิออตโตมัน

ร้านขนมของตุรกี Turkish delight อยากจะซื้อทั้งร้าน

ร้านขนมของตุรกี Turkish delight อยากจะซื้อทั้งร้าน

ถั่วมากมายหลายชนิด

ถั่วมากมายหลายชนิด

หอคอยกาลาต้า

หอคอยกาลาต้า

เราอยู่ฝั่งยุโรป 3 วัน ยังรู้สึกเที่ยวไม่ทั่วเลย แต่ไปหาเพื่อนสนุกกว่า เกอค์ฮัน เพื่อนอีกคนหนึ่งมาปั่นนำเราไปนั่งเรือข้ามฝากไปฝั่งเอเชียไปหาเพื่อนอีกคนหนึ่งชื่อบูรัค ได้พบพ่อแม่และยายของเขา เป็นครอบครัวที่น่ารักมาก นั่งคุยกันอย่างมีความสุข เห็นแล้วอิจฉา 🙂 ยายของบูรัคทำอาหารแทบจะตลอดเวลา ตอนเรานั่งกินอาหารเช้า ยายก็เริ่มทำอาหารกลางวัน หลังจากกินข้าวกันเสร็จแล้ว เรานั่งคุยกัน ปรากฎว่าวัฒนธรรมของตุรกีก็มีการเรียกพี่ ป้า น้า อา เหมือนบ้านเราเลยแต่ไม่มีคำว่า “น้อง” เขาเรียกแค่ชื่อ เรื่องกิน มีอาหารหลากหลาย ร้านค้าเปิดถึงดึก ถ้าไปเดินตรงที่มีนักท่องเที่ยวเยอะ ๆ ก็จะออกมาเรียกลูกค้า จราจรคับคั่ง คิดจะถอยจะกลับรถก็ทำกัน ขายอะไรขาย เคยเห็นคนหนึ่งยืนขายน้ำขวดตรงสามแยก สถานการณ์เหล่านี้ทำให้นึกถึงเมืองไทยจริง ๆ

อาหารเย็น ไม่เคยกินซ้ำกันสักวันเลย

อาหารเย็น ไม่เคยกินซ้ำกันสักวันเลย

มื้อเย็นอีกมื้อหนึ่ง ถ้าได้เป็นเพื่อนบ้านกับคุณยายของบูรัค มีหวังได้กลิ้งไปไหนต่อไหนแทนการเดิน

มื้อเย็นอีกมื้อหนึ่ง ถ้าได้เป็นเพื่อนบ้านกับคุณยายของบูรัค มีหวังได้กลิ้งไปไหนต่อไหนแทนการเดิน

ต่อด้วยขนมที่ทำง่ายอร่อย อุดมไปด้วยแคลอรี่เต็มอัตรา

ต่อด้วยขนมที่ทำง่ายอร่อย อุดมไปด้วยแคลอรี่เต็มอัตรา

ไปอยู่บ้านบูรัค เราได้เรียนรู้ทั้งภาษาและชื่อของอาหารรวมทั้งความแตกต่างในการปรุงด้วย หวังว่าจะได้กลับมาเยี่ยมพวกเขาอีก ตอนเย็นบูรัคไปมหาลัย เราออกไปเดินเล่นกับแม่ของบูรัคถนนด้านทะเลมาร์มะรา เป็นทะเลที่เชื่อมระหว่างทะเลดำกับทะเลอีเจียน ซึ่งแยกตุรกีเป็นฝั่งยุโรปกับฝั่งเอเชียSkärmavbild 2013-04-26 kl. 14.16.18

ทะเลมาร์มะรา แดดออกแต่ลมยังเย็น ๆ อยู่

ทะเลมาร์มะรา แดดออกแต่ลมยังเย็น ๆ อยู่

เย็นอีกวันหนึ่งบูรัคขับรถพาเราออกไปนั่งดื่มชาชมวิว จุดขายของเขาส่วนหนึ่งอยู่ท่ีชา แซนวิช และวิวมองข้ามไปฝั่งยุโรป เขาเอาเบาะมาให้รองนั่งและพิงหลังเป็นแถวยาวเลย

นั่งชมวิว ดื่มชาร้อน ๆ

นั่งชมวิว ดื่มชาร้อน ๆ

แล้วก็มาถึงเวลาที่เราต้องเดินทางต่อ พบกันก็ต้องมีวันลาจาก จะกลับมาเยี่ยมอีกแน่นอน

ออกเดินทางต่อ

ออกเดินทางต่อ

อืม..สงสัยว่าเราจะไม่สามารถละทิ้งแสงสีและความซิวิไลซ์ไปง่าย ๆ เพราะปั่นออกจากอิสตันบูลได้ประมาณ 10 กม.กว่า ๆ จักรยานเวชก็เริ่มมีเสียงอีก แต่ไม่ใช่เสียงเดิมนะสิ โจคิมลองโยกขาจานดูก็ปรากฎว่ามันหลวม เราสันนิษฐานว่าน่าจะเป็น เฮ้อ..เรียกไม่ถูกเหมือนกัน น่าจะเป็นกะโหลกจานหรืองัยนี่แหละ

ตอนที่เราเจอปัญหานี้ เริ่มเย็นแล้วสักสี่โมงเย็น เราอยู่ที่ปั้มน้ำมันแต่ที่นั่นไม่มีเน๊ต แต่เขาให้เรายืมไอแพดส่วนตัวส่งข้อความติดต่อเพื่อนทั้งสองคนและเจ้าของร้านจักรยานแต่เราไม่สามารถยึดไอแพดเขานาน ถ้าจะโทรศัพท์ไปหาเขาก็แพงมาก เราเลยพยายามปั่นไปหาปั้มที่มีอินเตอร์เนต แล้วก็ได้เจอผู้หญิงคนหนึ่งเขาช่วยเราคุยกับพนักงาน เวชคุยกับเดนิซ ซึ่งเป็นชื่อของเขา เดนิซว่าเขาเคยเห็นร้านจักรยานแถวบ้านเขา เขาแนะนำให้เราปั่นตามเขาไป ตอนแรกเราไม่ค่อยอยากเพราะกลัวว่าร้านที่เขาพูดถึงคงขายจักรยานแม่บ้านหรือจักรยานเฮลโหลคิตตี้ แล้วที่แย่กว่านั้นคือพอเราไปถึงร้านนั้นปิดและย้ายไปแล้วอีกตังหาก เดนิซขอโทษเรายกใหญ่ที่ไม่ได้รู้ว่าร้านปิดไปแล้ว แต่เขาก็เสนอว่าให้เราไปใช้อินเตอร์เนตบ้านเขา ปั่นไปอีกนิดนึง ตอนนั้นหกโมงเย็นแล้ว เดนิซเสนอให้เราพักบ้านเขาแล้วค่อยคิดการณ์ต่อไป ใจดีมากวันนั้นเขาอยู่บ้านคนเดียว เพราะลูกสาวตัวน้อยอยู่กับพ่อซึ่งแยกทางกัน

หกโมงเย็นแล้วนี่เนอะ ท้องไส้เริ่มหิวโหย เราก็เลยเข้าไปทำอาหารกันทำไปคุยไป เดนิซเริ่มสนใจทั้งทริปและผู้คนที่เราไปอยู่ด้วย เราคุยให้เขาฟังเกี่ยวกับ Warmshowers.org กับ Couchsurfing.org ให้เขาฟังว่าสมาชิกติดต่อกันอย่างไร เขาก็สนใจแต่กลับถามว่า ”แล้วไม่น่ากลัวหรือ” เวชก็ไม่กล้าพูดว่า ”แล้วที่เธอชวนพวกฉันมาพักที่บ้านนี่ไม่กลัวรึงัย??? 😉

ถ่ายภาพที่ระลึกกับเดนิซ

ถ่ายภาพที่ระลึกกับเดนิซ

วันรุ่งขึ้นเดนิซออกไปทำงาน ทิ้งพวกเราไว้ที่บ้านแถมหาของกินเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้อีกด้วย นี่คือความน่ารักชอบช่วยเหลือผู้อื่นของคนตุรกีที่เคยได้ยินได้ฟังได้อ่านมา แสดงว่ามันจริงอย่างที่คนอื่นเคยประสบมาสิเนอะ หลังจากตระเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย ปิดประตูล๊อคบ้านให้เดนิซ เราก็ปั่นกลับเข้าเมืองอีกครั้งหนึ่ง ปั่นตรงไปที่ร้านให้เขาซ่อมอีกที ที่จริงให้เขาล้างและเช๊คละเอียดก่อนหน้านี้แล้ว ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่เห็นปัญหาตรงนี้ ชักสงสัยว่ามันล้างจักรยานให้เราแค่นั้นหรือเปล่าหว่า ฮึ่มมมม…

เราเกรงใจบูรัคและครอบครัวเขาก็เลยต้องขอเกือบจะต้องขอร้อง ขอเขาไปอยู่โรงแรมแทน และวันนี้เอง ฮ่าๆๆ เป็นวันแรกที่ผมสั้น ๆ ของข้าพเจ้าได้บำรุงด้วยครีมนวดผม 🙂 หลังจากที่ส่วนใหญ่จะได้สระด้วยสบู่เหลวหรือดีหน่อยก็แชมพู แถมมีคอตตอนบัดใช้ด้วย เสียดายที่โรงแรมเต็มคืนนี้ ไม่อย่างนั้นจะขออยู่ต่ออีกวัน ชักติดใจและติดความขี้เกียจ

วิวจากห้องอาหารชั้นบนสุด เห็นแล้วนึกถึงบางแสนบ้านเรา :-)

วิวจากห้องอาหารชั้นบนสุด เห็นแล้วนึกถึงบางแสนบ้านเรา 🙂

Gurkovo (Konare) – Elhovo – Kirklareli – Cerkezköy – Istanbul

ในบัลแกเรียหาที่พักค่อนข้างยาก เห็นแต่รีสอร์ตแพง ๆ และถ้าในเมืองหรือหมู่บ้านเล็ก ๆ ก็หาไม่เจอทั้ง ๆ ที่บางทีมีป้ายเขียนบอกว่ามีและครั้งหนึ่งมีคนบอกว่ามีโรงแรม แต่ปั่นไปถึงก็ไม่มี กางเต้นท์ครั้งแรกเราเลือกกันได้ แต่ครั้งที่สองที่นี่สิทุลักทุเลมาก แต่ก็ผ่านมาด้วยดี ตื่นเต้นกับอากาศที่ไม่สามารถเดาได้ว่ามันจะเป็นอย่างไร

ที่บัลแกเรีย

ที่บัลแกเรีย

เราปั่นมาถึงเมือง Elhovo เป็นเมืองที่ใหญ่หน่อย ได้ที่พักที่หนึ่ง เราถึงก็ค่อนข้างเย็นมากแล้ว ได้แค่ออกไปกินมื้อเย็นกันแล้วก็กลับมานอน ตอนเช้าตั้งใจว่าจะออกกันแต่เช้า แต่รู้สึกยังเพลีย ๆ อยู่ก็เลยอยู่ต่ออีกคืนหนึ่ง 😉 เลยได้จัดการล้างโซ่ทำความสะอาดจักรยาน ซักผ้า แล้วก็จัดการเรื่องที่พัก เราลองเมลย์ไปถามสมาชิกคนหนึ่งที่อยู่ห่างจากเขตแดนตุรกีกับบัลแกเรียไป 60 กม. ที่จริงควรจะเขียนไปถามสัก 2-3 วันล่วงหน้าแต่เราไม่สามารถวางแผนได้ละเอียดขนาดนั้น เคยมีครั้งหนึ่งได้คำตอบจากสมาชิกเหมือนกันว่าโอเค แต่เราไปไม่ทันวันที่นัดกันไว้ หรือเราเปลี่ยนเส้นทางกระทันหันก็มี เขาตอบกลับมาแทบจะทันทีว่ายินดีต้อนรับเรา เย้ 🙂

เข้าประเทศตุรกีทางบกนี่ค่อนข้างใช้เวลาเพราะการที่เราเข้ามาจากประเทศที่ยากจนกว่าทำให้ทางการตุรกีต้องตรวจละเอียด มีทั้งตำรวจและศุลกากรของทั้งสองประเทศ เราได้ตราประทับในพาสปอร์ตด้วย

ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีกว่าจะผ่านเข้าประเทศตุรกีได้

ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีกว่าจะผ่านเข้าประเทศตุรกีได้

หลังจากผ่านเข้ามาแล้ว ลมเริ่มพัดแรงเราตั้งหน้าตั้งตาปั่นอย่างเดียว แผนที่ที่เราซื้อนั้นไม่่ค่อยละเอียดเท่าไหร่ ถึงทางแยกเวลาที่ไม่มีป้ายก็ต้องถามกันหน่อย และทุกครั้งที่หยุดถามหรือหยุดดูแผนที่ก็จะมีคนเดินเข้ามาถามหรือมาช่วยและชวนดื่มชา

ถึงบ้านสมาชิกวอร์มเชาเวอร์เราทานมื้อเย็นกัน ได้คุยกับ ”เซลชุ๊ค” สมาชิกที่เราติดต่อไว้เขาแนะนำสถานที่หลายแห่งระหว่างทางก่อนถึงอิสตันบูล ตอนเช้าเขาต้องไปทำงานแต่เช้า เราเลยอยู่คุยกับพ่อแม่เขาที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ดีสำหรับเรา เพราะเราได้เรียนรู้้ภาษาตุรกีจากอาหารและสิ่งของบนโต๊ะ จนกระทั่งตัวเลขและจราจร พ่อแม่ของเซลชุ๊คน่ารักมาก พยายามคุยกับเรา เราใช้กูเกิ้ลช่วยเรื่องภาพ 😉

พ่อแม่ของเซสชุ๊ค

พ่อแม่ของเซสชุ๊ค

จริง ๆ เราตั้งใจใช้เส้นทางเล็ก ๆ เข้าเมืองอิสตันบูล แต่ลมไม่เป็นใจเลยเลี้ยวเข้าเส้นทางใหญ่ ซึ่งไหล่ทางกว้างทำให้เราปั่นสบายหน่อย ถนนช่วงนี้รถเริ่มเยอะขึ้น ทั้งรถบัสรถทัวร์และรถใหญ่สิบล้อ เราปั่นมาถึงทางแยกเข้าเมืองที่เราตั้งใจว่าจะพักแรม แต่เห็นปั้มข้างหน้าซึ่งอยู่ทางที่เราจะไป เราเลยลองดิ่งไปถามเขาขอกางเต้นท์ตรงด้านหลังปั้มนั่น เขาอนุญาติเราเลยได้ชำระล้างตัวนิดหน่อย แถมเสริฟชากาแฟฟรีให้เกือบทั้งคืน และที่ปั้มนี่กูเกิ้ลก็กลับมาทำหน้าที่อีก ผลัดกันพิมพ์กับพนักงาน

มื้อเย็นที่เราต้องนั่งกินข้างนอกคอยมองจักรยานไปด้วย

มื้อเย็นที่เราต้องนั่งกินข้างนอกคอยมองจักรยานไปด้วย

ที่กางเต้นท์ที่ 3 ด้านหลังปั้มน้ำมัน

ที่กางเต้นท์ที่ 3 ด้านหลังปั้มน้ำมัน

เช้าวันรุ่งขึ้นเราออกกันสายนิดหนึ่ง ลมยังไม่มา แต่พอสักบ่ายเริ่มแรงขึ้น เราเลยต้องเปลี่ยนแผนเลี้ยวและปั่นเข้าเมืองทางด้านเลียบทะเลแทน ไกลนิดนึงแต่ได้ลมช่วยน่าจะดีกว่า วันนี้เราปั่นกัน 8 ชม.กว่า ๆ คิดว่าแค่ 110 กม.เข้าอิสตันบูลคงไม่น่ายาก แต่การปั่นเข้าเมืองใหญ่และเมืองนี้ก็ไม่ราบเรียบเหมือนกรุงเทพฯ ทำให้เราเหนื่อยและเครียดกับจราจรเอามาก ๆ แต่เราก็ถึงจนได้

เข้าเมืองอิสตันบูล อีก 2 กม.ก็จะได้พักแล้ว

เข้าเมืองอิสตันบูล อีก 2 กม.ก็จะได้พักแล้ว